Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast ... chapter 13

เจ้าอสูรกับหนูโจ ตอนใหม่มาแล้วค่ะ

สามารถติดตามอัพเดทข่าวสารของนิยาย พูดคุย และสั่งซื้อหนังสือได้ที่เพจ Minemomo นะคะ

https://www.facebook.com/Minemomo-241717489520199


PS: chapter ก่อนหน้านี่...

1
https://ppantip.com/topic/36962641

2
https://ppantip.com/topic/36967091

3&4
https://ppantip.com/topic/37011555

5
https://ppantip.com/topic/37027212

6
https://ppantip.com/topic/37042885

7
https://ppantip.com/topic/37057539

8
https://ppantip.com/topic/37141996

9 & 10
https://ppantip.com/topic/37173462

11
https://ppantip.com/topic/37207735

12
https://ppantip.com/topic/37235893





-----------------------------





~ 13 ~




ท่านเศรษฐีคนสำคัญของเมืองรีบรุดกลับมา และจัดการความเสียหายที่เกิดจากไฟไหม้จนทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติ แต่กลับออกปากฝากลูกสาวคนเดียวไว้ที่คฤหาสน์อีกสักพัก เจ้าอสูรไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ และความจริงก็เป็นฝ่ายได้ประโยชน์ที่จะมีข้ออ้างเอาตัวคนพิเศษมาอยู่ข้างกายอย่างที่ต้องการ


โจชัวร์รู้ว่าตนเองไม่มีสิทธิ์ที่จะเห็นด้วยหรือคัดค้านกับการที่ลิเดียจะพักอยู่ที่คฤหาสน์ต่อไปหรือตลอดไป แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัดกับภาพของเธอกับเจ้าอสูร ทั้งคู่ดูคุ้นเคยและมีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น เธอกล้าที่จะมอง เริ่มชวนคุย และแสดงออกถึงความดีใจทุกครั้งที่ได้รับคำชม ฝ่ายเจ้าอสูรเองก็ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดเวลาที่เห็นเธอ บางครั้งยังเป็นฝ่ายเอ่ยทักหรือตั้งคำถามเพื่อต่อบทสนทนา รวมทั้งอนุญาตให้เธอเข้าร่วมโต๊ะอาหาร และทำกิจกรรมอื่นๆได้ตามที่ต้องการ แม้จะไม่ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าสนิทสนมแต่เพียงเท่านี้ก็ทำให้เขาเกลียดตัวเองที่รู้สึกอิจฉา


ในเวลาที่ได้อยู่กันตามลำพัง เขายังคงถูกกกกอดไว้ในอ้อมแขนใหญ่แต่ความรู้สึกผิดก็ยังตามเกาะกินจนไม่อาจปล่อยใจให้อิ่มเอมกับไออุ่นได้เหมือนเดิม


“ข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่หลับ” เสียงห้าวกระซิบถาม “เป็นอะไรไปเด็กน้อย เจ้าแกล้งหลับอย่างนี้มาหลายคืนแล้วนะ”


ลมหายใจร้อนเป่ารดใบหูพาลให้รู้สึกเสียววาบไปทั้งสันหลัง แต่โจชัวร์ยังฝืนนอนนิ่ง ปิดเปลือกตาสนิทเพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้า ระหว่างนั้นสมองก็วุ่นวายเพื่อหาคำอธิบายให้กับตัวเอง เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนี้ทั้งๆที่ความเอาใจใส่ที่ได้รับก็ไม่เคยลดน้อยลง เขายังคงเป็นที่หนึ่งสำหรับเจ้าอสูรตลอดจนทุกคนในคฤหาสน์ แต่อาจเป็นความเอาแต่ใจอย่างเด็กๆที่ทำให้ไม่รู้จักพอ การเป็นที่หนึ่งมานานทำให้เริ่มมองคนอื่นเป็นคู่แข่ง เมื่อมีการแข่งขันย่อมมีแพ้ชนะ เขาอาจกำลังกลัวความพ่ายแพ้ทั้งๆที่มีเขาคนเดียวปรากฏตัวบนสังเวียน สรุปแล้วคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดก็คงเป็นใจที่ไม่มีวันสงบของตนเอง


“คิดอะไรอยู่หืม” เจ้าอสูรยังคงส่งเสียงอยู่ข้างหู นิ้วมือใหญ่วางลงที่หว่างคิ้ว “หรือว่ากำลังฝัน เจ้านี่คิดมากกระทั่งในฝันเชียวหรือ”


โจชัวร์ยังคงนิ่ง พยายามผ่อนลมหายใจให้คล้ายคนนอนหลับมากที่สุด แต่สักพักเขาก็โดนพลิกตัวกลับ มือข้างหนึ่งถูกจับไปแนบแผงอกกว้างให้รู้สึกถึงสิ่งที่กำลังเต้นเป็นจังหวะ


“อย่าได้นึกสงสัยหัวใจดวงนี้” อ้อมแขนใหญ่กอดกระชับแล้ววางจูบลงตรงขมับ “มันเป็นของเจ้า และตัวข้าเองก็เช่นกัน”


โจชัวร์เผลอกลั้นหายใจจนยิ่งรู้สึกถึงจังหวะระรัวที่กลางอกของตน ถ้อยคำสั้นๆดั่งมีมนต์วิเศษสลายตะกอนที่ทับถมความรู้สึกให้หนักอึ้ง เขาอยากจะลืมตาขึ้นมองแต่สัมผัสอุ่นก็เคลื่อนลงมาที่เปลือกตาและริมฝีปาก เขาเกือบเผลอจูบตอบแต่ยั้งตัวเองไว้ทัน เสียงหัวเราะเบาๆเป็นสิ่งสุดท้ายที่ได้ยินก่อนที่จะหลับสนิทไปจริงๆ


เป็นครั้งแรกที่เขาตื่นมาเพียงลำพังบนเตียงนอนกว้าง สัมผัสเย็นชืดทำให้รู้สึกแปลกจนต้องรีบจัดการตัวเองแล้วรุดลงมาที่ด้านล่าง ทุกหนแห่งเงียบเชียบ ปราศจากเงาของคนที่ตามหาจนเขายิ่งใจเสีย กระทั่งออกมาพบลิเดียยืนอยู่ลำพังที่หน้าคฤหาสน์


“แปลกจังที่วันนี้คุณตื่นสาย ฉันยังกลัวอยู่ว่าเราอาจจะไม่ทันได้เอ่ยลากัน” หญิงสาวเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงสดใสเป็นปกติ


“ทำไมล่ะ?! แล้วนี่เธอจะไปไหน?!”


การแต่งตัวที่ต่างไปจากทุกวันกับรถม้าคันใหญ่ที่จอดอยู่ไม่ไกลเหมือนจะบอกเป็นนัย


“หรือว่าคุณพ่อของเธอ...”


“คุณพ่อกำลังเข้าพบนายท่านอยู่ด้านใน”


โจชัวร์ไม่ทันได้ตั้งตัวเมื่อจู่ๆเธอก็เข้ามาคว้ามือของเขาไปกุมไว้


“ฉันขอบคุณสำหรับทุกๆอย่างที่ผ่านมา คุณมีน้ำใจและดีกับฉันจริงๆ ฉันขออวยพรให้คุณกับนายท่านมีความสุขมากๆนะ”


“เอ่อ... เธอเข้าใจผิดแล้ว คือว่ามันไม่ใช่...”


ลิเดียส่ายหน้าน้อยๆ อดขำกับท่าทางตื่นๆของคนที่กำลังเขินไม่ได้ เธอไม่ปฏิเสธว่ารู้สึกอิจฉาในทุกครั้งที่เห็นคนทั้งคู่แสดงความรู้สึกต่อกันโดยไม่รู้ตัว เจ้าอสูรอาจเห็นเธออยู่ในสายตา แต่หากโจชัวร์ปรากฏตัว ดวงตาสีประหลาดคู่นั้นก็ไม่เคยสะท้อนภาพของใครอื่น และทุกคำพูดที่ออกจากปากก็ล้วนเกี่ยวข้องกับชายหนุ่ม ทั้งสิ่งที่เขาชอบและไม่ชอบ ทั้งเรื่องที่เขาทำหรืออยากทำ พูดได้ว่าที่เธอรู้สึกคุ้นเคยกับเจ้าของคฤหาสน์มากขึ้นก็เพราะเขานับเธอเป็นเพื่อนกับโจชัวร์เท่านั้นเอง  


“ถึงฉันจะไม่เคยมีความรักมาก่อน แต่ก็ไม่ไร้เดียงสาจนมองไม่ออกหรอกนะว่าคุณกับนายท่านรู้สึกอย่างไรต่อกัน ความจริงฉันว่าแม้แต่คุณพ่อก็คงรู้ แต่ท่านคงหวังดีกับนายท่านและหมู่บ้านของเราจริงๆถึงได้ทำอะไรเลยเถิดไปบ้าง ฉันขอโทษแทนคุณพ่อด้วยนะ”


“อย่าพูดแบบนี้สิ คุณพ่อของคุณเป็นคนดีมาก ผมไม่เคยคิดอะไรอย่างนั้นกับท่านได้เลย แต่ว่า... ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ นายท่านก็ดีกับคุณมากนะ คุณไม่ได้รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ”


“ฉันเชื่อว่าทั้งฉันและนายท่านต่างรู้สึกดีต่อกันมากขึ้นจริง แต่ความรู้สึกดีๆก็ใช่จะพัฒนาจนกลายเป็นความรักได้เสมอไป นายท่านคงเห็นฉันไม่ต่างจากคนอื่นๆในหมู่บ้านซึ่งท่านต้องปกป้องดูแล หรือหากมากหน่อยก็คงเอ็นดูฉันเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น ฉันรู้ว่าการที่ฉันมาอยู่ที่นี่ทำให้คุณอึดอัด”


“ไม่ใช่นะลิเดีย! ผมอาจจะแค่ไม่ชิน แต่ผมก็อยากให้คุณอยู่ที่นี่ ไม่ได้อยากให้คุณไปเลยจริงๆนะ”


“ฉันถึงได้บอกยังไงคะว่าคุณใจดีกับฉันมาก ที่ผ่านมานายท่านก็คงเกรงใจคุณพ่อถึงได้ปล่อยให้คาราคาซังกันอยู่ แต่ฉันไม่อยากให้อะไรๆมันลุกลามจนกลายเป็นปัญหาโดยไม่รู้ตัวเลยตัดสินใจบอกให้คุณพ่อมารับ และตอนนี้นายท่านก็คงจัดการในส่วนของท่านให้เด็ดขาดเช่นกัน”


โจชัวร์ยังไม่ค่อยเข้าใจแต่เมื่อมองตามสายตาของลิเดียก็เห็นคุณพ่อของเธอออกมาจากคฤหาสน์ กำลังเดินตรงมาด้วยท่าทางไม่ดีสักเท่าไหร่ ท่านเศรษฐีเป็นผู้ใหญ่อารมณ์ดี หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส เวลาเจอกันท่านมักจะทักทาย พูดคุยสารทุกข์สุขดิบด้วยเสมอ แต่วันนี้กลับมองผ่านราวกับไม่เห็นว่าเขาก็ยืนอยู่ตรงนั้น  


“ไปกันได้แล้วลิเดีย เราเสียเวลากับเรื่องไร้สาระมามากแล้ว”


เมื่อลูกสาวขอเวลาส่วนตัวอีกครู่หนึ่ง ท่านก็ตวัดสายตาขุ่นเคืองมองชายหนุ่มแล้วรีบกลับไปขึ้นรถม้าที่รออยู่


“เอ่อ... ทำไมคุณ...” ยังไม่ทันได้ถามเขาก็ต้องคอย่นกับเสียงปิดประตูปังใหญ่


“นี่แสดงว่าฉันเดาใจนายท่านถูกจริงๆด้วย” หญิงสาวกลั้นขำกับอาการหัวเสียของผู้เป็นพ่อ


“นายท่านเลือกคุณค่ะโจชัวร์”


“เลือกผม?! หมายความว่า...”


โจชัวร์ตกใจตื่น หันไปหันมาระหว่างรถม้า คฤหาสน์ และหญิงสาวตรงหน้า


“นายท่านคงปฏิเสธเรื่องฉันกับคุณพ่อโดยเด็ดขาดแล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไป เรื่องของนายท่านต้องฝากคุณโจชัวร์ดูแลแล้วนะคะ”


“ไม่ได้นะ คุณต่างหากที่จะช่วยเขาถอนคำสาป ผู้ชายอย่างผมจะไปทำอะไรได้!”


ลิเดียบีบมือที่กำลังสั่นให้แน่นขึ้น เธอเข้าใจว่าเขาอาจจะกลัวหรือเสียความมั่นใจไปบ้าง แต่เธอเชื่อสายตาตัวเองว่าเขาเข้มแข็งพอที่จะผ่านอุปสรรคนี้ไปได้


“มั่นใจในตัวเองสิคะโจชัวร์ ไม่ใช่ผู้ชายหรือผู้หญิง ไม่ใช่ฐานะหรือความคู่ควรเหมาะสม แต่หัวใจคนเราควรมีอิสระที่จะเลือกรักใครก็ได้ ตอนนี้นายท่านได้เลือกแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะค่ะ”


โจชัวร์พยายามยิ้มตอบกำลังใจที่ได้รับ ชีวิตที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีสิทธิ์ได้เลือก พอจะมีโอกาสตัดสินใจก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวพันถึงโชคชะตาของคนสำคัญเสียอย่างนั้น


“หมายความว่าถ้าผมเลือกทำตามหัวใจตัวเอง...”


“ฉันก็ขออวยพรให้ความรักนั้นเยียวยาคนที่หัวใจของคุณเลือกได้เป็นผล สำเร็จค่ะ”


ทั้งสองโอบกอด และเอ่ยคำลาในฐานะมิตรแท้ที่จะรักและหวังดีต่อกันตลอดไป โจชัวร์ตามไปส่งและได้มีโอกาสเอ่ยลาคุณพ่อของเธอ ท่าทางเมินเฉยในทีแรกคลายลง ดวงตามากด้วยวัยและประสบการณ์ชีวิตมีเค้าเหนื่อยล้ามองเขาอย่างจนด้วยคำพูด ท่านเพียงพยักหน้ารับแล้วนิ่งไป แต่เท่านี้ก็ทำให้เขาใจชื้นขึ้นมากเพราะท่านเศรษฐีและเจ้าอสูรต่างเป็นคนสำคัญของเมือง คงไม่ดีหากทั้งสองจะบาดหมางกันโดยเฉพาะมีสาเหตุมากจากตัวเขา


เมื่อรถม้าคันใหญ่จากไป โจชัวร์รีบกลับเข้าด้านในด้วยความรู้สึกอยากเห็นหน้าเจ้าของคฤหาสน์ใจจะขาด เขาเที่ยวตามหาจนเหลือเพียงห้องลับใต้หลังคาซึ่งเคยได้เข้าไปโดยบังเอิญ กุญแจดอกใหญ่ถูกปลดล็อกไว้ไม่ต่างจากครั้งนั้น เขาเคาะให้สัญญาณ เมื่อไม่มีเสียงตอบรับจึงลองเปิดเข้าไป ห้องกว้างไม่ได้มืดสนิทเหมือนคราวก่อน ม่านหนาถูกรูดออกจนสุด แสงสว่างส่องผ่านผนังซึ่งประกอบขึ้นจากกระจกหลากสีจึงเกิดลวดลายงดงามทาบทับเต็มพื้นที่  


ร่างสูงใหญ่ยืนเด่นอยู่ข้างโต๊ะ โถแก้วใสวางครอบดอกกุหลาบเรืองแสงที่โรยลงจนเหลือกลีบสีแดงอยู่ไม่มาก แน่นอนว่ากระจกวิเศษก็วางอยู่คู่กัน องค์ประกอบทั้งหมดก่อให้เกิดความรู้สึกเหมือนภาพฝัน ราวกับได้ล่วงเข้าสู่โลกแห่งจินตนาการที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง วินาทีนั้นโจชัวร์เกิดความรู้สึกลังเล  แต่เมื่ออุ้งมือใหญ่ยื่นออกมาหา ดวงตาสีอำพันจดจ้องดั่งมีมนต์สะกดดึงดูดให้ก้าวเข้าสู่อ้อมแขนที่โอบแน่นจนเหมือนเนื้อตัวทั้งหมดได้ถูกฝังลงในไออุ่นอันคุ้นเคย และเมื่อเงยหน้าขึ้นก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าของแผงอกกว้างโน้มตัวลงมา จูบรสหวานบดเบียดรุนแรงจนเขาต้องโอบแขนรอบลำคอหนา ขยุ้มเส้นขนยาวเป็นหลักยึด ร่างสูงใหญ่ยิ่งรัดแรง แนบริมฝีปากขบเม้มข้างลำคอ ปลายเขี้ยวจิกลากเบาๆจนเกิดเสียงครางไม่ได้ศัพท์ ฝ่ามือกร้านสอดเข้าลูบไล้ผิวเนื้ออ่อน สัมผัสอย่างหยาบคายปลุกอารมณ์ดิบให้ลุกโพลงจนกระทั่ง...


“อะแฮ่ม”


เสียงกระแอมดังขึ้นในจังหวะที่ผิดกาลเทศะอย่างไม่น่าให้อภัย วัตถุต้นเสียงจึงถูกหยิบขึ้นเตรียมจะเขวี้ยงทิ้ง ดีที่มีคนห้ามไว้พร้อมส่งสายตาเตือนสติ ไม่ให้วู่วามทำลายของวิเศษ แต่เจ้าอสูรไม่คิดจะใส่ใจ จัดการรวบยึดทั้งมือเล็กและของสิ่งนั้นไว้แล้วใช้ริมฝีปากของตนต่อ


“ว้าวววว จากมุมนี้ยิ่งเห็นชัดแจ๋วเลยขอรับ”


“อยู่เงียบๆไม่เป็นเลยใช่มั้ยเจ้ากระจกปากมาก”


โจชัวร์รีบออกแรงผลักอกกว้างด้วยความตกใจ ดวงตาสีน้ำตาลหันไปมาระหว่างเจ้าอสูรและสิ่งที่ถูกกำไว้พร้อมกับมือของตน เขาแน่ใจแล้วว่าไม่ได้หูฝาดหรือคิดไปเองว่าเคยได้คุยกับกระจกที่สามารถพูดได้ แต่ก่อนจะค้นหาความลับเบื้องหลังความวิเศษนี้ เขาควรจะจัดการกับเจ้าหื่นกามตัวโตที่เอาแต่จะล้วงปากล้วงคอเขาให้เด็ดขาดเสียก่อน


“ท่านจะหยุดจูบข้าก่อนไม่ได้หรือไงนะ”


“หรือเจ้าอยากจะให้ข้าทำอย่างอื่นที่มากกว่าจูบล่ะ”


“ส่วนข้าน้อยไม่ได้ขัดข้องอะไร แต่ช่วยวางลงก่อนจะเป็นตากุ้งยิง โอ๊ะ! ลืมไป ข้ามิมีลูกตานี่หน่า แต่ถึงยังไงก็รบกวนนายท่านรีบๆวางข้าลงเถิด อยู่ที่สูงๆแล้วแถมยังได้มาเห็นอะไรดีๆอย่างนี้มันค่อนข้างจะเสียววววววว”


เจ้าอสูรสนองตอบด้วยสีหน้ารำคาญหู ไม่ใส่ใจแม้จะมีเสียงขอบโลหะกระแทกโต๊ะดังอยู่หลายที เป็นโจชัวร์ที่รีบเก็บขึ้นมาดู โล่งอกที่หน้ากระจกยังอยู่ในสภาพปลอดภัยดี


“ตกลงว่ากระจกนี่พูดได้จริงๆ!”





ต่อด้านล่างค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่