หล่อนเริ่มรู้สึกตัวและค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แล้วก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงแต่ขายังเหยียดยาว เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็พอจะรู้ว่าหล่อนนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล มันเป็นเตียงที่อยู่ในห้องผู้ป่วยรวม ซึ่งมีเตียงไม่มาก สภาพโรงพยาบาลก็กลางเก่ากลางใหม่ ผู้ป่วยมีไม่มากอย่างที่หล่อนคิด หล่อนหันรีหันขวางเพื่อจะดูสิ่งแวดล้อมรอบข้าง
พยาบาลคนหนึ่งมองเห็นว่าหล่อนฟื้นแล้ว จึงเดินเข้าไปทัก
“เป็นยังไงบ้างคะ”
หล่อนเห็นป้ายชื่อเขียนว่าแมรี่
“รู้สึกดีขึ้นมากแล้วล่ะค่ะ”
แมรี่ยิ้มอย่างเมตตา
“นอนพักอีกสักนิดนะคะ”
หล่อนยิ้ม “เกรงว่าจะไม่สะดวกแล้วล่ะค่ะ ดิฉันคิดว่าคนที่บ้านน่าจะมารับแล้ว”
หล่อนพยายามจะลุกขึ้นและยืน พยาบาลแมรี่ไม่ขัดหล่อน เธอค่อย ๆ ประคองหล่อนมาถึงด้านหน้าโรงพยาบาล
หล่อนพยายามมองหารถคันเขียว แต่ไม่มี หล่อนรู้สึกผิดหวังและสับสน ตกลงคนที่มันเดอร์เลย์เก๊พวกนั้นจะทิ้งหล่อนไว้ที่นี่จริง ๆ เหรอ
“ถ้ายังไม่มีใครมาก็กลับเข้าไปนอนก่อนเถอะค่ะ อย่าเพิ่งเป็นห่วงอะไรเลย”
หล่อนจำต้องทำตามที่พยาบาลแมรี่แนะนำ แมรี่ค่อย ๆ ประคองหล่อนมาที่เตียงเดิมและช่วยให้หล่อนนอนลงอย่างสะดวก
“ดิฉันว่าคุณควรจะพักผ่อนอีกสักหน่อย อาหารกลางวัน ดิฉันจะสั่งมาให้กินที่เตียงนะคะ เอาแบบย่อยง่ายหน่อยก็แล้วกัน”
“ขอบคุณมากค่ะ” หล่อนประทับใจมากกับการดูแลของพยาบาลคนนี้ ถึงเมืองนี้จะดูกันดารแต่การรักษาพยาบาลคงไม่ด้อยไปกว่าอีก 48 เมืองในประเทศของเรา หล่อนตั้งใจจะพักผ่อนให้เต็มที่ ไหน ๆ ก็ถึงมือหมอแล้ว ก็น่าจะอุ่นใจได้ในระดับหนึ่ง หล่อนรู้สึกดีขึ้นมาก แต่ถึงกระนั้นก็ขอนอนเพื่อเอาแรงไว้หน่อย พอถึงตอนเที่ยง พยาบาลแมรี่ก็นำอาหารมาให้ เธอช่างเป็นพยาบาลที่น่านับถือมาก ๆ
“ดิฉันยังไม่ได้ลงทะเบียนเลยค่ะ” หล่อนค่อนข้างกังวล
“กินมื้อเที่ยงก่อนดีกว่าค่ะ เรื่องอื่นเอาไว้ก่อนเถอะ น้ำอยู่ตรงนี้นะคะ”
พูดจบพยาบาลแมรี่ก็เดินออกไป หล่อนสังเกตข้าวต้มที่พยาบาลเอามาให้ ช่างเป็นอาหารที่สะอาดมาก พอลองชิมดูก็สุดแสนอร่อย ทำให้หล่อนมีชีวิตชีวามากขึ้นเมื่อได้กินอาหารดี ๆ กินไปก็อดคิดถึงอาหารที่ชานนท์ทำให้หล่อนกินไม่ได้ แต่ช่างเถอะ หล่อนต้องกินอาหารให้อิ่มก่อน เรื่องอื่นเอาไว้ค่อยว่ากันที่หลัง
เมื่อหล่อนรับประทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง พยาบาลแมรี่พาหล่อนไปยังห้องตรวจ
“รอสักพักนะคะ เดี๋ยวนักสังคมสงเคราะห์จะมาซักประวัติค่ะ”
หล่อนยิ้มรับแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป สภาพห้องตรวจก็กลางเก่ากลางใหม่ แต่ก็ยังรักษาความสะอาดไว้อย่างดี ที่โต๊ะในห้องตรวจมีแจกันดอกไม้แสนสวยพร้อมด้วยดอกกุหลาบหนึ่งดอกปักในแจกัน เพียงเท่านี้ก็ทำให้จิตใจของหล่อนรู้สึกดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
อีกสักพัก นักสังคมสงเคราะห์จึงเข้ามาในห้อง
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีค่ะ” หล่อนกล่าวสวัสดีตอบ และมองดูป้ายชื่อตรงอกเสื้อ เขียนชื่อไว้ว่า “หลิน”
“คุณมีโรคประจำตัวรึเปล่าคะ”
หล่อนรู้สึกว่านั่นเป็นคำถามที่ดีมาก หล่อนจึงเล่าอาการทางประสาทหลอนตอนเด็กและวัยรุ่นให้หลินฟังนิดหน่อย แต่ที่เล่าละเอียดมากคือเหตุการณ์สามวันที่ผ่านมา หล่อนเล่าละเอียดชนิดที่เรียกได้ว่าไม่พลาดเลย เรื่องเล่าของหล่อนทำให้หลินต้องขมวดคิ้ว
“คุณมาที่นี่ได้ยังไงคะ”
“รถคันเขียวมาส่งตรงหน้าโรงพยาบาลค่ะ” หล่อนตอบออกไปแบบสบาย ๆ หลินจดทุกคำพูดที่หล่อนพูดออกมา เธอเป็นนักสังคมสงเคราะห์ที่ค่อนข้างละเอียด พอจดทุกตัวอักษร หลินก็อ่านทวนอีกครั้ง แล้วก็ถามย้ำอีกรอบ
“คุณมาที่นี่ได้ยังไงคะ”
“รถคันเขียวมาส่งตรงหน้าโรงพยาบาลค่ะ” หล่อนตอบเหมือนเดิม หล่อนเข้าใจวิธีการถามย้ำแบบนี้ดีเพราะเจอมาตั้งแต่เด็กแล้ว หล่อนจึงไม่แสดงอาการหงุดหงิดแต่ประการใด
“ขอบคุณค่ะ”
หลินจบหน้าที่ของเธอ หลินขอตัวออกมาข้างนอก หลังจากนั้นก็เดินไปหาแมรี่ทันที สิ่งแรกที่หลินถามแมรี่คือ
“ตกลงมีใครเห็นรถคันเขียวบ้างคะ”
แมรี่ตอบด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างกังวล
“พี่ถามทุกคนที่พอจะถามได้แล้ว พวกเขาตอบตรงกันว่าเช้าวันนี้ไม่มีรถคันสีเขียววิ่งเข้ามาหน้าโรงพยาบาลอย่างแน่นอน สิ่งที่เราต้องหาคำตอบให้ได้ก็คือลิเดียเดินทางมาที่นี่ด้วยวิธีใด”
โปรดติดตามตอนต่อไป
The Hospital ( Maxim de Winter at Manderley ภาค 2 ) บทที่ 1
พยาบาลคนหนึ่งมองเห็นว่าหล่อนฟื้นแล้ว จึงเดินเข้าไปทัก
“เป็นยังไงบ้างคะ”
หล่อนเห็นป้ายชื่อเขียนว่าแมรี่
“รู้สึกดีขึ้นมากแล้วล่ะค่ะ”
แมรี่ยิ้มอย่างเมตตา
“นอนพักอีกสักนิดนะคะ”
หล่อนยิ้ม “เกรงว่าจะไม่สะดวกแล้วล่ะค่ะ ดิฉันคิดว่าคนที่บ้านน่าจะมารับแล้ว”
หล่อนพยายามจะลุกขึ้นและยืน พยาบาลแมรี่ไม่ขัดหล่อน เธอค่อย ๆ ประคองหล่อนมาถึงด้านหน้าโรงพยาบาล
หล่อนพยายามมองหารถคันเขียว แต่ไม่มี หล่อนรู้สึกผิดหวังและสับสน ตกลงคนที่มันเดอร์เลย์เก๊พวกนั้นจะทิ้งหล่อนไว้ที่นี่จริง ๆ เหรอ
“ถ้ายังไม่มีใครมาก็กลับเข้าไปนอนก่อนเถอะค่ะ อย่าเพิ่งเป็นห่วงอะไรเลย”
หล่อนจำต้องทำตามที่พยาบาลแมรี่แนะนำ แมรี่ค่อย ๆ ประคองหล่อนมาที่เตียงเดิมและช่วยให้หล่อนนอนลงอย่างสะดวก
“ดิฉันว่าคุณควรจะพักผ่อนอีกสักหน่อย อาหารกลางวัน ดิฉันจะสั่งมาให้กินที่เตียงนะคะ เอาแบบย่อยง่ายหน่อยก็แล้วกัน”
“ขอบคุณมากค่ะ” หล่อนประทับใจมากกับการดูแลของพยาบาลคนนี้ ถึงเมืองนี้จะดูกันดารแต่การรักษาพยาบาลคงไม่ด้อยไปกว่าอีก 48 เมืองในประเทศของเรา หล่อนตั้งใจจะพักผ่อนให้เต็มที่ ไหน ๆ ก็ถึงมือหมอแล้ว ก็น่าจะอุ่นใจได้ในระดับหนึ่ง หล่อนรู้สึกดีขึ้นมาก แต่ถึงกระนั้นก็ขอนอนเพื่อเอาแรงไว้หน่อย พอถึงตอนเที่ยง พยาบาลแมรี่ก็นำอาหารมาให้ เธอช่างเป็นพยาบาลที่น่านับถือมาก ๆ
“ดิฉันยังไม่ได้ลงทะเบียนเลยค่ะ” หล่อนค่อนข้างกังวล
“กินมื้อเที่ยงก่อนดีกว่าค่ะ เรื่องอื่นเอาไว้ก่อนเถอะ น้ำอยู่ตรงนี้นะคะ”
พูดจบพยาบาลแมรี่ก็เดินออกไป หล่อนสังเกตข้าวต้มที่พยาบาลเอามาให้ ช่างเป็นอาหารที่สะอาดมาก พอลองชิมดูก็สุดแสนอร่อย ทำให้หล่อนมีชีวิตชีวามากขึ้นเมื่อได้กินอาหารดี ๆ กินไปก็อดคิดถึงอาหารที่ชานนท์ทำให้หล่อนกินไม่ได้ แต่ช่างเถอะ หล่อนต้องกินอาหารให้อิ่มก่อน เรื่องอื่นเอาไว้ค่อยว่ากันที่หลัง
เมื่อหล่อนรับประทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง พยาบาลแมรี่พาหล่อนไปยังห้องตรวจ
“รอสักพักนะคะ เดี๋ยวนักสังคมสงเคราะห์จะมาซักประวัติค่ะ”
หล่อนยิ้มรับแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป สภาพห้องตรวจก็กลางเก่ากลางใหม่ แต่ก็ยังรักษาความสะอาดไว้อย่างดี ที่โต๊ะในห้องตรวจมีแจกันดอกไม้แสนสวยพร้อมด้วยดอกกุหลาบหนึ่งดอกปักในแจกัน เพียงเท่านี้ก็ทำให้จิตใจของหล่อนรู้สึกดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
อีกสักพัก นักสังคมสงเคราะห์จึงเข้ามาในห้อง
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีค่ะ” หล่อนกล่าวสวัสดีตอบ และมองดูป้ายชื่อตรงอกเสื้อ เขียนชื่อไว้ว่า “หลิน”
“คุณมีโรคประจำตัวรึเปล่าคะ”
หล่อนรู้สึกว่านั่นเป็นคำถามที่ดีมาก หล่อนจึงเล่าอาการทางประสาทหลอนตอนเด็กและวัยรุ่นให้หลินฟังนิดหน่อย แต่ที่เล่าละเอียดมากคือเหตุการณ์สามวันที่ผ่านมา หล่อนเล่าละเอียดชนิดที่เรียกได้ว่าไม่พลาดเลย เรื่องเล่าของหล่อนทำให้หลินต้องขมวดคิ้ว
“คุณมาที่นี่ได้ยังไงคะ”
“รถคันเขียวมาส่งตรงหน้าโรงพยาบาลค่ะ” หล่อนตอบออกไปแบบสบาย ๆ หลินจดทุกคำพูดที่หล่อนพูดออกมา เธอเป็นนักสังคมสงเคราะห์ที่ค่อนข้างละเอียด พอจดทุกตัวอักษร หลินก็อ่านทวนอีกครั้ง แล้วก็ถามย้ำอีกรอบ
“คุณมาที่นี่ได้ยังไงคะ”
“รถคันเขียวมาส่งตรงหน้าโรงพยาบาลค่ะ” หล่อนตอบเหมือนเดิม หล่อนเข้าใจวิธีการถามย้ำแบบนี้ดีเพราะเจอมาตั้งแต่เด็กแล้ว หล่อนจึงไม่แสดงอาการหงุดหงิดแต่ประการใด
“ขอบคุณค่ะ”
หลินจบหน้าที่ของเธอ หลินขอตัวออกมาข้างนอก หลังจากนั้นก็เดินไปหาแมรี่ทันที สิ่งแรกที่หลินถามแมรี่คือ
“ตกลงมีใครเห็นรถคันเขียวบ้างคะ”
แมรี่ตอบด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างกังวล
“พี่ถามทุกคนที่พอจะถามได้แล้ว พวกเขาตอบตรงกันว่าเช้าวันนี้ไม่มีรถคันสีเขียววิ่งเข้ามาหน้าโรงพยาบาลอย่างแน่นอน สิ่งที่เราต้องหาคำตอบให้ได้ก็คือลิเดียเดินทางมาที่นี่ด้วยวิธีใด”
โปรดติดตามตอนต่อไป