“ไม่รังเกียจหรอกครับ แต่มันรกมากเลยนะ”
หล่อนยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันโอเค”
ชายหนุ่มเดินนำหล่อนไปยังห้องของเขาที่อยู่ชั้นล่าง แต่ออกจะต้องเดินวนไปด้านหลังหน่อยนึง หล่อนรู้สึกว่าบ้านนี้ออกแบบได้แปลกประหลาดมาก เพดานสูง มีห้องมาก แถมยังมีทางเดินที่ซับซ้อน แต่ของตกแต่งมีไม่มาก ไม่ค่อยจะมีของมีค่าสักเท่าไหร่ ถ้าบ้านหลังนี้เป็นของคุณแม็กจริง คุณแม็กคนนี้ต้องเป็นคนที่ค่อนข้างประหลาดมาก
พอเดินมาถึงหน้าห้องของตัวเอง ชายหนุ่มยังหันมาถามหล่อนอีกครั้ง
“ห้องผมรกมากนะ คุณจะทนได้เหรอ”
หล่อนทำหน้าขึงขัง “เปิดประตูได้แล้วค่ะ”
ชายหนุ่มยิ้มแบบแห้ง ๆ ก่อนจะเปิดประตูห้องให้หล่อนเข้าไป
“เชิญครับคุณผู้หญิง”
หล่อนเดินเข้าไปแล้วพบว่าห้องนี้ก็เพดานสูงและก็รกมากสมกับเป็นห้องชายโสด ตอนนั้นหล่อนเห็นแต่ฝั่งซ้ายของห้องเพราะฝั่งขวาเป็นส่วนของห้องน้ำ ห้องฝั่งซ้ายไม่ค่อยมีพิรุธเท่าไหร่ ดูเหมือนเขาอาศัยอยู่มาค่อนข้างนานเหมือนกัน ดูไม่เหมือนห้องที่เพิ่งถูกเซ็ตขึ้นมา แต่พอหล่อนเดินลึกเข้าไปจนมองเห็นเตียงนอนที่อยู่ฝั่งขวา หล่อนตกใจมากแต่ระงับอารมณ์ไว้ได้ สิ่งที่หล่อนเห็นคือมีเด็กผู้หญิงสองคนนั่งหันหลังอยู่บนเตียง หล่อนพยายามรวบรวมสติเพื่อที่จะถามอะไรบางอย่างกับชายหนุ่ม
“ทุกคืนคุณนอนบนเตียงรึเปล่าคะ”
“เปล่าครับ ผมเอาที่นอนมาปูบนพื้นแล้วก็นอนบนพื้น ผมรู้สึกว่าเวลานอนเตียงมักจะมีอะไรแปลก ๆ แต่ผมอาจคิดไปเองก็ได้”
นั่นน่ะสิ ที่เตียงถึงไม่มีผ้าปูที่นอน หล่อนคิดอยู่ในใจ ตอนนั้นเด็กผู้หญิงสองคนนั้นค่อย ๆ หมุนคอมาเรื่อย ๆ จนหล่อนเห็นหน้าของทั้งสองชัดเจน แต่ลำตัวยังนั่งหันหลังเหมือนเดิม หล่อนรู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว
“เราไปจากที่นี่กันเถอะ”
หล่อนเดินนำเขาออกมาจากห้องและพยายามจะเดินไปยังห้องของหล่อนเลย ชายหนุ่มเดินตามไปติด ๆ
“เดี๋ยวผมไปส่งที่ห้องนะครับ”
หล่อนไม่ทันฟังเสียงเขา หล่อนรีบเดินจนถึงห้องของตัวเองที่ชั้นสาม ก่อนหล่อนจะปิดประตูห้อง ชายหนุ่มบอกกับหล่อนว่า “พรุ่งนี้ประมาณเก้าโมง ผมจะมาเรียกไปกินอาหารเช้านะครับ”
“ขอบคุณค่ะ” หล่อนตอบเขาก่อนจะปิดประตูห้อง
พออยู่คนเดียว เรื่องแรกที่หล่อนนึกถึงคือเด็กผู้หญิงสองคนนั้น พวกเธออาจเป็นลูกของผู้หญิงที่ห้อยหัวลงมาก็ได้ คนที่มาขวางหน้ารถหล่อนอาจเป็นพ่อ แต่แน่นอนว่ายังไม่สามารถสรุปได้ว่าสิ่งที่เห็นเป็นวิญญาณหรือภาพหลอน รวมทั้งตัวของชายหนุ่มและป้าด้วย ทางการแพทย์อาจยังค้นไม่พบว่าบางคนสามารถเห็นภาพหลอนได้หลายรูปแบบมาก แต่ใครกันแน่จะเป็นผู้สรุปว่าประสาทหลอนแต่ละครั้งคืออะไร อะไรเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ เรื่องนี้สร้างความลำบากใจให้หล่อนมานานและอาจสร้างความลำบากใจให้หล่อนอย่างต่อเนื่อง
คืนนี้หล่อนคิดว่าหล่อนน่าจะหลับอย่างเป็นสุข พรุ่งนี้พอตื่นขึ้นมา หล่อนภาวนาให้คนมาเคาะประตูเรียกเป็นเขา ไม่ใช่ป้า หล่อนคิดว่าเขาเป็นชายหนุ่มอัธยาศัยดี หล่อนอยากจะเชื่อทุกอย่างที่เขาพูด เขาอาจเป็นภาพหลอนก็ได้หรืออาจเป็นพวกเดียวกับป้าที่สมคบคิดกันมาล่อลวงหล่อน ตอนนี้หล่อนยังไม่อยากหนีไปไหน หล่อนยังอยากเจอ Maxim de Winter at Manderley หรือที่เขาเรียกว่าคุณแม็ก ถ้าคุณแม็กคนนี้มีตัวตนจริง เหตุการณ์ต่าง ๆ ก็คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตมากนัก หล่อนคิดเรื่องพวกนี้วนไปวนมาจนเผลอหลับไป
พอตื่นขึ้นมาหล่อนก็ทำกิจธุระส่วนตัวแล้วก็นั่งอ่านหนังสือรอเวลาที่เขาจะมาเรียก แน่นอนว่านิยายที่หล่อนอ่านตอนนี้ก็คือเรื่องรีเบคกา หล่อนอ่านเป็นรอบที่เท่าไหร่หล่อนเองก็จำไม่ได้ แต่ไม่น่าต่ำกว่า 10 รอบ ยิ่งอ่านก็ยิ่งชอบ หล่อนรู้สึกว่านิยายเรื่องนี้มันมีทั้งความโรแมนติกและความหลอน มันมีแรงดึงดูดบางอย่างทั้งที่หล่อนรู้ตัวและไม่รู้ตัว หล่อนรู้แต่ว่าหล่อนชอบมันมากและอ่านไม่เคยเบื่อเลย เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น หล่อนเดินไปเปิดและรู้สึกดีมากเมื่อเห็นเขา
“อาหารเช้าเสร็จแล้วครับ”
หล่อนยิ้มให้เขา ตอนเดินไประหว่างทาง หล่อนกับเขาก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อย ไม่ค่อยมีอะไรสำคัญมากนัก เขาให้หล่อนนั่งที่เดิมในห้องอาหาร เขาเองไปนั่งอีกมุมหนึ่ง
“ทำไมไม่ทานอาหารด้วยกันที่นี้เลยล่ะ”
เขายิ้มอย่างคนอารมณ์ดี
“อย่าเลยครับ คุณแม็กน่าจะไม่ชอบ”
หล่อนเพิ่งนึกคำถามที่อยากถามเขาออก แต่มักจะลืมแทบทุกครั้ง ครั้งนี้จึงต้องชิงถามก่อน
“ตกลงคุณทำหน้าที่อะไรให้คุณแม็กคะ”
เขาอมยิ้มก่อนจะตอบ “ก็หลายอย่างครับ อาจเรียกได้ว่าผมก็ทำหน้าที่เป็นเลขาเขาเหมือนกัน แต่เลขาผู้ชายอย่างผมก็จะต่างจากเลขผู้หญิงอย่างคุณนะครับ แต่จะต่างกันยังไงก็คงต้องให้คุณแม็กบอกคุณเอง”
“คุณทำงานให้คุณแม็กมานานแล้วเหรอคะ”
เขาทำหน้าพยายามคิด “อืม ก็น่าจะประมาณ 4 – 5 ปีแล้วครับ”
“คุณกับฉันน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน”
“ผม 25 ครับ”
“ฉันก็ 25 เหมือนกันค่ะ แล้วคุณแม็กละคะ อายุประมาณเท่าไหร่”
ชายหนุ่มหยุดคิดก่อนจะตอบว่า “น่าจะประมาณ 27 ครับ น่าจะแก่กว่าเราประมาณสองปี”
หล่อนอดสงสัยไม่ได้ “โห ถ้าเป็นอย่างนั้น เงินทองและทรัพย์สมบัติมากมายนี่มาจากไหนคะ”
“เป็นมรดกตกทอดครับ ตอนนี้พ่อแม่ของคุณแม็กเสียทั้งสองท่านแล้ว”
หล่อนชะงักนิดหนึ่งก่อนจะตอบว่า “เหมือนฉันเลย พ่อแม่ของฉันก็เสียชีวิตแล้วทั้งสองท่าน ท่านเครื่องบินตกค่ะ”
ชายหนุ่มเริ่มหน้าเศร้า “แต่ผมเองกำพร้าครับ ไม่เคยรู้เลยว่าพ่อแม่ตัวเองเป็นใคร คุณพ่อคุณแม่ของคุณแม็กเก็บผมมาเลี้ยงครับ ผมกับคุณแม็กจึงสนิทกันมากในฐานะของทายาทของตระกูลกับคนอาศัย แต่เราสนิทกันเหมือนเป็นพี่เป็นน้องกันครับ คุณแม็กเคยอยากให้ผมเรียกว่าพี่แม็ก แต่ผมไม่กล้า ขอเรียกคุณแม็กแบบนี้ดีกว่า”
หล่อนรู้สึกดีกับเขามากขึ้น ถึงเขาจะเป็นภาพหลอน แต่หล่อนก็รู้สึกดีมาก รู้สึกดีมากกว่าการคุยกับคนที่มีตัวตนจริง ๆ บางคนเสียอีก
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จแล้วหล่อนรู้สึกว่ามีเสียงดังมาจากหน้าบ้าน
“คนที่มาทำความสะอาดครับ เอ ผมเคยบอกคุณแล้วเนอะว่าจะมีคนมาทำความสะอาดบ้านอาทิตย์ละ 2-3 ครั้งแล้วแต่เราจะตกลงกัน คุณแม็กอยากให้เป็นแบบนั้น ดีกว่าจะจ้างคนใช้จำนวนมาก นอกจากจะสิ้นเปลืองแล้วยังไว้ใจไม่ได้อีกด้วย”
หล่อนหยุดคิดนิดนึงก่อนจะพูดอะไรบางอย่าง
“เช้านี้ คุณเปิดห้องทุกห้องในบ้านหลังนี้ให้ฉันชมได้ไหมคะ ฉันอยากแน่ใจว่านอกจากคุณกับฉัน ในบ้านหลังนี้ไม่มีใครอีกแล้ว”
โปรดติดตามตอนต่อไป
Maxim de Winter at Manderley บทที่ 7
หล่อนยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันโอเค”
ชายหนุ่มเดินนำหล่อนไปยังห้องของเขาที่อยู่ชั้นล่าง แต่ออกจะต้องเดินวนไปด้านหลังหน่อยนึง หล่อนรู้สึกว่าบ้านนี้ออกแบบได้แปลกประหลาดมาก เพดานสูง มีห้องมาก แถมยังมีทางเดินที่ซับซ้อน แต่ของตกแต่งมีไม่มาก ไม่ค่อยจะมีของมีค่าสักเท่าไหร่ ถ้าบ้านหลังนี้เป็นของคุณแม็กจริง คุณแม็กคนนี้ต้องเป็นคนที่ค่อนข้างประหลาดมาก
พอเดินมาถึงหน้าห้องของตัวเอง ชายหนุ่มยังหันมาถามหล่อนอีกครั้ง
“ห้องผมรกมากนะ คุณจะทนได้เหรอ”
หล่อนทำหน้าขึงขัง “เปิดประตูได้แล้วค่ะ”
ชายหนุ่มยิ้มแบบแห้ง ๆ ก่อนจะเปิดประตูห้องให้หล่อนเข้าไป
“เชิญครับคุณผู้หญิง”
หล่อนเดินเข้าไปแล้วพบว่าห้องนี้ก็เพดานสูงและก็รกมากสมกับเป็นห้องชายโสด ตอนนั้นหล่อนเห็นแต่ฝั่งซ้ายของห้องเพราะฝั่งขวาเป็นส่วนของห้องน้ำ ห้องฝั่งซ้ายไม่ค่อยมีพิรุธเท่าไหร่ ดูเหมือนเขาอาศัยอยู่มาค่อนข้างนานเหมือนกัน ดูไม่เหมือนห้องที่เพิ่งถูกเซ็ตขึ้นมา แต่พอหล่อนเดินลึกเข้าไปจนมองเห็นเตียงนอนที่อยู่ฝั่งขวา หล่อนตกใจมากแต่ระงับอารมณ์ไว้ได้ สิ่งที่หล่อนเห็นคือมีเด็กผู้หญิงสองคนนั่งหันหลังอยู่บนเตียง หล่อนพยายามรวบรวมสติเพื่อที่จะถามอะไรบางอย่างกับชายหนุ่ม
“ทุกคืนคุณนอนบนเตียงรึเปล่าคะ”
“เปล่าครับ ผมเอาที่นอนมาปูบนพื้นแล้วก็นอนบนพื้น ผมรู้สึกว่าเวลานอนเตียงมักจะมีอะไรแปลก ๆ แต่ผมอาจคิดไปเองก็ได้”
นั่นน่ะสิ ที่เตียงถึงไม่มีผ้าปูที่นอน หล่อนคิดอยู่ในใจ ตอนนั้นเด็กผู้หญิงสองคนนั้นค่อย ๆ หมุนคอมาเรื่อย ๆ จนหล่อนเห็นหน้าของทั้งสองชัดเจน แต่ลำตัวยังนั่งหันหลังเหมือนเดิม หล่อนรู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว
“เราไปจากที่นี่กันเถอะ”
หล่อนเดินนำเขาออกมาจากห้องและพยายามจะเดินไปยังห้องของหล่อนเลย ชายหนุ่มเดินตามไปติด ๆ
“เดี๋ยวผมไปส่งที่ห้องนะครับ”
หล่อนไม่ทันฟังเสียงเขา หล่อนรีบเดินจนถึงห้องของตัวเองที่ชั้นสาม ก่อนหล่อนจะปิดประตูห้อง ชายหนุ่มบอกกับหล่อนว่า “พรุ่งนี้ประมาณเก้าโมง ผมจะมาเรียกไปกินอาหารเช้านะครับ”
“ขอบคุณค่ะ” หล่อนตอบเขาก่อนจะปิดประตูห้อง
พออยู่คนเดียว เรื่องแรกที่หล่อนนึกถึงคือเด็กผู้หญิงสองคนนั้น พวกเธออาจเป็นลูกของผู้หญิงที่ห้อยหัวลงมาก็ได้ คนที่มาขวางหน้ารถหล่อนอาจเป็นพ่อ แต่แน่นอนว่ายังไม่สามารถสรุปได้ว่าสิ่งที่เห็นเป็นวิญญาณหรือภาพหลอน รวมทั้งตัวของชายหนุ่มและป้าด้วย ทางการแพทย์อาจยังค้นไม่พบว่าบางคนสามารถเห็นภาพหลอนได้หลายรูปแบบมาก แต่ใครกันแน่จะเป็นผู้สรุปว่าประสาทหลอนแต่ละครั้งคืออะไร อะไรเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ เรื่องนี้สร้างความลำบากใจให้หล่อนมานานและอาจสร้างความลำบากใจให้หล่อนอย่างต่อเนื่อง
คืนนี้หล่อนคิดว่าหล่อนน่าจะหลับอย่างเป็นสุข พรุ่งนี้พอตื่นขึ้นมา หล่อนภาวนาให้คนมาเคาะประตูเรียกเป็นเขา ไม่ใช่ป้า หล่อนคิดว่าเขาเป็นชายหนุ่มอัธยาศัยดี หล่อนอยากจะเชื่อทุกอย่างที่เขาพูด เขาอาจเป็นภาพหลอนก็ได้หรืออาจเป็นพวกเดียวกับป้าที่สมคบคิดกันมาล่อลวงหล่อน ตอนนี้หล่อนยังไม่อยากหนีไปไหน หล่อนยังอยากเจอ Maxim de Winter at Manderley หรือที่เขาเรียกว่าคุณแม็ก ถ้าคุณแม็กคนนี้มีตัวตนจริง เหตุการณ์ต่าง ๆ ก็คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตมากนัก หล่อนคิดเรื่องพวกนี้วนไปวนมาจนเผลอหลับไป
พอตื่นขึ้นมาหล่อนก็ทำกิจธุระส่วนตัวแล้วก็นั่งอ่านหนังสือรอเวลาที่เขาจะมาเรียก แน่นอนว่านิยายที่หล่อนอ่านตอนนี้ก็คือเรื่องรีเบคกา หล่อนอ่านเป็นรอบที่เท่าไหร่หล่อนเองก็จำไม่ได้ แต่ไม่น่าต่ำกว่า 10 รอบ ยิ่งอ่านก็ยิ่งชอบ หล่อนรู้สึกว่านิยายเรื่องนี้มันมีทั้งความโรแมนติกและความหลอน มันมีแรงดึงดูดบางอย่างทั้งที่หล่อนรู้ตัวและไม่รู้ตัว หล่อนรู้แต่ว่าหล่อนชอบมันมากและอ่านไม่เคยเบื่อเลย เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น หล่อนเดินไปเปิดและรู้สึกดีมากเมื่อเห็นเขา
“อาหารเช้าเสร็จแล้วครับ”
หล่อนยิ้มให้เขา ตอนเดินไประหว่างทาง หล่อนกับเขาก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อย ไม่ค่อยมีอะไรสำคัญมากนัก เขาให้หล่อนนั่งที่เดิมในห้องอาหาร เขาเองไปนั่งอีกมุมหนึ่ง
“ทำไมไม่ทานอาหารด้วยกันที่นี้เลยล่ะ”
เขายิ้มอย่างคนอารมณ์ดี
“อย่าเลยครับ คุณแม็กน่าจะไม่ชอบ”
หล่อนเพิ่งนึกคำถามที่อยากถามเขาออก แต่มักจะลืมแทบทุกครั้ง ครั้งนี้จึงต้องชิงถามก่อน
“ตกลงคุณทำหน้าที่อะไรให้คุณแม็กคะ”
เขาอมยิ้มก่อนจะตอบ “ก็หลายอย่างครับ อาจเรียกได้ว่าผมก็ทำหน้าที่เป็นเลขาเขาเหมือนกัน แต่เลขาผู้ชายอย่างผมก็จะต่างจากเลขผู้หญิงอย่างคุณนะครับ แต่จะต่างกันยังไงก็คงต้องให้คุณแม็กบอกคุณเอง”
“คุณทำงานให้คุณแม็กมานานแล้วเหรอคะ”
เขาทำหน้าพยายามคิด “อืม ก็น่าจะประมาณ 4 – 5 ปีแล้วครับ”
“คุณกับฉันน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน”
“ผม 25 ครับ”
“ฉันก็ 25 เหมือนกันค่ะ แล้วคุณแม็กละคะ อายุประมาณเท่าไหร่”
ชายหนุ่มหยุดคิดก่อนจะตอบว่า “น่าจะประมาณ 27 ครับ น่าจะแก่กว่าเราประมาณสองปี”
หล่อนอดสงสัยไม่ได้ “โห ถ้าเป็นอย่างนั้น เงินทองและทรัพย์สมบัติมากมายนี่มาจากไหนคะ”
“เป็นมรดกตกทอดครับ ตอนนี้พ่อแม่ของคุณแม็กเสียทั้งสองท่านแล้ว”
หล่อนชะงักนิดหนึ่งก่อนจะตอบว่า “เหมือนฉันเลย พ่อแม่ของฉันก็เสียชีวิตแล้วทั้งสองท่าน ท่านเครื่องบินตกค่ะ”
ชายหนุ่มเริ่มหน้าเศร้า “แต่ผมเองกำพร้าครับ ไม่เคยรู้เลยว่าพ่อแม่ตัวเองเป็นใคร คุณพ่อคุณแม่ของคุณแม็กเก็บผมมาเลี้ยงครับ ผมกับคุณแม็กจึงสนิทกันมากในฐานะของทายาทของตระกูลกับคนอาศัย แต่เราสนิทกันเหมือนเป็นพี่เป็นน้องกันครับ คุณแม็กเคยอยากให้ผมเรียกว่าพี่แม็ก แต่ผมไม่กล้า ขอเรียกคุณแม็กแบบนี้ดีกว่า”
หล่อนรู้สึกดีกับเขามากขึ้น ถึงเขาจะเป็นภาพหลอน แต่หล่อนก็รู้สึกดีมาก รู้สึกดีมากกว่าการคุยกับคนที่มีตัวตนจริง ๆ บางคนเสียอีก
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จแล้วหล่อนรู้สึกว่ามีเสียงดังมาจากหน้าบ้าน
“คนที่มาทำความสะอาดครับ เอ ผมเคยบอกคุณแล้วเนอะว่าจะมีคนมาทำความสะอาดบ้านอาทิตย์ละ 2-3 ครั้งแล้วแต่เราจะตกลงกัน คุณแม็กอยากให้เป็นแบบนั้น ดีกว่าจะจ้างคนใช้จำนวนมาก นอกจากจะสิ้นเปลืองแล้วยังไว้ใจไม่ได้อีกด้วย”
หล่อนหยุดคิดนิดนึงก่อนจะพูดอะไรบางอย่าง
“เช้านี้ คุณเปิดห้องทุกห้องในบ้านหลังนี้ให้ฉันชมได้ไหมคะ ฉันอยากแน่ใจว่านอกจากคุณกับฉัน ในบ้านหลังนี้ไม่มีใครอีกแล้ว”
โปรดติดตามตอนต่อไป