[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Maxim de Winter at Manderley บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/37530955
Maxim de Winter at Manderley บทที่ 2
https://ppantip.com/topic/37532252
Maxim de Winter at Manderley บทที่ 3
https://ppantip.com/topic/37533240
Maxim de Winter at Manderley บทที่ 4
https://ppantip.com/topic/37534191
Maxim de Winter at Manderley บทที่ 5
https://ppantip.com/topic/37537614
Maxim de Winter at Manderley บทที่ 6
https://ppantip.com/topic/37540586
Maxim de Winter at Manderley บทที่ 7
https://ppantip.com/topic/37547736
Maxim de Winter at Manderley บทที่ 8
https://ppantip.com/topic/37548356
Maxim de Winter at Manderley บทที่ 9
https://ppantip.com/topic/37573389
Maxim de Winter at Manderley บทที่ 10
ระหว่างเต้นรำกับเขา ภาพในอดีตย้อนกลับเข้ามาในหัวของหล่อน หล่อนเคยแอบรักรุ่นพี่แถวบ้าน เขาเองก็มีใจให้หล่อน แต่พอประวัติการรักษาของหล่อนรั่วไหล เพื่อนต่างก็พากันล้อเลียนหล่อน
“อีโรคจิต”
“นังประสาท”
“อีบ้า”
“อีวิปลาส”
แต่นั่นยังไม่ทรมานใจเท่ากับการที่รุ่นพี่คนนั้นเย็นชากับหล่อน นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้หล่อนเจ็บปวดมาจนถึงทุกวันนี้ ทำให้หล่อนเริ่มเก็บตัว ไม่อยากสุงสิงกับใคร จนสุดท้ายหล่อนตัดสินใจฆ่าตัวตาย หล่อนคิดไว้แล้วว่าหล่อนจะต้องหาคลองแห่งหนึ่งเพื่อที่จะกระโดดน้ำตาย พอหาจนเจอ หล่อนก็เลือกวันที่จะฆ่าตัวเอง หล่อนค้นพบว่าการฆ่าตัวตายก็ไม่ใช่สิ่งที่ง่ายเลย ถึงแม้หล่อนจะไม่อยากมีชีวิตอยู่มากแค่ไหน ก็ไม่ได้ทำให้การฆ่าตัวตายมันง่ายขึ้น หล่อนต้องทำใจอยู่นาน เมื่อหล่อนคิดว่าถึงเวลาที่จะต้องโดดลงไปในคลองแล้ว หล่อนก็เห็นภาพผู้หญิงคนหนึ่งลอยขึ้นมาจากคลอง
หล่อนรู้ในทันทีว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนเพราะเธอลอยอยู่ในอากาศ ตอนแรกหล่อนคิดว่าเธอคือภาพหลอน แต่เมื่อจ้องไปในตาของหญิงสาวคนนั้นนาน ๆ หล่อนก็รู้ว่าเธอคนนั้นไม่ใช่ภาพหลอน ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะสื่อสารกับหล่อน แต่เธอพูดไม่ได้ แต่ถึงจะพูดไม่ได้ หล่อนก็รู้สึกว่าหล่อนสามารถสื่อสารกับผู้หญิงคนนั้นได้ มันคือการสื่อสารด้วยจิต เมื่อรับรู้ความรู้สึกของผู้หญิงคนนั้น หล่อนก็เลิกคิดที่จะฆ่าตัวตาย เพียงแต่หล่อนยังคงเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร หลังจากนั้นหล่อนไม่รู้สึกกลัววิญญาณหรือภูตผีเลย สิ่งที่หล่อนกลัวมากที่สุดก็คือมนุษย์ด้วยกัน
หล่อนเคยสงสัยว่าหลังจากนี้หล่อนจะรักใครได้อีก เมื่อรู้จักมนุษย์มากขึ้น หล่อนก็รับรู้ว่ามนุษย์เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด น่ากลัวมากกว่าสิ่งมีชีวิตใด ๆ หลังจากนั้นหล่อนก็ปิดกั้นตัวเองมาตลอด หล่อนหลงลืมความเป็นจริงไปชั่วขณะและปลดปล่อยวิญญาณของตัวเองลงไปในนิยาย และแล้วหล่อนก็พบกับนิยายที่ถูกใจหล่อน นิยายเรื่องนั้นคือรีเบคกา หล่อนรู้สึกว่ารีเบคกากับหล่อนอยู่กันคลละขั้ว รีเบคกาเป็นเหมือนผีที่ยังมีชีวิต แต่หล่อนเหมือนกับมนุษย์ที่ไร้ชีวิต สิ่งที่ทำให้หล่อนและรีเบคกาเป็นอย่างนั้นได้คือคนรอบข้าง หนังสืออีกเล่มที่หล่อนชอบรองลงมาคือคำพิพากษา มันเป็นนิยายที่จริงยิ่งกว่าจริง เมื่อคนอื่นพิพากษาเราไปแล้ว เราก็ไม่ต่างอะไรจากภูตผี เหมือนเราถูกจองจำอยู่ในดินแดนที่คนทั่วไปเรียกว่าโลก แต่พอลืมตามองดูมันจริง ๆ มันก็ไม่ต่างอะไรไปจากนรก
หล่อนเซล้มจนเขาต้องเอามือมารองหลังไว้
“ผมว่าคุณเหนื่อยเกินไปแล้ว เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณที่ห้องอาหารนะครับ คุณไปพักที่นั่นก่อนดีกว่า”
หล่อนรู้สึกว่าตัวเองเหมือนถูกสาป แต่ก็รู้สึกดีมากที่มีเขาอยู่ใกล้ ๆ แต่ ... เขาเป็นใครกันแน่
เขาพาหล่อนมาถึงห้องอาหาร
“นั่งพักแปปนึงนะครับ เดี๋ยวผมไปหาน้ำมาให้”
ระหว่างที่รอ พอหล่อนเงยหน้าขึ้น หล่อนก็เห็นผู้หญิงคนที่ห้อยหัวนั่งอยู่อีกฝั่งนึง ทางขวาของหล่อนคือผู้ชายหุ่นล่ำที่หล่อนคิดว่าคล้ายคนที่มาขวางรถของหล่อน ส่วนทางซ้ายเป็นเด็กผู้หญิงสองคน พวกเขาทั้งสี่น่าจะเป็นครอบครัวเดียวกัน หล่อนรู้สึกอิจฉาพวกเขา ขนาดตายเป็นผีแล้วก็ยังสามารถที่จะอยู่เคียงข้างกันได้ แล้วหล่อนล่ะ หล่อนคือ ... ซากศพที่ยังหายใจได้นั่นเอง
“น้ำครับ” ชายหนุ่มเอาน้ำมาให้หล่อน เขาเอาเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ หล่อน
“คุณรู้สึกดีขึ้นหรือยัง”
หล่อนไม่ได้ตอบอะไรเขา หล่อนยังคงจ้องภูตสาวตนนั้น ภูตสาวตนนั้นยิ้มให้กับหล่อน หล่อนไม่รู้หรอกว่ามันหมายความว่าอย่างไร เขาพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณเป็นอะไรไป”
หล่อนหันมาหาเขา “ฉันเวียนหัวนิดหน่อยค่ะ เดี๋ยวคงดีขึ้น”
“ปวดหัวไหมครับ เดี๋ยวผมไปหายามาให้นะ” เขาถามด้วยความห่วงใย
“ไม่เป็นไรค่ะ ปล่อยฉันไว้ที่นี่เถอะ สักพักคงรู้สึกดีขึ้น”
เขารู้สึกเป็นห่วงหล่อนมาก “งั้นผมขอตัวไปทำอาหารเย็นให้คุณนะครับ คุณนั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ”
“ค่ะ” หล่อนตอบสั้น ๆ โดยไม่มีความหมายอะไร
ในความเป็นจริง หล่อนรู้สึกดีต่อเขามาก เพียงแต่หล่อนไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้ว เขาคือใคร ตกลงหล่อนมาทำอะไรที่นี่ ตกลงงานที่หล่อนอยากทำมันคืองานอะไรกันแน่หรือมันเป็นเกมของใครที่นำหล่อนมาที่นี่ หล่อนไม่น่าหลงใหลกับนามแฝงบ้า ๆ นั่น ... Maxim de Winter at Manderley ... นามแฝงประหลาด ถ้าไม่ใช่คนโง่อย่างหล่อน ก็คงไม่เดินเข้ามาหากับดัก หล่อนงงมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น ใครกันช่างกล้าลงทุนถึงขนาดนี้ และเขา ... เขาคือคนที่อยู่ในขบวนการด้วยหรือ เขาผู้น่ารัก อบอุ่นและอ่อนโยนคนนั้น
หล่อนฟุบไปกับโต๊ะ พอเงยหน้าขึ้น หล่อนพบว่าเด็กผู้หญิงสองคนนั้นนั่งเงียบอยู่ข้างหน้าหล่อน ทางขวาใกล้กับหน้าหล่อนคือชายร่างล่ำคนนั้น ส่วนทางซ้ายใกล้ ๆ หล่อนคือหญิงห้อยหัวคนนั้น หล่อนสังเกตได้ว่าบริเวณนั้นอุ่นขึ้นและภาพของทั้งสี่คนแจ่มชัดมากขึ้น ผีผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะต้องการสื่อสารกับหล่อน เพียงแต่เธอพูดไม่ได้
สักพักชายหนุ่มเดินเข้ามาพร้อมถาดอาหาร
“มาแล้วครับ” วิญญาณทั้งสี่ก็หายวับไปกับตา
“กินอาหารเย็นกันเถอะครับ คุณจะได้รู้สึกดีขึ้น”
วันนี้เขาตัดสินใจมากินอาหารกับหล่อน ทำให้หล่อนรู้สึกดีขึ้นมาก มันทำให้หล่อนรู้สึกว่าหล่อนมี “ใครสักคน” เขาบอกว่าเขามีความลับจะบอกกับหล่อน มันอาจทำให้หล่อนรู้สึกดีขึ้น
“พรุ่งนี้คุณแม็กจะมาสัมภาษณ์คุณที่นี่นะครับ”
โปรดติดตามตอนต่อไป
ใครสักคน - ใหม่ เจริญปุระ【OFFICIAL MV】
Maxim de Winter at Manderley บทที่ 10
ระหว่างเต้นรำกับเขา ภาพในอดีตย้อนกลับเข้ามาในหัวของหล่อน หล่อนเคยแอบรักรุ่นพี่แถวบ้าน เขาเองก็มีใจให้หล่อน แต่พอประวัติการรักษาของหล่อนรั่วไหล เพื่อนต่างก็พากันล้อเลียนหล่อน
“อีโรคจิต”
“นังประสาท”
“อีบ้า”
“อีวิปลาส”
แต่นั่นยังไม่ทรมานใจเท่ากับการที่รุ่นพี่คนนั้นเย็นชากับหล่อน นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้หล่อนเจ็บปวดมาจนถึงทุกวันนี้ ทำให้หล่อนเริ่มเก็บตัว ไม่อยากสุงสิงกับใคร จนสุดท้ายหล่อนตัดสินใจฆ่าตัวตาย หล่อนคิดไว้แล้วว่าหล่อนจะต้องหาคลองแห่งหนึ่งเพื่อที่จะกระโดดน้ำตาย พอหาจนเจอ หล่อนก็เลือกวันที่จะฆ่าตัวเอง หล่อนค้นพบว่าการฆ่าตัวตายก็ไม่ใช่สิ่งที่ง่ายเลย ถึงแม้หล่อนจะไม่อยากมีชีวิตอยู่มากแค่ไหน ก็ไม่ได้ทำให้การฆ่าตัวตายมันง่ายขึ้น หล่อนต้องทำใจอยู่นาน เมื่อหล่อนคิดว่าถึงเวลาที่จะต้องโดดลงไปในคลองแล้ว หล่อนก็เห็นภาพผู้หญิงคนหนึ่งลอยขึ้นมาจากคลอง
หล่อนรู้ในทันทีว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนเพราะเธอลอยอยู่ในอากาศ ตอนแรกหล่อนคิดว่าเธอคือภาพหลอน แต่เมื่อจ้องไปในตาของหญิงสาวคนนั้นนาน ๆ หล่อนก็รู้ว่าเธอคนนั้นไม่ใช่ภาพหลอน ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะสื่อสารกับหล่อน แต่เธอพูดไม่ได้ แต่ถึงจะพูดไม่ได้ หล่อนก็รู้สึกว่าหล่อนสามารถสื่อสารกับผู้หญิงคนนั้นได้ มันคือการสื่อสารด้วยจิต เมื่อรับรู้ความรู้สึกของผู้หญิงคนนั้น หล่อนก็เลิกคิดที่จะฆ่าตัวตาย เพียงแต่หล่อนยังคงเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร หลังจากนั้นหล่อนไม่รู้สึกกลัววิญญาณหรือภูตผีเลย สิ่งที่หล่อนกลัวมากที่สุดก็คือมนุษย์ด้วยกัน
หล่อนเคยสงสัยว่าหลังจากนี้หล่อนจะรักใครได้อีก เมื่อรู้จักมนุษย์มากขึ้น หล่อนก็รับรู้ว่ามนุษย์เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด น่ากลัวมากกว่าสิ่งมีชีวิตใด ๆ หลังจากนั้นหล่อนก็ปิดกั้นตัวเองมาตลอด หล่อนหลงลืมความเป็นจริงไปชั่วขณะและปลดปล่อยวิญญาณของตัวเองลงไปในนิยาย และแล้วหล่อนก็พบกับนิยายที่ถูกใจหล่อน นิยายเรื่องนั้นคือรีเบคกา หล่อนรู้สึกว่ารีเบคกากับหล่อนอยู่กันคลละขั้ว รีเบคกาเป็นเหมือนผีที่ยังมีชีวิต แต่หล่อนเหมือนกับมนุษย์ที่ไร้ชีวิต สิ่งที่ทำให้หล่อนและรีเบคกาเป็นอย่างนั้นได้คือคนรอบข้าง หนังสืออีกเล่มที่หล่อนชอบรองลงมาคือคำพิพากษา มันเป็นนิยายที่จริงยิ่งกว่าจริง เมื่อคนอื่นพิพากษาเราไปแล้ว เราก็ไม่ต่างอะไรจากภูตผี เหมือนเราถูกจองจำอยู่ในดินแดนที่คนทั่วไปเรียกว่าโลก แต่พอลืมตามองดูมันจริง ๆ มันก็ไม่ต่างอะไรไปจากนรก
หล่อนเซล้มจนเขาต้องเอามือมารองหลังไว้
“ผมว่าคุณเหนื่อยเกินไปแล้ว เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณที่ห้องอาหารนะครับ คุณไปพักที่นั่นก่อนดีกว่า”
หล่อนรู้สึกว่าตัวเองเหมือนถูกสาป แต่ก็รู้สึกดีมากที่มีเขาอยู่ใกล้ ๆ แต่ ... เขาเป็นใครกันแน่
เขาพาหล่อนมาถึงห้องอาหาร
“นั่งพักแปปนึงนะครับ เดี๋ยวผมไปหาน้ำมาให้”
ระหว่างที่รอ พอหล่อนเงยหน้าขึ้น หล่อนก็เห็นผู้หญิงคนที่ห้อยหัวนั่งอยู่อีกฝั่งนึง ทางขวาของหล่อนคือผู้ชายหุ่นล่ำที่หล่อนคิดว่าคล้ายคนที่มาขวางรถของหล่อน ส่วนทางซ้ายเป็นเด็กผู้หญิงสองคน พวกเขาทั้งสี่น่าจะเป็นครอบครัวเดียวกัน หล่อนรู้สึกอิจฉาพวกเขา ขนาดตายเป็นผีแล้วก็ยังสามารถที่จะอยู่เคียงข้างกันได้ แล้วหล่อนล่ะ หล่อนคือ ... ซากศพที่ยังหายใจได้นั่นเอง
“น้ำครับ” ชายหนุ่มเอาน้ำมาให้หล่อน เขาเอาเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ หล่อน
“คุณรู้สึกดีขึ้นหรือยัง”
หล่อนไม่ได้ตอบอะไรเขา หล่อนยังคงจ้องภูตสาวตนนั้น ภูตสาวตนนั้นยิ้มให้กับหล่อน หล่อนไม่รู้หรอกว่ามันหมายความว่าอย่างไร เขาพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณเป็นอะไรไป”
หล่อนหันมาหาเขา “ฉันเวียนหัวนิดหน่อยค่ะ เดี๋ยวคงดีขึ้น”
“ปวดหัวไหมครับ เดี๋ยวผมไปหายามาให้นะ” เขาถามด้วยความห่วงใย
“ไม่เป็นไรค่ะ ปล่อยฉันไว้ที่นี่เถอะ สักพักคงรู้สึกดีขึ้น”
เขารู้สึกเป็นห่วงหล่อนมาก “งั้นผมขอตัวไปทำอาหารเย็นให้คุณนะครับ คุณนั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ”
“ค่ะ” หล่อนตอบสั้น ๆ โดยไม่มีความหมายอะไร
ในความเป็นจริง หล่อนรู้สึกดีต่อเขามาก เพียงแต่หล่อนไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้ว เขาคือใคร ตกลงหล่อนมาทำอะไรที่นี่ ตกลงงานที่หล่อนอยากทำมันคืองานอะไรกันแน่หรือมันเป็นเกมของใครที่นำหล่อนมาที่นี่ หล่อนไม่น่าหลงใหลกับนามแฝงบ้า ๆ นั่น ... Maxim de Winter at Manderley ... นามแฝงประหลาด ถ้าไม่ใช่คนโง่อย่างหล่อน ก็คงไม่เดินเข้ามาหากับดัก หล่อนงงมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น ใครกันช่างกล้าลงทุนถึงขนาดนี้ และเขา ... เขาคือคนที่อยู่ในขบวนการด้วยหรือ เขาผู้น่ารัก อบอุ่นและอ่อนโยนคนนั้น
หล่อนฟุบไปกับโต๊ะ พอเงยหน้าขึ้น หล่อนพบว่าเด็กผู้หญิงสองคนนั้นนั่งเงียบอยู่ข้างหน้าหล่อน ทางขวาใกล้กับหน้าหล่อนคือชายร่างล่ำคนนั้น ส่วนทางซ้ายใกล้ ๆ หล่อนคือหญิงห้อยหัวคนนั้น หล่อนสังเกตได้ว่าบริเวณนั้นอุ่นขึ้นและภาพของทั้งสี่คนแจ่มชัดมากขึ้น ผีผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะต้องการสื่อสารกับหล่อน เพียงแต่เธอพูดไม่ได้
สักพักชายหนุ่มเดินเข้ามาพร้อมถาดอาหาร
“มาแล้วครับ” วิญญาณทั้งสี่ก็หายวับไปกับตา
“กินอาหารเย็นกันเถอะครับ คุณจะได้รู้สึกดีขึ้น”
วันนี้เขาตัดสินใจมากินอาหารกับหล่อน ทำให้หล่อนรู้สึกดีขึ้นมาก มันทำให้หล่อนรู้สึกว่าหล่อนมี “ใครสักคน” เขาบอกว่าเขามีความลับจะบอกกับหล่อน มันอาจทำให้หล่อนรู้สึกดีขึ้น
“พรุ่งนี้คุณแม็กจะมาสัมภาษณ์คุณที่นี่นะครับ”
โปรดติดตามตอนต่อไป