Maxim de Winter at Manderley บทที่ 4

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้




Maxim de Winter at Manderley บทที่ 4





หล่อนไม่กลัว ไม่ว่าจะเป็นผีหรือภาพหลอน แต่ถ้าเป็นคนจริง ๆ ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่ได้จงใจจะเอาชีวิตหล่อนหรือจะข่มขืนหล่อน อาจตั้งใจหลอกให้กลัวเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง เมื่อคิดได้ดังนั้น หล่อนเองจึงรู้สึกผ่อนคลายขึ้น และก็หันกลับไปอาบน้ำฝักบัวตามเดิม โดยที่ไม่ได้สนใจรองเท้าหรือขานั่นอีก หล่อนสระผมจนสะอาดและอาบน้ำอย่างสดชื่น ตอนนี้หล่อนยังไม่อยากคิดอะไรให้รกสมอง มันอาจจะมีอะไรพิกล แต่คงไม่ถึงกับจะเอาชีวิตหล่อน หล่อนยังประหลาดใจเลยว่าทำไมหล่อนถึงไม่กลัวสิ่งที่เห็น ไม่ว่าจะเป็นคนขับรถ ผีสาวห้อยหัวและร้องเท้ากับขาคู่นั้น อาจเป็นได้ว่าทุกวันนี้หล่อนเข้มแข็งขึ้น ไม่ได้เป็นเด็กที่อ่อนแอเหมือนแต่ก่อน หล่อนไม่ได้กลัวจนลนลาน เพียงแต่อยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ หล่อนไม่คิดว่าหล่อนจะหลอนไปเอง หล่อนยังมีสติและพอจะดูออกว่าอะไรเป็นอะไร

มีบางช่วงของความคิดบ้างเหมือนกันที่หล่อนอยากหนีไปให้ไกลแสนไกล แต่หล่อนไม่รู้ว่าจะหนีไปได้อย่างไร กุญแจรถที่หล่อนมีอาจทำให้หล่อนสามารถเอารถคันขาวออกจากบ้านหลังนี้ไปได้ แต่หล่อนจะขับไปให้ถูกทางได้อย่างไร มันเป็นไปไม่ได้เลย หล่อนก็เลยเลิกคิดที่จะหนี มีแต่คิดที่จะสู้ เวลาแบบนี้ ในใจหล่อนยังมีแต่ความฮึกเหิม ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจะดับวูบลงเมื่อไหร่ พอออกมาจากห้องน้ำ หล่อนก็แต่งกายด้วยชุดธรรมดา แต่ก็ดูดีกว่าตอนที่หล่อนมา ตอนนั้นหล่อนสวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์ แต่พอตอนนี้หล่อนสวมชุดเสื้อกระโปรงที่ดูสบาย ๆ คล้าย ๆ ชุดนอน อีกไม่นานก็จะทุ่มตรงแล้ว เดี๋ยวป้าคนนั้นคงมาพาหล่อนไปยังห้องอาหาร

พูดถึงป้าคนนั้น หล่อนสงสัยในตัวแกมากมาย เป็นไปได้เหรอที่แกจะไม่เห็นคนขับรถ มันไม่น่าเป็นไปได้ แสดงว่าอย่างน้อย แกก็โกหกมาแล้วหนึ่งอย่าง หลังจากนี้ หล่อนจะเชื่อคำพูดของป้าคนนี้ได้สักเพียงไร คิดอีกที จะเชื่อใจแกได้หรือไม่ได้ ก็ต้องสืบเอาความจากแกให้มากที่สุดเพราะมีแกคนเดียวที่อยู่ในบ้านหลังนี้ แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าตอนนี้จะมีเพียงแกกับหล่อนที่อยู่ด้วยกันสองคนในคฤหาสน์หลังใหญ่ มันช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก ๆ

ทุ่มตรง มีเสียงเคาะประตูห้องของหล่อน พอหล่อนมาเปิดก็พบป้าคนนั้นในชุดแม่บ้าน

“อาหารค่ำเสร็จแล้วค่ะ ขอเชิญคุณหนูเดินตามป้ามา”

หล่อนต้องลงจากชั้นสามเพื่อไปยังห้องอาหารที่อยู่ชั้นหนึ่ง หล่อนเดินตามแกไปโดยเว้นระยะห่างไว้พอสมควร เวลาค่ำ คฤหาสน์แห่งนี้จะน่ากลัวไปอีกเท่าทวีคูณเพราะมีไฟที่ติดไว้ตามมุมต่าง ๆ น้อยมาก บางมุมของตัวบ้านจึงมืดและดูน่ากลัว พอหล่อนเดินเข้าไปในห้องอาหาร ก็พบกับห้องอาหารเพดานสูงที่ดูวังเวงมาก มันเป็นห้องอาหารที่กว้างมาก มีโต๊ะอาหารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าตั้งอยู่กลางห้อง มุมหนึ่งของโต๊ะมีอาหารที่จัดสำรับไว้แล้ว ป้าแม่บ้านได้เชิญหล่อนให้นั่งที่ตรงนั้น ส่วนแกก็ยืนอยู่ด้านหลังของหล่อน มันช่างเป็นมื้ออาหารค่ำที่ดูวังเวงและน่ากลัวมาก ระหว่างกินอาหารค่ำ หล่อนไม่กล้าที่จะหันไปดู ถามหรือพูดคุยกับแกเลย หล่อนคิดว่าสักครู่น่าจะมีโอกาสได้คุยกับแก

จะอย่างไรก็ตาม แกก็น่าที่จะมีตัวตน รวมทั้งบ้านหลังนี้ด้วย ทั้งหมดไม่ใช่ภาพหลอนที่หล่อนนึกคิดไปเอง หล่อนใช้เวลาไม่นานในการกินอาหารค่ำ พอแกยกสำรับไปเก็บหมดแล้ว แกก็มานั่งอีกมุมของโต๊ะอาหาร

“ป้าคิดว่าคุณหนูคงมีเรื่องหลายเรื่องจะถามป้า”

การนั่งคนละมุมและไกลกันขนาดนี้ มันก็มีความหลอนบางอย่างเกิดขึ้นในหัว

“ท่านเจ้าของบ้านอยู่ที่ไหนคะ”

ป้าตอบกลับมาว่า “อีกนานกว่าคุณท่านจะกลับ คุณท่านบอกให้หนูรออยู่ที่นี่ไปก่อน เมื่อครบเดือนก็จะมีเงินเดือนให้”

“ชื่อจริงของท่านคืออะไรคะ”

ป้าแม่บ้านยิ้มแบบน่ากลัว “ตอนที่คุณท่านลงประกาศสมัครงาน ท่านใช้ชื่อว่าอะไรเหรอ”

หล่อนตอบด้วยเสียงสั่นเครือ “Maxim de Winter at Manderley”

ป้าแม่บ้านอมยิ้ม “แสดงว่าคุณท่านยังไม่ลืมงานวันนั้น”

“งานอะไรคะ” หล่อนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“งานแฟนซีน่ะสิ คุณท่านสวมบทเป็นแม็กซิม ตัวละครเอกจากนวนิยายเรื่องรีเบคกา พวกเราอินกันมากจนเอาป้ายชื่อบ้านไปปิดไว้ที่หน้าบ้าน มันเขียนไว้ว่ามันเดอร์เลย์ หลายคนเข้าใจผิดว่ามันเป็นชื่อของบ้านหลังนี้ แต่จริง ๆ แล้วมันคือชื่อแฟนตาซีของบ้านหลังนี้ต่างหาก”

“โกหกทั้งเพ” หล่อนคิดในใจ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คฤหาสน์แสนกันดารหลังนี้จะจัดงานแฟนตาซี เพราะไม่น่าจะมีแขกโผล่มาที่นี่ได้ ตอนหล่อนนั่งรถมาก็แทบจะไม่เห็นบ้านคนเลย พวกที่อยู่ในเมืองคงไม่มีใครอยากมาที่นี่ เดินทางไปกลับเกือบเจ็ดชั่วโมง ใครจะโง่พอที่จะมาร่วมงานที่นี่ทั้ง ๆ ที่ในเมืองก็มีงานใหญ่ ๆ เกือบจะทุกวัน หล่อนคิดในใจว่า “ป้าคนนี้มีแต่เรื่องโกหก” แล้วก็โกหกอยู่ตลอดเวลา หล่อนเองก็รับอะไรแบบนี้ไม่ได้ แต่ก็ต้องทำเป็นใจดีสู้เสือไปก่อน

“ท่านมีชื่อจริงว่าอะไรคะ”

ป้ายิ้มอย่างมีเลศนัย

“ตอนนี้ก็เรียกท่านว่าแม็กซิมไปก่อนก็แล้วกันค่ะ พอท่านกลับมา ค่อยถามท่านอีกทีว่าท่านชื่ออะไร”

พอสิ้นประโยคนั้น ห้องทั้งห้องก็อยู่ในสภาพเงียบและวังเวงยิ่งนัก.


โปรดติดตามตอนต่อไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่