เราต้องขอออกตัวก่อนว่านี้เป็นการแชร์ประสบการณ์ป่วยที่ผ่านมาของเราเองและเป็นครั้งแรกที่เราได้มีโอกาสมาแชร์เรื่องราวที่ผ่านมา ทางตัวหนังสือและทางกระทู้ ทำไมถึงอยากแชร์นะหรอ เพราะว่าตอนเราป่วยเราหาข้อมูล เจอแต่ข้อมูลในระดับทั่วไปคะ ระดับแบบเจาะลึกหาได้ยากมากๆดังนั้นเราเลยอยากเขียนเรื่องราวเล็กๆ ฝากเป็นกำลังใจหรือขั้นตอนคร่าวๆให้กับเพื่อนๆที่ต้องการหาข้อมูลคะ ถ้าผิดพลาดอะไรเราขออภัยไว้ตรงนี้ก่อนเลยน้าาา มาคะเริ่ม...
ขอแนะนำตัวก่อนเราอายุวัย 40 ฟ่าๆ ที่มีสุขภาพร่างกายที่คิดเอาเองว่าเราแข็งแรงนะไม่มีโรคภัยไข้เจ็บอะไรที่เป็นโรคประจำตัวนอกจากน้ำหนักที่ BMI เกิน 26 ไปนิดนึง 555 เราออกกำลังกายเป็นประจำอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ครอบครัวเราไม่มีใครเป็นโรคมะเร็งเลยนอกจากความดันเบาหวานทั่วไป และเราทำงานนั่งโต๊ะพนักงานออฟฟิศทั่วๆไป และก็นั่นแหระทางบริษัทฯโดยส่วนใหญ่ก็จะมีโปรแกรมตรวจสุขภาพประจำปีให้ทุกปีกับพนักงานที่น่ารักทุกคน เราเป็นคนหนึ่งที่ขี้เกียจตรวจมากเพราะไปตรวจแต่ละครั้งใช้เวลาเรียกว่านานเลยคะ ขนาดโรงพยาบาลที่ตรวจเป็นโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในกรุงเทพฯ หรืออาจเป็นเพราะโปรแกรมที่ออฟฟิศเราระบุให้ตรวจเยอะซะจนเรียกว่าตรวจทุกอนูของร่างกาย (แต่ขอมาร์คตรงนี้ไว้หนักๆนะคะแล้วเราจะขอบคุณบริษัทที่รักมาก) เมื่อประมาณตค.ที่ผ่านมาครอบรอบในการตรวจร่างกายของเราทุกปีเราได้ไปตรวจเป็นปกติในวันหยุดที่คนเยอะเป็นปกติ ตรวจเลือด อัลตราซาวน์ช่องท้องบนและล่าง ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ แต่ก็มีโปรแกรมอีกสองอย่างให้เราเลือกตามความสมัครใจคือจะตรวจก็ได้ไม่ก็ได้คือ แมมโมแกรมและมะเร็งปากมดลูก แน่นอนคะด้วยความงกของเราไม่กลัวเจ็บเราเลือกที่จะตรวจในทุกปีตั้งแต่อายุ 35 ปีไม่เคยเว้นเลย (งกมากอยู่ 555) ทุกปีสิ่งที่เราเจอในการตรวจแมมโมแกรมคือก้อนหินปูนกลมที่เกิดทั่วๆไปตามเต้านมปกติ และเป็นตำแหน่งเดิมๆที่พบเจอแต่ในบางปีก็พบเพิ่มบ้างแต่รูปร่างไม่ได้ผิดปกติอะไร
แต่..ในปีนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเลย ในขั้นตอนสุดท้ายขอการตรวจสุขภาพเราต้องพบหมอเพื่ออ่านผลให้เราฟังทุกๆเรื่องตั้งแต่ค่าเลือดพื้นฐานทั่วไปและผลแลป ซึ่งหมอได้แจ้งเราว่าผลแมมโมแกรมของเราไม่ปกติอยากให้ไปพบคุณหมอเฉพาะทางที่ศูนย์เต้านม ตอนนั้นเราคิดคือไรหมอ หมอเยอะหรือเปล่าจะรีบกลับคะจะไปเดินห้างชอปปิ้ง 555 (ห่วงแต่ไปเที่ยว) แต่หมอก็ยังยืนยันให้ไปพบก่อนนะครับ ในความคิดตอนนั้นเราก็มึนๆงงๆ เออ..ไปพบจะได้จบๆ จะไรก้นมากเนี๊ยะจะรีบไป
เราได้ไปพบคุณหมอที่ศูนย์มะเร็งเต้านมพอเข้าไปนั่งปุ๊บหมอก็จะมีกระดาษที่เป็นรูปเต้านมวางอยู่ หมอก็เปิดผลแมมโมแกรมในคอมฯให้เราดู และแจ้งเราว่าให้คุณมองด้วยตาเปล่าว่าก้อนเนื้อสองก้อนที่เห็นบนหน้าจอมีลักษณะกลมมั๊ยคะ ใช่คะสิ่งเราให้บอกได้เลยว่าไม่กลมน่าตาไม่น่ารักเลย ดูน่าตาร้ายกาจมาก ที่ซ้ำร้ายกว่านั้นไม่เจอแค่ 1 มันมาเป็นคู่เลยจ้าาา เป็นพี่น้องกันแค่ไม่ได้จับมือกันมีระยะห่างระหว่างกันประมาณ 2 ซม. ก้อนพี่ประมาณ 1 ซม. ก้อนน้องประมาณ 0.6 ซม. ตอนนั้นบอกตรงๆอารมณ์ไปช๊อปปิ้งคือหายไปไหนไม่รู้ เรารู้แค่ใจลอยๆกับคำว่ามันคือมะเร็งเหรอ ฝันอยู่ป่าว..ตื่นๆๆ จากหน้ายิ้มกลายเป็นหน้าเสียแต่โชคดีที่แฟนเราเข้าไปฟังด้วย สติตอนนั้นหลุดไปไหนไม่รู้หาไม่เจอในตอนนั้นหมอบอกถึงขั้นตอนและวิธีการรักษา ซึ่งต้องบอกเลยว่าใครไม่เจอเองจะสับสนมากทั้งข่าวร้ายและวิธีการรักษาซึ่งไม่ได้เป็นขั้นเดียวฉีดยาทานยาแล้วจบ มันมีกระบวนการของเค้าอีกมากมาย เราจะมาย่อยกระบวนต่างๆให้ฟังต่อนะคะ
หมอบอกว่าต้องเริ่มจากการต้องนำชิ้นเนื้อไปตรวจก่อนนะว่าใช่มะเร็งหรือไม่ (อ้าวที่เห็นอาจไม่เป็นหรอ) ใจเราเริ่มชื้นเออๆอาจไม่ใช่ก็ได้เพราะประวัติตระกูลเราไม่มีใครเคยเป็นเลยนิเน้อ เราก็ทันทีเอาเลยคะหมอเอาไปตรวจเลยคะจะได้จบว่าเป็นหรือไม่ยังงัย หมอก็ยังงงๆเมื่อกี๊ยังหน้าเสียน้ำตาเริ่มคลอมาตอนนี้เอาเลยคะมาสู้ 555 หมอบอกว่าการตรวจชิ้นเนื้อวิธีการก็คือจะมีเครื่องมือลักษณะจะคล้ายๆปืนจะยิงข้าไปที่ก้อนเนื้อและจะนำเนื้อออกมาไปส่งแลปเทสต์ต่อใช้เวลาประมาณ 7 วันถึงจะทราบผล แต่ก่อนที่จะยิงเข้าไปแน่นอนคะยาชาต้องฉีดไม่งั้นไม่รอดแน่นอน จะเจ็บแค่ยาชาที่ฉีดครั้งแรกเท่านั้น ถ้าหมอไม่เอาออกมาก็ไม่ทราบได้ว่าเป็นหรือไม่เป็น ในใจตอนนั้นหมอคิดผิดเหอะสาธุๆๆ พระกับเจ้ามาเต็มเลยในหัว กระบวนการเจาะชิ้นเนื้อได้เริ่มต้นขึ้นหมอฉีดยาชาเข้าไปถ้าถามเราว่าเจ็บมั๊ยฉีดยาชา ยาชาที่ฉีดตอนอุดฟันยังเจ็บกว่าแต่จะแค่รู้สึกว่ามีน้ำเดินเข้าไปในก้อนเต้านมแค่นั้น หลังจากนั้นหมอจะมีเครื่องมือเหมือนกล้องอัลตราซาวน์มาสแกนๆว่าตำแหน่งที่ชัดเจนที่จะยิงตรงไหนและก็ทำการยิงก้อนละ 4 ครั้งของเราสองก้อนคือ 8 ครั้ง ตอนยิงนะไม่เจ็บแต่กลัวว่าเข็มที่ยิงเข้าไปถ้ามันเลยก้อนนั้นไปละมันจะทะลุไปไหนป่าวง่าาา บอกตรงๆว่าตอนนั้นกลัวมากๆและในการยิงแต่ละครั้งเครื่องมือปืนอันนี้ที่เราเรียก มันก็ดังเป้กๆๆทุกครั้งที่ยิง มันยิ่งทำให้เรากลัวว่าเข็มมันจะเลยก้อนเนื้อไป และแล้ว8 ครั้งก็จบลง ความเซ้าซี้เรากับหมอ เรายังไม่เลิกถามคุณหมอต่อคะ ถามแบบตรงๆเลยว่าเห็นสีเนื้อคุณหมอบอกพอจะใช้ประสบการณ์แจ้งได้มั๊ยคะว่าใช่หรือไม่ คุณหมอหน้าแบบอึ้งมากอารมณ์ไหนอีก 555 เราก็บอกหมอว่าบอกเถอะคะจะได้ทำใจ หมอบอกว่าจากที่เคยเจาะมาเป็นพันๆคนบอกพอจะคาดเดา คาดเดานะทุกคน (งดดราม่า) คิดว่าก้อนพี่น่าจะใช่แต่ก้อนน้องไม่แน่ใจเพราะสียังดีอยู่ โอ๊ย...หน้าตาไม่เหลือความอยากรู้อีกเดินออกจากห้องลืมความเจ็บปวดที่เจาะชิ้นเนื้อไปหมดมีแต่เห้ยฝันป่าวเนี๊ยะ แต่ๆหมอๆบอกยังไม่หมด ถ้าให้ดีอาทิตย์หน้าที่มาฟังผลอดข้าวอดน้ำมาเลยนะครับเผื่อจะต้องผ่าตัดเต้านมเอาชิ้นเนื้อออกเลย อ้าวหมอ..ส่วนเรานั้นจิตตกเศร้าคิดมากกินไม่ได้นอนไม่หลับ เวลาผ่านไปคะตรงที่เจาะเริ่มม่วงและเขียวค่อนข้างน่ากลัวถามว่าเจ็บมั๊ยก็มีตึงๆบ้าง
และแล้วผ่านไป 7 วันที่ยากลำบากสาหัสจากการคิดนอนมากจนกินไม่ได้ไม่หลับไม่นอน หาข้อมูลทุกๆอย่างที่พอจะมีในอากู๋ แต่สิ่งที่หามาบอกเลยว่ามีทั้งเป็นประโยชน์และโทษสำหรับตัวเราเองมาก ยิ่งอ่านมากเสพมากเท่าไหร่ก็ยิ่งคิดเยอะ ยิ่งอ่านมากก็ยิ่งกินนอนไม่ได้เลย เราเชื่อว่าสิ่งที่คุณได้อ่านและได้ยินมานั้นในคนที่เป็นโรคนี้คุณจะคิดว่าต้องมีชีวิตที่แสนสั้นแน่ๆและวิธีการรักษาช่างหนักหน่วงและน่ากลัว และนั่นสิ่งเหล่านั้นคือเป็น toxic มากสำหรับจิตใจเราเลยคือเราคิดทุกอย่างพยายามหาทางออกดิ้นร้นอยากมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อดูแลพ่อแม่และอยู่ดูลูกของเราที่กำลังเติบโต แต่ก็นั่นแหระพยามแค่ไหนไม่มีทางออกใดๆเลย นอกซะจากยอมรับที่จะต้องสู้กับมันอย่างมีสติ เรารู้คะว่ามันยากแต่ยากแค่ไหนให้คิดว่าเป็นบททดสอบแล้วมันก็จะผ่านไป ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้และเป็นผู้ป่วยเหมือนเราอยากจะบอกว่าให้สู้อย่างมีสติ อย่าเอาขยะหรือสิ่งที่ไม่จำเป็นมาใส่สมองเพราะคนที่แย่ที่สุดนอกจากตัวเราแล้วคือครอบครัวของเรา สภาพจิตใจเราจะไม่ปกติกับสิ่งที่เราเป็น ดังนั้นจงยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ ในเมื่อมันได้เริ่มแล้วเราต้องสู้กับมันให้จนจบ โรคนี้ถ้าเราไม่สู้กับโรค โรคจะสู้กับเราอย่างไม่มีคำว่าปราณี ฉะนั้นจิตใจสำคัญมากนะคะ
และแล้วผลออกมาคือใช่มะเร็งคะที่ซ้ำร้ายคือพี่น้องคือท้องเดียวกันเป็นบวกทั้งสอง เราเลยตัดสินใจผ่าตัดในวันที่ฟังผลเลยทันที ในตอนนั้นคือไม่รออะไรแล้วคะเอาสิ่งร้ายๆนี้ออกไปจากร่างกายของฉันซะ ฉันจะได้กลับมาเป็นคนปกติ ใช้ชีวิตปกติสักที แต่....ชีวิตกับการรักษาสำหรับโรคนี้ไม่ง่ายเหมือนอย่างนั้น ถ้าคุณเป็นเยอะกระบวนการต่อจากนั้นก็จะเยอะตาม แต่ถ้าคุณตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ มันก็จะจบลงตอนที่คุณผ่ามันออกไป
ผ่านไปกับการผ่าตัดเนื้องอกออกจากเต้านม หมอใช้วิธีในการผ่าตัดเต้านมแบบสงวนเต้าให้เราเพราะหมอบอกว่าเรามีพื้นที่เยอะที่จะคว้านออกไปได้ (แม่ให้มาเยอะ 55) และต้องเผื่อให้มีระยะปลอดภัยของเค้าด้วย ระยะปลอดภัยหมายถึงขอบเนื้อที่เราตัดออกไปต้องตรวจไม่พบเจอเชื้อมะเร็งอีก และในตอนผ่าตัดหมอจะฉีดยาเป็นสีฟ้าเราไม่รู้เรียกชื่อทางการแพทย์ว่าอะไรนะหมอจะฉีดไปที่เนื้อมะเร็งและยานี้จะทำหน้าที่นำทางจากเนื้อร้ายไปถึงต่อมน้ำเหลืองตรงจักกะแร้ ซึ่งปกติคนเราจะมีต่อมน้ำเหลืองตรงนั้นค่อนข้างเยอะ ถ้าสีฟ้านี้ไปถึงตรงต่อมน้ำเหลืองไหน หมอจะทำการเลาะต่อมน้ำเหลืองนั้นออกเพราะต่อมน้ำเหลืองตรงนั้นจะเป็นส่วนที่มะเร็งลุกลามไปถึงแล้ว แต่ในบางเคสถ้าศัลยแพทย์เห็นว่าลุกลามไปค่อนข้างเยอะหมอจะทำการตัดสินใจเลาะออกทั้งหมอเพื่อลดความเสี่ยง และส่งไปให้ที่แลปเพื่อทำการเช็คสายพันธุ์ของมะเร็งและจะทราบถึงการลุกลามของโรคหรือที่เราเคยได้ยินว่าเป็นระยะไหน ทั้งนี้ในการผ่าตัดจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ทั้งหมดนะคะ สรุปหมอทำการผ่าตัดของเราโดยใช้วิธีคว้านสองก้อนรวมกันชิ้นเนื้อไปประมาณ 10 ซม. และเลาะต่อมน้ำเหลืองไปทั้งหมด 7 ต่อม สิ่งที่เราต้องทำหลังจากผ่าตัดเต้านมไปคือต้องรอคะ รออย่างเดียวกับผลแลปที่จะออกหลังจากผ่าตัดอีก 7 วัน จะบอกว่า 7 วันนี้เป็นการรอที่ทรมานทั้งตัวเราเองและครอบครัวมากๆๆ เพราะเป็นผลที่เราจะทราบทั้งหมดว่าเราเป็นมะเร็งระยะที่เท่าไหร่และชนิดรุนแรงหรือไม่ แนวทางการรักษาต้องยังงัย และรวมถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาว่าเราต้องใช้มันมากมหาศาลแค่ไหน
เราจะบอกว่าระหว่างรอผลโชคดีที่เราลางานเพื่อพักฟื้นหลังจากการผ่าตัดเต้านม เอาจริงๆร่างกายตอนนั้นชาไปหมดไม่รู้สึกอะไร แต่สิ่งที่ต้องการพักฟื้นและเยียวยาคือจิตใจตังหาก เรายอมรับเลยว่าแต่ละวันเรานอนไม่เกิน 3 ชม. ตลอดเวลาเราจะหยิกตัวเองตื่นๆๆจากฝันซะที อยู่คนเดียวไม่ได้ร้องไห้ตลอดข้าวไม่กิน แฟนเราก็ไม่เป็นอันทำงานเหมือนต้องหนีบเราไปทุกทีเพราะสภาพจิตใจไม่ได้เลย ได้แต่อยากไปวัดไปนั่งฟังพระสวดไปขอพรไปนั่งร้องไห้ที่วัด ช่วงชีวิตนี้เราจำได้ไม่ลืมเลย เราเคยคิดนะว่าชีวิตเราสบายมากๆไม่มีอะไรน่าห่วง อยากทำไรก็ทำเสียเวลาไปเยอะ คิดทำเรื่องไร้สาระก็เยอะ แต่พอมาเป็นโรคนี้เราก็มาคิดได้ว่าชีวิตเราสั้นนัก ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน นอนหลับไปตื่นมาพรุ่งนี้หรือชาติหน้าอันไหนมาถึงก่อนก็ไม่รู้ได้ กว่าจะผ่านไป 7 วันบอกว่าเราต้องใช้พลังเข้มแข็งมากๆๆๆๆ คนรอบตัวครอบครัวเพื่อนสนิทสำคัญกับคนป่วยให้สู้ต่อไปมากๆ ซึ่งเราจะบอกว่าเราโชคดีที่สามีเราดีมากเป็นกำลังให้ทุกอย่าง เค้าพร้อมจับมือโอบกอดและเดินผ่าช่วงเวลาที่แย่ๆไปกับเรา (ขออวยหน่อย 55) ขอส่งกำลังใจให้คนที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองกำลังเป็นโรคนี้นะคะ ให้สู้คะ สู้เพื่อตัวเองและคนที่เรารักและรักเรา
มาต่อคะในที่สุดผลของเราก็ออกมาคะ เราไปหาหมอแต่เช้าทั้งๆหมอนัดบ่าย ก็คนมันอยากจะรู้นิเน้อว่าเป็นยังงัย ช่วงเวลาที่หมอกำลังจะเรียกเข้าห้องเราต้องไปอีกครึ่งชม. เพราะผลมาแล้วแต่ว่ากระบวนการเอกสารทางแลปส่งเซ็นต์อยู๋ยังไม่ถึงมือหมอเล้ยยย ตอนนั้นเรานั่งนิ่งมากใจนึกถึงสิ่งที่เราทำดีมาขอให้พบเจอแต่สิ่งที่ดีๆๆด้วย ก่อนออกจากบ้านเราถึงขั้นดูว่าสีเสื้ออะไรเป็นมงคลเลยนะ อะไรดีเอาทุกอย่างขอให้พบเจอแต่สิ่งที่ดีบ้างเหอะเจ็บตัวมาเยอะละ ในที่สุดพยาบาลก็เรียกเราสักที มาพบหน้าหมอ ไม่ทันจะนั่งหมอบอกก่อนว่าขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ ค่ามะเร็งที่พบเป็นค่าที่ต่ำมากแต่เสียดายถ้าพบเร็วกว่านี้เราไม่ต้องทำอะไรต่อเลย แต่ยังดีมะเร็งที่พบเป็นมะเร็งที่มันอัตราขายตัวอยู่ที่ 0-1% เท่านั้นซึ่งไม่มีความเป็นมะเร็งเลย (rage 0-15%) สำหรับการวัดการความดุการเติบโตของมะเร็ง ค่ายิ่งเยอะนั่นหมายถึงว่ามะเร็งจะแพร่กระจายเร็ว ส่วนค่าอันอื่นของเราที่ ER = 40% PR = 90% HER2 = negative (ER = Estrogen, PR = Progesterone เป็นฮอร์โมนในเพศหญิง)ของเราค่าฮอร์โมนนี้คือสูงมากๆๆ มะเร็งตัวนี้จะรักษาได้ด้วยยาฮอร์โมนได้ดี หมอบอกว่าโชคดีมากๆเลยครับ แต่เราโชคร้ายนิดนึงตรงที่ล่ามไปต่อมน้ำเหลือง 1/7 หนึ่งในเจ็ดต่อม ส่วนก้อนพี่วัดความเติบโตได้คือ 2.3 cm ส่วนก้อนน้องวัดได้ 2 cm.และลามไปต่อมน้ำเหลืองและความใหญ่ของเนื้อมะเร็งทำให้เราเป็นมะเร็งระยะที่ 2 ทันที หมอแจ้งเราว่าตามทฤษฎีทั่วไปคือต้องให้เคมีบำบัดและฉายแสงทันที ทั้งนั้นทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจคุณหมอมะเร็งวิทยา
ขอพักแพรบไว้มาต่อครึ่งทางสุดท้ายของการรักษา
ขอมาแชร์ประสบการณ์ มะเร็งเต้านมระยะที่ 2B ในวัย 43 ปี
ขอแนะนำตัวก่อนเราอายุวัย 40 ฟ่าๆ ที่มีสุขภาพร่างกายที่คิดเอาเองว่าเราแข็งแรงนะไม่มีโรคภัยไข้เจ็บอะไรที่เป็นโรคประจำตัวนอกจากน้ำหนักที่ BMI เกิน 26 ไปนิดนึง 555 เราออกกำลังกายเป็นประจำอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ครอบครัวเราไม่มีใครเป็นโรคมะเร็งเลยนอกจากความดันเบาหวานทั่วไป และเราทำงานนั่งโต๊ะพนักงานออฟฟิศทั่วๆไป และก็นั่นแหระทางบริษัทฯโดยส่วนใหญ่ก็จะมีโปรแกรมตรวจสุขภาพประจำปีให้ทุกปีกับพนักงานที่น่ารักทุกคน เราเป็นคนหนึ่งที่ขี้เกียจตรวจมากเพราะไปตรวจแต่ละครั้งใช้เวลาเรียกว่านานเลยคะ ขนาดโรงพยาบาลที่ตรวจเป็นโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในกรุงเทพฯ หรืออาจเป็นเพราะโปรแกรมที่ออฟฟิศเราระบุให้ตรวจเยอะซะจนเรียกว่าตรวจทุกอนูของร่างกาย (แต่ขอมาร์คตรงนี้ไว้หนักๆนะคะแล้วเราจะขอบคุณบริษัทที่รักมาก) เมื่อประมาณตค.ที่ผ่านมาครอบรอบในการตรวจร่างกายของเราทุกปีเราได้ไปตรวจเป็นปกติในวันหยุดที่คนเยอะเป็นปกติ ตรวจเลือด อัลตราซาวน์ช่องท้องบนและล่าง ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ แต่ก็มีโปรแกรมอีกสองอย่างให้เราเลือกตามความสมัครใจคือจะตรวจก็ได้ไม่ก็ได้คือ แมมโมแกรมและมะเร็งปากมดลูก แน่นอนคะด้วยความงกของเราไม่กลัวเจ็บเราเลือกที่จะตรวจในทุกปีตั้งแต่อายุ 35 ปีไม่เคยเว้นเลย (งกมากอยู่ 555) ทุกปีสิ่งที่เราเจอในการตรวจแมมโมแกรมคือก้อนหินปูนกลมที่เกิดทั่วๆไปตามเต้านมปกติ และเป็นตำแหน่งเดิมๆที่พบเจอแต่ในบางปีก็พบเพิ่มบ้างแต่รูปร่างไม่ได้ผิดปกติอะไร
แต่..ในปีนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเลย ในขั้นตอนสุดท้ายขอการตรวจสุขภาพเราต้องพบหมอเพื่ออ่านผลให้เราฟังทุกๆเรื่องตั้งแต่ค่าเลือดพื้นฐานทั่วไปและผลแลป ซึ่งหมอได้แจ้งเราว่าผลแมมโมแกรมของเราไม่ปกติอยากให้ไปพบคุณหมอเฉพาะทางที่ศูนย์เต้านม ตอนนั้นเราคิดคือไรหมอ หมอเยอะหรือเปล่าจะรีบกลับคะจะไปเดินห้างชอปปิ้ง 555 (ห่วงแต่ไปเที่ยว) แต่หมอก็ยังยืนยันให้ไปพบก่อนนะครับ ในความคิดตอนนั้นเราก็มึนๆงงๆ เออ..ไปพบจะได้จบๆ จะไรก้นมากเนี๊ยะจะรีบไป
เราได้ไปพบคุณหมอที่ศูนย์มะเร็งเต้านมพอเข้าไปนั่งปุ๊บหมอก็จะมีกระดาษที่เป็นรูปเต้านมวางอยู่ หมอก็เปิดผลแมมโมแกรมในคอมฯให้เราดู และแจ้งเราว่าให้คุณมองด้วยตาเปล่าว่าก้อนเนื้อสองก้อนที่เห็นบนหน้าจอมีลักษณะกลมมั๊ยคะ ใช่คะสิ่งเราให้บอกได้เลยว่าไม่กลมน่าตาไม่น่ารักเลย ดูน่าตาร้ายกาจมาก ที่ซ้ำร้ายกว่านั้นไม่เจอแค่ 1 มันมาเป็นคู่เลยจ้าาา เป็นพี่น้องกันแค่ไม่ได้จับมือกันมีระยะห่างระหว่างกันประมาณ 2 ซม. ก้อนพี่ประมาณ 1 ซม. ก้อนน้องประมาณ 0.6 ซม. ตอนนั้นบอกตรงๆอารมณ์ไปช๊อปปิ้งคือหายไปไหนไม่รู้ เรารู้แค่ใจลอยๆกับคำว่ามันคือมะเร็งเหรอ ฝันอยู่ป่าว..ตื่นๆๆ จากหน้ายิ้มกลายเป็นหน้าเสียแต่โชคดีที่แฟนเราเข้าไปฟังด้วย สติตอนนั้นหลุดไปไหนไม่รู้หาไม่เจอในตอนนั้นหมอบอกถึงขั้นตอนและวิธีการรักษา ซึ่งต้องบอกเลยว่าใครไม่เจอเองจะสับสนมากทั้งข่าวร้ายและวิธีการรักษาซึ่งไม่ได้เป็นขั้นเดียวฉีดยาทานยาแล้วจบ มันมีกระบวนการของเค้าอีกมากมาย เราจะมาย่อยกระบวนต่างๆให้ฟังต่อนะคะ
หมอบอกว่าต้องเริ่มจากการต้องนำชิ้นเนื้อไปตรวจก่อนนะว่าใช่มะเร็งหรือไม่ (อ้าวที่เห็นอาจไม่เป็นหรอ) ใจเราเริ่มชื้นเออๆอาจไม่ใช่ก็ได้เพราะประวัติตระกูลเราไม่มีใครเคยเป็นเลยนิเน้อ เราก็ทันทีเอาเลยคะหมอเอาไปตรวจเลยคะจะได้จบว่าเป็นหรือไม่ยังงัย หมอก็ยังงงๆเมื่อกี๊ยังหน้าเสียน้ำตาเริ่มคลอมาตอนนี้เอาเลยคะมาสู้ 555 หมอบอกว่าการตรวจชิ้นเนื้อวิธีการก็คือจะมีเครื่องมือลักษณะจะคล้ายๆปืนจะยิงข้าไปที่ก้อนเนื้อและจะนำเนื้อออกมาไปส่งแลปเทสต์ต่อใช้เวลาประมาณ 7 วันถึงจะทราบผล แต่ก่อนที่จะยิงเข้าไปแน่นอนคะยาชาต้องฉีดไม่งั้นไม่รอดแน่นอน จะเจ็บแค่ยาชาที่ฉีดครั้งแรกเท่านั้น ถ้าหมอไม่เอาออกมาก็ไม่ทราบได้ว่าเป็นหรือไม่เป็น ในใจตอนนั้นหมอคิดผิดเหอะสาธุๆๆ พระกับเจ้ามาเต็มเลยในหัว กระบวนการเจาะชิ้นเนื้อได้เริ่มต้นขึ้นหมอฉีดยาชาเข้าไปถ้าถามเราว่าเจ็บมั๊ยฉีดยาชา ยาชาที่ฉีดตอนอุดฟันยังเจ็บกว่าแต่จะแค่รู้สึกว่ามีน้ำเดินเข้าไปในก้อนเต้านมแค่นั้น หลังจากนั้นหมอจะมีเครื่องมือเหมือนกล้องอัลตราซาวน์มาสแกนๆว่าตำแหน่งที่ชัดเจนที่จะยิงตรงไหนและก็ทำการยิงก้อนละ 4 ครั้งของเราสองก้อนคือ 8 ครั้ง ตอนยิงนะไม่เจ็บแต่กลัวว่าเข็มที่ยิงเข้าไปถ้ามันเลยก้อนนั้นไปละมันจะทะลุไปไหนป่าวง่าาา บอกตรงๆว่าตอนนั้นกลัวมากๆและในการยิงแต่ละครั้งเครื่องมือปืนอันนี้ที่เราเรียก มันก็ดังเป้กๆๆทุกครั้งที่ยิง มันยิ่งทำให้เรากลัวว่าเข็มมันจะเลยก้อนเนื้อไป และแล้ว8 ครั้งก็จบลง ความเซ้าซี้เรากับหมอ เรายังไม่เลิกถามคุณหมอต่อคะ ถามแบบตรงๆเลยว่าเห็นสีเนื้อคุณหมอบอกพอจะใช้ประสบการณ์แจ้งได้มั๊ยคะว่าใช่หรือไม่ คุณหมอหน้าแบบอึ้งมากอารมณ์ไหนอีก 555 เราก็บอกหมอว่าบอกเถอะคะจะได้ทำใจ หมอบอกว่าจากที่เคยเจาะมาเป็นพันๆคนบอกพอจะคาดเดา คาดเดานะทุกคน (งดดราม่า) คิดว่าก้อนพี่น่าจะใช่แต่ก้อนน้องไม่แน่ใจเพราะสียังดีอยู่ โอ๊ย...หน้าตาไม่เหลือความอยากรู้อีกเดินออกจากห้องลืมความเจ็บปวดที่เจาะชิ้นเนื้อไปหมดมีแต่เห้ยฝันป่าวเนี๊ยะ แต่ๆหมอๆบอกยังไม่หมด ถ้าให้ดีอาทิตย์หน้าที่มาฟังผลอดข้าวอดน้ำมาเลยนะครับเผื่อจะต้องผ่าตัดเต้านมเอาชิ้นเนื้อออกเลย อ้าวหมอ..ส่วนเรานั้นจิตตกเศร้าคิดมากกินไม่ได้นอนไม่หลับ เวลาผ่านไปคะตรงที่เจาะเริ่มม่วงและเขียวค่อนข้างน่ากลัวถามว่าเจ็บมั๊ยก็มีตึงๆบ้าง
และแล้วผ่านไป 7 วันที่ยากลำบากสาหัสจากการคิดนอนมากจนกินไม่ได้ไม่หลับไม่นอน หาข้อมูลทุกๆอย่างที่พอจะมีในอากู๋ แต่สิ่งที่หามาบอกเลยว่ามีทั้งเป็นประโยชน์และโทษสำหรับตัวเราเองมาก ยิ่งอ่านมากเสพมากเท่าไหร่ก็ยิ่งคิดเยอะ ยิ่งอ่านมากก็ยิ่งกินนอนไม่ได้เลย เราเชื่อว่าสิ่งที่คุณได้อ่านและได้ยินมานั้นในคนที่เป็นโรคนี้คุณจะคิดว่าต้องมีชีวิตที่แสนสั้นแน่ๆและวิธีการรักษาช่างหนักหน่วงและน่ากลัว และนั่นสิ่งเหล่านั้นคือเป็น toxic มากสำหรับจิตใจเราเลยคือเราคิดทุกอย่างพยายามหาทางออกดิ้นร้นอยากมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อดูแลพ่อแม่และอยู่ดูลูกของเราที่กำลังเติบโต แต่ก็นั่นแหระพยามแค่ไหนไม่มีทางออกใดๆเลย นอกซะจากยอมรับที่จะต้องสู้กับมันอย่างมีสติ เรารู้คะว่ามันยากแต่ยากแค่ไหนให้คิดว่าเป็นบททดสอบแล้วมันก็จะผ่านไป ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้และเป็นผู้ป่วยเหมือนเราอยากจะบอกว่าให้สู้อย่างมีสติ อย่าเอาขยะหรือสิ่งที่ไม่จำเป็นมาใส่สมองเพราะคนที่แย่ที่สุดนอกจากตัวเราแล้วคือครอบครัวของเรา สภาพจิตใจเราจะไม่ปกติกับสิ่งที่เราเป็น ดังนั้นจงยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ ในเมื่อมันได้เริ่มแล้วเราต้องสู้กับมันให้จนจบ โรคนี้ถ้าเราไม่สู้กับโรค โรคจะสู้กับเราอย่างไม่มีคำว่าปราณี ฉะนั้นจิตใจสำคัญมากนะคะ
และแล้วผลออกมาคือใช่มะเร็งคะที่ซ้ำร้ายคือพี่น้องคือท้องเดียวกันเป็นบวกทั้งสอง เราเลยตัดสินใจผ่าตัดในวันที่ฟังผลเลยทันที ในตอนนั้นคือไม่รออะไรแล้วคะเอาสิ่งร้ายๆนี้ออกไปจากร่างกายของฉันซะ ฉันจะได้กลับมาเป็นคนปกติ ใช้ชีวิตปกติสักที แต่....ชีวิตกับการรักษาสำหรับโรคนี้ไม่ง่ายเหมือนอย่างนั้น ถ้าคุณเป็นเยอะกระบวนการต่อจากนั้นก็จะเยอะตาม แต่ถ้าคุณตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ มันก็จะจบลงตอนที่คุณผ่ามันออกไป
ผ่านไปกับการผ่าตัดเนื้องอกออกจากเต้านม หมอใช้วิธีในการผ่าตัดเต้านมแบบสงวนเต้าให้เราเพราะหมอบอกว่าเรามีพื้นที่เยอะที่จะคว้านออกไปได้ (แม่ให้มาเยอะ 55) และต้องเผื่อให้มีระยะปลอดภัยของเค้าด้วย ระยะปลอดภัยหมายถึงขอบเนื้อที่เราตัดออกไปต้องตรวจไม่พบเจอเชื้อมะเร็งอีก และในตอนผ่าตัดหมอจะฉีดยาเป็นสีฟ้าเราไม่รู้เรียกชื่อทางการแพทย์ว่าอะไรนะหมอจะฉีดไปที่เนื้อมะเร็งและยานี้จะทำหน้าที่นำทางจากเนื้อร้ายไปถึงต่อมน้ำเหลืองตรงจักกะแร้ ซึ่งปกติคนเราจะมีต่อมน้ำเหลืองตรงนั้นค่อนข้างเยอะ ถ้าสีฟ้านี้ไปถึงตรงต่อมน้ำเหลืองไหน หมอจะทำการเลาะต่อมน้ำเหลืองนั้นออกเพราะต่อมน้ำเหลืองตรงนั้นจะเป็นส่วนที่มะเร็งลุกลามไปถึงแล้ว แต่ในบางเคสถ้าศัลยแพทย์เห็นว่าลุกลามไปค่อนข้างเยอะหมอจะทำการตัดสินใจเลาะออกทั้งหมอเพื่อลดความเสี่ยง และส่งไปให้ที่แลปเพื่อทำการเช็คสายพันธุ์ของมะเร็งและจะทราบถึงการลุกลามของโรคหรือที่เราเคยได้ยินว่าเป็นระยะไหน ทั้งนี้ในการผ่าตัดจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ทั้งหมดนะคะ สรุปหมอทำการผ่าตัดของเราโดยใช้วิธีคว้านสองก้อนรวมกันชิ้นเนื้อไปประมาณ 10 ซม. และเลาะต่อมน้ำเหลืองไปทั้งหมด 7 ต่อม สิ่งที่เราต้องทำหลังจากผ่าตัดเต้านมไปคือต้องรอคะ รออย่างเดียวกับผลแลปที่จะออกหลังจากผ่าตัดอีก 7 วัน จะบอกว่า 7 วันนี้เป็นการรอที่ทรมานทั้งตัวเราเองและครอบครัวมากๆๆ เพราะเป็นผลที่เราจะทราบทั้งหมดว่าเราเป็นมะเร็งระยะที่เท่าไหร่และชนิดรุนแรงหรือไม่ แนวทางการรักษาต้องยังงัย และรวมถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาว่าเราต้องใช้มันมากมหาศาลแค่ไหน
เราจะบอกว่าระหว่างรอผลโชคดีที่เราลางานเพื่อพักฟื้นหลังจากการผ่าตัดเต้านม เอาจริงๆร่างกายตอนนั้นชาไปหมดไม่รู้สึกอะไร แต่สิ่งที่ต้องการพักฟื้นและเยียวยาคือจิตใจตังหาก เรายอมรับเลยว่าแต่ละวันเรานอนไม่เกิน 3 ชม. ตลอดเวลาเราจะหยิกตัวเองตื่นๆๆจากฝันซะที อยู่คนเดียวไม่ได้ร้องไห้ตลอดข้าวไม่กิน แฟนเราก็ไม่เป็นอันทำงานเหมือนต้องหนีบเราไปทุกทีเพราะสภาพจิตใจไม่ได้เลย ได้แต่อยากไปวัดไปนั่งฟังพระสวดไปขอพรไปนั่งร้องไห้ที่วัด ช่วงชีวิตนี้เราจำได้ไม่ลืมเลย เราเคยคิดนะว่าชีวิตเราสบายมากๆไม่มีอะไรน่าห่วง อยากทำไรก็ทำเสียเวลาไปเยอะ คิดทำเรื่องไร้สาระก็เยอะ แต่พอมาเป็นโรคนี้เราก็มาคิดได้ว่าชีวิตเราสั้นนัก ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน นอนหลับไปตื่นมาพรุ่งนี้หรือชาติหน้าอันไหนมาถึงก่อนก็ไม่รู้ได้ กว่าจะผ่านไป 7 วันบอกว่าเราต้องใช้พลังเข้มแข็งมากๆๆๆๆ คนรอบตัวครอบครัวเพื่อนสนิทสำคัญกับคนป่วยให้สู้ต่อไปมากๆ ซึ่งเราจะบอกว่าเราโชคดีที่สามีเราดีมากเป็นกำลังให้ทุกอย่าง เค้าพร้อมจับมือโอบกอดและเดินผ่าช่วงเวลาที่แย่ๆไปกับเรา (ขออวยหน่อย 55) ขอส่งกำลังใจให้คนที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองกำลังเป็นโรคนี้นะคะ ให้สู้คะ สู้เพื่อตัวเองและคนที่เรารักและรักเรา
มาต่อคะในที่สุดผลของเราก็ออกมาคะ เราไปหาหมอแต่เช้าทั้งๆหมอนัดบ่าย ก็คนมันอยากจะรู้นิเน้อว่าเป็นยังงัย ช่วงเวลาที่หมอกำลังจะเรียกเข้าห้องเราต้องไปอีกครึ่งชม. เพราะผลมาแล้วแต่ว่ากระบวนการเอกสารทางแลปส่งเซ็นต์อยู๋ยังไม่ถึงมือหมอเล้ยยย ตอนนั้นเรานั่งนิ่งมากใจนึกถึงสิ่งที่เราทำดีมาขอให้พบเจอแต่สิ่งที่ดีๆๆด้วย ก่อนออกจากบ้านเราถึงขั้นดูว่าสีเสื้ออะไรเป็นมงคลเลยนะ อะไรดีเอาทุกอย่างขอให้พบเจอแต่สิ่งที่ดีบ้างเหอะเจ็บตัวมาเยอะละ ในที่สุดพยาบาลก็เรียกเราสักที มาพบหน้าหมอ ไม่ทันจะนั่งหมอบอกก่อนว่าขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ ค่ามะเร็งที่พบเป็นค่าที่ต่ำมากแต่เสียดายถ้าพบเร็วกว่านี้เราไม่ต้องทำอะไรต่อเลย แต่ยังดีมะเร็งที่พบเป็นมะเร็งที่มันอัตราขายตัวอยู่ที่ 0-1% เท่านั้นซึ่งไม่มีความเป็นมะเร็งเลย (rage 0-15%) สำหรับการวัดการความดุการเติบโตของมะเร็ง ค่ายิ่งเยอะนั่นหมายถึงว่ามะเร็งจะแพร่กระจายเร็ว ส่วนค่าอันอื่นของเราที่ ER = 40% PR = 90% HER2 = negative (ER = Estrogen, PR = Progesterone เป็นฮอร์โมนในเพศหญิง)ของเราค่าฮอร์โมนนี้คือสูงมากๆๆ มะเร็งตัวนี้จะรักษาได้ด้วยยาฮอร์โมนได้ดี หมอบอกว่าโชคดีมากๆเลยครับ แต่เราโชคร้ายนิดนึงตรงที่ล่ามไปต่อมน้ำเหลือง 1/7 หนึ่งในเจ็ดต่อม ส่วนก้อนพี่วัดความเติบโตได้คือ 2.3 cm ส่วนก้อนน้องวัดได้ 2 cm.และลามไปต่อมน้ำเหลืองและความใหญ่ของเนื้อมะเร็งทำให้เราเป็นมะเร็งระยะที่ 2 ทันที หมอแจ้งเราว่าตามทฤษฎีทั่วไปคือต้องให้เคมีบำบัดและฉายแสงทันที ทั้งนั้นทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจคุณหมอมะเร็งวิทยา
ขอพักแพรบไว้มาต่อครึ่งทางสุดท้ายของการรักษา