........เรื่องเล่าหลังโรงงาน เรื่อง เด็กโรงน้ำแข็ง ตอนที่ ๔ โดย ลุงแผน.........@@

กระทู้สนทนา


                 ตอนเดิมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


..........เด็กโรงน้ำแข็ง   ตอนที่ ๔
        
          สวัสดีครับทุกท่าน พักหายใจได้นิดนึง นี่ยังไม่ มีนา เมษานะ  ถ้าตอนนั้นละก็สนุกกว่านี้อีก แล้วบ้านผมน่ะ มันร้อนเป็นเรื่องปกติ ร้อนจนลืมไปเลยว่าเคยมีสามฤดู หน้าหนาวก็มีนะครับ แต่สองสามวันนั้นห้ามไปไหนเพราะปีนึงจะเย็น ๆ พอให้รู้สึกก็ประมาณสามถึงสี่วัน ใครไม่อยู่ช่วง

นั้นไม่ได้เจอแน่ ดังนั้นคนบ้านผมนี่จะมีแต่คนผิวสีแทน คือ ดำ มาแทนขาว ไปไหนยืนคู่กับเค้านี่เด่นเลยไปทำงานต่อดีกว่าครับ มัวโอ้เอ้เดี๋ยวบ้านช่องไม่ต้อง กลับกัน
            
         สมัยก่อนภาพรถน้ำแข็งที่ชินตาก็จะเป็นรถกระบะเก่า ๆ เก่าก็แล้วกันนะ ไม่รู้ว่ามากกว่าเก่ามันพูดว่ายังไง ก็ประตูด้านคนขับ และด้านผู้โดยสาร  ไม่มีมือจับ ไม่มีกลอน ครับ มีเชือกไนล่อนสีเขียว ๆ ผูกไว้ เวลาจะเข้าจะออกก็ใช้ปีนเอา กระโปรงหน้า กระบะท้าย ก็เหมือนกันใช้

เชือกผูกเอา บางคันหาเชือกไนล่อนไม่ได้ก็ใช้เชือก ฟาง  สีแดงสีขาวอะไรก็ว่าไป พันไปพันมาหลาย ๆ รอบ เชือกฟางนี่มันมีคุณสมบัติพิเศษนะครับ คือพอโดนแดดไปสักพักมันจะกรอบ แล้วก็ยุ่ย คนไหนคอยดูแลรถอยู่เรื่อย ๆ ก็คอยเปลี่ยน แต่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีใครเปลี่ยน ขับกัน

อย่างเดียว พอขับ ขับ ไป ฝาท้ายเปิดเอง โครม  ตกใจทั้งคนขับคนนั่ง ยังไม่พอคนเดินถนนสะดุ้งไปตาม ๆ กัน หันมาบ่นพึมพำพึมพำให้พรกันเป็นแถวคนขับกับเด็กท้ายเห็นเป็นเรื่องตลก หัวเราะกันคิกคักคิกคัก  ขำกันไปยังไม่ทันเท่าไร กระโปรงหน้ารถเปิด ปั้ง ตั้งฉากรับลม ปิดกระจก

หน้ารถมิดเลย ไอ้ที่ขำ ๆ กันอยู่หน้าซีดกันเป็นแถว มองทางก็มองไม่เห็น ตกใจก็ตกใจ พวงมาลัยส่าย แด่ก ๆๆๆๆ กว่าจะประคองรถจอดได้ลุ้นกันทั้งคนขับและคนบนถนน และก็โชคดี ได้รับพรจากคนเฒ่าคนแก่กันอีกรอบ     นั่นเป็นส่วนของรถ   ส่วนของน้ำแข็งก็ใช้ผ้าใบสีเขียว          

สีคล้าย ๆ ผ้าใบที่คลุมรถพ่วง รถสิบล้อน่ะแต่จะบางกว่า และเล็กกว่าพอคลุมรถกระบะได้  ตอนขึ้นน้ำแข็งก็วางผ้าใบเลยไปคลุมกระจกหน้ารถไว้เหลือชายยาวถึงพื้นรถ พอแตะพื้นแล้วก็ดึงเผื่อไปอีกนิดหน่อยให้น้ำแข็งแถวหน้าสุดถุงล่าง ๆ ทับไว้   แล้วก็ยกน้ำแข็งขึ้นเรียงทีละชั้น แล้วแต่

ใครใช้มากใช้น้อย ก็ราว ๆ แปดสิบถุงขึ้นไป มาลองแปดสิบกันก่อน  ก็เรียงแถวหน้าสุดที่จะเป็นส่วนกระบะชนกับ ตัวเก๋ง เอาปากถุงชนกระบะท้ายถุงชี้ไปหลังรถแล้วก็เรียงตามถนัด ซ้ายไปขวา หรือขวาไปซ้าย เหยียบใหม่ ๆถุงตึง ๆ ถ้าเป็นรถทั่ว ๆ ไปนี่จะได้ห้าถุง    แล้วก็เรียงซ้อนกัน

ขึ้นไปสี่ชั้น  แถวแรกก็จะได้น้ำแข็งยี่สิบถุงแล้ว จากนั้นก็เรียงต่อ ๆ กันไปจนถึงส่วนท้ายของกระบะ  ไอ้ที่ตรงกับซุ้มล้อถุงริมซ้ายริมขวาก็จะเอียงนิด ๆ แต่ไม่เป็นปัญหา พอเรียงถึงท้ายกระบะจะได้ทั้งหมดสี่แถว ก็เป็นแปดสิบถุงพอดี เสร็จแล้วก็คลุมผ้าใบโดยดึงจากหน้ารถคลุมมา

ท้ายรถ   ชายล่างด้านหน้านั่นโดนทับไว้แล้วตึงเป๊ะ ไม่ต้องกังวล คอยดูก็แต่ชายข้างนี่แหละ จับยัด ๆ ให้ดี แล้วมัดเชือกโยนข้ามไปมาให้ได้ทั่วทั้งกองน้ำแข็งที่อยู่บนรถ คนที่พิถีพิถันหน่อยก็จะดูรอบ ๆ ดึงเชือกเช็คให้มั่นใจก่อนจะออกรถ แต่ก็นั่นแหละครับท่านผู้ชม ตัวแปรสำคัญนั่นก็คือ

เวลา เพราะน้ำแข็งมีคุณสมบัติพิเศษในตัวเอง คือละลายได้ และละลายได้เรื่อย ๆ  ยิ่งมาเจอแดดร้อนจัด ๆ กลางถนน แล้วผ้าใบก็อมความร้อนช่วยเข้าไปอีกแรงนะ ใครมัวโอ้เอ้อ้อยอิ่งเฉื่อยแฉะไปเรื่อย ๆ ไม่รีบไม่ร้อนเดี๋ยวมีเฮ  ร้านแรก ๆ น้ำแข็งยังไม่ค่อยละลายมาก แก้เชือกเปิดผ้าใบ

ดึงน้ำแข็งออกมาแบกส่งลูกค้าเก็บเงินเสร็จเดินกลับมาที่รถคลุมผ้าใบมัดเชือกออกรถไปร้านต่อไป สองร้านไปแล้ว สามร้านไปแล้วน้ำแข็งก็เริ่มละลายมากขึ้น คนก็เริ่มร้อน พอร้อนก็เริ่มเหนื่อยพอเหนื่อยก็มัดเชือกรีบ ๆ จะได้ไปเร็ว ๆ จะได้เสร็จไวไว ยังไงล่ะที่นี้เชือกก็หย่อน น้ำแข็งก็ยุบ

ลงมาเรื่อย ขับไปขับไป ผ้าใบข้างรถก็เริ่มหย่อนลงหย่อนลง  น้ำแข็งหลวม ก็เลยเอียง แล้วก็ล้ม แต่ไม่ร่วงอกนอกรถ เพราะติดผ้าใบอยู่ ทีนี้รถขับไปก็โยกเยกโยกเยกเลี้ยวซ้ายมั่งเลี้ยวขวามั่ง จากถุงนึงใต้ผ้าใบที่หย่อนอยู่ข้างรถ    ก็เป็นสองถุง จากสองถุงก็เป็นสามถุง เป็นสี่ถุงจากแถว

สอง ก็มีแถวสามล้มมาเพิ่มอีก จากสามถุงก็เป็นหกถุงพอถึงเจ็ดแปดเท่านั้นแหละ แทร่ด เสียงน้ำแข็งถุงแรกร่วงลงพื้นไหลไปตามถนน เพราะ
น้ำแข็งไปรวมกันอยู่ข้างนึง ชายผ้าใบอีกข้างนึงก็เปิด พอถุงนึงร่วงได้ ก็ได้ใจพากันลงมาเป็นพรวน    แทร่ด ๆๆๆๆๆๆๆๆ น้ำแข็งที่ติดอยู่กับผ้าใบ

อยู่ก็เป็นอิสระทีละถุงทีละถุง ก็ แทร่ดๆๆๆๆๆๆๆๆเกลื่อนถนนขาวไปหมด เซ็งกันทั้งคนขับ ทั้งเด็กท้าย     เดินเก็บน้ำแข็งทีละถุง  รถที่ผ่านไปผ่านมาก็จอดให้มั่ง ไม่จอดมั่ง บีบแตรไล่มั่ง  แดดก็ร้อน ตัวก็เปียก ถุงน้ำแข็งเปียกโดนพื้นถนนก็เลอะ พอแบกขึ้นบ่าบ่าก็เลอะ  รำคาญหันมาอุ้ม

เอา เสื้อด้านหน้าเปรอะหมดไม่มีเหลือ น้ำแข็งก็ใช้ไม่ได้ จะไปส่งต่อน้ำแข็งบนรถก็เหลือไม่พอ  ทำไง กลับโรงงานสิครับ โดนแน่ ๆ                  โดนเถ้าแก่เสร็จ ขึ้นน้ำแข็งกลับไปส่งใหม่ แล้วช้าไปสองสามชั่วโมง โดนลูกค้าจวกอีกแล้ว จะเหลือเหรอ
          
         มายุคของ ท่านรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขสุภาพสตรีท่านหนึ่ง ท่านได้ออกกฎหมายให้เปลี่ยนแปลงโรงงานให้มีระเบียบเรียบร้อย สะอาด    และ  ปลอดภัยขึ้นหลายอย่าง   รวมทั้งบังคับให้ใช้ตู้ สแตนเลส บรรทุกน้ำแข็งแทนวางกับพื้นรถแล้วใช้ผ้าใบคลุม  ภายในโรงงานก็

ปรับเปลี่ยนรูปแบบการ ทำงานบางอย่าง อย่างนึงที่ทำให้เฮกันลั่นโรงงานก็คือไม่ต้องขึ้นน้ำแข็งรถใครรถมัน เพราะมีตู้แล้วน้ำแข็งจะไม่ละลายเร็วเท่าเมื่อก่อนก็เลยมีการจัด   กะกลางคืนขึ้นมาขึ้นน้ำแข็งโดยเริ่มตั้งแต่สี่ทุ่ม ถึงเช้าเหลือมั่งสี่ห้าคันเพราะไม่ทัน  เป็นรถใครก็มาขึ้นกันต่อ

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมารถตู้สแตนเลสก็เลยเห็นวิ่งผ่านไปผ่านมาให้เกลื่อน นิยายเรื่องน้ำแข็งกลางถนนก็เลยปิดฉากไปโดยปริยาย  แต่เรื่องอื่น ๆ
ก็ยังคงอยู่คู่โรงน้ำแข็งอย่างไม่เปลี่ยนแปลง จะเปลี่ยนก็เพียงรูปแบบบางอย่างที่แปลกตาไปเท่านั้น  แต่ถึงยังไงก็ตาม น้ำแข็งก็ยังคงละลายอยู่

ไม่เปลี่ยนแปลง ถึงจะละลายช้าลงเพราะมีตู้ก็เหอะแต่ใครวิ่งยาว ๆ แล้วกะกลางคืนขึ้นไว้ตั้งแต่สี่ทุ่มห้าทุ่ม ออกจากโรงงานหกโมงเช้า ถึงลูกค้าร้านท้ายๆ บ่ายโมงบ่ายสอง ยังไงมันก็เหี่ยว คือน้ำแข็งมันละลายหายไปถุงน้ำแข็งมันก็เลยยุบตัวลงก็เลยเรียกติดปากกันว่าถุงหี่ยว เถ้าแก่ก็เลย

แก้ปัญหาด้วยการเพิ่มน้ำแข็งขึ้นไปต่างหากอีกคันละห้าถุง เอาไว้เติมให้ลูกค้าเรียกว่า   น้ำแข็งแถม  นั่นไง  ทางสว่างอันบรรเจิดก็บังเกิดกับคนขับและเด็กท้ายโดยพร้อมเพรียง ใครกันล่ะ ที่จะได้น้ำแข็งนี้ไป   ตาม หลักการแล้ว น้ำแข็งนี้จะต้องให้กับลูกค้าที่ได้น้ำแข็งไม่เต็มถุง แต่พอถึง

หน้าร้านจริง ๆ ร้านไหนบ่นก็จะได้แถม ร้านไหนไม่พูด ไม่ว่า ก็ไม่ได้แถม ทีนี้แถมมั่งไม่แถมมั่งก็เหลือสิ      เหลือแล้วทำไง มีของมีค่าอยู่ในมือ ก็ต้องแปรสภาพสิครับ  อันดับแรกเลย กลุ่มชายโสด และก็ยังหนุ่มวัยกระเตาะ ในโรงงาน จะมองหา ร้านที่มีลูกสาวสวย หรือมีคนสวยอยู่ในร้าน

เมื่อเจอแล้วก็จะสนใจกันแต่ร้านนั้นแหละร้านเหล่านั้นจะได้พิเศษบ่อยมาก สาวเจ้าจะสนใจหรือไม่สนใจไม่รู้ ขอให้มีโอกาสทำคะแนนก็ต้องรีบฉวยโอกาสไว้ ลงน้ำแข็งตามสั่งปกติ เก็บเงินเสร็จแล้ว หนุ่มน้อยก็จะเดินแบกมาอีกถุง บรรจงเทอย่างนุ่มนวลลงในถังให้สาวเจ้าประทับใจให้

มากที่สุดพร้อมทั้งพูดหวานที่สุดเท่าที่ในชีวิตจะเคยพูดมา “  อันนี้พี่แถมจ้ะ ”   สาวเจ้าก็ยิ้มหวาน ไม่รู้ว่ามีใจให้เจ้าหนุ่ม หรือชอบน้ำแข็งที่ได้ทีหลังไม่รู้ สงสัยจะเป็นอันหลังมากกว่า เพราะว่าหลังจากนั้นมา ไปร้านไหน ไม่เคยเจอคนแก่เลย มีแต่สาว ๆ  นั่งกันให้เต็มไปหมด แล้วก็ไม่มี

ขี้เหร่สักคนด้วยนะ  น่าคิด อันนี้กลุ่มขี้หลี  มาดูกลุ่ม แฟมิลี่แมน พวกนี้มีลูกมีเมีย ก็จะมองหาร้านกับข้าวที่คนขายไม่ค่อยเขี้ยวมากนัก แถมนิดแถมหน่อยพอเริ่มรู้ทางกัน       ทีนี้แลกกันไปเลยน้ำแข็งก็คิดตังมั่งแถมมั่ง กับข้าวก็คิดมั่งแถมมั่ง ก็พึงพอใจด้วยกันไปทั้งสองฝ่าย มีอีกกลุ่มนึง

ไม่พูดถึงไม่ได้เลย    กลุ่มนี้กลุ่มใหญ่  พวกมาก มีเกินครึ่งโรงงาน แต่มีปากมีเสียงน้อยที่สุด อ้าว ยังไง ก็พวกขี้เหล้าไงครับ พวกนี้ไปทำงานที่ไหนไม่เกินสามวันเค้าก็ไล่ออก อยู่บ้านตัวเองก็ โดนว่า อยู่บ้านเมียไม่ทำอะไรมัวแต่กินเหล้า เค้าก็ไล่  ก็เลยมากองกันอยู่โรงน้ำแข็งไม่รู้กี่คน

ต่อกี่คน พวกนี้พอเริ่มคุ้นกับร้านค้าที่ขายของชำที่มีเหล้าแบ่งขายเป็นก๊ง ก็จะใช้แถมมาก ๆ หน่อย เจ้าของร้านก็มีน้ำใจจะให้ขนมกินมันก็ไม่เอา มองขวดเหล้าตาปริบ ๆ เจ้าของร้านร้อง ฮ้อ รินให้ไปคนละนิดละหน่อย  พอมาวันหลังรถน้ำแข็งจอดหน้าร้านปั๊บคนขับกับเด็กท้ายยังไม่ลงมา

เลย แกก็เตรียมไว้แล้วสองแก้ว แก้วละสองก๊งพอสองคนเดินมาถึงก็ จ๊วบ กระดกทีเดียวหมดซัดกันตอนเจ็ดโมงกว่า ๆนี่แหละ เสร็จแล้วก็คุยกันง่ายละลงตัวกันไป เจ้าของร้านจ่ายตังน้อยได้น้ำแข็งมาก คนขับกับเด็กท้ายก็เมาจังตังอยู่ครบ  ทำไงได้ล่ะครับ ตุ้งตังก็ไม่ค่อยจะมีมีน้ำแข็งไปแลกนู่นแลกนี่ได้ก็ค่อยยังชั่วหน่อย
        
          
               ( มีต่อครับ )
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่