เจ้าอสูรกับหนูโจ ตอนใหม่มาแล้วค่ะ
สามารถติดตามอัพเดทข่าวสารของนิยายและพูดคุยกับเราได้ที่เพจ Minemomo นะคะ
https://www.facebook.com/Minemomo-241717489520199
PS: chapter ก่อนหน้านี่...
1
https://ppantip.com/topic/36962641
2
https://ppantip.com/topic/36967091
3&4
https://ppantip.com/topic/37011555
--------------------------------------
~ 5 ~
พระอาทิตย์ค่อยๆลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า แสงสว่างบ่งบอกถึงการเริ่มต้นวันใหม่ โดยปกติแล้วเวลาอย่างนี้ โจชัวร์กำลังอยู่ในครัว จุดเตาไฟให้พร้อมเตรียมอบขนมปังและทำซุปสำหรับมื้อเช้า จากนั้นก็ออกไปที่ลานด้านหลังตักน้ำจากบ่อมาสำรองไว้สำหรับคนทั้งบ้าน ออกแรงพอได้เหงื่อก็ไปทำความสะอาด เก็บไข่ ให้อาหารพวกแม่ไก่ ทำงานในแปลงผัก หรือออกไปรับจ้างตามไร่ของชาวบ้านจนหมดไปอีกหนึ่งวันที่แสนเหนื่อยแต่ก็ถือว่ามีความสุขตามอัตภาพ นี่จึงเป็นเช้าวันแรกที่เขาได้ฝังตัวอยู่บนเตียงที่ทั้งนุ่มและอุ่น ไม่ต้องรีบลุกไปทำงาน ไม่ต้องวิ่งตามแต่กลับนอนรอให้แสงแดดค่อยๆเคลื่อนมาทาบทับร่างกายของตน
เสียงเคาะและคำร้องขออนุญาตดังจากหน้าประตู ครู่หนึ่งพลูมแมทก็ก้าวเข้ามาพร้อมคำทักทายเสียงสดใส แต่พอได้เห็นสีหน้าของคนที่ยังนอนอยู่บนเตียง
“ตายแล้ว! ไม่สบายหรือคะ หน้าซีดเชียว!” เธอรีบเข้ามาแตะหน้าผากดูอาการด้วยความร้อนใจ “ไม่มีไข้นี่ ปวดหัวหรือเปล่า สงสัยเมื่อคืนนอนไม่หลับใช่มั้ย คงจะแปลกที่ อีกสักพักก็ชิน ไม่เป็นไรหรอกนะคะ”
โจชัวร์พยักหน้าเนือยๆแล้วยันตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ชั่วคืนที่ผ่านมาเขาพยายามข่มตา ภาวนาว่าตื่นมาจะพบตัวเองนอนอยู่บนฟูกเก่าๆในมุมหนึ่งของห้องเก็บของ แต่ทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ เมื่อไม่หลับก็ไม่ฝัน แล้วพอลืมตามา มองรอบๆห้องยิ่งอยากร้องไห้ เพราะทุกสิ่งตอกย้ำว่าเขาจะต้องอยู่ในสภาพนักโทษของเจ้าอสูรตลอดไป
“พอจะลุกไหวมั้ย ล้างหน้าล้างตาสักหน่อย ดิฉันเตรียมชุดใหม่ไว้ให้แล้ว ดูสิคะ สวยมั้ย”
โจชัวร์มองตามไปยังชุดกระโปรงที่สวมอยู่บนหุ่น แค่เห็นก็รู้สึกได้ถึงเนื้อผ้าและฝีมือการตัดเย็บชั้นเลิศ ถ้าแมรี่กับเบตตี้มาเห็นคงกระโจนเข้าใส่ อาจถึงขั้นยื้อแย่งจนเสื้อขาด
“เอ่อ... ออกไปก่อนได้มั้ย”
เขาก้มลงมองสภาพตัวเองแล้วรีบบอก เมื่อคืนเขาอ้างความเหนื่อยล้าและเข้านอนเลย ผ่านมาหนึ่งคืนแล้วจะทำแบบเดิมคงฟังไม่ขึ้น จะให้ทนใส่ชุดเดิมต่อไปอีกก็ไม่ไหว
“แหม ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ ดิฉันมีหน้าที่คอยดูแลคุณอยู่แล้ว ช่วยอาบน้ำแต่งตัวแค่นี้สบายมาก”
“คือว่า...” เห็นประกายตาซื่อๆของสาวใช้ประจำตัวแล้วยิ่งอึดอัด เขาไม่ได้คิดจะปิดบังเรื่องที่เป็นผู้ชายไปตลอดอยู่แล้ว แต่คงต้องรอจังหวะอีกสักหน่อย
“ข้า... ข้ามีแผลเป็นที่ไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่ก็เลยไม่อยากให้ใครเห็น เธอออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะนะ ขอร้องล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นให้นายท่านช่วยดูให้สิคะ นายท่านของพวกเรามีความรู้เรื่องยาและการรักษาโรค โดยเฉพาะเรื่องบาดแผลนี่เชี่ยวชาญมากทีเดียว ขนาดพวกสัตว์ที่ติดกับดัก หรือถูกพรานเถื่อนซุ่มยิง นายท่านยังช่วยรักษาจนหายดี วิ่งปร๋อกลับเข้าป่ามานักต่อนักแล้ว อ้อ! เกือบลืม น้ำในท่อน้ำวันนี้ค่อนข้างอุ่นจัด ถ้าร้อนไปก็เปิดทิ้งไว้สักพักค่อยใช้นะคะ”
“ในห้องนี่มีน้ำร้อนด้วยเหรอ?!”
เขาหลุดปากถามอย่างคาดไม่ถึง เมื่อตอนอยู่บ้านหลังเก่าในเมือง มีแต่ห้องนอนใหญ่ของพ่อและพวกพี่ๆที่มีห้องน้ำในตัว ซึ่งถือว่าหรูหราและสะดวกสบายสำหรับคนอยู่ คนรับใช้นี่สิที่ต้องเหนื่อยหิ้วน้ำขึ้นไปเตรียมไว้ทุกวัน พอช่วงหน้านาวยิ่งเพิ่มงานต้มน้ำให้ทางห้องครัวอีกเป็นเท่าตัว
“นายท่านสั่งให้ชักน้ำขึ้นไปเก็บบนหอสูงเพื่อเพิ่มแรงดันก่อนจะปล่อยลงมา แล้วต่อท่อเอาความร้อนจากห้องครัวมาใช้ ทั่วทั้งคฤหาสน์เลยอุ่นสบายโดยแทบไม่ต้องจุดเตาผิง และถึงจะอยู่ชั้นบนก็มีน้ำร้อนให้ใช้ตลอด ไม่ต้องคอยต้มน้ำ หาบน้ำกันให้เหนื่อยเลยค่ะ” หญิงสาวอวดรอยยิ้มกว้างแสดงถึงความชื่นชมเจ้านายของตนที่ทั้งเก่งและมีความคิดรอบด้าน
“นายท่านยังสั่งว่าคุณควรอาบน้ำอุ่นจัดสักหน่อยเพราะร่างกายยังไม่ชินกับอากาศของที่นี่ นี่ดีนะคะที่เช้านี้อากาศดี ถ้าเป็นวันที่มีพายุหิมะแรงๆ คุณคงไม่สบายแน่ๆ”
น้ำอุ่นจัดช่วยคลายความเหนื่อยล้า ทำให้รู้สึกสบายเนื้อตัวจนแทบหลับคาอ่างอาบน้ำ หลังจากเสียเวลาใส่เสื้อผ้าด้วยตัวเองแล้วยังต้องนั่งให้พลูมแมทช่วยทำผมแต่งตัวอีกพักใหญ่ โจชัวร์ก็ลงมายังชั้นล่าง แอบโล่งอกเมื่อพบว่าสำรับจัดไว้ที่ระเบียงด้านตะวันออกเพียงชุดเดียว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะได้กินมื้อเช้าตามลำพัง รอจนเลื่อนเก้าอี้ให้ว่าที่คุณผู้หญิงของคฤหาสน์นั่งลงเรียบร้อย คุณคอกซ์เวิร์ธก็ผายมือไปยังกลุ่มคนที่ยืนเรียงราย ใบหน้าแต่ละคนมีรอยยิ้ม ท่าทางตื่นเต้นชวนให้ผู้มาใหม่รู้สึกถึงการต้อนรับที่อบอุ่น
“ขอให้กระผมได้แนะนำมิสซิสพอทส์ แม่ครัวใหญ่ของเรา” หัวแถวคือหญิงเจ้าเนื้อ วัยเดียวกับคุณพ่อบ้าน แววตาใจดี และมีกลิ่นหอมของอาหารติดตัว
“เดบูตองท์” หญิงสาวท่าทางร่าเริงแจ่มใส่แต่คงพูดน้อยกว่าเพื่อนของเธอทำอาการถอนสายบัวแล้วก็เอาแต่จ้องโจชัวร์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“แล้วก็...”
รายสุดท้ายคือเด็กชายตัวเล็กที่กำลังเกาะโต๊ะเขย่งตัวให้สูงขึ้น แถมยังยกไม้ยกมือขอโอกาสแนะนำตัวเอง
“พินช์ฮะ!” เสียงใสรีบบอกพร้อมทำท่าโค้งราวกับอัศวินหนุ่ม “อรุณสวัสดิ์ฮะคุณโจแอน คุณสวยจัง”
“ขอบใจจ๊ะพินช์ เธอก็น่ารักมากนะหนุ่มน้อย” เขาวางมือลงบนกลุ่มผมสีทอง ลูบเบาๆด้วยความเอ็นดู นึกขันกับคำชมแต่ก็คงต้องรับไว้
“เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อนสิ ยังมีข้าอีกคนนะลืมได้ไง”
เสียงตะโกนดังมาแต่ไกล คนที่กำลังวิ่งตรงมาสุดฝีเท้าคือชายหนุ่มร่างผอมสูงในชุดขี่ม้า คำแนะนำตัวจากคุณพ่อบ้านจึงไม่พ้นเสียงตวาด
“ลูมิแยร์!”
“กระผมลูมิแยร์” เจ้าตัวกลับยิ้มรับและทำท่าโค้งคำนับเต็มพิธีการยิ่งกว่าเจ้าหนูพินช์ “เป็นเกียรติเหลือเกินที่ได้พบคุณผู้หญิง ขอให้กระผมได้เป็นทาสรับใช้ผู้แสนต่ำต้อยของคุณด้วยเถอะนะขอรับ”
พวกสาวๆหัวเราะคิกคัก แต่โจชัวร์ไม่รู้สึกสนุกไปด้วย
“เอ่อ... ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ ข้าก็ยินดีมากที่ได้รู้จักกับทุกคน แต่อย่างที่ทุกคนก็คงรู้อยู่แล้วว่าข้ามาที่นี่ในฐานะอะไร ถ้ายังไงก็ช่วยเลิกคิดว่าข้าจะมาเป็นเอ่อ... คุณผู้หญิงหรือนายหญิงอะไรนั่นเลยนะ ขอให้พวกเราเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกันดีกว่า มีอะไรเราก็พูดคุยกัน ช่วยเหลือกัน ตกลงมั้ย”
เขามองตาและโล่งอกที่ทุกคนยอมให้ความร่วมมือ ยกเว้นชายหนุ่มรายสุดท้ายที่ยังทำท่าอิดออด
“แต่นายท่านจะตำหนิพวกเราได้...”
เพียงประโยคเดียวก็ทำให้เกิดความลังเลโดยทั่วหน้า โจชัวร์จึงรีบตัดบทด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว ส่วนผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรค่อยว่ากันอีกที
“ถ้านายท่านของเจ้ามีปัญหา ข้าจะเป็นคนรับผิดชอบทุกอย่างเอง”
ทุกคนตอบตกลงและอยู่ทำความคุ้นเคยกับเพื่อนร่วมคฤหาสน์คนใหม่อีกครู่ใหญ่จึงแยกย้ายกันไปทำงาน คนที่เหลืออยู่มีเพียงหนูน้อยพินช์และหนุ่มใหญ่ลูมิแยร์
“นายท่านให้กระผมคอยดูแล และอำนวยความสะดวกคุณในการทำความ คุ้นเคยกับที่นี่ขอรับ”
“หมายความว่าข้าจะไม่มีวันได้ไปจากที่นี่อย่างนั้นสินะ”
“พี่โจจะไม่อยู่กับพวกเราเหรอฮะ” พินช์ร้องลั่นแล้วรีบเข้ามากอดเอวราวกับพี่สาวคนใหม่จะหายตัวไปเสียเดี๋ยวนั้น
“ที่นี่กว้างมากๆ วิ่งเล่นทั้งวันยังไม่ทั่วเลย ทุกคนใจดี ขนมของป้าก็อร่อย มีอะไรสนุกๆให้ทำตั้งเยอะแยะ พี่โจอยู่เถอะนะ อย่าไปไหนเลยนะฮะ น๊าาา”
“พี่... พี่ก็ยังไม่ได้บอกว่าจะไปสักหน่อย” เขาบอกอย่างหมดท่าเมื่อเจอลูกอ้อนชุดใหญ่เข้าไป
“พี่โจจะไม่ไปจากที่นี่แล้วจริงๆนะ พี่โจสัญญาแล้วนะฮะ”
ลูมิแยร์ยิ้มมองหนูน้อยออกอาการร้องลั่นดีใจ ตัวเขาเองก็พลอยโล่งอกที่มีคนช่วยแบ่งเบาภาระบางอย่างไปบ้างแล้ว
“อย่าเพิ่งคิดว่าการอยู่ที่นี่จะมีแต่เรื่องแย่ๆ ลองเปิดใจดูแล้วคุณจะได้พบกับความสุขอย่างที่หาจากที่ไหนไม่ได้ เรื่องราวอันแสนอัศจรรย์ยังรอคุณอยู่อีกมากเชียวขอรับ”
“หมายถึงนายท่านของเจ้าด้วยหรือเปล่า” โจชัวร์รีบถามดักคอ อีกฝ่ายเป็นคนรับใช้ส่วนตัวก็น่าจะรู้จักเจ้าอสูรดีกว่าใคร “ข้าอยากรู้ว่าเขาเป็นใคร ทำไมถึงได้ดู... เป็นอย่างนั้น พอจะเล่าให้ข้าฟังบ้างได้มั้ย”
“คำบอกเล่าหรือจะสู้การพิสูจน์ด้วยตนเองได้” คนรับใช้หนุ่มอมยิ้ม นอกจากไม่ตอบยังกระตุ้นให้ยิ่งอยากรู้
“คุณอาจคิดว่านายท่านของพวกเราน่ากลัว ใจคอโหดเหี้ยมผิดมนุษย์มนา แต่หากลองใช้หัวใจมอง รับรองว่าคุณจะพบกับบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ ตัวตนที่แท้จริงของอสูรร้ายอาจจะงดงามอย่างที่คุณนึกไม่ถึงก็ได้นะขอรับ”
“ตกลงว่าเจ้าจะไม่ช่วย”
“กระผมยินดีช่วยพาคุณสำรวจรอบคฤหาสน์ และพื้นที่ในอาณาเขตการปกครองของนายท่านแน่นอน แต่เนื่องจากที่นี่กว้างขวางมาก ถ้าให้เดินไปคงไม่ไหวเลยได้เตรียมม้าไว้ให้แล้ว คุณคงดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่า...”
อาศัยว่าทำงานกับคนขี้โมโหมานาน ลูมิแยร์จึงนับว่ามีทักษะในการจัดการกับอารมณ์ของคู่สนทนาได้เป็นอย่างดี และเพียงให้สัญญาณ อาชาสีขาวปลอดก็ควบตะลุยมาหยุดตรงหน้าแขกคนสำคัญราวกับสั่งได้
“นายท่านมอบสโนว์ให้เป็นม้าประจำตัวของคุณ หวังว่าคุณจะพอใจ”
“ที่สุดเลยล่ะ” โจชัวร์ตอบพร้อมรอยยิ้ม เจ้าสโนว์ก็ร้องรับได้จังหวะกัน
“ถ้าอย่างนั้นเราเริ่มจากคอกม้าก่อนเลยดีมั้ย สโนว์จะได้พาคุณไปรู้จักเพื่อนๆของมันด้วย”
แม้จะอยู่ในชุดกระโปรง แต่โจชัวร์ก็ส่งพินช์ขึ้นหลังม้าแล้วโหนตัวตามขึ้นไปได้อย่างคล่องแคล่ว ลูมิแยร์ขี่ม้าสีน้ำตาลอีกตัวพานำออกไปยังโรงเรือนซึ่งกว้างขวางใหญ่โตไม่แพ้ตัวคฤหาสน์ พื้นที่ด้านในถูกซอยย่อยเป็นซองสำหรับม้าสายพันธุ์ดีซึ่งมีลักษณะพิเศษและท่าทางแสนรู้ไม่ผิดจากสโนว์ ถัดออกไปคือโกดังเก็บอุปกรณ์และอาหารสำหรับม้า ที่พักคนงาน และส่วนสุดท้ายคือพื้นดินปรับเรียบที่ถูกใช้เป็นลานฝึกซึ่งตอนนี้มีอาชาสีดำปลอดตัวใหญ่กำลังวิ่งควบจนได้ทั้งจังหวะและความเร็วที่สมบูรณ์แบบ
“ธันเดอร์เป็นม้าประจำตัวของนายท่าน” คนนำชมสถานที่บอกเสียงไม่ดังนัก ทั้งยังกางแขนออกเป็นสัญญาณห้าม “อย่าเพิ่งเข้าไปใกล้มากจะดีกว่า มันเป็นม้าฝีเท้าดีแต่อารมณ์ยังไม่คงที่ สมาธิยังไม่นิ่งเท่าสโนว์ เลยต้องแยกฝึกเดี่ยว ไม่ให้ทั้งม้าหรือคนเข้าไปยุ่มย่ามใกล้ๆ”
โจชัวร์มองตามความเร็วชนิดหาตัวจับยาก แต่สังเกตให้ดีเหมือนเป็นการควบไปตามสัญชาติญาณ กล้ามเนื้อโปนชัดบอกว่ามันเร่งความเร็วโดยไม่คำนึงถึงขีดจำกัด ไม่รู้จักกำลังตัวเอง หากไม่มีผู้ฝึกคอยคุมก็อาจเกิดอาการบาดเจ็บและล้มลงหมดสภาพ ขนาดเจ้าสโนว์มองแล้วยังส่ายหัว ส่งเสียงฟืดฟาดไม่ชอบใจ
“หมายความว่าสโนว์เก่งกว่าเจ้านั่นใช่มั้ย”
เขาลูบแผงคอแถมคำชม หนูน้อยพินช์ก็ชอบใจ โน้มตัวลงกอดมันแน่น
“สโนว์เคยเป็นม้าประจำตัวนายท่าน เป็นสุดยอดอาชาที่ยากจะหาได้ในรอบหลายสิบปี ทั้งฉลาด กำลังดี และมีความเป็นผู้นำฝูง พอนายท่านมอบให้คุณ เราเลยต้องรีบฝึกม้าตัวใหม่ขึ้นมาแทน”
โจชัวร์มองอย่างอดทึ่งไม่ได้ เจ้าม้าขาวพอได้ฟังยิ่งลำพอง เชิดหัวขึ้นรับคำชมยกใหญ่
“ถ้าอย่างนั้นก็บอกให้นายท่านของเจ้าเอาคืนไปสิ ข้าไม่ได้ต้องการอะไรจากเขาสักหน่อย”
ต่อด้านล่างค่ะ....
Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast ... chapter 5
สามารถติดตามอัพเดทข่าวสารของนิยายและพูดคุยกับเราได้ที่เพจ Minemomo นะคะ
https://www.facebook.com/Minemomo-241717489520199
PS: chapter ก่อนหน้านี่...
1
https://ppantip.com/topic/36962641
2
https://ppantip.com/topic/36967091
3&4
https://ppantip.com/topic/37011555
--------------------------------------
~ 5 ~
พระอาทิตย์ค่อยๆลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า แสงสว่างบ่งบอกถึงการเริ่มต้นวันใหม่ โดยปกติแล้วเวลาอย่างนี้ โจชัวร์กำลังอยู่ในครัว จุดเตาไฟให้พร้อมเตรียมอบขนมปังและทำซุปสำหรับมื้อเช้า จากนั้นก็ออกไปที่ลานด้านหลังตักน้ำจากบ่อมาสำรองไว้สำหรับคนทั้งบ้าน ออกแรงพอได้เหงื่อก็ไปทำความสะอาด เก็บไข่ ให้อาหารพวกแม่ไก่ ทำงานในแปลงผัก หรือออกไปรับจ้างตามไร่ของชาวบ้านจนหมดไปอีกหนึ่งวันที่แสนเหนื่อยแต่ก็ถือว่ามีความสุขตามอัตภาพ นี่จึงเป็นเช้าวันแรกที่เขาได้ฝังตัวอยู่บนเตียงที่ทั้งนุ่มและอุ่น ไม่ต้องรีบลุกไปทำงาน ไม่ต้องวิ่งตามแต่กลับนอนรอให้แสงแดดค่อยๆเคลื่อนมาทาบทับร่างกายของตน
เสียงเคาะและคำร้องขออนุญาตดังจากหน้าประตู ครู่หนึ่งพลูมแมทก็ก้าวเข้ามาพร้อมคำทักทายเสียงสดใส แต่พอได้เห็นสีหน้าของคนที่ยังนอนอยู่บนเตียง
“ตายแล้ว! ไม่สบายหรือคะ หน้าซีดเชียว!” เธอรีบเข้ามาแตะหน้าผากดูอาการด้วยความร้อนใจ “ไม่มีไข้นี่ ปวดหัวหรือเปล่า สงสัยเมื่อคืนนอนไม่หลับใช่มั้ย คงจะแปลกที่ อีกสักพักก็ชิน ไม่เป็นไรหรอกนะคะ”
โจชัวร์พยักหน้าเนือยๆแล้วยันตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ชั่วคืนที่ผ่านมาเขาพยายามข่มตา ภาวนาว่าตื่นมาจะพบตัวเองนอนอยู่บนฟูกเก่าๆในมุมหนึ่งของห้องเก็บของ แต่ทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ เมื่อไม่หลับก็ไม่ฝัน แล้วพอลืมตามา มองรอบๆห้องยิ่งอยากร้องไห้ เพราะทุกสิ่งตอกย้ำว่าเขาจะต้องอยู่ในสภาพนักโทษของเจ้าอสูรตลอดไป
“พอจะลุกไหวมั้ย ล้างหน้าล้างตาสักหน่อย ดิฉันเตรียมชุดใหม่ไว้ให้แล้ว ดูสิคะ สวยมั้ย”
โจชัวร์มองตามไปยังชุดกระโปรงที่สวมอยู่บนหุ่น แค่เห็นก็รู้สึกได้ถึงเนื้อผ้าและฝีมือการตัดเย็บชั้นเลิศ ถ้าแมรี่กับเบตตี้มาเห็นคงกระโจนเข้าใส่ อาจถึงขั้นยื้อแย่งจนเสื้อขาด
“เอ่อ... ออกไปก่อนได้มั้ย”
เขาก้มลงมองสภาพตัวเองแล้วรีบบอก เมื่อคืนเขาอ้างความเหนื่อยล้าและเข้านอนเลย ผ่านมาหนึ่งคืนแล้วจะทำแบบเดิมคงฟังไม่ขึ้น จะให้ทนใส่ชุดเดิมต่อไปอีกก็ไม่ไหว
“แหม ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ ดิฉันมีหน้าที่คอยดูแลคุณอยู่แล้ว ช่วยอาบน้ำแต่งตัวแค่นี้สบายมาก”
“คือว่า...” เห็นประกายตาซื่อๆของสาวใช้ประจำตัวแล้วยิ่งอึดอัด เขาไม่ได้คิดจะปิดบังเรื่องที่เป็นผู้ชายไปตลอดอยู่แล้ว แต่คงต้องรอจังหวะอีกสักหน่อย
“ข้า... ข้ามีแผลเป็นที่ไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่ก็เลยไม่อยากให้ใครเห็น เธอออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะนะ ขอร้องล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นให้นายท่านช่วยดูให้สิคะ นายท่านของพวกเรามีความรู้เรื่องยาและการรักษาโรค โดยเฉพาะเรื่องบาดแผลนี่เชี่ยวชาญมากทีเดียว ขนาดพวกสัตว์ที่ติดกับดัก หรือถูกพรานเถื่อนซุ่มยิง นายท่านยังช่วยรักษาจนหายดี วิ่งปร๋อกลับเข้าป่ามานักต่อนักแล้ว อ้อ! เกือบลืม น้ำในท่อน้ำวันนี้ค่อนข้างอุ่นจัด ถ้าร้อนไปก็เปิดทิ้งไว้สักพักค่อยใช้นะคะ”
“ในห้องนี่มีน้ำร้อนด้วยเหรอ?!”
เขาหลุดปากถามอย่างคาดไม่ถึง เมื่อตอนอยู่บ้านหลังเก่าในเมือง มีแต่ห้องนอนใหญ่ของพ่อและพวกพี่ๆที่มีห้องน้ำในตัว ซึ่งถือว่าหรูหราและสะดวกสบายสำหรับคนอยู่ คนรับใช้นี่สิที่ต้องเหนื่อยหิ้วน้ำขึ้นไปเตรียมไว้ทุกวัน พอช่วงหน้านาวยิ่งเพิ่มงานต้มน้ำให้ทางห้องครัวอีกเป็นเท่าตัว
“นายท่านสั่งให้ชักน้ำขึ้นไปเก็บบนหอสูงเพื่อเพิ่มแรงดันก่อนจะปล่อยลงมา แล้วต่อท่อเอาความร้อนจากห้องครัวมาใช้ ทั่วทั้งคฤหาสน์เลยอุ่นสบายโดยแทบไม่ต้องจุดเตาผิง และถึงจะอยู่ชั้นบนก็มีน้ำร้อนให้ใช้ตลอด ไม่ต้องคอยต้มน้ำ หาบน้ำกันให้เหนื่อยเลยค่ะ” หญิงสาวอวดรอยยิ้มกว้างแสดงถึงความชื่นชมเจ้านายของตนที่ทั้งเก่งและมีความคิดรอบด้าน
“นายท่านยังสั่งว่าคุณควรอาบน้ำอุ่นจัดสักหน่อยเพราะร่างกายยังไม่ชินกับอากาศของที่นี่ นี่ดีนะคะที่เช้านี้อากาศดี ถ้าเป็นวันที่มีพายุหิมะแรงๆ คุณคงไม่สบายแน่ๆ”
น้ำอุ่นจัดช่วยคลายความเหนื่อยล้า ทำให้รู้สึกสบายเนื้อตัวจนแทบหลับคาอ่างอาบน้ำ หลังจากเสียเวลาใส่เสื้อผ้าด้วยตัวเองแล้วยังต้องนั่งให้พลูมแมทช่วยทำผมแต่งตัวอีกพักใหญ่ โจชัวร์ก็ลงมายังชั้นล่าง แอบโล่งอกเมื่อพบว่าสำรับจัดไว้ที่ระเบียงด้านตะวันออกเพียงชุดเดียว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะได้กินมื้อเช้าตามลำพัง รอจนเลื่อนเก้าอี้ให้ว่าที่คุณผู้หญิงของคฤหาสน์นั่งลงเรียบร้อย คุณคอกซ์เวิร์ธก็ผายมือไปยังกลุ่มคนที่ยืนเรียงราย ใบหน้าแต่ละคนมีรอยยิ้ม ท่าทางตื่นเต้นชวนให้ผู้มาใหม่รู้สึกถึงการต้อนรับที่อบอุ่น
“ขอให้กระผมได้แนะนำมิสซิสพอทส์ แม่ครัวใหญ่ของเรา” หัวแถวคือหญิงเจ้าเนื้อ วัยเดียวกับคุณพ่อบ้าน แววตาใจดี และมีกลิ่นหอมของอาหารติดตัว
“เดบูตองท์” หญิงสาวท่าทางร่าเริงแจ่มใส่แต่คงพูดน้อยกว่าเพื่อนของเธอทำอาการถอนสายบัวแล้วก็เอาแต่จ้องโจชัวร์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“แล้วก็...”
รายสุดท้ายคือเด็กชายตัวเล็กที่กำลังเกาะโต๊ะเขย่งตัวให้สูงขึ้น แถมยังยกไม้ยกมือขอโอกาสแนะนำตัวเอง
“พินช์ฮะ!” เสียงใสรีบบอกพร้อมทำท่าโค้งราวกับอัศวินหนุ่ม “อรุณสวัสดิ์ฮะคุณโจแอน คุณสวยจัง”
“ขอบใจจ๊ะพินช์ เธอก็น่ารักมากนะหนุ่มน้อย” เขาวางมือลงบนกลุ่มผมสีทอง ลูบเบาๆด้วยความเอ็นดู นึกขันกับคำชมแต่ก็คงต้องรับไว้
“เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อนสิ ยังมีข้าอีกคนนะลืมได้ไง”
เสียงตะโกนดังมาแต่ไกล คนที่กำลังวิ่งตรงมาสุดฝีเท้าคือชายหนุ่มร่างผอมสูงในชุดขี่ม้า คำแนะนำตัวจากคุณพ่อบ้านจึงไม่พ้นเสียงตวาด
“ลูมิแยร์!”
“กระผมลูมิแยร์” เจ้าตัวกลับยิ้มรับและทำท่าโค้งคำนับเต็มพิธีการยิ่งกว่าเจ้าหนูพินช์ “เป็นเกียรติเหลือเกินที่ได้พบคุณผู้หญิง ขอให้กระผมได้เป็นทาสรับใช้ผู้แสนต่ำต้อยของคุณด้วยเถอะนะขอรับ”
พวกสาวๆหัวเราะคิกคัก แต่โจชัวร์ไม่รู้สึกสนุกไปด้วย
“เอ่อ... ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ ข้าก็ยินดีมากที่ได้รู้จักกับทุกคน แต่อย่างที่ทุกคนก็คงรู้อยู่แล้วว่าข้ามาที่นี่ในฐานะอะไร ถ้ายังไงก็ช่วยเลิกคิดว่าข้าจะมาเป็นเอ่อ... คุณผู้หญิงหรือนายหญิงอะไรนั่นเลยนะ ขอให้พวกเราเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกันดีกว่า มีอะไรเราก็พูดคุยกัน ช่วยเหลือกัน ตกลงมั้ย”
เขามองตาและโล่งอกที่ทุกคนยอมให้ความร่วมมือ ยกเว้นชายหนุ่มรายสุดท้ายที่ยังทำท่าอิดออด
“แต่นายท่านจะตำหนิพวกเราได้...”
เพียงประโยคเดียวก็ทำให้เกิดความลังเลโดยทั่วหน้า โจชัวร์จึงรีบตัดบทด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว ส่วนผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรค่อยว่ากันอีกที
“ถ้านายท่านของเจ้ามีปัญหา ข้าจะเป็นคนรับผิดชอบทุกอย่างเอง”
ทุกคนตอบตกลงและอยู่ทำความคุ้นเคยกับเพื่อนร่วมคฤหาสน์คนใหม่อีกครู่ใหญ่จึงแยกย้ายกันไปทำงาน คนที่เหลืออยู่มีเพียงหนูน้อยพินช์และหนุ่มใหญ่ลูมิแยร์
“นายท่านให้กระผมคอยดูแล และอำนวยความสะดวกคุณในการทำความ คุ้นเคยกับที่นี่ขอรับ”
“หมายความว่าข้าจะไม่มีวันได้ไปจากที่นี่อย่างนั้นสินะ”
“พี่โจจะไม่อยู่กับพวกเราเหรอฮะ” พินช์ร้องลั่นแล้วรีบเข้ามากอดเอวราวกับพี่สาวคนใหม่จะหายตัวไปเสียเดี๋ยวนั้น
“ที่นี่กว้างมากๆ วิ่งเล่นทั้งวันยังไม่ทั่วเลย ทุกคนใจดี ขนมของป้าก็อร่อย มีอะไรสนุกๆให้ทำตั้งเยอะแยะ พี่โจอยู่เถอะนะ อย่าไปไหนเลยนะฮะ น๊าาา”
“พี่... พี่ก็ยังไม่ได้บอกว่าจะไปสักหน่อย” เขาบอกอย่างหมดท่าเมื่อเจอลูกอ้อนชุดใหญ่เข้าไป
“พี่โจจะไม่ไปจากที่นี่แล้วจริงๆนะ พี่โจสัญญาแล้วนะฮะ”
ลูมิแยร์ยิ้มมองหนูน้อยออกอาการร้องลั่นดีใจ ตัวเขาเองก็พลอยโล่งอกที่มีคนช่วยแบ่งเบาภาระบางอย่างไปบ้างแล้ว
“อย่าเพิ่งคิดว่าการอยู่ที่นี่จะมีแต่เรื่องแย่ๆ ลองเปิดใจดูแล้วคุณจะได้พบกับความสุขอย่างที่หาจากที่ไหนไม่ได้ เรื่องราวอันแสนอัศจรรย์ยังรอคุณอยู่อีกมากเชียวขอรับ”
“หมายถึงนายท่านของเจ้าด้วยหรือเปล่า” โจชัวร์รีบถามดักคอ อีกฝ่ายเป็นคนรับใช้ส่วนตัวก็น่าจะรู้จักเจ้าอสูรดีกว่าใคร “ข้าอยากรู้ว่าเขาเป็นใคร ทำไมถึงได้ดู... เป็นอย่างนั้น พอจะเล่าให้ข้าฟังบ้างได้มั้ย”
“คำบอกเล่าหรือจะสู้การพิสูจน์ด้วยตนเองได้” คนรับใช้หนุ่มอมยิ้ม นอกจากไม่ตอบยังกระตุ้นให้ยิ่งอยากรู้
“คุณอาจคิดว่านายท่านของพวกเราน่ากลัว ใจคอโหดเหี้ยมผิดมนุษย์มนา แต่หากลองใช้หัวใจมอง รับรองว่าคุณจะพบกับบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ ตัวตนที่แท้จริงของอสูรร้ายอาจจะงดงามอย่างที่คุณนึกไม่ถึงก็ได้นะขอรับ”
“ตกลงว่าเจ้าจะไม่ช่วย”
“กระผมยินดีช่วยพาคุณสำรวจรอบคฤหาสน์ และพื้นที่ในอาณาเขตการปกครองของนายท่านแน่นอน แต่เนื่องจากที่นี่กว้างขวางมาก ถ้าให้เดินไปคงไม่ไหวเลยได้เตรียมม้าไว้ให้แล้ว คุณคงดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่า...”
อาศัยว่าทำงานกับคนขี้โมโหมานาน ลูมิแยร์จึงนับว่ามีทักษะในการจัดการกับอารมณ์ของคู่สนทนาได้เป็นอย่างดี และเพียงให้สัญญาณ อาชาสีขาวปลอดก็ควบตะลุยมาหยุดตรงหน้าแขกคนสำคัญราวกับสั่งได้
“นายท่านมอบสโนว์ให้เป็นม้าประจำตัวของคุณ หวังว่าคุณจะพอใจ”
“ที่สุดเลยล่ะ” โจชัวร์ตอบพร้อมรอยยิ้ม เจ้าสโนว์ก็ร้องรับได้จังหวะกัน
“ถ้าอย่างนั้นเราเริ่มจากคอกม้าก่อนเลยดีมั้ย สโนว์จะได้พาคุณไปรู้จักเพื่อนๆของมันด้วย”
แม้จะอยู่ในชุดกระโปรง แต่โจชัวร์ก็ส่งพินช์ขึ้นหลังม้าแล้วโหนตัวตามขึ้นไปได้อย่างคล่องแคล่ว ลูมิแยร์ขี่ม้าสีน้ำตาลอีกตัวพานำออกไปยังโรงเรือนซึ่งกว้างขวางใหญ่โตไม่แพ้ตัวคฤหาสน์ พื้นที่ด้านในถูกซอยย่อยเป็นซองสำหรับม้าสายพันธุ์ดีซึ่งมีลักษณะพิเศษและท่าทางแสนรู้ไม่ผิดจากสโนว์ ถัดออกไปคือโกดังเก็บอุปกรณ์และอาหารสำหรับม้า ที่พักคนงาน และส่วนสุดท้ายคือพื้นดินปรับเรียบที่ถูกใช้เป็นลานฝึกซึ่งตอนนี้มีอาชาสีดำปลอดตัวใหญ่กำลังวิ่งควบจนได้ทั้งจังหวะและความเร็วที่สมบูรณ์แบบ
“ธันเดอร์เป็นม้าประจำตัวของนายท่าน” คนนำชมสถานที่บอกเสียงไม่ดังนัก ทั้งยังกางแขนออกเป็นสัญญาณห้าม “อย่าเพิ่งเข้าไปใกล้มากจะดีกว่า มันเป็นม้าฝีเท้าดีแต่อารมณ์ยังไม่คงที่ สมาธิยังไม่นิ่งเท่าสโนว์ เลยต้องแยกฝึกเดี่ยว ไม่ให้ทั้งม้าหรือคนเข้าไปยุ่มย่ามใกล้ๆ”
โจชัวร์มองตามความเร็วชนิดหาตัวจับยาก แต่สังเกตให้ดีเหมือนเป็นการควบไปตามสัญชาติญาณ กล้ามเนื้อโปนชัดบอกว่ามันเร่งความเร็วโดยไม่คำนึงถึงขีดจำกัด ไม่รู้จักกำลังตัวเอง หากไม่มีผู้ฝึกคอยคุมก็อาจเกิดอาการบาดเจ็บและล้มลงหมดสภาพ ขนาดเจ้าสโนว์มองแล้วยังส่ายหัว ส่งเสียงฟืดฟาดไม่ชอบใจ
“หมายความว่าสโนว์เก่งกว่าเจ้านั่นใช่มั้ย”
เขาลูบแผงคอแถมคำชม หนูน้อยพินช์ก็ชอบใจ โน้มตัวลงกอดมันแน่น
“สโนว์เคยเป็นม้าประจำตัวนายท่าน เป็นสุดยอดอาชาที่ยากจะหาได้ในรอบหลายสิบปี ทั้งฉลาด กำลังดี และมีความเป็นผู้นำฝูง พอนายท่านมอบให้คุณ เราเลยต้องรีบฝึกม้าตัวใหม่ขึ้นมาแทน”
โจชัวร์มองอย่างอดทึ่งไม่ได้ เจ้าม้าขาวพอได้ฟังยิ่งลำพอง เชิดหัวขึ้นรับคำชมยกใหญ่
“ถ้าอย่างนั้นก็บอกให้นายท่านของเจ้าเอาคืนไปสิ ข้าไม่ได้ต้องการอะไรจากเขาสักหน่อย”
ต่อด้านล่างค่ะ....