ขอสวัสดีปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าด้วยนิยายตอนใหม่
ขอให้ทุกคนมีความสุข สุขภาพแข็งแรง คิดสิ่งใดก็ขอให้สมหวังทุกประการนะคะ
Happy New Year 2018
----------------------------------------
เจ้าอสูรกับหนูโจ ตอนใหม่มาแล้วค่ะ
สามารถติดตามอัพเดทข่าวสารของนิยาย พูดคุย และสั่งซื้อหนังสือได้ที่เพจ Minemomo นะคะ
https://www.facebook.com/Minemomo-241717489520199
PS: chapter ก่อนหน้านี่...
1
https://ppantip.com/topic/36962641
2
https://ppantip.com/topic/36967091
3&4
https://ppantip.com/topic/37011555
5
https://ppantip.com/topic/37027212
6
https://ppantip.com/topic/37042885
7
https://ppantip.com/topic/37057539
8
https://ppantip.com/topic/37141996
9 & 10
https://ppantip.com/topic/37173462
11
https://ppantip.com/topic/37207735
-----------------------------------------
~ 12 ~
โจชัวร์รูดม่านออกจนสุดเพื่อให้แสงแดดส่องผ่านเข้ามาอย่างเต็มที่ เวลายามนี้สายมากแล้วทำให้อากาศกำลังอุ่นสบายสำหรับคนที่ยังหลับสนิท เขานั่งลงบนเตียงข้างๆร่างใหญ่โตที่นอนตะแคงกอดหมอนข้างอย่างกับเด็ก โชคดีที่ท่อนแขนไม่ได้รับบาดเจ็บมากอย่างที่คิดจึงเหลือแต่ผ้าพันไว้ กับรอยแผล รอยไหม้ประปรายทั่วร่าง เขามองริมฝีปากที่เผยอตามลมหายใจเข้าออกแล้วเผลอจับริมฝีปากตัวเองที่บวมเจ่อจนทำให้ไม่กล้าส่องกระจก และไม่อยากออกไปพบหน้าใครในตอนนี้
เขายกกำปั้นขึ้น นึกอยากจะทุบตัวการที่ยังนอนหลับไม่รู้เรื่อง แต่สุดท้ายกลายเป็นวางมือลงแล้วลูบข้างแก้มเบาๆ ลึกๆแล้วหัวใจของเขาพองโตด้วยความรู้สึกว่าเจ้าอสูรกำลังแสดงอาการหึงหวง เขาไม่ได้ยอตัวเอง แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่ เขากลายเป็นขวัญใจของสาวๆทุกเพศทุกวัย เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆจะวิ่งมาให้อุ้มหรือขอหอมแก้ม สาววัยเดียวกันก็จะชอบแอบมอง ทิ้งสายตาและรอยยิ้มให้จนเก็บกวาดไม่ไหว ส่วนสาวสูงวัยกว่าก็จะเอ็นดู รักเป็นลูกเป็นหลาน
เวลาออกไปที่หมู่บ้าน เขามักถูกมะรุมมะตุ้ม ส่วนเจ้าอสูรจะคอยยิ้มมองดูอยู่ห่างๆ อาจมีแอบหัวเราะเยาะเวลาที่เขาโดนรุมมากจนจัดการไม่ไหว แต่สุดท้ายก็เข้ามาช่วยปรามพวกสาวๆให้ทุกที กรณีของลิเดียจึงถือเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคนตัวโตแสดงอาการหงุดหงิด จู่ๆก็ดูจะไม่ชอบขี้หน้าเธอโดยไม่มีสาเหตุ แล้วก็พาลมาลงเอากับเขาจนน่วมไปทั้งตัว แล้วอย่างนี้เขาจะโกรธ หรือคิดแค้นเอาคืนได้อย่างไร
สำหรับความรู้สึกที่มีต่อลิเดียแน่นอนว่าเป็นความสงสาร เขาเข้าใจว่าคนเรายิ่งอยู่สูง ถึงคราวตกอับก็จะยิ่งเจ็บหนักกว่าคนทั่วไป เธออาจไม่ได้มีร่างกายอ่อนแอเหมือนเบลล่า แต่ความที่เป็นลูกสาวคนเดียวซึ่งท่านเศรษฐีถนอมราวไข่ในหินทำให้เธอเปราะบางกว่าหญิงสาวทั่วไป แม้จะอายุไล่เลี่ยกันแต่เธอยังดูเป็นสาวน้อยวัยใส อ่อนต่อโลก เมื่อเจอเรื่องชอบใจก็เอาแต่ยิ้มเอียงอาย เวลากลัวก็ได้แต่ยืนตัวสั่น ไร้กำลังแม้แต่จะวิ่งหนีจากอันตราย ทำให้เขารู้สึกทั้งสงสารแกมเอ็นดู อยากจะปกป้องคุ้มครองเธออย่างสุดกำลัง
“คิดเรื่องอะไรอยู่หืม ทำหน้ายุ่งเชียว”
จู่ๆโจชัวร์ก็รู้สึกหนักอึ้ง พอก้มลงเห็นคนแอบมานอนหนุนตักหลับตาพริ้มก็นึกสนุกอยากลองแกล้งแหย่อสูรหลับ
“ป่านนี้คุณหนูลิเดีย...”
ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เขาก็ถูกพลิกตัวกลับมาบนที่นอน โดยมีร่างใหญ่ ขนหนา หน้ายุ่ง คร่อมไว้
“เจ้ากล้าคิดถึงคนอื่นนอกจากข้า!”
โจชัวร์ต้องกลั้นขำสุดกำลัง เจ้าอสูรตีหน้ายักษ์ ตั้งข้อกล่าวหาราวกับเขาทำความผิดร้ายแรง
“ท่าน!... งี่เง่ามาก!”
เขาจิ้มแผ่นอกหนาล้อเลียน ผลคือโดนค้อนขวับ โอยยยย อยากจะร้องเรียกคนทั้งคฤหาสน์มาดู จะได้ช่วยกันตัดสินว่าควรจะมองนายท่านว่าน่ากลัวหรือน่ารัก แน่นอนว่าเขากำลังรู้สึกดีกับสิ่งที่เจ้าอสูรแสดงออก และคงไม่ผิดนักถ้าเขาจะแกล้งยั่วเพื่อขอคำยืนยันอีกสักหน่อย
“... ท่านหึง...”
“ทำไมข้าต้องหึงเจ้า” เจ้าอสูรสะบัดเสียงตอบ ทำท่าราวไม่ใส่ใจ ทว่าคำตอบกลับยิ่งมัดตัวเองแน่นหนา
“ก็เพราะว่า... ท่านชอบข้า...”
ในดวงตาสีอำพัน เขาเห็นสีหน้าของคนที่กำลังเขินกับคำพูดของตัวเอง แต่เขาก็ไม่อยากเก็บเงียบไว้ให้กลายเป็นความอึดอัด หรือได้แต่เสียเวลาไปกับการคาดเดา ความรักควรจะนำมาซึ่งความสุข เขาจึงอยากให้เจ้าอสูรได้พบกับความสุขนั้นเช่นกัน
“เข้าใจผิดแล้วเด็กน้อย ข้าไม่ได้ชอบ...” เจ้าอสูรเย้าตอบ เห็นอีกฝ่ายหน้าเจื่อนนิดเดียวก็รีบกลับคำ “แต่ข้ารักเจ้า รักมาก เหมือนที่เจ้าเองก็รักข้าไม่ต่างกัน”
โจชัวร์รู้สึกเหมือนหัวใจที่พองฟูมากอยู่แล้วระเบิดโพล่งออกจากอก นี่อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกบอกรัก แต่คือคำรักคำแรกที่ตรงผ่านเข้ามาถึงหัวใจ สั่นสะเทือนให้ทั้งร่างเอิบซ่านไปด้วยความยินดี เขามองใบหน้าที่ขยับใกล้เข้ามา น่าแปลกที่เคยนึกกลัวแต่ตอนนี้กลับเห็นแต่ความรู้สึกแสนหวานที่ฉายออกมาจากทั้งดวงตาและรอยยิ้ม
“ท่านเอาอะไรมาพูด ข้ายังไม่ได้บอกสักคำว่าคิดยังไงกับท่าน”
“ไม่รู้ตัวเหรอว่าดวงตาของเจ้าได้บอกข้าทุกอย่าง ทั้งหมดในใจของเจ้าแล้ว”
เจ้าอสูรอ้างถึงดวงตา แต่กลับทวงคำยืนยันจากริมฝีปากสีฉ่ำที่ยังปรากฏรอยช้ำ สองแขนแกร่งยกร่างเพรียวบางขึ้นแนบชิด บดเบียดเนื้อตัวทุกส่วนเข้าด้วยกัน นานทีเดียวกว่าอารมณ์อ่อนหวานจะค่อยๆสงบลง แต่ไม่วายคลอเคลียใกล้ชิด เฝ้าจูบเฝ้าหอม ดอมดมราวกับอาการเสพย์ติด
โจชัวร์ประคองใบหน้าของเจ้าอสูรแล้วจรดริมฝีปากเหนือหน้าผาก ดวงตาทั้งสอง แก้มซ้ายและขวา ริมฝีปากลงมากระทั่งปลายคาง เขาเองก็รู้สึกเหมือนได้พบแหล่งน้ำทิพย์สำหรับหัวใจที่แห้งผากได้ดื่มกินอย่างไม่มีวันหมด เขาอยากจะเก็บกักความมหัศจรรย์นี้ไว้ตลอดไปจึงต้องปิดตายทุกประตูที่จะนำมาซึ่งการสูญเสีย
“แล้วท่านล่ะ ได้เปิดเผยทุกอย่างกับข้าหรือยัง ถ้าท่านยังมีเรื่องปิดบังจะไม่ถือเป็นการเอาเปรียบข้าอย่างนั้นหรือ”
เขาไม่ได้นึกสงสัยในคำบอกรักหรือหัวใจของเจ้าอสูร แต่ก็ไม่อยากให้อดีตที่ยังเป็นปริศนาหรือบรรดาของวิเศษเหล่านั้นกลายเป็นเสี้ยนแหลมคอยสะกิดให้เกิดรอยแผลในความสัมพันธ์ที่จะเกิดขึ้น
“รออีกหน่อยเถอะโจชัวร์ สักวันข้าจะไม่มีเรื่องใดต้องปกปิด ข้าจะเปลือยตัวตนให้เจ้าพิจารณา หัวใจของข้าจะอยู่ในกำมือเจ้าอย่างไม่มีเงื่อนไข และแม้แต่ลมหายใจนี้ก็จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าเพียงคนเดียว ข้าสัญญา”
โจชัวร์ยิ้มรับด้วยความเข้าใจ อาจจะดูว่าง่ายเกินไปแต่ก็คงดีกว่าทำให้ยุ่งยากจนกลายเป็นปัญหาทั้งที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เขาไม่ได้เขินอีกแล้วเมื่อเจ้าอสูรประทับริมฝีปากลงที่กลางฝ่ามือ
“ตกลง ข้าจะรอ” มือข้างเดียวกันนั้นลูบโครงหน้าใหญ่และแนบลงข้างแก้มทำให้รู้สึกถึงอุณหภูมิที่อุ่นกว่าปกติ
“แต่สำหรับตอนนี้ ข้าขอใช้สิทธิ์คนที่ท่านบอกว่ารักมากสั่งให้ท่านนอนพักอยู่แต่ในห้อง ลูมิแยร์จะคอยดูแลทั้งอาหาร ยา และทุกสิ่งที่ท่านต้องการ คุณคอกซ์เวิร์ธจะไปจัดการความเสียหายจากไฟไหม้ ข้าจะตามไปช่วยดูแลพวกเด็กๆที่โบสถ์และจะคอยรับรองคุณหนูลิเดียจนกว่าคุณพ่อของเธอจะกลับมา ส่วนท่านก็พักผ่อนให้มากจะได้หายเร็วๆ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอะไรทั้งนั้น เข้าใจมั้ยครับ”
เจ้าอสูรส่งเสียงถอนหายใจยาว ขนาดหลับตาฟังยังรู้เลยว่าแกล้งทำ
“แล้วถ้าข้าคิดถึงเจ้าขึ้นมาล่ะจะให้ทำยังไง”
คนตัวโตส่งเสียงอ้อน จงใจทำท่าหมดแรง โจชัวร์จึงได้จังหวะปลดอุ้งมือใหญ่และถอยห่างออกจากเตียง
“เชิญตามสบาย ข้าอนุญาตให้ท่านคิดถึงได้ แต่ห้ามงอแงอดอาหาร ห้ามลืมกินยา และห้ามออกจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว”
โจชัวร์ต้องทำใจแข็งต่อเสียงเรียกแกมตัดพ้อแล้วรีบออกจากห้องในทันที เขาพบลิเดียทานมื้อเช้าอยู่เพียงลำพัง เธอยังคงอยู่ในอาการขวัญเสียจากเหตุการณ์ไฟไหม้ ซ้ำร้ายต้องมาอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เจ้าของไร้มนุษยสัมพันธ์ คนรับใช้ก็วางตัวห่างเหิน กลายเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบยิ่งกว่าตัวเขาตอนที่เพิ่งมาถึงคฤหาสน์เสียอีก
เขาไม่อยากให้เธอจมอยู่กับความหดหู่ เศร้าหมอง จึงชวนกลับเข้าหมู่บ้านเพื่อทำตัวให้เกิดประโยชน์ เธอดูจะแปลกใจที่เห็นเขาลงมือลงแรงทำงานไม่ต่างจากชาวบ้านคนอื่นๆ เมื่อถูกชวนให้ลองบ้างก็ออกอาการกล้าๆกลัวด้วยความที่ไม่เคยหยิบจับงานเป็นชิ้นเป็นอันมาก่อน แต่สักพักก็สามารถปรับตัวและสนุกกับการได้ช่วยเหลือผู้อื่น โดยเฉพาะการดูแลเหล่าเด็กกำพร้าซึ่งแม้จะเพิ่งผ่านเรื่องน่าตกใจมาก็ยังมีความร่าเริงสดใส หัวเราะได้เสียงดังและมีพลังงานล้นเหลือ พลอยทำให้พวกผู้ใหญ่มีกำลังใจที่จะต่อสู้ตามไปด้วย
“ขอบคุณนะโจชัวร์”
ลิเดียหันมาบอกคนที่นั่งห้อยขาอยู่ท้ายรถด้วยกัน วันนี้เธอหมดแรงแต่ก็สนุกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และคนที่ทำให้เธอได้รับประสบการณ์แสนวิเศษก็คือชายหนุ่มแปลกหน้าแต่กลับเข้าใจเธอมากกว่าใคร
โจชัวร์ยิ้มตอบแล้วหงายหลังพิงกองสัมภาระ ลิเดียรีบทำตาม รู้สึกสนุกที่ได้ละเลยมารยาทที่ดีของกุลสตรีอีกหนึ่งข้อ ทั้งคู่แหงนมองท้องฟ้ายามโพล้เพล้ในภวังค์อารมณ์ของตน เธอซึ้งน้ำใจที่เขาคอยอยู่เป็นเพื่อน เปิดมุมมองใหม่ๆและสอนให้เธอได้รู้จักตัวเองมากขึ้น ส่วนเขาก็ขอบคุณที่เธอเสนอตัวเป็นผู้อุปถัมภ์บ้านเด็กกำพร้า ถือเป็นจุดเปลี่ยนของเจ้าหญิงที่เคยอยู่แต่ในหอคอยงาช้างจะได้ลงมาสัมผัสชีวิตและอุทิศตนเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น
รถม้าแล่นไปเงียบๆได้พักใหญ่ เป็นฝ่ายหญิงสาวที่เริ่มชวนคุย
“โจชัวร์ จะว่าอะไรมั้ยถ้าฉันจะขอถาม...” เธอเกริ่นแล้วรอจนอีกฝ่ายไม่ปฏิเสธ
“คุณพูดจริงเหรอที่บอกว่ามาอยู่ที่นี่เพื่อรับโทษแทนพ่อ”
“ทำไมถึงคิดว่าผมโกหกล่ะ”
เธอมองรอยยิ้มที่แสนสดใสแล้วเผลอยิ้มตาม ชายหนุ่มผู้นี้มักทำให้เธอประหลาดใจได้อยู่เสมอ เมื่อแรกที่รู้ เธอรู้สึกสงสาร เห็นใจ แต่แปลกที่เขากลับไม่ได้เสียใจหรือทำให้ตัวเองจมอยู่กับชะตามกรรมอันเลวร้ายเลยสักนิด
“ก็คุณไม่เห็นจะเหมือนนักโทษหรือกระทั่งคนงานทั่วไปที่ตรงไหน นายท่านทั้งดูแล ทั้งเอาใจใส่คุณมาก ทุกคนที่คฤหาสน์ก็ปฏิบัติกับคุณอย่างเจ้านายคนหนึ่ง แม้แต่พวกชาวบ้านยังเคารพเชื่อฟังคุณยิ่งกว่าใครๆ”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ผมแค่เชื่อว่าถ้าเรามอบสิ่งใดไปก็จะได้สิ่งนั้นตอบกลับมา ถ้าเราทำดีกับคนอื่นก็คงไม่มีใครอยากคิดร้ายกับเรา ถ้าเราเคารพคนอื่นก็คงไม่มีใครไม่ให้เกียรติเรา และถ้าเราคิดว่าทุกคนคือเพื่อนก็คงไม่มีใครเห็นเราเป็นศัตรูจริงมั้ยล่ะ”
ลิเดียคิดตามแล้วพยักหน้าเบาๆ ทั้งๆที่อายุไล่เลี่ยกันแต่เธอรู้สึกเหมือนเขาเป็นพี่ชายที่คอยปกป้องดูแล และมักจะมีข้อคิดดีๆให้เธออยู่เสมอ
“แต่ฉันก็ยังอดทึ่งไม่ได้เวลาที่เห็นคุณกับนายท่าน ทั้งพูดคุยทั้งเถียงกันอย่างสนิทสนม ไม่มีใครทำได้อย่างนั้น ขนาดฉันยังไม่กล้ามองท่านตรงๆเลยด้วย
ซ้ำ”
โจชัวร์รู้สึกเขินกับการถูกตั้งข้อสังเกต เขาเองก็เคยเป็นเช่นนั้น ในสายตาคนนอก เจ้าอสูรทั้งน่าเกลียดน่ากลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะมองเต็มตา แต่สำหรับเขาในตอนนี้กลับเห็นแต่แววตาที่อ่อนโยน เขี้ยวยาวๆนั่นก็ไม่สามารถปิดบังรอยยิ้ม เมื่อคุ้นเคยกันมากขึ้น เขายิ่งพบว่าเจ้าอสูรไม่ใช่คนโหดร้าย แต่มีความหลากหลายทางอารมณ์ไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
“เจ้า.. นายท่านก็ไม่ได้น่ากลัวสักหน่อย เธอแค่ยังไม่คุ้นเคยเท่านั้นเอง”
“ไม่มีวันหรอก ต่อให้ต้องแต่งงานกันจริงๆ ฉันก็ไม่มีทางคุ้นกับหน้าตาน่ากลัวแถมรูปร่างประหลาดๆอย่างนั้นได้แน่ๆ”
เหมือนจู่ๆก็มีพายุหิมะพัดวูบมาทั้งที่ท้องฟ้าสดใส และคำสุดท้ายที่ได้ยินก่อนที่หูจะอื้อไปชั่วขณะจนต้องถามย้ำให้แน่ใจก็คือ...
“แต่งงาน?!”
ต่อด้านล่างค่ะ
Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast ... chapter 12
ขอให้ทุกคนมีความสุข สุขภาพแข็งแรง คิดสิ่งใดก็ขอให้สมหวังทุกประการนะคะ
Happy New Year 2018
----------------------------------------
เจ้าอสูรกับหนูโจ ตอนใหม่มาแล้วค่ะ
สามารถติดตามอัพเดทข่าวสารของนิยาย พูดคุย และสั่งซื้อหนังสือได้ที่เพจ Minemomo นะคะ
https://www.facebook.com/Minemomo-241717489520199
PS: chapter ก่อนหน้านี่...
1
https://ppantip.com/topic/36962641
2
https://ppantip.com/topic/36967091
3&4
https://ppantip.com/topic/37011555
5
https://ppantip.com/topic/37027212
6
https://ppantip.com/topic/37042885
7
https://ppantip.com/topic/37057539
8
https://ppantip.com/topic/37141996
9 & 10
https://ppantip.com/topic/37173462
11
https://ppantip.com/topic/37207735
-----------------------------------------
~ 12 ~
โจชัวร์รูดม่านออกจนสุดเพื่อให้แสงแดดส่องผ่านเข้ามาอย่างเต็มที่ เวลายามนี้สายมากแล้วทำให้อากาศกำลังอุ่นสบายสำหรับคนที่ยังหลับสนิท เขานั่งลงบนเตียงข้างๆร่างใหญ่โตที่นอนตะแคงกอดหมอนข้างอย่างกับเด็ก โชคดีที่ท่อนแขนไม่ได้รับบาดเจ็บมากอย่างที่คิดจึงเหลือแต่ผ้าพันไว้ กับรอยแผล รอยไหม้ประปรายทั่วร่าง เขามองริมฝีปากที่เผยอตามลมหายใจเข้าออกแล้วเผลอจับริมฝีปากตัวเองที่บวมเจ่อจนทำให้ไม่กล้าส่องกระจก และไม่อยากออกไปพบหน้าใครในตอนนี้
เขายกกำปั้นขึ้น นึกอยากจะทุบตัวการที่ยังนอนหลับไม่รู้เรื่อง แต่สุดท้ายกลายเป็นวางมือลงแล้วลูบข้างแก้มเบาๆ ลึกๆแล้วหัวใจของเขาพองโตด้วยความรู้สึกว่าเจ้าอสูรกำลังแสดงอาการหึงหวง เขาไม่ได้ยอตัวเอง แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่ เขากลายเป็นขวัญใจของสาวๆทุกเพศทุกวัย เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆจะวิ่งมาให้อุ้มหรือขอหอมแก้ม สาววัยเดียวกันก็จะชอบแอบมอง ทิ้งสายตาและรอยยิ้มให้จนเก็บกวาดไม่ไหว ส่วนสาวสูงวัยกว่าก็จะเอ็นดู รักเป็นลูกเป็นหลาน
เวลาออกไปที่หมู่บ้าน เขามักถูกมะรุมมะตุ้ม ส่วนเจ้าอสูรจะคอยยิ้มมองดูอยู่ห่างๆ อาจมีแอบหัวเราะเยาะเวลาที่เขาโดนรุมมากจนจัดการไม่ไหว แต่สุดท้ายก็เข้ามาช่วยปรามพวกสาวๆให้ทุกที กรณีของลิเดียจึงถือเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคนตัวโตแสดงอาการหงุดหงิด จู่ๆก็ดูจะไม่ชอบขี้หน้าเธอโดยไม่มีสาเหตุ แล้วก็พาลมาลงเอากับเขาจนน่วมไปทั้งตัว แล้วอย่างนี้เขาจะโกรธ หรือคิดแค้นเอาคืนได้อย่างไร
สำหรับความรู้สึกที่มีต่อลิเดียแน่นอนว่าเป็นความสงสาร เขาเข้าใจว่าคนเรายิ่งอยู่สูง ถึงคราวตกอับก็จะยิ่งเจ็บหนักกว่าคนทั่วไป เธออาจไม่ได้มีร่างกายอ่อนแอเหมือนเบลล่า แต่ความที่เป็นลูกสาวคนเดียวซึ่งท่านเศรษฐีถนอมราวไข่ในหินทำให้เธอเปราะบางกว่าหญิงสาวทั่วไป แม้จะอายุไล่เลี่ยกันแต่เธอยังดูเป็นสาวน้อยวัยใส อ่อนต่อโลก เมื่อเจอเรื่องชอบใจก็เอาแต่ยิ้มเอียงอาย เวลากลัวก็ได้แต่ยืนตัวสั่น ไร้กำลังแม้แต่จะวิ่งหนีจากอันตราย ทำให้เขารู้สึกทั้งสงสารแกมเอ็นดู อยากจะปกป้องคุ้มครองเธออย่างสุดกำลัง
“คิดเรื่องอะไรอยู่หืม ทำหน้ายุ่งเชียว”
จู่ๆโจชัวร์ก็รู้สึกหนักอึ้ง พอก้มลงเห็นคนแอบมานอนหนุนตักหลับตาพริ้มก็นึกสนุกอยากลองแกล้งแหย่อสูรหลับ
“ป่านนี้คุณหนูลิเดีย...”
ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เขาก็ถูกพลิกตัวกลับมาบนที่นอน โดยมีร่างใหญ่ ขนหนา หน้ายุ่ง คร่อมไว้
“เจ้ากล้าคิดถึงคนอื่นนอกจากข้า!”
โจชัวร์ต้องกลั้นขำสุดกำลัง เจ้าอสูรตีหน้ายักษ์ ตั้งข้อกล่าวหาราวกับเขาทำความผิดร้ายแรง
“ท่าน!... งี่เง่ามาก!”
เขาจิ้มแผ่นอกหนาล้อเลียน ผลคือโดนค้อนขวับ โอยยยย อยากจะร้องเรียกคนทั้งคฤหาสน์มาดู จะได้ช่วยกันตัดสินว่าควรจะมองนายท่านว่าน่ากลัวหรือน่ารัก แน่นอนว่าเขากำลังรู้สึกดีกับสิ่งที่เจ้าอสูรแสดงออก และคงไม่ผิดนักถ้าเขาจะแกล้งยั่วเพื่อขอคำยืนยันอีกสักหน่อย
“... ท่านหึง...”
“ทำไมข้าต้องหึงเจ้า” เจ้าอสูรสะบัดเสียงตอบ ทำท่าราวไม่ใส่ใจ ทว่าคำตอบกลับยิ่งมัดตัวเองแน่นหนา
“ก็เพราะว่า... ท่านชอบข้า...”
ในดวงตาสีอำพัน เขาเห็นสีหน้าของคนที่กำลังเขินกับคำพูดของตัวเอง แต่เขาก็ไม่อยากเก็บเงียบไว้ให้กลายเป็นความอึดอัด หรือได้แต่เสียเวลาไปกับการคาดเดา ความรักควรจะนำมาซึ่งความสุข เขาจึงอยากให้เจ้าอสูรได้พบกับความสุขนั้นเช่นกัน
“เข้าใจผิดแล้วเด็กน้อย ข้าไม่ได้ชอบ...” เจ้าอสูรเย้าตอบ เห็นอีกฝ่ายหน้าเจื่อนนิดเดียวก็รีบกลับคำ “แต่ข้ารักเจ้า รักมาก เหมือนที่เจ้าเองก็รักข้าไม่ต่างกัน”
โจชัวร์รู้สึกเหมือนหัวใจที่พองฟูมากอยู่แล้วระเบิดโพล่งออกจากอก นี่อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกบอกรัก แต่คือคำรักคำแรกที่ตรงผ่านเข้ามาถึงหัวใจ สั่นสะเทือนให้ทั้งร่างเอิบซ่านไปด้วยความยินดี เขามองใบหน้าที่ขยับใกล้เข้ามา น่าแปลกที่เคยนึกกลัวแต่ตอนนี้กลับเห็นแต่ความรู้สึกแสนหวานที่ฉายออกมาจากทั้งดวงตาและรอยยิ้ม
“ท่านเอาอะไรมาพูด ข้ายังไม่ได้บอกสักคำว่าคิดยังไงกับท่าน”
“ไม่รู้ตัวเหรอว่าดวงตาของเจ้าได้บอกข้าทุกอย่าง ทั้งหมดในใจของเจ้าแล้ว”
เจ้าอสูรอ้างถึงดวงตา แต่กลับทวงคำยืนยันจากริมฝีปากสีฉ่ำที่ยังปรากฏรอยช้ำ สองแขนแกร่งยกร่างเพรียวบางขึ้นแนบชิด บดเบียดเนื้อตัวทุกส่วนเข้าด้วยกัน นานทีเดียวกว่าอารมณ์อ่อนหวานจะค่อยๆสงบลง แต่ไม่วายคลอเคลียใกล้ชิด เฝ้าจูบเฝ้าหอม ดอมดมราวกับอาการเสพย์ติด
โจชัวร์ประคองใบหน้าของเจ้าอสูรแล้วจรดริมฝีปากเหนือหน้าผาก ดวงตาทั้งสอง แก้มซ้ายและขวา ริมฝีปากลงมากระทั่งปลายคาง เขาเองก็รู้สึกเหมือนได้พบแหล่งน้ำทิพย์สำหรับหัวใจที่แห้งผากได้ดื่มกินอย่างไม่มีวันหมด เขาอยากจะเก็บกักความมหัศจรรย์นี้ไว้ตลอดไปจึงต้องปิดตายทุกประตูที่จะนำมาซึ่งการสูญเสีย
“แล้วท่านล่ะ ได้เปิดเผยทุกอย่างกับข้าหรือยัง ถ้าท่านยังมีเรื่องปิดบังจะไม่ถือเป็นการเอาเปรียบข้าอย่างนั้นหรือ”
เขาไม่ได้นึกสงสัยในคำบอกรักหรือหัวใจของเจ้าอสูร แต่ก็ไม่อยากให้อดีตที่ยังเป็นปริศนาหรือบรรดาของวิเศษเหล่านั้นกลายเป็นเสี้ยนแหลมคอยสะกิดให้เกิดรอยแผลในความสัมพันธ์ที่จะเกิดขึ้น
“รออีกหน่อยเถอะโจชัวร์ สักวันข้าจะไม่มีเรื่องใดต้องปกปิด ข้าจะเปลือยตัวตนให้เจ้าพิจารณา หัวใจของข้าจะอยู่ในกำมือเจ้าอย่างไม่มีเงื่อนไข และแม้แต่ลมหายใจนี้ก็จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าเพียงคนเดียว ข้าสัญญา”
โจชัวร์ยิ้มรับด้วยความเข้าใจ อาจจะดูว่าง่ายเกินไปแต่ก็คงดีกว่าทำให้ยุ่งยากจนกลายเป็นปัญหาทั้งที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เขาไม่ได้เขินอีกแล้วเมื่อเจ้าอสูรประทับริมฝีปากลงที่กลางฝ่ามือ
“ตกลง ข้าจะรอ” มือข้างเดียวกันนั้นลูบโครงหน้าใหญ่และแนบลงข้างแก้มทำให้รู้สึกถึงอุณหภูมิที่อุ่นกว่าปกติ
“แต่สำหรับตอนนี้ ข้าขอใช้สิทธิ์คนที่ท่านบอกว่ารักมากสั่งให้ท่านนอนพักอยู่แต่ในห้อง ลูมิแยร์จะคอยดูแลทั้งอาหาร ยา และทุกสิ่งที่ท่านต้องการ คุณคอกซ์เวิร์ธจะไปจัดการความเสียหายจากไฟไหม้ ข้าจะตามไปช่วยดูแลพวกเด็กๆที่โบสถ์และจะคอยรับรองคุณหนูลิเดียจนกว่าคุณพ่อของเธอจะกลับมา ส่วนท่านก็พักผ่อนให้มากจะได้หายเร็วๆ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอะไรทั้งนั้น เข้าใจมั้ยครับ”
เจ้าอสูรส่งเสียงถอนหายใจยาว ขนาดหลับตาฟังยังรู้เลยว่าแกล้งทำ
“แล้วถ้าข้าคิดถึงเจ้าขึ้นมาล่ะจะให้ทำยังไง”
คนตัวโตส่งเสียงอ้อน จงใจทำท่าหมดแรง โจชัวร์จึงได้จังหวะปลดอุ้งมือใหญ่และถอยห่างออกจากเตียง
“เชิญตามสบาย ข้าอนุญาตให้ท่านคิดถึงได้ แต่ห้ามงอแงอดอาหาร ห้ามลืมกินยา และห้ามออกจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว”
โจชัวร์ต้องทำใจแข็งต่อเสียงเรียกแกมตัดพ้อแล้วรีบออกจากห้องในทันที เขาพบลิเดียทานมื้อเช้าอยู่เพียงลำพัง เธอยังคงอยู่ในอาการขวัญเสียจากเหตุการณ์ไฟไหม้ ซ้ำร้ายต้องมาอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เจ้าของไร้มนุษยสัมพันธ์ คนรับใช้ก็วางตัวห่างเหิน กลายเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบยิ่งกว่าตัวเขาตอนที่เพิ่งมาถึงคฤหาสน์เสียอีก
เขาไม่อยากให้เธอจมอยู่กับความหดหู่ เศร้าหมอง จึงชวนกลับเข้าหมู่บ้านเพื่อทำตัวให้เกิดประโยชน์ เธอดูจะแปลกใจที่เห็นเขาลงมือลงแรงทำงานไม่ต่างจากชาวบ้านคนอื่นๆ เมื่อถูกชวนให้ลองบ้างก็ออกอาการกล้าๆกลัวด้วยความที่ไม่เคยหยิบจับงานเป็นชิ้นเป็นอันมาก่อน แต่สักพักก็สามารถปรับตัวและสนุกกับการได้ช่วยเหลือผู้อื่น โดยเฉพาะการดูแลเหล่าเด็กกำพร้าซึ่งแม้จะเพิ่งผ่านเรื่องน่าตกใจมาก็ยังมีความร่าเริงสดใส หัวเราะได้เสียงดังและมีพลังงานล้นเหลือ พลอยทำให้พวกผู้ใหญ่มีกำลังใจที่จะต่อสู้ตามไปด้วย
“ขอบคุณนะโจชัวร์”
ลิเดียหันมาบอกคนที่นั่งห้อยขาอยู่ท้ายรถด้วยกัน วันนี้เธอหมดแรงแต่ก็สนุกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และคนที่ทำให้เธอได้รับประสบการณ์แสนวิเศษก็คือชายหนุ่มแปลกหน้าแต่กลับเข้าใจเธอมากกว่าใคร
โจชัวร์ยิ้มตอบแล้วหงายหลังพิงกองสัมภาระ ลิเดียรีบทำตาม รู้สึกสนุกที่ได้ละเลยมารยาทที่ดีของกุลสตรีอีกหนึ่งข้อ ทั้งคู่แหงนมองท้องฟ้ายามโพล้เพล้ในภวังค์อารมณ์ของตน เธอซึ้งน้ำใจที่เขาคอยอยู่เป็นเพื่อน เปิดมุมมองใหม่ๆและสอนให้เธอได้รู้จักตัวเองมากขึ้น ส่วนเขาก็ขอบคุณที่เธอเสนอตัวเป็นผู้อุปถัมภ์บ้านเด็กกำพร้า ถือเป็นจุดเปลี่ยนของเจ้าหญิงที่เคยอยู่แต่ในหอคอยงาช้างจะได้ลงมาสัมผัสชีวิตและอุทิศตนเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น
รถม้าแล่นไปเงียบๆได้พักใหญ่ เป็นฝ่ายหญิงสาวที่เริ่มชวนคุย
“โจชัวร์ จะว่าอะไรมั้ยถ้าฉันจะขอถาม...” เธอเกริ่นแล้วรอจนอีกฝ่ายไม่ปฏิเสธ
“คุณพูดจริงเหรอที่บอกว่ามาอยู่ที่นี่เพื่อรับโทษแทนพ่อ”
“ทำไมถึงคิดว่าผมโกหกล่ะ”
เธอมองรอยยิ้มที่แสนสดใสแล้วเผลอยิ้มตาม ชายหนุ่มผู้นี้มักทำให้เธอประหลาดใจได้อยู่เสมอ เมื่อแรกที่รู้ เธอรู้สึกสงสาร เห็นใจ แต่แปลกที่เขากลับไม่ได้เสียใจหรือทำให้ตัวเองจมอยู่กับชะตามกรรมอันเลวร้ายเลยสักนิด
“ก็คุณไม่เห็นจะเหมือนนักโทษหรือกระทั่งคนงานทั่วไปที่ตรงไหน นายท่านทั้งดูแล ทั้งเอาใจใส่คุณมาก ทุกคนที่คฤหาสน์ก็ปฏิบัติกับคุณอย่างเจ้านายคนหนึ่ง แม้แต่พวกชาวบ้านยังเคารพเชื่อฟังคุณยิ่งกว่าใครๆ”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ผมแค่เชื่อว่าถ้าเรามอบสิ่งใดไปก็จะได้สิ่งนั้นตอบกลับมา ถ้าเราทำดีกับคนอื่นก็คงไม่มีใครอยากคิดร้ายกับเรา ถ้าเราเคารพคนอื่นก็คงไม่มีใครไม่ให้เกียรติเรา และถ้าเราคิดว่าทุกคนคือเพื่อนก็คงไม่มีใครเห็นเราเป็นศัตรูจริงมั้ยล่ะ”
ลิเดียคิดตามแล้วพยักหน้าเบาๆ ทั้งๆที่อายุไล่เลี่ยกันแต่เธอรู้สึกเหมือนเขาเป็นพี่ชายที่คอยปกป้องดูแล และมักจะมีข้อคิดดีๆให้เธออยู่เสมอ
“แต่ฉันก็ยังอดทึ่งไม่ได้เวลาที่เห็นคุณกับนายท่าน ทั้งพูดคุยทั้งเถียงกันอย่างสนิทสนม ไม่มีใครทำได้อย่างนั้น ขนาดฉันยังไม่กล้ามองท่านตรงๆเลยด้วย
ซ้ำ”
โจชัวร์รู้สึกเขินกับการถูกตั้งข้อสังเกต เขาเองก็เคยเป็นเช่นนั้น ในสายตาคนนอก เจ้าอสูรทั้งน่าเกลียดน่ากลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะมองเต็มตา แต่สำหรับเขาในตอนนี้กลับเห็นแต่แววตาที่อ่อนโยน เขี้ยวยาวๆนั่นก็ไม่สามารถปิดบังรอยยิ้ม เมื่อคุ้นเคยกันมากขึ้น เขายิ่งพบว่าเจ้าอสูรไม่ใช่คนโหดร้าย แต่มีความหลากหลายทางอารมณ์ไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
“เจ้า.. นายท่านก็ไม่ได้น่ากลัวสักหน่อย เธอแค่ยังไม่คุ้นเคยเท่านั้นเอง”
“ไม่มีวันหรอก ต่อให้ต้องแต่งงานกันจริงๆ ฉันก็ไม่มีทางคุ้นกับหน้าตาน่ากลัวแถมรูปร่างประหลาดๆอย่างนั้นได้แน่ๆ”
เหมือนจู่ๆก็มีพายุหิมะพัดวูบมาทั้งที่ท้องฟ้าสดใส และคำสุดท้ายที่ได้ยินก่อนที่หูจะอื้อไปชั่วขณะจนต้องถามย้ำให้แน่ใจก็คือ...
“แต่งงาน?!”
ต่อด้านล่างค่ะ