Maxim de Winter at Manderley บทที่ 1

Maxim de Winter at Manderley บทที่ 1


ขณะที่หล่อนกำลังหางานในหนังสือพิมพ์อยู่นั้น หล่อนไปสะดุดกับการประกาศรับสมัครงาน ๆ หนึ่ง จริง ๆ แล้วมันก็เป็นงานเลขาทั่ว ๆ ไป แต่สิ่งที่ไปสะดุดก็คือชื่อของผู้ประกาศรับสมัครงาน เขาใช้นามแฝงว่า Maxim de Winter at Manderley แน่นอนว่ามันทำให้การประกาศนั้นดูไม่จริงจังสักเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม หล่อนก็ยังเชื่อในเครดิตของหนังสือพิมพ์หัวนี้อยู่และหล่อนก็พอจะรู้ว่าคนที่ประกาศรับสมัครงานน่าจะคลั่งไค้ลนิยายเรื่องรีเบคกาเหมือนกับหล่อน ไม่อย่างนั้น คงไม่ใช้นามแฝงนี้

มีบางช่วงที่หล่อนพยายามจะลืมเจ้าประกาศรับสมัครงานชิ้นนี้ แต่นามแฝงนั้นยังวนเวียนในหัวหล่อน หล่อนพยายามมองไปที่ประกาศรับสมัครงานตัวอื่น ก็ล้วนแล้วแต่ใช้ชื่อและนามสกุลตามปกติกันทั้งนั้น บางประกาศก็ใช้ว่า ฝ่ายบุคคลของบริษัทแห่งใดแห่งหนึ่ง มีแต่งานนี้ที่ผู้ประกาศใช้ชื่อว่า Maxim de Winter at Manderley

“หรือเขาอาจจะเป็นคนตลก”

หล่อนคิดอยู่ในใจ หล่อนพยายามจะลืมประกาศฉบับนี้ แต่หาลืมได้ไม่ มันตามหลอกหลอนหล่อนทั้งยามหลับและยามตื่น เช้าวันหนึ่งหล่อนจึงตัดสินใจโทรไปตามเบอร์โทรศัพท์ที่ลงไว้ทันที ผู้ชายเป็นคนรับสาย ตามความรู้สึกของหล่อน เขาไม่น่าจะใช่คนที่ใช้นามแฝงว่า Maxim de Winter at Manderley พอนัดหมายกันอย่างแม่นเหมาะแล้ว หล่อนตัดสินใจไปตามนัดทันที ตอนนั้นหล่อนไม่ได้คิดอะไรมากนอกจากอยากเห็นหน้าของ Maxim de Winter at Manderley

ตอนแรกหล่อนคิดว่า Maxim de Winter at Manderley น่าจะอยู่บ้านแบบธรรมดา แต่พอเห็นรถที่มารับหล่อนแล้ว หล่อนเองก็เริ่มสงสัยหนักขึ้น เพราะมันเป็นรถราคาแพง แถมมีคนขับรถที่แต่งกายโก้หรูอีกด้วย คนขับรถเดินมาเปิดประตูรถให้หล่อน พอหล่อนเข้าไปในรถแล้ว เขาก็ปิดประตูรถและเดินอ้อมมาขึ้นรถตรงที่นั่งคนขับแล้วก็ออกรถทันที เวลาผ่านไปประมาณ 15 นาที หล่อนสังเกตว่าไม่มีแววที่เขาจะคุยกับหล่อนเลย หล่อนทึกทักเอาเองว่าคงเป็นธรรมเนียมของคนขับรถบ้านนี้ แสดงว่านาย Maxim de Winter at Manderley คนนี้ต้องไม่ธรรมดาเลย

พอคนขับไม่คุยกับหล่อน หล่อนเลยเลือกที่จะชมวิวทิวทัศน์แทน แต่มันก็ไม่ได้ทำให้หล่อนเพลิดเพลินเจริญใจเลยเพราะวิวทิวทัศน์แทบจะไม่มีอะไรเลยนอกจากป่าและภูเขา หล่อนอดคิดไม่ได้ว่าคนที่มีฐานะอย่างเขา ทำไมถึงมาอยู่อาศัยในที่ ๆ มันกันดารแบบนี้ หรือบ้านหลังนี้จะเป็นบ้านตากอากาศของเขา เขาอาจจะชอบความเงียบ เวลาพักผ่อนก็อาจไม่ชอบที่จะสุงสิงกับใคร แต่ เอ ถ้ามาพักผ่อนจริง ทำไมต้องจ้างเลขาด้วย มันดูไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย จะแอบถามคนขับรถก็อาจดูไม่เหมาะ อาจจะผิดระเบียบของคนขับรถบ้านนี้ พอวิวสองข้างทางไม่มีอะไรน่าสนใจเลย มันก็ทำให้หล่อนงีบหลับเอาได้ง่าย ๆ พอหล่อนตื่นขึ้น หล่อนก็พบว่ายังไม่ถึงจุดหมายปลายทางอีก หล่อนก้มดูนาฬิกาแล้วก็ตกใจเพราะนี่มันก็ผ่านมาประมาณ 3 ชั่วโมงแล้ว

ตอนนั้นหล่อนเริ่มกลัว กลัวว่าคนขับรถอาจเป็นตัวการที่คิดแผนที่อาจจะพยายามหาทางข่มขืนหล่อน แต่ไม่นะ มันผิดปกติมาก เขาไม่น่าลงทุนขนาดนั้น แต่ก็ไม่แน่ เพราะหล่อนเคยได้ยินข่าวทำนองนี้มาบ้าง แต่กรณีนี้น่าจะไม่ใช่ หล่อนพยายามให้กำลังใจตัวเองแม้กระทั่งในความคิด หล่อนยังทำใจดีสู้เสือและพยายามที่จะไม่สนใจคนขับรถอีก หล่อนรู้สึกว่าอีกไม่นานก็คงจะถึงบ้านของนาย Maxim de Winter at Manderley ถึงบ้านแล้วเรื่องแปลก ๆ ก็คงผ่อนคลายลงหรือหายไปเลย ตอนนี้ต้องทำใจดี ๆ ไว้ก่อน

อีกพักใหญ่ ๆ หล่อนจึงเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่อยู่ไกล ๆ พอรถเลี้ยวเข้าคฤหาสน์ ป้ายขนาดใหญ่ที่แปะไว้ เขียนไว้ชัดเจนมากว่า “คฤหาสน์มันเดอร์เลย์” พอเห็นชื่อ ๆ นี้ หล่อนก็เริ่มเอะใจ มันบ้าไปแล้ว จะมีใครเอาชื่อนี้มาเป็นชื่อบ้านจริง ๆ ใครจะบ้านิยายเรื่องนี้ถึงขนาดนั้น มันไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว หล่อนพยายามลืมเรื่องต่าง ๆ เพราะรถมาจอดตรงหน้าคฤหาสน์และเบรกอย่างแรง ทำให้มีของบางอย่างตกลงมา หล่อนจึงหยิบสิ่งนั้นมาโดยไม่ได้ดูว่าเป็นอะไร หล่อนไม่รอให้คนขับรถต้องมาเปิดประตูให้หล่อน หล่อนรีบลงจากรถ พอหล่อนลงมาแล้ว รถก็วนไปจอดไม่ไกลจากตัวบ้านนัก หล่อนมัวแต่มองเข้าไปในบ้านเพราะเห็นว่าบ้านเงียบมากจนไม่ได้สังเกตว่าคนขับรถหายไปไหน

ไม่นานนักก็มีเสียงหนึ่งทักหล่อน

“มาพบใครคะ”

หล่อนหันมาแล้วกล่าวถึงธุระที่หล่อนจำเป็นต้องมาที่นี่

ขณะพูดหล่อนยังหันไปมองหาคนขับรถต่อ ทำให้ป้าคนนั้นสงสัย

“หนูกำลังมองหาใครคะ”

หล่อนพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าป้า

“กำลังสงสัยว่าคนขับรถหายไปไหน”

ป้าถามซ้ำอีกครั้ง “หนูพูดว่าอะไรนะ”

หล่อนหันมามองหน้าป้า “คนขับรถอ่ะค่ะ หายตัวไปเร็วมากเลย แล้วทำไมถึงเอารถไปจอดเอียง ๆ แบบนั้น เขาน่าจะมาขยับรถหน่อยนะคะ”

ป้ากล่าวตอบไปอย่างหนักแน่น “ตอนนี้ ที่นี่ไม่มีคนขับรถนะคะ”

หล่อนหันมามองด้วยความสงสัย “คุณป้าว่าอย่างไรนะคะ”

“ป้าบอกว่าตอนนี้ ที่นี่ไม่มีคนขับรถ”

หล่อนคิดในใจว่าทำไมป้าถึงพูดแบบนั้น มันไม่มีเหตุมีผลเลย ทำไมป้าคนนี้ถึงพูดอะไรบ้า ๆ แบบนั้น

“มีสิคะ เขาพาหนูมาที่นี่ไงคะ โดยรถคันนั้น”

หล่อนชี้ไปทางรถที่จอดอยู่ไม่ไกล

ป้ามองตามไป แล้วหันมากล่าวว่า “นั่นมันรถของหนูไม่ใช่เหรอ ป้าเห็นหนูขับมานี่”

หล่อนหันมามองหน้าป้าเขม็ง “ทำไมป้าถึงคิดอย่างนั้นคะ”

“ก็กุญแจรถยังอยู่ที่มือของหนูเลยนี่จ๊ะ”

หล่อนมองสิ่งของในมือหล่อน หล่อนตกใจมากเพราะมันเป็นกุญแจรถจริง ๆ ด้วย.


โปรดติดตามตอนต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่