........เรื่องเล่าหลังโรงงาน เรื่อง เด็กโรงน้ำแข็ง ตอนที่ ๑๐ โดย ลุงแผน.........@@

กระทู้สนทนา



                ตอนเดิมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



......... เด็กโรงน้ำแข็ง  ตอนที่  ๑๐ ( ลาไม่ได้ ก็ หลบ )


...........เป็นที่รู้กันนะครับ ว่างานในโรงน้ำแข็งมันล้นมาถึงหน้าอก ถ้าคนน้อย ๆ นี่ เอ่อแค่คอ ยิ่งเทศกาลยิ่งไปกันใหญ่ ท่วมมิดหัวเลย แล้วคนที่จะมาทำงานตรงนี้ก็หายาก ใครมาสมัครก็ต้องรับไว้ก่อน  นิสัยใจคอค่อยศึกษากันทีหลัง จริง ๆ แล้วที่เข้ามาทำงานนั้นมีเสน่ห์ และน่ารักกันทุกคน    
        
        สังเกตจากวันที่เข้ามาในโรงงานวันแรก รายไหนรายนั้น เข้ามาสมัครงานตอนเช้า ยังไม่ได้ดูห้องพัก กระเป๋ายังไม่ได้ไปไหน วางอยู่หน้าออฟฟิศนั่นแหละ พวกลากขึ้นรถไปแล้ว ถ้าเข้ามาตอนสาย ๆ พวกหน้าหวอดก็มาต้อนไป แล้วแต่จังหวะว่าจะเข้ามาเจอใคร
        
        ส่วนกระเป๋าเสื้อผ้าก็ต้องรอดูตอนเย็น ๆ ว่าจะตามเจ้าของเข้าไปห้องพัก หรือจะพากันกลับบ้าน แต่ที่ผ่านมาจะกลับทางเก่าซะมาก หลังจากผ่านการทดลองงานหลายชั่วโมง ดังนั้น การที่วางข้าวของไว้หน้าออฟฟิศก่อน จึงเป็นการลดขั้นตอน ในการจับเสื้อผ้ายัดกลับคืนไปได้หลายนาที เพราะถ้าเข้าห้องพักไปก่อนที่จะทำงาน เวลาถอนตัวจะเสียเวลามาก แบบนี้พอส่งน้ำแข็งเสร็จ กลับมาปุ๊บ ก้มหน้าก้มตา คว้ากระเป๋า ไม่พูดไม่จากับใคร เดินดุ่ม ๆ ๆ  ออกไปเลย ทำให้เด็กในโรงงานมองตาละห้อยไปตาม ๆ กัน
        
        ดังนั้นคนที่ผ่านการกลั่นกรองเข้ามา จึงต้องมีความพิเศษอยู่ในตัวเอง อย่างน้อยคนละหนึ่งอย่าง และแต่ละอย่างก็เป็นความสามารถเฉพาะตัว ใครก็ลอกเลียนแบบไม่ได้ ก็ถ้าลอกเลียนกันง่าย ๆ มันก็ไม่พิเศษสิ ใช่ไหมครับ  บางครั้งเรื่องเดียวกัน แต่ว่าต่างรูปแบบ อันนี้ก็กินกันไม่ลงเหมือนกัน
        
        เรื่องที่อาศัยไหวพริบ และชั้นเชิง ของเด็กในโรงงานทั่ว ๆ ไปก็คือเรื่อง หลบงาน  มีการส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่น พลิกแพลงกันไปตามสถานการณ์   มีทั้งแผนลวง มีทั้งแผนหลอก แต่บางครั้งก็เล่นกันซื่อ ๆ ตรงไปตรงมา ไม่ซับซ้อน ทำเอาเถ้าแก่เดาทางผิดก็บ่อยไป พอจับได้คนนึง ก็ขยายผลไปได้อีกเป็นโขยง  ต้องหาทางเปลี่ยนไปใช้วิธีใหม่กัน  
        
        ถ้าจะถามว่าแล้วทำไมปล่อยให้ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่จัดการอะไรให้เด็ดขาดลงไป  อย่างแรกเลยก็คือ เราอยู่รวมกันในโรงงาน เห็นหน้ากันทุกวัน ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ ไม่ใช่พี่น้องก็เหมือนพี่น้อง มันจะรุนแรงขนาดไหนก็ไม่ได้ และความผิดเรื่องอู้งาน มันก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรมากมาย อย่างมากก็ช้าไปนิด เหนื่อยขึ้นมาอีกหน่อย ทำให้คนอยู่หน้างานหงุดหงิด ที่ต้องทำไม่ทันกับเวลา เลยแค่เตือนกัน บ่นกัน บ่อย ๆ เข้า ก็หักเงินกันสักครั้ง  
        
        ตอนหักเงินนี่ดูเหมือนจะเจ็บปวดทรมานมาก แต่เอาเข้าจริง พอเงินไม่พอใช้ ก็มาขอเบิกล่วงหน้า ไม่ให้ก็ทำหน้าหงอย ๆ ซึม ๆ  เจ๊ก็ เอ้า ให้ครั้งเดียวนะ แล้วจะทยอยหักทุกเดือน  
        
        พอสิ้นเดือนมา หน้าเศร้าอีกแล้ว เจ๊อย่าเพิ่งหักได้มั้ยเดือนนี้ แม่ป่วย น้องจะเปิดเทอม พ่อจะฉีดยาข้าว เจ๊ก็อ่อนใจ เดือนหน้าก็เดือนหน้า พอให้ไปเสร็จ นู่น ห้าทุ่มเที่ยงคืน ยังเคาะขวดกัน เป๊ง ๆ ๆ ๆ ไม่มีใครนอน เถ้าแก่ต้องมาไล่ต้อนเข้าห้อง เช้ามาหาไม่เจออีกแล้ว ถึงเจอก็คงทำงานไม่ไหว ใต้โต๊ะขวดเป็นกอง  ก็ได้แต่ส่ายหน้าไปตาม ๆ กัน
        
        คนขับนี่ค่อยยังชั่วหน่อย หลบงานง่าย ขึ้นน้ำแข็งเสร็จ ตีปีกกันพับ ๆ ๆ แทบจะบินถลาออกจากโรงงาน พอพ้นเขตมาหน่อยก็ให้เด็กท้ายขับแทน ตัวเองก็นั่งพิงหลับยาว ไม่สนใจโลกไหนหรือใครทั้งสิ้น ถ้าไม่ไปเฉี่ยวชน หรือลงข้างทาง ก็ยังหากินได้อีกหลายหน
        
        บางคนก็เข้าบ้านกันดื้อ ๆ บ้านใครอยู่ใกล้ ๆ ส่วนใหญ่จะไม่ได้พักในโรงงาน ยิ่งมีลูกมีเต้า ถ้ามาอยู่รวมกันมาก ๆ มันลำบาก เลยเทียวไปกลับเอา อาศัยตื่นเช้าหน่อย บิดรถไปให้ทันตีห้า ก็แค่นั้น  
      
        พอวันไหนเครื่องเปิดกลางวัน ศัพท์เฉพาะที่รู้กันในโรงงาน คือ รันเครื่อง จะตรงความหมายจริง ๆ หรือเปล่าอันนี้ไม่รู้นะครับ ถ้าวันไหนน้ำแข็งไม่พอใช้ ในห้องเย็นก็ไม่มี เครื่องที่เคยปิดสิบโมง ก็จะเดินเครื่องไปเรื่อย ๆ จนกว่าน้ำแข็งจะพอ  
        
        คนอยู่ในโรงงานก็ทำกันไป คนขับรอบเช้าส่งเสร็จสิบเอ็ดโมง หรือเที่ยง ก็แวะเข้าบ้านก่อน จะนอนหรือจะซักผ้าซักผ่อน ดูหนังฟังเพลง ก็แล้วแต่จังหวะ นู่น บ่ายสามบ่ายสี่ ถึงจะเข้าโรงงาน เถ้าแก่บ่นก็หัวเราะ แหะ ๆ ไม่เถียงอะไร เดินไปช่วยงานพวก พักนึงก็ถึงเวลาเลิกงาน  
        
        พอเดินตามกันมาใกล้ถึงหน้าห้องพัก พวกที่ทำมาทั้งวันบ่น อุบอิบ ๆ ว่าเหนื่อยจัง เจ้าคนที่แวะบ้าน เพิ่งจะมาถึงตอนใกล้เลิก ยกถุงหิ้วให้ดูในนั้นมีอยู่สามขวด เจ้าพวกนั้นเงียบกริบ วิ่งเข้าห้องหาแก้วหาจานเตรียมตั้งวง พอขวดแรกเกือบหมด ก็หายเหนื่อยพอดี
        
        แล้วก็ตามระเบียบ ตีหนึ่งเถ้าแก่ต้องออกมาไล่เข้าห้อง ยืนเฝ้ากันพักนึง กว่าจะเข้าครบหมดทุกคน น่ากลุ้มใจเหมือนกันนะ เหนื่อยงานแล้วยังจะต้องมาเหนื่อยกับคนอีก เคยห้ามไม่ให้กินกันหลายครั้งเหมือนกัน พอไม่กินข้างใน ก็ไปหากินกันข้างนอก บ้านเพื่อนมั่ง หอพักมั่ง บางทีก็ร้านอาหาร แล้วก็มีเรื่องมีราวกันมาทุกครั้ง โดนด่านจับเป่าแอลกอฮอล์ก็บ่อย ตีสองตีสามเถ้าแก่ต้องมานั่งลุ้น ว่าจะกลับกันมามั้ย ตำรวจจะโทรมามั้ย  
        
        ไปก็ไม่ได้ไปกันแค่คนสองคน แห่กันไปเป็นขบวน เห็นเบอร์แปลก ๆ โทรเข้ามากลางดึกเถ้าแก่นี่เสียวแวบ เพราะถ้าเกมก็เกมยกโขยง วันรุ่งขึ้นโรงงานโล่งแน่  เลยต้องปล่อยให้กินกันในโรงงาน อย่างน้อยยังเห็นหน้ากันอยู่ใกล้ ๆ เบาใจเรื่องอุบัติเหตุไปได้ แต่พอมาตอนเช้าอยู่ไม่ครบนี่สิ หนักคนที่เหลือตามเคย
        
        ลูกไม้หลบงานที่ยังใช้ได้ผลอยู่เป็นคราว ๆ ก็คือ ใส่กุญแจหน้าห้อง แล้วปีนเข้าทางหน้าต่าง ถ้าดูทางหนีทีไล่ดี ๆ ว่าไม่มีใครเห็นละก็ ยาวได้ถึงเย็นนู่นแหละ แต่ต้องบังคับตัวเองให้ตื่นก่อนตั้งวงแถวหน้าห้องให้ได้นะ ไม่งั้นแผนแตกแน่  แต่ก็อีกนั่นแหละ มันก็ต้องรู้กันจนได้ ไม่อย่างนั้นจะเอาอะไรมาเล่าล่ะครับ
        
        ถามว่ายากมั้ยกว่าจะรู้ โธ่ จะไปยากเย็นอะไรละครับ คนเมามาทั้งคืน จะไปคิดอะไรสลับซับซ้อนกะเค้าได้ ตัวเองก็ว่าดูดีแล้ว มองซ้ายมองขวา ไม่มีใคร คล้องกุญแจประตูหน้าล็อกเสร็จ โดดเข้าทางหน้าต่างปุ๊บ เปิดพัดลมนอนแผ่ สบาย
        
        กำลังเคลิ้ม ๆ  พัดลมหยุดหมุนสิครับ ตอนแรกความเย็นยังพอมีเหลืออยู่  ก็นอนเฉย แต่ห้องที่ปิดประตูหน้าต่างหมด แล้วหลังคาสังกะสีตอนกลางวันนี่นะ มันระอุอย่าบอกใครเชียว
        
        สักพักลุกนั่ง เหงื่อเต็มตัว ลองขยับปลั๊กก็แล้ว เปิดปิดสวิทช์ดู ก็ไม่หมุน เอาไงดี ง่วงก็ง่วง ล้มตัวลงนอน พลิกไปพลิกมา ไม่ไหว มันร้อนขึ้นเรื่อย ๆ  หันซ้ายหันขวา แง้ม ๆ หน้าต่างเป็นช่องหน่อยนึง คงไม่มีใครเห็นมั้ง  
        
        เดิน โซซัด โซเซ ไปที่หน้าต่าง ยกกลอนขึ้นปุ๊บ มีคนดึงเปิดให้เรียบร้อย เสียง เฮ ๆๆๆๆๆ ลั่น เถ้าแก่ยืนยิ้มพร้อมทั้งกวักมือเรียกให้ออกไป พวกในโรงงานยืนหัวเราะอยู่สี่ห้าคน นึกไม่ออก รู้กันได้ไง ก็ว่ามองซ้ายมองขวาดีแล้ว
        
        งัวเงีย ๆ ปีนหน้าต่างออกมา อ้าว รองเท้าถอดวางไว้เรียบร้อย อีตอนปีนขึ้นไปนึกแต่เรื่องกลัวคนเห็น ลืมถือรองเท้าเข้าห้องไปด้วย ถึงว่า รู้กันทั้งโรงงาน แล้วเรียกดี ๆ ก็ไม่ว่า เล่นตัดไฟกันซะได้  ก็ต้องยอมทนไปทำงานต่อ เพราะไม่ได้เตรียมแผนสำรองไว้  มึนหัวก็พอแรงอยู่แล้ว โดนเจ๊จวกไปอีกพักใหญ่ ไหนจะพวกรุมสวดอีก ยันเลิกงาน ก็แผนแตก หมดทางหลบไปทางนึงแล้ว ต้องหาวิธีกันใหม่อีก เฮ้อ เพื่อนนะเพื่อน

( มีต่อครับ )
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่