ดูแลคนป่วยระยะสุดท้ายที่หลับเรียกไม่ตื่นไม่รู้สึกตัวนานสุดกี่ชั่วโมงกี่วัน (ขออนุญาตเล่ายาวมากๆ นะคะ)

พี่เป็นมะเร็งเต้านม Her2 Triple Negative
พ.ศ.2564
เริ่มรักษาเดือนเมษายน คีโม4กินไข่ขาววันละหลายฟอง
วันจันทร์ที่ 5 กค.ผ่าตัดเต้านมไม่สงวนเต้า เข้าห้องผ่า 12:00-17:05 น. หมอเข้ามาดูหลังจากผ่าตัด และได้บอกว่าตัดต่อมน้ำเหลืองไป 38 ต่อม ต่อไปห้ามทำหัตถการด้านขวามือ
คีโมหลังผ่า 4 ครั้ง และฉายแสงต่อรวม 25 ครั้ง


( รักษาผ่า+คีโม8+ฉายแสงรวม 6 เดือนกว่าๆ: เมษายน - 24 ตค.)
เราตัวติดกับพี่สาวไปไหนด้วยกันทุกที่ยกเว้นoffice
หลังจากผ่าตัดฉายแสงมีการ Follow ตามนัดคุณหมอ แล้วก็ใช้ชีวิตปกติทำงาน work from home เพราะช่วงโควิดด้วย หลังจากที่ฉายแสงแล้วก็ช่วงนี้ไม่แน่ใจทำไมเส้นเลือดหายากจัง ทิ่มเข็มแล้วเอาออกและเข้มใหม่ หาเลือด ทำให้เจ็บ หลายครั้ง ในการเจาะเลือด

พ.ศ.2565
17 ธค. ปวดหัวคิดว่าเป็นไมเกรนมีคุณหมอนัดตอนช่วงเช้า พอสรุปช่วงบ่ายผ่าตัดด่วนเนื่องจากมะเร็ง อุดตันที่สมองน้อย ทำให้น้ำขังปวดหัวอาการปวดหัวอาเจียนคลื่นไส้ ผ่ามะเร็งสมองน้อย + ฝังท่อที่หัวเชื่อมโพรงสมองเพื่อระบายน้ำออกที่สมองฝั่งขวาของหัวออกทางช่องท้อง ก่อนผ่าต้องเจาะหาเส้นเลือดใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงเราเห็นแล้วทรมานตามไปด้วยทั้งร้องทั้งเจ็บ นอนICU IICU หมอให้กลับบ้าน 30 ธันวาคม เพื่อฉลองปีใหม่


ระยะตอนนี้ให้ทำใจ ประสบการณ์ที่หมอเจอ6เดือนช่วงพักฟื้นร่างกายที่โรงพยาบาลหลังผ่าตัดมีการเพ้ออาการรุนแรง เราตกใจ ตัวเขาเองก็ตกใจไม่อยากเกิดขึ้น แบบว่าไม่อยากอยู่ต่อ ช่วงหนึ่งของความคิด
หมอนัด Follow และฉายแสงเริ่ม 25 มกราคม2566 ถึง วันที่ 5 กุมภาพันธ์รวมทั้งหมด 10 ครั้ง และเริ่มคีโมต่อ 6 ครั้ง และติดตามอาการเรื่อยๆ ระหว่างนี้ยังคง ใช้ชีวิตไปทำงานขับรถ ได้โดยปกติไม่มีปัญหา แต่เราก็ถามไปหาหมอรพ.อื่นตรวจไหม พี่สาวเราก็ ปรึกษาสถาบันมะเร็ง แต่ก็คิดอีกอย่างนึงไม่ไปแล้วเพราะต้องเริ่มต้นใหม่ ในการรักษา
เพราะมีอาการที่นิ้วมือจุดมีหนองและเจ็บสุด
[img]https://f.ptcdn.info/566/086/000/sozez02903zUM7

พ.ศ.2566
หลังจากนัด Follow ติดตามอาการตรวจเช็คพบ มะเร็งบุกมาที่สมองซีกซ้าย ก้อนประมาณ 3 cm และยังมีก้อนอยู่ตรง ต้นคอ มะเร็งมาที่ ประสาทไขสันหลัง ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่ยากที่สุด แต่ยังไงแล้วหมอขอนัดทำ ผ่าตัดสมองซีกซ้ายก่อน เนื่องจากอันตรายกว่า ซึ่งพี่เราตัดสินใจ ขอลาออกจากงานเดือนกันายายนอีกครั้ง เพราะเคยส่งใบงานไปตั้งแต่ครั้งที่หลังผ่าสมองน้อย  เพื่ออยู่กับครอบครัวเตรียมกายให้พร้อมก่อนผ่าตัดใหญ่อีกครั้ง( ครอบครัวเรา ถ้าไปฉายแสงต้องไปที่อมตะนครพากันไปทั้งครอบครัวเพื่อเป็นกำลังใจ รอกันในรถ พ่อแม่อายุ 80 ไปด้วยกันว่าเราสนิทกันมากจริงๆเรามีพี่น้อง 4 คน กับพ่อแม่และพี่สาวพี่ป่วยและตัวเราเอง*เราลูกหลงห่างจากพี่คนนี้11ปี นางเป็นทั้งพี่สาว เป็นแม่คนที่2 และเพื่อนสนิทของฉัน)

8 พ.ย.ผ่ามะเร็งสมองซีกซ้าย
หลังจากผ่าตัด รักษาตัวหรือที่โรงพยาบาลและก็กลับบ้านหมอนัด Follow ตามปกติมีดึงแม็คออกจากที่เย็บแผลที่หัวกระโหลกปิดไม่ได้ มีระหว่างตอนผ่าตัด พยาบาลวิ่งออกมาจากห้องผ่าตัดแล้วแจ้งเราว่ามีชิ้นส่วนไม่สามารถปิดกรอบได้ตามเดิมเราจึงถามพี่สาวเราเป็นอะไรเขาบอกโดยปกติ เขาให้เอาไปทำพิธีตามศาสนาซึ่งตอนนั้นทำให้เรารู้สึกน้ำตาไหลร้องไห้หูดับบอกไม่ถูกแต่สรุปพี่สาวออกมาจากห้องผ่าตัดแล้วก็ทักทายเรารู้เรื่องอันนั้นทำให้เรารู้สึกมีชีวิตขึ้นมาใหม่เหมือนกัน

[img]https://f.ptcdn.info/566/086/000/sozf60agho1fXR6X5EgL-o

พ.ศ.2567
คุณหมอนัด Follow อาการเรื่อยๆอยู่ ช่วงเดือนมกราคมกุมภาพันธ์ยังพานั่งรถไปเที่ยวไหนได้ กินอาหารตามร้านได้ปกติ เดินได้แต่ต้องประคอง การทรงตัว การมองเห็นลดลงแต่ไม่ได้มาก
ช่วงเดือนมีนาคมที่เราปวดคอจนร้องไห้ ซึ่งปกติพี่เราไม่เคยร้องไห้
นางเป็นคนเข้มแข็งมากๆ
กลางเดือนมีนาคมปวดสุดๆ เราจึงต้องเรียกรถพยาบาลมารับ หมอบอกเนื่องจาก มะเร็งที่ยังคงอยู่ ตรงประสาทไขสันหลัง ช่วงคอนั้น ทำให้มีอาการปวดมาก

ช่วงเดือนเมษายน ทางบ้านเรา มี ประสบการณ์ที่สู้ฟัดสุดฤทธิ์ ดูพี่สาวและไหนจะพ่อมาล้มหัวฟาดเสา ต้องพาไปรพ.รักษาเอาเลือดคลั่งที่สมองออก จิตใจเหมือนฟ้าผ่า พี่สาวอาการไม่ดี เรียกรถพยาบาล คนนั้นพ่อ คนนี้พี่ เราแยกร่างได้จะทำแต่เมื่อถึงมือหมอ ฝากพ่อไว้อีกรพ. เพราะต้องเตรียมผ่าไม่ได้สติ  พี่สาวยังตื่นตัวเราไปกับพี่ต่อ  ไหนที่บ้านมีแม่จิตใจว้าวุ่น กลัวนางหัวใจจะวาย เราจึงต้องสติสำคัญสุดๆ ( จากเด็กคิดอะไรไม่เป็น ขี้แย ขี้อ้อนตามแบบลูกหลง ) ต้องเป็นผู้ใหญ่อย่างมีสติ เงินที่ ได้เก็บออมไว้เพื่อนำเอามาใช้ ช่วงนี้นั่นแหละ แต่ปรับปรุงบ้าน ดูแลพี่ซื้ออุปกรณ์คนป่วย แล้วก็พ่อ รถเข็นกั้นห้องทางบ้านติดราวจับ ห้องน้ำเคลื่อนที่ และอื่นๆ ที่เขาจะรีบทำและจัดสรรหาได้ ต่อเติมได้

เดือนพฤษภาคม พี่สาวเราเข้าๆออกโรงพยาบาลแอดมิด
ส่วนพ่อหมอก็ได้ให้ ส่งตัวกลับบ้าน เพื่อดูอาการและติดตาม Follow ตามหมอนัด ให้หัดทำกายภาพเดิน กินเพราะสมองโดนกระทบกระเทือนไปอย่างหนัก CT Scan สมองบ่อยอยู่ แล้วนัดเจอหลายหมอเลย ของเดิมมีหาหมอประจำคือเป็นไส้เลื่อน ต่อมลูกหมากโต

กลับมาที่พี่สาวเรา นางขาอ่อนแรงไม่รู้สึกว่า ปวดฉี่หรือไม่ปวดฉี่ ลุกเองไม่ได้
ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมหมอว่าเป็นผู้ทุพพลภาพเนื่องจากสูญเสียเคลื่อนไหวช่วงล่าง...(ฟ้าผ่าอีกครั้ง) ด้วยมะเร็งที่ประสาทไขสันหลังจึงทำให้กดทับแล้วก็มีการผ่าตัดสมองที่ผ่านมาด้วยคงได้รับผลกระทบ
หลังจากนั้นพี่สาวเรา เริ่มติดเตียง ลุกจากเตียงเองไม่ได้ ขยับก้นมาที่โถสุขภัณฑ์เคลื่อนที่ๆวางข้างเตียงไม่ได้  ระหว่างวันเราไปทำงานแม่ต้องดูแล เราสลับกะกับแม่ เราดูช่วงเย็นถึงเช้าแล้วมาทำงาน ส่วนแม่ดูช่วงระหว่างวัน วนไปอย่างนี้

ช่วงเดือนมิถุนายนมีป่วยเข้าโรงพยาบาล
(ปกติใช้โรงพยาบาลสิทธิประกันสังคมเสมอ ประกันกลุ่มบจ และสุดท้ายเธอใช้ประกันส่วนตัว)
ดั้งเดิมไม่เคยป่วยเจ็บไข้หรือนอนแอดมิดโรงพยาบาลใดๆทั้งสิ้น เป็นคนที่แข็งแรง ยาพารายังไม่เคยกิน แต่สวยๆก็มาเป็นมะเร็งสายพันธุ์ดุอีกต่างหาก  หน้าที่การงานกำลังไปได้ดี แต่อยู่ๆก็กลับมาเป็นแบบนี้ เป็นเสาหลักของครอบครัว แต่ตอนนี้เราเองต้องกลับมาดูแลจึงต้องทำให้เราเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นทุกอย่างที่ทำไม่เป็นต้องทำเป็นต้องทำให้ได้

การดูแล
ช่วงแรกทำกายภาพค่อยๆยกแขน เองหยิบน้ำเองตักข้าวกินได้ แปรงฟันเช็ดหน้าเองได้ ส่วนขาเราต้องยกช่วยกันยก เปลี่ยนแพมเพิสให้ ตะแคงข้างเองได้
และสายสวนปัสสาวะต้องใส่ไว้ตลอดและใส่แพมเพิสตลอดเพราะไม่รับรู้การเคลื่อนไหวของเสีย ร่างกายออกมาเอง

ร่างกายเริ่มถดถอยลงค่อยๆถอย ตอนนี้เริ่ม ต้องป้อนอาหารให้หยิบน้ำให้ มันเศร้านะทั้งใจเขาและใจเรา ทั้งแม่ที่อยู่ที่บ้านด้วย ต้องช่วยยกตะแคงข้างเพราะตั้งแต่อกลงไปไม่รับรู้
ช่วงกลางคืนเรานอนกับพี่แล้วพ่อ ที่ขวามือพ่อนอน ด้านซ้ายเตียงพี่ ต้องคอยช่วยเหลือ 2 คน ทุกคืนเราสวดมนต์ และแปลให้พี่และพ่อฟัง พอสวดจบให้เขาพูดสาธุ ... หากยังไม่หลับก็จะเปิดเพลงเบาๆ เพลงเบิร์ดธงไชย หรือไม่ก็ หลวงพ่อปัญญา หลวงพ่อสนอง เทศนาให้ฟัง
อาการของพ่อดีขึ้น ช่วยเหลือตัวเองได้เดินได้กินเองได้ แถมยังช่วยหยิบน้ำป้อนให้พี่สาวเรากินได้ด้วย

มาคืนอาทิตย์ที่แล้วรอให้พี่สาวนอน นางนอนกรน และจู่ๆตอนเช้าก็ไม่ตื่นเราเรียกเขย่าตัวก็ไม่ตื่น เราเรียกรถโรงพยาบาลมารับ หมอให้น้ำเกลือและให้ยามอร์ฟิน ตั้งใจปฏิเสธการรักษา ห้ามเจาะรักษาใดๆทั้งสิ้น เจตจำนง ตอนที่มีสติคือขอตายที่โรงพยาบาลซึ่งตอนนั้นเราก็อยู่กับพี่สาวคุยกับหมอด้วย แจ้งว่าถ้าอยู่บ้านมีพ่อแม่และเราคงทำไม่ถูกต้อง จึงอยากให้ตายที่โรงพยาบาลมากกว่า ส่วนเอาเข้าจริงเราเอง ขนาดที่เรารู้เรื่อง เราก็ทำใจไม่ได้ อย่างไรเราก็ต้องเลือกส่งไปโรงพยาบาลอยู่ดี ทั้งๆที่แม่ไม่อยากให้พาหาหมอเพราะ ถ้าไปโรงพยาบาลต้องเจาะหาเส้นเลือดตรวจอีก ทำให้พี่สาวเราเจ็บเพราะเส้นเลือดหายากมาก
เราทำใจไม่ได้ ความเห็นแก่ตัวไม่อยากให้จากแต่อีกใจก็อยากให้หลับสงบไป และแม่ก็ทำไจทุกคนทำใจหมด ขอให้เขาไปที่ดีๆสงบสุขไม่ทรมาน เพราะร่างที่อยู่ตอนนี้คือใช้การไม่ได้แล้วอยู่ไปก็ทรมานใจเปล่าๆ เราเคยถามเขาเองเขาบอกยังไงก็ได้ค่อยๆคิดค่อยๆทำแล้วแต่ "เวลา" นั้น
สรุปหลับไป 29 ชั่วโมง ช่วงกลางดึก ที่เขาหลับ เปลือกตาเปิด แต่ตาดำลอยข้างบน หายใจช้า เราคุยทั้งวันทั้งคืน เพราะคิดว่าพี่เรายังอยู่ในร่างแต่กลับมาไม่ได้ แต่อีกไกลคงจะออกจากร่างไม่ได้ เรานอนบนเตียงกับพี่ที่โรงพยาบาลเลย เตียงคนไข้ ทุกๆ 4 ชั่วโมงพยาบาลจะมาฉีดมอร์ฟีนให้ หมอให้งดน้ำอาหาร ช่วงเช้าที่พี่หลับไป น้าสาว ให้ไปซื้อ 5 นิ้ว 1 องค์บวกกับผ้าไตรชุดใหญ่ มาวางที่หัวเตียงแต่เรา มีพี่สาวแนะนำสวดมนต์อิติปิโสให้พ่อกับแม่ร่วมอธิษฐานได้ ช่วงเย็นวันนั้น ตื่นมาอีกทีเหมือนรู้ตัว มองมาทางเรา
ซึ่งปกติ หลังจากเราโตรู้เรื่องเรา ไม่อยาก ไม่นับถือศาสนาใดๆสวดมนต์เพียงเราสวดเสียงเพาะทุกคนบอก และเราไม่ขอพรแต่เรื่องนี้ไม่รู้จะใช่ศาสนาหรือว่าพี่สาวโดน น้ำเกลือกะมอร์ฟินจึงตื่นขึ้นมาได้อีกครั้ง ( เราอธิษฐานให้บุญของเราแบ่งให้พี่สาวและขอให้ ถ้าอยากตื่นก็ขอให้ตื่นเราจะดูแลต่อถ้าอยากไปก็ขอให้ไปสงบ)

ขณะที่ตื่นกลับมามองเราเหมือนไม่รู้จัก และถามเราว่าคุณคือใคร ตอนช่วงนั้น น้ำตาเราไหล เพราะพี่เราจะจำเราไม่ได้ เราจึงถามกลับไปว่าคุณคือใคร สรุปพี่สาวเราบอกชื่อจริงของนาง ค่อยยังชั่วคิดว่าใครว่ะเข้ามาในร่างพี่สาวเรานึกถึงหนังผีขึ้นมาเฉยๆเลย..
ถามนางว่าพี่หลับไป นานไปไหนมาไปเที่ยวไหนหรอ ? ตอบ ง่วง
ช่วงดึกเราเปิดเสียงสวดมนต์ได้ยินไหม หรือเราคุยด้วยได้ยินไหม นางบอกไม่รู้ ถึงแม้ตอนที่นอนพักที่โรงพยาบาล เราเปิดเสียงธรรมะให้ฟังถามเข้าใจไหมบอกไม่เข้าใจ
นางจะบ่นศัพท์ทำงานพวกการกระทบยอด Report Record ต่างๆ เคยคุยกันกับหมอภาวะเครียดทำให้เกิดสะสมเป็นโรค นอนน้อยแต่นางหลับลึกหลับง่ายยุนะ


จิตสุดท้าย
ความคิดเห็นส่วนตัว ที่เขาว่า ก่อนตายให้สวด พุทโธ หรืออธิษฐานหรือนึกอะไรที่ดีๆก็จะได้ไปดีๆ เป็นไปได้หรือเปล่า ก็ไม่รู้ เพราะส่วนมาก ก็ไม่ได้กลับมาเล่า ว่ามันเป็นจริง เพราะตอนที่จะไป ถามตรงๆ ถ้าเป็นเราเอง สภาพแบบพี่ อยากจะตายแต่ออกจากร่างไม่ได้ คืออยากตื่นไม่ได้เพราะง่วงร่างกายมันกดทับหรือเปล่า ถึงแม้เปิดธรรมะเสียงสวดให้ฟังก็ไม่เข้าไปข้างใน

ตอนนี้อยู่ในการเฝ้าระวัง ถึงแม้จะเป็นการดูแลแบบประคับประคอง มานานแล้วก็ตาม จะให้ทำตัว เตรียมใจ แต่ยังไงคนที่เรารักนอนกอดโตมาด้วยกัน มันก็ยากมากๆกับจิตใจเรา  และแม่ที่อายุมากที่คลอดมาเองอยู่ดูแลมาหลายเดือน ต้องกลับมารอส่งลูกหลับไปไม่รู้ตื่นอีกนานเท่าไร ... การดูแลคนๆนึง ที่เค้าสู้มาตลอด จนถึงตอนนี้ยังคอยห่วงเรา ไม่เห็นเราถามแม่เมื่อไรเราจะกลับจากเลิกงาน ก่อนนอนบอกเราเสมอ นอนให้ไวจะได้แข็งแรง อย่ากินขนมเยอะไขมันจะพอกตับ ยาอย่ากินเยอะ ก่อนออกจากบ้านมาทำงานบอกเราทุกวันว่ารีบไปรีบกลับอย่าฉิเชาะ(รีบเร่ง ซุ่มซ่ามนะ)

ช่วงระหว่างนี้ ตอนที่พี่สาวเราติดเตียงเราคุยกันว่าควรยื่นถามและบอกทุพพลภาพบริษัทประกันทุกๆบริษัทที่พี่เรามี นางทำประกัน หลักพ่วงสุขภาพ และแบบสะสมเยอะมากๆ บางบริษัทแจ้งว่าให้เราเลือกถ้าส่งเบี้ย ประกันต่อจะได้สิทธิคุ้มครองสุขภาพแต่ถ้าไม่ก็ใช้สิทธิทุพพลภาพ  แต่มีบริษัทนึง โทรกลับมาไม่มีทางเลือกใดๆ บอกไม่คุ้มครอง สุขภาพ แล้วจะคืนเบี้ยที่เราจ่ายไปในเดือนมีนาคม ก่อนที่เป็นผู้ทุพพลภาพ ซึ่งเราคิดว่าไม่โอเค พี่สาวเราก็บอกเหมือนกันดังนั้นเราจำเป็นผู้ร้องเรียนสิทธิแทนพี่สาว เพื่อไม่ให้บริษัทเอาเปรียบผู้ประกันตนเพราะเราส่งเบี้ยประกันมาแล้วปีนี้ปีที่ 10 แต่เพียงว่าเป็นผู้ทุพพลภาพ หลังจากส่งเบี้ยไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ รู้สึกเสียใจ ซ้ำเติมเราอีก... เราจึงส่งเรื่อง ให้กับบริษัทเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง เมื่อบริษัทไม่เห็นผลเราจึงส่งเรื่องไปคปภ. นัดไกล่เกลี่ยชั้นต้น(แม่ไปกับเรา) และชำนาญการ ( เราไปคนเดียวแม่ไม่สะดวกติดตามเราเพราะเดินไม่ค่อยไหวแล้ว )
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่