สวัสดีค่ะ มาติดตามโฉมงามกับเจ้าชายอสูรฉบับยำใหม่กันต่อได้เลย
วันนี้มาพร้อมกันสองตอน
เรื่องนี้ตีพิมพ์เป็นนิยายทำมือ สนใจจับจอง ติดต่อที่เพจของ Minemomo ได้นะคะ
https://www.facebook.com/Minemomo-241717489520199
PS: chapter ก่อนหน้านี่...
1
https://ppantip.com/topic/36962641
2
https://ppantip.com/topic/36967091
--------------------------------------
~ 3 ~
ความยินดีที่ได้ต้อนรับผู้เป็นพ่อสลายไปพร้อมกับข่าวร้ายที่ตามกลับมาด้วย แม้ทุกอย่างจะดำเนินไปตามปกติ แต่บรรยากาศของบ้านยิ่งอึมครึมขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีเสียงพูดคุย ไม่มีการมองหน้าหรือสบตา ทุกคนทำราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่สมบัติทุกชิ้นยังเรียงรายอยู่มุมหนึ่งของบ้านโดยที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง
โจชัวร์เอนหลังพิงต้นไม้แล้วปล่อยลมหายใจทิ้งไปกับสายลมเอื่อยๆยามบ่าย มือเรียวลูบแผงคอของสมาชิกใหม่ที่ทำตัวคุ้นเคยกันได้อย่างเหลือเชื่อ อาจเป็นเพราะหัวแครอทสดๆที่เขาลงแรงขุดขึ้นมาเลี้ยงถังใหญ่ ผลคือเจ้าม้าขาวชอบมาก กินอิ่มก็เดินตามต้อยๆ และตอนนี้ก็ล้มตัวนอนอยู่ข้างๆแถมยังพาดคอมาบนตักให้เขาเกาคางเล่น ทำตัวเหมือนหมามากกว่าม้าเสียอีก
เขามองเจ้าม้าที่กำลังหลับสบายแล้วยิ่งนึกหวั่นกับอนาคตตัวเอง วันนี้คือวันสุดท้ายของการตัดสินใจ พรุ่งนี้จะต้องมีหนึ่งคนกลับไปกับสโนว์และโอกาสของเขาก็เหลือน้อยเต็มที
“ยู้ฮูโจแอนนนน”
คำทักทายดังมาแต่ไกล เจ้าของเสียงกวนประสาทคือร่างสูงกำยำของลูกชายนายอำเภอซึ่งถือเป็นผู้ชายครบสูตร คือรูปหล่อ พ่อรวย คารมดี มีสตรีมากมายหมายปอง
“วันนี้ก็ยังคงสวยน่ารักเหมือนเดิมเลยนะ”
โจชัวร์กลอกตาขึ้นฟ้าอย่างสุดจะทน ปวดหัวกับเรื่องในบ้านแล้วยังต้องมาเจอคนนอกที่เอาปัญหามาให้อีก เขาไม่เข้าใจจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อตอนอยู่ในเมืองมีคนชมว่าเขาหน้าตาน่ารักเหมือนผู้หญิงก็จริง แต่ไม่เคยมีใครเหมือนอย่างนาย แกสตัน คนนี้ที่พอเห็นหน้าเขาเข้าก็ทำอาการตกหลุมรัก จากนั้นก็ตามเฝ้าจีบเช้าจีบเย็น เอาของมากำนัล เอาคำหวานเลี่ยนมาฝากจนเขากลายเป็นตัวประหลาดของหมู่บ้าน บางคนยังกล่าวหาว่าเขาเป็นตัวอาเพศที่ทำให้ผู้ชายดีๆที่เคยควงสาวไปทั่วหันมาชอบผู้ชายด้วยกันเอง
“ถ้ายังไม่หยุดเรียกข้าด้วยชื่อนั้น ข้าสาบานจะทำให้เจ้าร้องไห้กลับไปแน่”
นี่ก็เป็นอีกรายที่ชอบเรียกเขาด้วยชื่อแม่ แต่ต่างจากพวกพี่สาวที่ใช้เพื่อดูหมิ่น เพราะเจ้าหมอนี่กลับบอกว่าอยากเรียกชื่อที่สมกับตัวเขามากกว่า
“แหมๆ ขนาดโกรธก็ยังน่ารัก”
“แกสตัน!”
เสียงตวาดลั่นทำให้เจ้าม้าขี้เซาตกใจตื่น พอเห็นคนแปลกหน้าก็จ้องตาขวาง ส่งเสียงหายใจฟืดฟาด ลุกขึ้นเตรียมพร้อมจู่โจม
“โอเคๆ ยอมแล้วจ้า” แกสตันยกมือยอมแพ้แล้วก้าวถอยหลังอย่างระวัง เขาไม่ได้กลัวคนหน้าสวย แต่เจ้าม้าตัวใหญ่ดูจะเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย
“ข้าไม่อยากเห็นเจ้านั่งทำหน้าหงอยอย่างนั้นนี่ มีอะไรหรือเปล่า บอกข้าได้นะ เจ้าก็รู้นี่ว่าข้ายินดีและพร้อมจะดูแลเจ้าเสมอ”
“ข้าขอบอกอีกครั้งนะแกสตัน ข้าเป็นผู้ชาย และข้าไม่สนใจเจ้า ถ้าเจ้ายังไม่ฟังก็ไปตายซะ!”
เขาลุกขึ้นเต็มความสูง นึกเจ็บใจว่ายังสูงได้แค่ปลายคางของอีกฝ่ายเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อ่อนข้อ เรื่องจะยอมรับรักอะไรนั่นยิ่งเลิกคิด ถึงเขาจะไม่เคยมีสาวในดวงใจก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องชอบผู้ชายเสียหน่อย
แกสตันแกล้งถอนหายใจเหมือนสิ้นหวัง แล้วรีบตามร่างบางที่เดินหนีโดยมีม้าเจ้าเล่ห์คอยระวังหลังให้
“โจชัวร์ ข้าอยากช่วยเจ้าจริงๆนะ”
หนุ่มหล่อประจำหมู่บ้านส่งเสียงเว้าวอนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน การพบกันครั้งแรกยังประทับอยู่ในใจไม่สร่างซา ทีแรกเขาไม่นึกสนใจครอบครัวอดีตพ่อค้าคนดังที่ย้ายหนีหนี้มา และบ่ายวันนั้นเขาก็กำลังรีบไปเจอสาวสวยที่อยู่หมู่บ้านถัดไป แต่พอมีกลิ่นหอมของสโคนอบเสร็จใหม่ๆลอยมา เขาก็ได้แต่ยืนค้างอยู่หน้าประตู เอาแต่จ้องทั้งขนมและคนที่เอามาฝาก
‘นายอำเภออยู่มั้ย ข้ามาจากบ้านคุณมอร์ริสที่เพิ่งย้ายมา จะเอาขนมมาฝากน่ะ’
พอเขาไม่ตอบอะไร เด็กหนุ่มก็ยิ้มเก้อ แล้วตีความเอาเองเสร็จสรรพ
‘ไม่อยู่เหรอครับ งั้นข้าฝากขนมไว้ก่อนแล้วกัน วันหลังค่อยมาแนะนำตัวอีกที’
ร่างเพรียวก้าวเข้ามาหาแล้วเกิดสะดุด ตะกร้าขนมหลุดจากมือ โชคดีเขาช่วยรับไว้ทันและได้สบตากันแบบใกล้ชิด เป็นเด็กผู้ชายที่หน้าสวย ขนตายาว ริมฝีปากก็แดงฉ่ำน่าจูบเป็นที่สุด
‘ขอโทษ ข้านี่ซุ่มซ่ามจริงๆ’
จังหวะที่กำลังลุกขึ้นทั้งคู่ เขายื่นหน้าออกไปโดยไม่ทันคิดแต่ก็ทำให้รู้ว่ากลิ่น สโคนยังสู้แก้มนุ่มๆนั่นไม่ได้ ดวงตาวาวใสเบิกโพลงแต่ไม่มีอาการเอียงอายอย่างสตรี ท่าทางคงตกใจแบบงงๆ รีบยื่นตะกร้าขนมให้แล้วก็จากไปโดยไม่หันกลับมาอีก
ตัวเขานี่สิที่ยืนมองตามจนลับสายตา ไม่อยากเชื่อว่าจะได้พบประสบการณ์ที่เหมือนกับความฝัน ทั้งที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่กลับไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น และยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมเลิกคิดถึงเด็กหนุ่มไม่ได้สักที จากนั้นก็มีแต่คนหาว่าเขาบ้าที่ตามจีบผู้ชาย บ้างว่าจะเป็นเหตุให้เกิดอาเพศกับหมู่บ้าน แต่เขาไม่สนใจหรอก อยู่ที่นี่ไม่ได้ก็ออกท่องเที่ยวไป ขอแค่ได้อยู่กับคนๆนี้ จะที่ไหนก็เหมือนสวรรค์สำหรับเขา
ส่วนตอนนี้ใช่ว่าเขาจะใจเย็นเหมือนอย่างที่แสดงออก การกลับมาของคุณมอร์ริสเป็นที่รู้กันไปทั่ว ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเขาจะกลับมามั่งคั่งเหมือนเดิมและอาจย้ายกลับเข้าเมือง แต่ทั้งครอบครัวกลับเก็บตัวเงียบเชียบยิ่งกว่าปกติ ไม่มีข่าวหรือข้อมูลใดๆเล็ดลอดออกมา ยิ่งพอมาเจอเด็กน้อยนั่งตาละห้อยราวกับแบกโลกไว้ทั้งใบ ใจเขาก็ยิ่งร้อนรน อยากช่วย อยากปลอบ อยากทำอะไรก็ได้ที่จะเรียกรอยยิ้มหวานๆคืนมา
ทว่าฝ่ายหนุ่มน้อยเจ้าของรอยยิ้มกลับไม่ได้คิดแบบเดียวกัน
“โธ่เอ๊ย! ก็เจ้านั่นแหละที่ทำให้ข้ามีปัญหา”
เหตุผลของแมรี่ยังดังอยู่ในหัวเหมือนปัญหาที่วนเวียนไม่เจอทางออก
‘โจชัวร์ของเราน่ะเสน่ห์แรงจะตาย ดูอย่างนายแกสตันยังมาหลงหัวปักหัวปำ ไม่สนสักนิดว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย นี่ถ้าลองจับใส่กระโปรง ทำผม แต่งหน้าทาปากสักหน่อย ขี้คร้านเจ้าอสูรอะไรนั่นเห็นคงรีบจับทำเมีย’
แววตาเกลียดชังคือสิ่งที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก พี่สาวทั้งสองตั้งป้อมรังเกียจเขากับแม่มาแต่ไหนแต่ไร พอโตขึ้นก็มีความริษยาเจือปนเข้ามา ยิ่งมีคนสนใจ มีคนบอกว่าสวยเหมือนแม่ เขาก็ยิ่งถูกพี่ๆมองเป็นตัวประหลาด เวลามีใครมาที่บ้านจะถูกไล่ให้ไปไกลๆ ห้ามออกมาเสนอหน้าให้เห็น ตอนนี้เขาพอเข้าใจขึ้นมารางๆ คงกลัวเขาจะไปแย่งความสนใจจากผู้ชายของพวกเธอล่ะสินะ
‘แต่จะได้เหรอพี่ ถ้าเราย้อมแมวไป เกิดความลับแตกขึ้นมา เจ้าอสูรนั่นไม่ตามมาล้างแค้นพวกเราด้วยเหรอ’
‘เราไม่ได้ผิดคำพูด ก็มันบอกเองว่าให้พ่อส่งลูกคนเล็กไปให้ ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าลูกสาวหรือลูกชาย ถือว่าเราทำตามสัญญาแล้วนี่’
‘แต่ว่า... ยังไงน้องก็เป็นผู้ชายนะแมรี่ เป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน ถ้าเกิดเป็นอะไรไปแล้วใครจะสืบสกุลเราล่ะ’
ตอนนั้นเขายังคงพูดไม่ออก แม้ความหมายจะมุ่งไปที่เรื่องอื่น อย่างน้อยเขา ก็รู้สึกว่าพ่อยังห่วงเขาอยู่บ้าง
‘โธ่! พ่อคะ ตอนนี้อย่าเพิ่งไปคิดถึงอนาคตข้างหน้าขนาดนั้นเลย เอาชีวิตของพวกเราให้รอดก่อนดีกว่า พ่อให้โจไปน่ะดีแล้ว ถึงยังไงเจ้าอสูรนั่นก็คงเหลือความเป็นคนอยู่บ้าง คงไม่ถึงกับจับลูกพ่อกินลงท้องไปหรอก มันอาจจะเลี้ยงไว้ดูเล่นสักพัก พอเบื่อหรือคิดว่าเลี้ยงไปก็เปลืองซะเปล่าๆก็ปล่อยกลับมาเองนั่นแหละ’
เขาเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก เหมือนมีบางอย่างจุกขึ้นมาที่คอ มันมากกว่าความน้อยเนื้อต่ำใจ เขารู้ว่าพี่สาวไม่เคยเห็นเขาเป็นน้องแต่ก็ไม่นึกว่าจะต่ำต้อยถึงเพียงนี้
‘พอส่งโจไปแล้ว เราก็จะได้ใช้สมบัติพวกนั้นอย่างไม่ต้องกังวลอะไรอีก พอครอบครัวเรากลับมาลืมตาอ้าปาก พวกผู้ชายดีๆ รวยๆก็จะเข้ามาสนใจลูกกับเบตตี้ ส่วนเบลล่าก็อาจจะเจอใครที่ดีกว่าเจ้ายาจกบ็อบนั่นก็ได้ จากนั้นพอพวกเราแต่งงานก็จะมีหลานๆให้พ่อ แค่นี้ตระกูลของเราก็ยืนยาวไปถึงไหนต่อไหนแล้วเห็นมั้ยคะ’
เขาพยายามกลืนก้อนแข็งๆลงคอ กลั้นความร้อนระอุไม่ให้ไหลออกจากตา กำลังจะอ้าปากค้านกลับถูกตอกหน้า
‘ถ้าทำเพื่อครอบครัวแค่นี้ไม่ได้ข้าก็ไม่บังคับหรอกนะ แต่คิดดูให้ดีๆ ยังไงก็ต้องมีคนใดคนหนึ่งกลับไปหาเจ้าอสูร ไม่ใช่แกก็เบลล่า เลือกเอาเองแล้วกัน’
นั่นคือบทสรุปที่บังคับให้เขากลืนคำปฏิเสธกลับลงคอ เพียงหันไปสบตากับเบลล่า เขาก็ทนไม่ได้แล้วที่จะส่งพี่สาวที่แสนดีไปสู่เงื้อมมือของเจ้าอสูรที่ไม่รู้ว่าจะมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่บ้างหรือเปล่า ที่สำคัญคือชีวิตของเธอยังมีความหวังรออยู่ บ็อบเป็นผู้ชายที่เขาเชื่อว่าจะรักและดูแลพี่สาวเขาได้เป็นอย่างดี แล้วเขาจะเห็นแก่ตัวผลักเธอลงสู่ขุมนรกทั้งที่กำลังจะขึ้นสวรรค์ได้อย่างไร
“โจ... เป็นอะไรไป สีหน้าเจ้าดูไม่ดีเลย”
เสียงนั้นเรียกเขากลับมา และพบความห่วงใยจากดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่สะท้อนเงาของตนเสมอ ความจริงแล้วแกสตันเป็นคนดีมากคนหนึ่ง มีน้ำใจ ให้ความช่วยเหลือ คอยรับฟังปัญหาและช่วยปรับทุกข์ ถ้าเขาจะไม่อยากไปจากที่นี่ ส่วนหนึ่งก็เพราะไม่อยากเสียเพื่อนดีๆเช่นนี้ไป
“เปล่าหรอก” เขารีบปรับน้ำเสียงและสีหน้าให้สดใสขึ้น “อ้อ เกือบลืมบอก ข้าต้องไปอยู่ที่อื่นสักพัก ถ้าไม่ลำบากข้าฝากเจ้าดูแลพวกแม่ไก่กับพืชผักในไร่หน่อยได้มั้ย ถ้ามีใครพอจะรับไปเลี้ยงต่อได้ก็คงดี ส่วนผักถ้าเก็บเกี่ยวได้แล้วก็วานแจกจ่ายไปให้ทั่วๆ ไม่ต้องเอาเงินหรอก ถือเสียว่าเป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆ”
เพียงเท่านี้ก็เท่ากับหมดไปอีกห่วง พวกแม่ไก่นอกจากให้ไข่แล้วยังคอยอยู่เป็นเพื่อน ถ้าไม่มีเขาสักคนก็คงไม่มีคนดูแล ใครจะให้ข้าวให้น้ำ คอยเปลี่ยนฟางในกรงนอน ส่วนผักที่ปลูกไว้ยิ่งไม่มีคนสนใจ พ่อกับเบลล่าไม่มีกำลังพอสำหรับงานไร่ ส่วนพี่สาวอีกสองคนอย่าว่าแต่รดน้ำ แค่ลงมาเดินแถวแปลงผักก็ยังไม่เคยเลย
“เจ้าบอกว่าไปสักพักแต่ทำเหมือนจะไม่กลับมาอย่างนั้นแหละ”
เขาเงียบ ไม่อยากบอกความจริงว่ายังไม่รู้กำหนดกลับ หรือซ้ำร้ายจะได้มีชีวิตรอดกลับมาหรือเปล่า
“เจ้าจะไปที่ไหน ไกลหรือเปล่า ให้ข้าไปเป็นเพื่อนมั้ย”
ความกังวลห่วงหาที่มากมายจนเขาสัมผัสได้ทำให้ไม่อยากตัดรอนให้อีกฝ่ายต้องเจ็บช้ำ
“อย่าลำบากเลย ข้าไปคนเดียวน่ะดีแล้ว”
“โจชัวร์” แกสตันกดเสียงเรียกให้คนตรงหน้ายอมสบตา “เจ้ารู้ใช่มั้ยว่าข้าคิดอย่างไรกับเจ้า ข้าจริงจังนะ ข้ารักเจ้าจริงๆ ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครมาก่อนเลย”
“ข้าบอกไปพันรอบแล้วนะว่าไม่ได้ชอบผู้ชาย” เขาบอกยิ้มๆแม้จะดูฝืนเต็มที
“ต่อให้เจ้าตะโกนใส่หน้าข้าอีกเป็นแสนเป็นล้านรอบ ข้าก็จะยังรักเจ้าเหมือนเดิม”
น้ำเสียงหนักแน่นจริงจังทำให้โจชัวร์ฝืนยิ้มไม่ออกอีกแล้ว
“ทำไมเจ้าไม่ไปชอบใครที่เขา... ชอบเจ้า”
“เพราะข้าชอบเจ้า แค่เจ้าคนเดียว และข้าหวังว่าสักวันเจ้าจะชอบข้าเช่นกัน”
แกสตันดึงร่างบางมาใกล้ เขากำรอบต้นแขนเล็กอย่างทะนุถนอม ไม่สนใจสายตาขุ่นๆของเจ้าสี่ขาตัวใหญ่ เพราะสายตาของเขาจดจ้องแต่ลูกแก้วสีน้ำตาลอ่อนที่ช่างสวยงาม แวววาวจับใจ
“ข้าขอที่จะรอเจ้าได้มั้ยโจชัวร์ ข้าขอรอให้เจ้ากลับมา รอวันที่เจ้าจะสนใจและหันมาชอบข้า ไม่ว่านานแค่ไหนข้าก็จะรอ”
ชายหนุ่มพรั่งพรูความรู้สึกออกมากับทุกอณูของลมหายใจ โจชัวร์ทำให้เขากลายเป็นอีกคนที่เขาไม่เคยรู้จัก คนที่เจอกับรักแรกพบ คนที่ทุ่มเทให้กับความรู้สึก ขวนขวายพยายามเพียงให้อีกฝ่ายหันมามอง และตอนนี้ก็กำลังทุรนทุรายอยากได้ความรักตอบ แต่เจ้าของหัวใจดวงน้อยเอาแต่ยืนนิ่ง ดวงตาไหวระริกราวกับจะร้องไห้ เขาจึงรวบตัวเข้ามากอดเพื่อหยุดหยดน้ำตาไว้
ต่อด้านล่างค่ะ...
^^
Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast ... chapter 3 & 4
วันนี้มาพร้อมกันสองตอน
เรื่องนี้ตีพิมพ์เป็นนิยายทำมือ สนใจจับจอง ติดต่อที่เพจของ Minemomo ได้นะคะ
https://www.facebook.com/Minemomo-241717489520199
PS: chapter ก่อนหน้านี่...
1
https://ppantip.com/topic/36962641
2
https://ppantip.com/topic/36967091
--------------------------------------
~ 3 ~
ความยินดีที่ได้ต้อนรับผู้เป็นพ่อสลายไปพร้อมกับข่าวร้ายที่ตามกลับมาด้วย แม้ทุกอย่างจะดำเนินไปตามปกติ แต่บรรยากาศของบ้านยิ่งอึมครึมขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีเสียงพูดคุย ไม่มีการมองหน้าหรือสบตา ทุกคนทำราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่สมบัติทุกชิ้นยังเรียงรายอยู่มุมหนึ่งของบ้านโดยที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง
โจชัวร์เอนหลังพิงต้นไม้แล้วปล่อยลมหายใจทิ้งไปกับสายลมเอื่อยๆยามบ่าย มือเรียวลูบแผงคอของสมาชิกใหม่ที่ทำตัวคุ้นเคยกันได้อย่างเหลือเชื่อ อาจเป็นเพราะหัวแครอทสดๆที่เขาลงแรงขุดขึ้นมาเลี้ยงถังใหญ่ ผลคือเจ้าม้าขาวชอบมาก กินอิ่มก็เดินตามต้อยๆ และตอนนี้ก็ล้มตัวนอนอยู่ข้างๆแถมยังพาดคอมาบนตักให้เขาเกาคางเล่น ทำตัวเหมือนหมามากกว่าม้าเสียอีก
เขามองเจ้าม้าที่กำลังหลับสบายแล้วยิ่งนึกหวั่นกับอนาคตตัวเอง วันนี้คือวันสุดท้ายของการตัดสินใจ พรุ่งนี้จะต้องมีหนึ่งคนกลับไปกับสโนว์และโอกาสของเขาก็เหลือน้อยเต็มที
“ยู้ฮูโจแอนนนน”
คำทักทายดังมาแต่ไกล เจ้าของเสียงกวนประสาทคือร่างสูงกำยำของลูกชายนายอำเภอซึ่งถือเป็นผู้ชายครบสูตร คือรูปหล่อ พ่อรวย คารมดี มีสตรีมากมายหมายปอง
“วันนี้ก็ยังคงสวยน่ารักเหมือนเดิมเลยนะ”
โจชัวร์กลอกตาขึ้นฟ้าอย่างสุดจะทน ปวดหัวกับเรื่องในบ้านแล้วยังต้องมาเจอคนนอกที่เอาปัญหามาให้อีก เขาไม่เข้าใจจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อตอนอยู่ในเมืองมีคนชมว่าเขาหน้าตาน่ารักเหมือนผู้หญิงก็จริง แต่ไม่เคยมีใครเหมือนอย่างนาย แกสตัน คนนี้ที่พอเห็นหน้าเขาเข้าก็ทำอาการตกหลุมรัก จากนั้นก็ตามเฝ้าจีบเช้าจีบเย็น เอาของมากำนัล เอาคำหวานเลี่ยนมาฝากจนเขากลายเป็นตัวประหลาดของหมู่บ้าน บางคนยังกล่าวหาว่าเขาเป็นตัวอาเพศที่ทำให้ผู้ชายดีๆที่เคยควงสาวไปทั่วหันมาชอบผู้ชายด้วยกันเอง
“ถ้ายังไม่หยุดเรียกข้าด้วยชื่อนั้น ข้าสาบานจะทำให้เจ้าร้องไห้กลับไปแน่”
นี่ก็เป็นอีกรายที่ชอบเรียกเขาด้วยชื่อแม่ แต่ต่างจากพวกพี่สาวที่ใช้เพื่อดูหมิ่น เพราะเจ้าหมอนี่กลับบอกว่าอยากเรียกชื่อที่สมกับตัวเขามากกว่า
“แหมๆ ขนาดโกรธก็ยังน่ารัก”
“แกสตัน!”
เสียงตวาดลั่นทำให้เจ้าม้าขี้เซาตกใจตื่น พอเห็นคนแปลกหน้าก็จ้องตาขวาง ส่งเสียงหายใจฟืดฟาด ลุกขึ้นเตรียมพร้อมจู่โจม
“โอเคๆ ยอมแล้วจ้า” แกสตันยกมือยอมแพ้แล้วก้าวถอยหลังอย่างระวัง เขาไม่ได้กลัวคนหน้าสวย แต่เจ้าม้าตัวใหญ่ดูจะเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย
“ข้าไม่อยากเห็นเจ้านั่งทำหน้าหงอยอย่างนั้นนี่ มีอะไรหรือเปล่า บอกข้าได้นะ เจ้าก็รู้นี่ว่าข้ายินดีและพร้อมจะดูแลเจ้าเสมอ”
“ข้าขอบอกอีกครั้งนะแกสตัน ข้าเป็นผู้ชาย และข้าไม่สนใจเจ้า ถ้าเจ้ายังไม่ฟังก็ไปตายซะ!”
เขาลุกขึ้นเต็มความสูง นึกเจ็บใจว่ายังสูงได้แค่ปลายคางของอีกฝ่ายเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อ่อนข้อ เรื่องจะยอมรับรักอะไรนั่นยิ่งเลิกคิด ถึงเขาจะไม่เคยมีสาวในดวงใจก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องชอบผู้ชายเสียหน่อย
แกสตันแกล้งถอนหายใจเหมือนสิ้นหวัง แล้วรีบตามร่างบางที่เดินหนีโดยมีม้าเจ้าเล่ห์คอยระวังหลังให้
“โจชัวร์ ข้าอยากช่วยเจ้าจริงๆนะ”
หนุ่มหล่อประจำหมู่บ้านส่งเสียงเว้าวอนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน การพบกันครั้งแรกยังประทับอยู่ในใจไม่สร่างซา ทีแรกเขาไม่นึกสนใจครอบครัวอดีตพ่อค้าคนดังที่ย้ายหนีหนี้มา และบ่ายวันนั้นเขาก็กำลังรีบไปเจอสาวสวยที่อยู่หมู่บ้านถัดไป แต่พอมีกลิ่นหอมของสโคนอบเสร็จใหม่ๆลอยมา เขาก็ได้แต่ยืนค้างอยู่หน้าประตู เอาแต่จ้องทั้งขนมและคนที่เอามาฝาก
‘นายอำเภออยู่มั้ย ข้ามาจากบ้านคุณมอร์ริสที่เพิ่งย้ายมา จะเอาขนมมาฝากน่ะ’
พอเขาไม่ตอบอะไร เด็กหนุ่มก็ยิ้มเก้อ แล้วตีความเอาเองเสร็จสรรพ
‘ไม่อยู่เหรอครับ งั้นข้าฝากขนมไว้ก่อนแล้วกัน วันหลังค่อยมาแนะนำตัวอีกที’
ร่างเพรียวก้าวเข้ามาหาแล้วเกิดสะดุด ตะกร้าขนมหลุดจากมือ โชคดีเขาช่วยรับไว้ทันและได้สบตากันแบบใกล้ชิด เป็นเด็กผู้ชายที่หน้าสวย ขนตายาว ริมฝีปากก็แดงฉ่ำน่าจูบเป็นที่สุด
‘ขอโทษ ข้านี่ซุ่มซ่ามจริงๆ’
จังหวะที่กำลังลุกขึ้นทั้งคู่ เขายื่นหน้าออกไปโดยไม่ทันคิดแต่ก็ทำให้รู้ว่ากลิ่น สโคนยังสู้แก้มนุ่มๆนั่นไม่ได้ ดวงตาวาวใสเบิกโพลงแต่ไม่มีอาการเอียงอายอย่างสตรี ท่าทางคงตกใจแบบงงๆ รีบยื่นตะกร้าขนมให้แล้วก็จากไปโดยไม่หันกลับมาอีก
ตัวเขานี่สิที่ยืนมองตามจนลับสายตา ไม่อยากเชื่อว่าจะได้พบประสบการณ์ที่เหมือนกับความฝัน ทั้งที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่กลับไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น และยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมเลิกคิดถึงเด็กหนุ่มไม่ได้สักที จากนั้นก็มีแต่คนหาว่าเขาบ้าที่ตามจีบผู้ชาย บ้างว่าจะเป็นเหตุให้เกิดอาเพศกับหมู่บ้าน แต่เขาไม่สนใจหรอก อยู่ที่นี่ไม่ได้ก็ออกท่องเที่ยวไป ขอแค่ได้อยู่กับคนๆนี้ จะที่ไหนก็เหมือนสวรรค์สำหรับเขา
ส่วนตอนนี้ใช่ว่าเขาจะใจเย็นเหมือนอย่างที่แสดงออก การกลับมาของคุณมอร์ริสเป็นที่รู้กันไปทั่ว ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเขาจะกลับมามั่งคั่งเหมือนเดิมและอาจย้ายกลับเข้าเมือง แต่ทั้งครอบครัวกลับเก็บตัวเงียบเชียบยิ่งกว่าปกติ ไม่มีข่าวหรือข้อมูลใดๆเล็ดลอดออกมา ยิ่งพอมาเจอเด็กน้อยนั่งตาละห้อยราวกับแบกโลกไว้ทั้งใบ ใจเขาก็ยิ่งร้อนรน อยากช่วย อยากปลอบ อยากทำอะไรก็ได้ที่จะเรียกรอยยิ้มหวานๆคืนมา
ทว่าฝ่ายหนุ่มน้อยเจ้าของรอยยิ้มกลับไม่ได้คิดแบบเดียวกัน
“โธ่เอ๊ย! ก็เจ้านั่นแหละที่ทำให้ข้ามีปัญหา”
เหตุผลของแมรี่ยังดังอยู่ในหัวเหมือนปัญหาที่วนเวียนไม่เจอทางออก
‘โจชัวร์ของเราน่ะเสน่ห์แรงจะตาย ดูอย่างนายแกสตันยังมาหลงหัวปักหัวปำ ไม่สนสักนิดว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย นี่ถ้าลองจับใส่กระโปรง ทำผม แต่งหน้าทาปากสักหน่อย ขี้คร้านเจ้าอสูรอะไรนั่นเห็นคงรีบจับทำเมีย’
แววตาเกลียดชังคือสิ่งที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก พี่สาวทั้งสองตั้งป้อมรังเกียจเขากับแม่มาแต่ไหนแต่ไร พอโตขึ้นก็มีความริษยาเจือปนเข้ามา ยิ่งมีคนสนใจ มีคนบอกว่าสวยเหมือนแม่ เขาก็ยิ่งถูกพี่ๆมองเป็นตัวประหลาด เวลามีใครมาที่บ้านจะถูกไล่ให้ไปไกลๆ ห้ามออกมาเสนอหน้าให้เห็น ตอนนี้เขาพอเข้าใจขึ้นมารางๆ คงกลัวเขาจะไปแย่งความสนใจจากผู้ชายของพวกเธอล่ะสินะ
‘แต่จะได้เหรอพี่ ถ้าเราย้อมแมวไป เกิดความลับแตกขึ้นมา เจ้าอสูรนั่นไม่ตามมาล้างแค้นพวกเราด้วยเหรอ’
‘เราไม่ได้ผิดคำพูด ก็มันบอกเองว่าให้พ่อส่งลูกคนเล็กไปให้ ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าลูกสาวหรือลูกชาย ถือว่าเราทำตามสัญญาแล้วนี่’
‘แต่ว่า... ยังไงน้องก็เป็นผู้ชายนะแมรี่ เป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน ถ้าเกิดเป็นอะไรไปแล้วใครจะสืบสกุลเราล่ะ’
ตอนนั้นเขายังคงพูดไม่ออก แม้ความหมายจะมุ่งไปที่เรื่องอื่น อย่างน้อยเขา ก็รู้สึกว่าพ่อยังห่วงเขาอยู่บ้าง
‘โธ่! พ่อคะ ตอนนี้อย่าเพิ่งไปคิดถึงอนาคตข้างหน้าขนาดนั้นเลย เอาชีวิตของพวกเราให้รอดก่อนดีกว่า พ่อให้โจไปน่ะดีแล้ว ถึงยังไงเจ้าอสูรนั่นก็คงเหลือความเป็นคนอยู่บ้าง คงไม่ถึงกับจับลูกพ่อกินลงท้องไปหรอก มันอาจจะเลี้ยงไว้ดูเล่นสักพัก พอเบื่อหรือคิดว่าเลี้ยงไปก็เปลืองซะเปล่าๆก็ปล่อยกลับมาเองนั่นแหละ’
เขาเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก เหมือนมีบางอย่างจุกขึ้นมาที่คอ มันมากกว่าความน้อยเนื้อต่ำใจ เขารู้ว่าพี่สาวไม่เคยเห็นเขาเป็นน้องแต่ก็ไม่นึกว่าจะต่ำต้อยถึงเพียงนี้
‘พอส่งโจไปแล้ว เราก็จะได้ใช้สมบัติพวกนั้นอย่างไม่ต้องกังวลอะไรอีก พอครอบครัวเรากลับมาลืมตาอ้าปาก พวกผู้ชายดีๆ รวยๆก็จะเข้ามาสนใจลูกกับเบตตี้ ส่วนเบลล่าก็อาจจะเจอใครที่ดีกว่าเจ้ายาจกบ็อบนั่นก็ได้ จากนั้นพอพวกเราแต่งงานก็จะมีหลานๆให้พ่อ แค่นี้ตระกูลของเราก็ยืนยาวไปถึงไหนต่อไหนแล้วเห็นมั้ยคะ’
เขาพยายามกลืนก้อนแข็งๆลงคอ กลั้นความร้อนระอุไม่ให้ไหลออกจากตา กำลังจะอ้าปากค้านกลับถูกตอกหน้า
‘ถ้าทำเพื่อครอบครัวแค่นี้ไม่ได้ข้าก็ไม่บังคับหรอกนะ แต่คิดดูให้ดีๆ ยังไงก็ต้องมีคนใดคนหนึ่งกลับไปหาเจ้าอสูร ไม่ใช่แกก็เบลล่า เลือกเอาเองแล้วกัน’
นั่นคือบทสรุปที่บังคับให้เขากลืนคำปฏิเสธกลับลงคอ เพียงหันไปสบตากับเบลล่า เขาก็ทนไม่ได้แล้วที่จะส่งพี่สาวที่แสนดีไปสู่เงื้อมมือของเจ้าอสูรที่ไม่รู้ว่าจะมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่บ้างหรือเปล่า ที่สำคัญคือชีวิตของเธอยังมีความหวังรออยู่ บ็อบเป็นผู้ชายที่เขาเชื่อว่าจะรักและดูแลพี่สาวเขาได้เป็นอย่างดี แล้วเขาจะเห็นแก่ตัวผลักเธอลงสู่ขุมนรกทั้งที่กำลังจะขึ้นสวรรค์ได้อย่างไร
“โจ... เป็นอะไรไป สีหน้าเจ้าดูไม่ดีเลย”
เสียงนั้นเรียกเขากลับมา และพบความห่วงใยจากดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่สะท้อนเงาของตนเสมอ ความจริงแล้วแกสตันเป็นคนดีมากคนหนึ่ง มีน้ำใจ ให้ความช่วยเหลือ คอยรับฟังปัญหาและช่วยปรับทุกข์ ถ้าเขาจะไม่อยากไปจากที่นี่ ส่วนหนึ่งก็เพราะไม่อยากเสียเพื่อนดีๆเช่นนี้ไป
“เปล่าหรอก” เขารีบปรับน้ำเสียงและสีหน้าให้สดใสขึ้น “อ้อ เกือบลืมบอก ข้าต้องไปอยู่ที่อื่นสักพัก ถ้าไม่ลำบากข้าฝากเจ้าดูแลพวกแม่ไก่กับพืชผักในไร่หน่อยได้มั้ย ถ้ามีใครพอจะรับไปเลี้ยงต่อได้ก็คงดี ส่วนผักถ้าเก็บเกี่ยวได้แล้วก็วานแจกจ่ายไปให้ทั่วๆ ไม่ต้องเอาเงินหรอก ถือเสียว่าเป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆ”
เพียงเท่านี้ก็เท่ากับหมดไปอีกห่วง พวกแม่ไก่นอกจากให้ไข่แล้วยังคอยอยู่เป็นเพื่อน ถ้าไม่มีเขาสักคนก็คงไม่มีคนดูแล ใครจะให้ข้าวให้น้ำ คอยเปลี่ยนฟางในกรงนอน ส่วนผักที่ปลูกไว้ยิ่งไม่มีคนสนใจ พ่อกับเบลล่าไม่มีกำลังพอสำหรับงานไร่ ส่วนพี่สาวอีกสองคนอย่าว่าแต่รดน้ำ แค่ลงมาเดินแถวแปลงผักก็ยังไม่เคยเลย
“เจ้าบอกว่าไปสักพักแต่ทำเหมือนจะไม่กลับมาอย่างนั้นแหละ”
เขาเงียบ ไม่อยากบอกความจริงว่ายังไม่รู้กำหนดกลับ หรือซ้ำร้ายจะได้มีชีวิตรอดกลับมาหรือเปล่า
“เจ้าจะไปที่ไหน ไกลหรือเปล่า ให้ข้าไปเป็นเพื่อนมั้ย”
ความกังวลห่วงหาที่มากมายจนเขาสัมผัสได้ทำให้ไม่อยากตัดรอนให้อีกฝ่ายต้องเจ็บช้ำ
“อย่าลำบากเลย ข้าไปคนเดียวน่ะดีแล้ว”
“โจชัวร์” แกสตันกดเสียงเรียกให้คนตรงหน้ายอมสบตา “เจ้ารู้ใช่มั้ยว่าข้าคิดอย่างไรกับเจ้า ข้าจริงจังนะ ข้ารักเจ้าจริงๆ ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครมาก่อนเลย”
“ข้าบอกไปพันรอบแล้วนะว่าไม่ได้ชอบผู้ชาย” เขาบอกยิ้มๆแม้จะดูฝืนเต็มที
“ต่อให้เจ้าตะโกนใส่หน้าข้าอีกเป็นแสนเป็นล้านรอบ ข้าก็จะยังรักเจ้าเหมือนเดิม”
น้ำเสียงหนักแน่นจริงจังทำให้โจชัวร์ฝืนยิ้มไม่ออกอีกแล้ว
“ทำไมเจ้าไม่ไปชอบใครที่เขา... ชอบเจ้า”
“เพราะข้าชอบเจ้า แค่เจ้าคนเดียว และข้าหวังว่าสักวันเจ้าจะชอบข้าเช่นกัน”
แกสตันดึงร่างบางมาใกล้ เขากำรอบต้นแขนเล็กอย่างทะนุถนอม ไม่สนใจสายตาขุ่นๆของเจ้าสี่ขาตัวใหญ่ เพราะสายตาของเขาจดจ้องแต่ลูกแก้วสีน้ำตาลอ่อนที่ช่างสวยงาม แวววาวจับใจ
“ข้าขอที่จะรอเจ้าได้มั้ยโจชัวร์ ข้าขอรอให้เจ้ากลับมา รอวันที่เจ้าจะสนใจและหันมาชอบข้า ไม่ว่านานแค่ไหนข้าก็จะรอ”
ชายหนุ่มพรั่งพรูความรู้สึกออกมากับทุกอณูของลมหายใจ โจชัวร์ทำให้เขากลายเป็นอีกคนที่เขาไม่เคยรู้จัก คนที่เจอกับรักแรกพบ คนที่ทุ่มเทให้กับความรู้สึก ขวนขวายพยายามเพียงให้อีกฝ่ายหันมามอง และตอนนี้ก็กำลังทุรนทุรายอยากได้ความรักตอบ แต่เจ้าของหัวใจดวงน้อยเอาแต่ยืนนิ่ง ดวงตาไหวระริกราวกับจะร้องไห้ เขาจึงรวบตัวเข้ามากอดเพื่อหยุดหยดน้ำตาไว้
ต่อด้านล่างค่ะ...
^^