[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Maxim de Winter at Manderley บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/37530955
Maxim de Winter at Manderley บทที่ 2
https://ppantip.com/topic/37532252
Maxim de Winter at Manderley บทที่ 3
https://ppantip.com/topic/37533240
Maxim de Winter at Manderley บทที่ 4
https://ppantip.com/topic/37534191
Maxim de Winter at Manderley บทที่ 5
https://ppantip.com/topic/37537614
Maxim de Winter at Manderley บทที่ 6
https://ppantip.com/topic/37540586
Maxim de Winter at Manderley บทที่ 7
https://ppantip.com/topic/37547736
Maxim de Winter at Manderley บทที่ 8
https://ppantip.com/topic/37548356
Maxim de Winter at Manderley บทที่ 9
วิษณุตั้งใจนัดยิหวามาเจอกันอีกครั้ง พอยิหวาเดินมานั่งข้าง ๆ เขา หล่อนก็เริ่มต่อว่าเขาพัลวัน
“แกจะนัดฉันมาทำไมอีก ว่างนักเหรอไง”
วิษณุยิ้มแบบเจื่อน ๆ “ก็ว่างอยู่ แต่ฉันอดคิดไม่ได้ว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่”
ยิหวาโมโหมาก “ได้เงินไปแล้วก็ให้มันจบ ๆ กันไป ยังจะมาควันหลงอะไรกันอีก”
“เทียบกับเงินที่เราได้รับและก็เงื่อนงำต่าง ๆ ที่เราพอจะรู้ แกว่ามันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ”
ยิหวาเริ่มทนไม่ไหว “แกนี่มัน ได้เงินไปแล้วก็ให้มันแล้วไปสิ จะมาขุดคุ้ยหาสวรรค์วิมานอะไร”
วิษณุเอียงคอเข้ามาใกล้ “แล้วถ้างานนี้มีใครตายล่ะ เราสองคนจะทำยังไง”
ประโยคสั้น ๆ แค่นั้น ทำให้ยิหวาถึงกับหน้าถอดสี
หลังจากหล่อนนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ วิษณุจึงใช้แขนกระทุ้งไปที่แขนของหล่อน
“เงียบไปเลยเหรอแม่คนเก่ง”
ยิหวาหันหน้ามามองวิษณุ “เงียบไปเลยนะแก ฉันพยายามจะลืมทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่ฉันจะลืมทุกอย่างแล้วเอาเงินไปใช้อย่างไม่ต้องกังวลอะไร เมื่อซองนี้ถึงมือผู้ว่าจ้าง ทุกอย่างก็จบ”
“นั่นซองอะไร” วิษณุถามด้วยความสงสัย
ยิหวาตอบแบบเสียมิได้ “ก็ทุกอย่างของแม่นั่นไง”
“ขอฉันดูหน่อย” วิษณุพูดพร้อมกับยื่นมือออกไป
ยิหวาไม่แน่ใจว่าควรจะให้ซองนั้นกับวิษณุหรือไม่
“ไม่เห็นเป็นไรเลย แกดูได้ ทำไมฉันจะดูไม่ได้”
พอเห็นวิษณุพูดถึงขนาดนั้น ยิหวาจึงจำใจให้ซองนั้นไป “รีบ ๆ ดูก็แล้วกัน ฉันมีเวลาน้อย”
พอได้ซองนั้นมา วิษณุก็เทเอกสารทุกอย่างออกมาแล้วค่อย ๆ ดูอย่างพิถีพิถัน
“หล่อนเป็นกำพร้าแต่เด็กเลยนะ”
เขาค่อย ๆ อ่านเอกสารแต่ละชิ้นอย่างใจเย็น
“น่าสงสารนะ แพทย์ลงความเห็นว่าหล่อนเป็นโรคประสาทตั้งแต่ยังเด็ก”
พอเขาเจอใบแสดงผลการเรียนของหล่อนในแต่ละระดับชั้น เขาถึงอุทานว่า
“ทำไมคนเป็นโรคประสาทถึงเรียนดีขนาดนี้”
“ข้อนี้ฉันก็สงสัยเหมือนกันนะ” ยิหวาอดให้ความเห็นไม่ได้”
วิษณุอุทานหนักขึ้น “นี่ไง ข้อมูลนี้บอกว่าหล่อนยืมหนังสือนิยายเรื่องรีเบคกาจากห้องสมุดมาหลายครั้งมาก”
“ทำไมถึงไม่ซื้อนะ” ยิหวาสงสัย
“ตอนนี้อาจจะไม่มีขาย” วิษณุให้ความเห็น
“โห ยืมทั้งภาษาไทยและอังกฤษเลย คนเป็นโรคประสาททำไมถึงอ่านนิยายภาษาอังกฤษได้”
พอเห็นรูปของหล่อนแบบชัด ๆ วิษณุถึงกับอุทานตามประสาผู้ชาย “หล่อนสวยขนาดนี้เลยเหรอ”
“ฉันว่าธรรมดานะ ไม่ได้สวยเกินไปกว่าฉันหรอก”
วิษณุไม่สนใจกับคำเยินยอตัวเองของยิหวาแม้แต่น้อย
ยิหวาเริ่มอารมณ์เสียหนักขึ้น “ลืมแม่นี่ซะเถอะ แล้วเอาเงินไปใช้หนี้ได้แล้ว”
แต่วิษณุเองยังมีข้อสงสัย “เป็นโรคประสาท ทำไมเขาถึงยอมให้หล่อนเรียนมหาลัยล่ะ”
“ก็เขาไม่รู้น่ะสิ”
วิษณุหยิบรูปของหล่อนมามองดูใกล้ ๆ ยิหวาอดที่จะพูดแซวไม่ได้
“หล่อนสวยขนาดจะต้องเอารูปมาจ้องซะขนาดนี้เลยเหรอ”
วิษณุไม่ได้ตอบอะไร เขาเพ่งมองรูปนั้นอีกครั้งก่อนจะรำพึงออกมาว่า
“ฉันแน่ใจนะว่าฉันเคยเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้มาก่อน แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน”
โปรดติดตามตอนต่อไป
Maxim de Winter at Manderley บทที่ 9
วิษณุตั้งใจนัดยิหวามาเจอกันอีกครั้ง พอยิหวาเดินมานั่งข้าง ๆ เขา หล่อนก็เริ่มต่อว่าเขาพัลวัน
“แกจะนัดฉันมาทำไมอีก ว่างนักเหรอไง”
วิษณุยิ้มแบบเจื่อน ๆ “ก็ว่างอยู่ แต่ฉันอดคิดไม่ได้ว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่”
ยิหวาโมโหมาก “ได้เงินไปแล้วก็ให้มันจบ ๆ กันไป ยังจะมาควันหลงอะไรกันอีก”
“เทียบกับเงินที่เราได้รับและก็เงื่อนงำต่าง ๆ ที่เราพอจะรู้ แกว่ามันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ”
ยิหวาเริ่มทนไม่ไหว “แกนี่มัน ได้เงินไปแล้วก็ให้มันแล้วไปสิ จะมาขุดคุ้ยหาสวรรค์วิมานอะไร”
วิษณุเอียงคอเข้ามาใกล้ “แล้วถ้างานนี้มีใครตายล่ะ เราสองคนจะทำยังไง”
ประโยคสั้น ๆ แค่นั้น ทำให้ยิหวาถึงกับหน้าถอดสี
หลังจากหล่อนนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ วิษณุจึงใช้แขนกระทุ้งไปที่แขนของหล่อน
“เงียบไปเลยเหรอแม่คนเก่ง”
ยิหวาหันหน้ามามองวิษณุ “เงียบไปเลยนะแก ฉันพยายามจะลืมทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่ฉันจะลืมทุกอย่างแล้วเอาเงินไปใช้อย่างไม่ต้องกังวลอะไร เมื่อซองนี้ถึงมือผู้ว่าจ้าง ทุกอย่างก็จบ”
“นั่นซองอะไร” วิษณุถามด้วยความสงสัย
ยิหวาตอบแบบเสียมิได้ “ก็ทุกอย่างของแม่นั่นไง”
“ขอฉันดูหน่อย” วิษณุพูดพร้อมกับยื่นมือออกไป
ยิหวาไม่แน่ใจว่าควรจะให้ซองนั้นกับวิษณุหรือไม่
“ไม่เห็นเป็นไรเลย แกดูได้ ทำไมฉันจะดูไม่ได้”
พอเห็นวิษณุพูดถึงขนาดนั้น ยิหวาจึงจำใจให้ซองนั้นไป “รีบ ๆ ดูก็แล้วกัน ฉันมีเวลาน้อย”
พอได้ซองนั้นมา วิษณุก็เทเอกสารทุกอย่างออกมาแล้วค่อย ๆ ดูอย่างพิถีพิถัน
“หล่อนเป็นกำพร้าแต่เด็กเลยนะ”
เขาค่อย ๆ อ่านเอกสารแต่ละชิ้นอย่างใจเย็น
“น่าสงสารนะ แพทย์ลงความเห็นว่าหล่อนเป็นโรคประสาทตั้งแต่ยังเด็ก”
พอเขาเจอใบแสดงผลการเรียนของหล่อนในแต่ละระดับชั้น เขาถึงอุทานว่า
“ทำไมคนเป็นโรคประสาทถึงเรียนดีขนาดนี้”
“ข้อนี้ฉันก็สงสัยเหมือนกันนะ” ยิหวาอดให้ความเห็นไม่ได้”
วิษณุอุทานหนักขึ้น “นี่ไง ข้อมูลนี้บอกว่าหล่อนยืมหนังสือนิยายเรื่องรีเบคกาจากห้องสมุดมาหลายครั้งมาก”
“ทำไมถึงไม่ซื้อนะ” ยิหวาสงสัย
“ตอนนี้อาจจะไม่มีขาย” วิษณุให้ความเห็น
“โห ยืมทั้งภาษาไทยและอังกฤษเลย คนเป็นโรคประสาททำไมถึงอ่านนิยายภาษาอังกฤษได้”
พอเห็นรูปของหล่อนแบบชัด ๆ วิษณุถึงกับอุทานตามประสาผู้ชาย “หล่อนสวยขนาดนี้เลยเหรอ”
“ฉันว่าธรรมดานะ ไม่ได้สวยเกินไปกว่าฉันหรอก”
วิษณุไม่สนใจกับคำเยินยอตัวเองของยิหวาแม้แต่น้อย
ยิหวาเริ่มอารมณ์เสียหนักขึ้น “ลืมแม่นี่ซะเถอะ แล้วเอาเงินไปใช้หนี้ได้แล้ว”
แต่วิษณุเองยังมีข้อสงสัย “เป็นโรคประสาท ทำไมเขาถึงยอมให้หล่อนเรียนมหาลัยล่ะ”
“ก็เขาไม่รู้น่ะสิ”
วิษณุหยิบรูปของหล่อนมามองดูใกล้ ๆ ยิหวาอดที่จะพูดแซวไม่ได้
“หล่อนสวยขนาดจะต้องเอารูปมาจ้องซะขนาดนี้เลยเหรอ”
วิษณุไม่ได้ตอบอะไร เขาเพ่งมองรูปนั้นอีกครั้งก่อนจะรำพึงออกมาว่า
“ฉันแน่ใจนะว่าฉันเคยเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้มาก่อน แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน”
โปรดติดตามตอนต่อไป