โรส ฟลอร่า ตั้งใจจะตามล่าล้างแค้นเจ้าปีศาจที่เคยพรากคนสำคัญไปจากเธอ
หากเมื่อได้พบเขา เงาทมิฬจากปีกสีดำคู่นั้นกลับมิใช่ความชั่วอันน่าชิงชังอย่างที่เคยเข้าใจ
*/*/*/*/*/
ตอนก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บทที่ 1 ปณิธานที่ไม่ลืม
http://ppantip.com/topic/33597515
บทที่ 2 ปีศาจ ฆาตกร
http://ppantip.com/topic/33635348
บทที่ 3 พฤกษาล่าเนื้อ
http://ppantip.com/topic/33685357
บทที่ 4
ปีศาจเฒ่าผู้เฝ้าปราสาท
โรสพยายามเพ่งตามองเจ้าของเสียงแหบพร่า ทว่าแสงจากตะเกียงที่คนผู้นั้นถืออยู่ไม่ช่วยให้มองเห็นอะไรได้มากนัก แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้วคาดว่าจะเป็นหญิงชราอายุมากพอควร
หญิงสาวเลื่อนมือไปกุมด้ามอาวุธคู่กาย พร้อมจะชักมันออกมาได้ทุกขณะหากถึงคราวคับขัน แม้นางจะเป็นเพียงหญิงชราก็คงประมาทไม่ได้นัก เคหะสถานแห่งนี้เป็นที่อยู่ของปีศาจเหยี่ยวดำ นางก็ไม่น่าจะเป็นอะไรที่นอกเหนือไปจากนั้น
โดยเฉพาะเมื่อได้ยินประโยคที่กล่าวว่าตัวเธอ “น่ากิน” ก็ยิ่งไม่น่าไว้วางใจเข้าไปใหญ่
เสียงหัวเราะแหบยานน่าเกลียดดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเจ้าของเสียงก้าวเท้าเข้ามาใกล้ แสงจันทร์สาดส่องผ่านบานกระจกเข้ามากระทบร่างหญิงชรา เผยรูปลักษณ์ของนางให้ประจักษ์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น นางมีใบหน้าเรียวยาว ผิวหนังเหี่ยวย่นตกกระ จมูกแหลมงองุ้มราวกับแม่มดในนิทานภาพที่เคยอ่าน ดวงตาปูดโปนน่าเกลียดสีเทาเช่นเดียวกับเส้นผมกำลังจ้องโรสเขม็งพลางยิ้มแสยะอวดฟันขาว
ปีศาจยายแก่!!
นั่นล่ะ! ความคิดแรกของโรส
“แม่สาวน้อย เก่งมากที่หาทางเข้ามาในปราสาทแห่งนี้ได้ เจ้าผ่านเหล่าต้นไม้ที่น่ารักของข้ามาได้อย่างไรกัน” หญิงชราพูดพลางขยับเกร็งนิ้วจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น “แต่รู้ไหม เจ้ากำลังบุกรุกบ้านของใครอยู่”
อสูรร้ายหัวเราะร่วนระคายหู ปีกสีดำงอกออกมาจากกลางหลัง กรงเล็บแหลมยืดยาวออกมาจากนิ้วมือทั้งสิบ นางยิ้มแสยะแล้วพุ่งเข้าจู่โจมโรสอย่างรวดเร็ว หญิงสาวรอจังหวะให้นางปีศาจเข้ามาใกล้ก่อนจะพลิ้วตัวหลบแล้วตวัดดาบหมายฟันไปที่สีข้างนางปีศาจ
แต่อสูรเฒ่าไหวตัวทัน นางหันกลับมาใช้กรงเล็บรับคมดาบเอาไว้และใช้อีกข้างทะลวงเข้าใส่หญิงสาว โรสจำต้องปล่อยมือจากอาวุธคู่กายซึ่งถูกกรงเล็บจิกไว้จนสะบัดไม่หลุดเพื่อหลบหลีกการโจมตี
นางปีศาจเหวี่ยงดาบของโรสทิ้งไป หญิงสาวจึงต้องชักดาบสั้นอีกเล่มออกมาใช้แทนซึ่งไม่สะดวกนัก เธอจึงคอยหลบหลีกการโจมตีไปเรื่อย ๆ พร้อมจ้องหาโอกาสไปเก็บอาวุธของตนคืนมา
แม้ว่านางปีศาจจะพยายามจู่โจมโรสหลายครั้ง แต่ด้วยความคล่องแคล่วที่หญิงสาวมีมากกว่า ทำให้หลบหลีกได้อย่างไม่ยากเย็นสักเท่าใด กรงเล็บเหยี่ยวชราจึงจู่โจมพลาดเป้าหมายไปโดนสิ่งของต่าง ๆ ภายในห้องนั้นพังเสียหายไปเป็นแถบ
“หนอย! ไวเป็นลิงเชียวนะ” นางปีศาจเฒ่าว่าพลางหยุดพักหายใจด้วยอาการเหนื่อยหอบ สังขารของนางไม่อาจทำให้เล่นไล่จับกับเด็กสาวได้นานนัก
ระหว่างนั้นเอง นัยน์ตาสีเทาซึ่งกำลังกวาดมองไปทั่วห้องพลันเบิกกว้างขึ้นอย่างตระหนกก่อนจะร้องโวยวายออกมา
“ตายแล้ว! นางเด็กน้อย เจ้าทำให้ข้าวของในปราสาทของข้าพังเสียหาย”
โรสอาศัยจังหวะที่นางปีศาจพักหอบหายใจวิ่งไปเก็บอาวุธคู่กายกลับมา เธอหลบอยู่มุมมืดหลังเสาใหญ่ต้นหนึ่ง เมื่อได้ยินคำกล่าวหาก็เบะปากพลางบ่นพึมพำออกมาเบา ๆ
“เจ้าทำของเจ้าเองไม่ใช่หรือไง ยายแก่ปีศาจ”
ทว่าอสูรเฒ่าหูไวกว่าที่คิด
“อยู่นั่นเอง! ยายเด็กปากดี”
โรสยังพูดได้ไม่ทันขาดคำ นางปีศาจเฒ่าก็หันขวับมาทางเสาที่เธอแอบซ่อนอยู่ นางตั้งท่าเตรียมพุ่งเข้ามาหาเธออีกครั้ง
ทว่าเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของใครบางคนซึ่งกำลังใกล้เข้ามากลับทำให้นางชะงักลงทันควัน
“ยายหนู เจ้าทำให้นายท่านของข้าตื่น...อ้าว! หนีไปจนได้ ไวเหมือนลิงจริง ๆ ด้วย” นางปีศาจบ่นเมื่อหันกลับไปมองทางเด็กสาวชาวมนุษย์ก็พบว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น ราเซีย” เสียงทุ้มแฝงแววขุ่นข้องจากเจ้าของฝีเท้าเมื่อครู่เอ่ยถามนางปีศาจ หลังจากพบว่าสภาพห้องโถงของปราสาทซึ่งควรจะสะอาดเรียบร้อยดีไม่เหลือเค้าเดิมอีกแล้ว
“แค่มีหนูเล็ก ๆ ตัวหนึ่งหลงเข้ามาเท่านั้นเองค่ะ ท่านซาการ์ท” ราเซียยิ้มตอบ
จะให้บอกได้อย่างไรล่ะ ว่าทั้งหมดนั่นจริง ๆ แล้วเป็นฝีมือของนางเอง
นัยน์ตาสีอำพันหรี่ลงมองราเซียอย่างรู้ทัน แต่เขาเลือกที่จะไม่สนใจสภาพห้องซึ่งพังยับเยินด้วยฝีมือของราเซียไปมากกว่า ”หนู” ตัวที่ว่า
น้อยนักที่จะมีสิ่งมีชีวิตใดหลุดรอดเข้ามาถึงปราสาทหลังจากพวกเขาปลูกพืชกินเนื้อเอาไว้รอบเขาลูกนี้ตั้งแต่ห้าปีก่อน
“จงรีบไปจัดการมันซะ หวังว่าหลังจากนี้ข้าคงจะไม่ได้เห็นอะไรไปอยู่ในที่ไม่สมควรอยู่หรอกนะ” ซาการ์ทกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบทว่าเฉียบขาดก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
“ข้าจะรีบจัดการมันให้เร็วที่สุดแน่นอนค่ะ” ราเซียรับคำ
นางปีศาจเฒ่ารับใช้ใกล้ชิดซาการ์ทมานาน จึงรับรู้ได้ว่าในน้ำเสียงที่เรียบเฉยนั้นมันแฝงอารมณ์กรุ่นโกรธต่อผู้บุกรุกปราสาทของพวกเขาอยู่ไม่น้อย
นางปีศาจพยายามคิดเช่นนั่น เพื่อเข้าข้างตัวเองว่าการที่นางทำลายข้าวของจนพังพินาศไม่ได้เป็นอีกสาเหตุหนึ่งซึ่งทำให้ปีศาจหนุ่มเกิดอารมณ์
*/*/*/*/*
“เฮอะ! จะอยู่ต่อให้โง่หรือไง แค่นางปีศาจเฒ่านั่นก็เต็มกลืนแล้ว ขืนมีมาอีกข้าตายแน่ ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อเป็นอาหารให้ต้นไม้หรือเหยี่ยวหรอกนะ” โรสบ่นอุบอิบหลังจากหนีมายืนหอบอยู่บนทางเดินห่างจากห้องโถงเมื่อครู่ไม่ไกลนัก
‘ว่าแต่...นี่มันเงียบเกินไป ราวกับว่าไม่มีใครอยู่ เสียงอึกทึกนั่นมันน่าจะเรียกความสนใจให้ฝูงปีศาจออกมาดูได้สบาย ถึงเราจะไม่อยากเจอก็เถอะ แต่มันแปลกจริง ๆ ’
โรสเดินไปตามทางที่มืดสลัว แม้จะหวาดหวั่นอยู่บ้างก็ไม่คิดจะจากไปมือเปล่า เธอเดาว่าสถานที่แห่งนี้คงไม่มีปีศาจอาศัยอยู่มากเท่าไร เอาไว้เกิดเรื่องจวนตัวค่อยคิดหนีก็ยังไม่สาย... กระมัง
หญิงสาวชะงักเท้าและหยุดความคิดทั้งปวงลงเมื่อได้ยินเสียงหนึ่งดังแว่วมา ครั้นเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจก็พบว่าเป็นน้ำเสียงที่นุ่มนวลอ่อนหวานของสตรีซึ่งกำลังขับขานบทเพลงอันไพเราะ ท่วงทำนองของเพลงนั้นช่างคุ้นหูชวนให้คำนึงถึงใครบางคน
โรสเดินตามเสียงนั้นไปจนพบประตูบานหนึ่งซึ่งมีแสงสลัวลอดผ่านใต้ช่องประตูออกมา เธอไม่รอช้า เดินเข้าไปแนบหูที่ประตูบานนั้น เสียงเพลงดังมาจากห้องนี้นี่เอง
โรสจับลูกบิด คิดจะเปิดประตูเข้าไป ทว่ากลับต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงแหบพร่าดังมาจากด้านหลัง
“อยู่ที่นี่เองหรือ ยายหนูน้อย”
นางปีศาจเฒ่าร้องพร้อมกับทะลวงกรงเล็บแหลมเข้ามา ทว่ามันกลับปะทะเข้ากับประตูไม้หนาจนกลายเป็นรูโหว่แทนที่จะเป็นศีรษะของหญิงสาวซึ่งเบี่ยงหลบไปได้ทัน
“ตายแล้ว! เจ้าทำให้ประตูบานนี้พังจนได้ ท่านซาการ์ทต้องโกรธมากแน่ ๆ ”
เมื่อประตูบานสวยถูกทำลายจนกลายเป็นเศษไม้กองกระจายไปตามพื้น นางปีศาจก็ร้องโวยวายจนโรสนึกอยากจะตะโกนตอบไปว่า ‘ใครกันแน่ที่เป็นจอมทำลาย’ แต่เมื่อสายตาสบเข้ากับสตรีคนหนึ่งซึ่งผุดลุกไปยืนอยู่ริมระเบียงด้วยความตกใจ เธอก็กลืนถ้อยต่อว่ากลับลงคอทันที
“ท่านเลอา!”
แม้ว่านางจะดูผอมบางและสูงวัยขึ้นกว่าเมื่อแปดปีก่อน โรสก็ยังจดจำผู้ที่มีความสำคัญต่อตนได้ เธอถลาเข้าไปหาเจ้าหญิงแล้วคุกเข่าจับมือนางมาซุกไซ้อย่างไม่คิดจะสนใจปีศาจเฒ่าซึ่งยืนมองอยู่ด้วยสายตางงงัน
เลอาประคองหญิงสาวให้ลุกขึ้นแล้วพิจารณาใบหน้าอีกฝ่ายชัด ๆ
“เจ้าคือ...โรส!“ นางอุทานพลางยิ้มอย่างยินดี “โตขึ้นเป็นหญิงสาวที่งดงามจนจำเกือบไม่ได้”
“ท่านเลอา ข้าตามหาท่านมาตลอด ได้โปรดกลับไปกับข้านะคะ”
“ข้าคงปล่อยให้เจ้าทำแบบนั้นไม่ได้หรอกยายหนู” ราเซียพูดพลางขยับกรงเล็บไปมา “บอกแล้วใช่ไหมว่าคนที่ล่วงล้ำเข้ามาที่นี่โดยไม่ได้รับอนุญาตต้องตาย!”
“ช้าก่อน! ราเซีย นางไม่ใช่คนร้าย นางคือโรส จำได้ไหม เด็กคนนั้นอย่างไรล่ะ”
เลอารีบเอ่ยห้ามก่อนจะเกิดการต่อสู้ขึ้นอีกครั้ง นางปีศาจเฒ่าจึงหยุดพิจารณาใบหน้าของหญิงสาวครู่หนึ่งก่อนจะทำท่าว่านึกออก
“อ้อ! ที่แท้เจ้าคือยายหนูผมแดงขี้แงคนนั้นเองหรอกหรือ มิน่า ถึงว่าหน้าคุ้น ๆ “
‘นี่ขนาดคิดว่าหน้าข้าคุ้น ยังเกือบมีรูโหว่ที่หัวไปหลายรอบเชียวนะ’ โรสเผยอปากค้างมองหน้านางปีศาจนิ่ง
‘แต่จำไม่เห็นได้ว่าเคยไปรู้จักกับนางอสูรนี่ตอนไหน’
นางปีศาจยังคงแสยะยิ้มและจ้องโรสด้วยแววตาข่มขู่เช่นเดิม
“ถึงเจ้าจะเป็นเด็กคนนั้นจริง แต่หากคิดจะพานางไปข้าก็คงปล่อยเจ้าเอาไว้ไม่ได้ เพราะข้ามีหน้าที่ดูแลนางและปราสาทแห่งนี้”
“ราเซีย ไม่จำเป็นต้องลงมือกับนาง ข้าไม่คิดไปจากที่นี่อยู่แล้ว”
โรสหันขวับมองหน้าเจ้าหญิง
“ทำไมล่ะคะ ท่านเลอา ราชาอาเดียร์กำลังรอการกลับไปของท่านอยู่นะ แล้วดูสิ ร่างกายท่านผ่ายผอมขนาดนี้แสดงว่าป่วยอยู่ใช่ไหม พวกเขาจะดูแลรักษาท่านได้ดีหรือเปล่า กลับอาณาจักรของเราด้วยกันเถอะค่ะ ที่นั่นท่านจะได้รับการรักษาอย่างดีแน่”
“โฮะโฮะโฮะ ยายหนูน้อย เจ้าดูถูกพวกเราเกินไป คิดว่าคนที่อาณาจักรของเจ้าจะดูแลนางได้ดีไปกว่าเราอย่างนั้นหรือ” ราเซียเอ่ยเสียงเยาะอยู่ในที
เลอามองโรสแล้วผ่อนลมหายใจ
“ข้ารู้ดีว่าร่างกายตัวเองเป็นอย่างไร ถึงจะกลับไปก็ไม่มีใครรักษาข้าได้หรอก ราเซียก็ดูแลข้าอย่างดีที่สุดแล้ว และข้าเองก็อยากอยู่ที่นี่” เลอาเว้นระยะคำพูดครู่หนึ่งพลางหลุบตาลงด้วยท่าทางเขินอาย “เพราะข้าเป็นภรรยาของซาการ์ทแล้ว”
โรสอ้างปากค้างด้วยความตระหนกเมื่อได้ฟังคำกล่าวของเลอา
“ท่านเลอาน่ะหรือ ป...ป...เป็นภรรยาของเจ้าปีศาจนั่น!”
โอย...โรสจะเป็นลม!
“เอาล่ะ! เลิกท่ามากได้แล้วยายหนู” นางปีศาจกล่าวขัดขึ้นมาเมื่อเห็นเด็กสาวกำลังทำท่าทางราวกับว่าโลกถึงกาลอวสาน
“ในเมื่อเจ้ายังไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในสถานที่แห่งนี้ ข้ามีทางเลือกให้สองทาง ระหว่างออกไปจากที่นี่เองแต่โดยดีหรือออกไปอย่างไม่มีลมหายใจ ถ้าเลือกอย่างหลังข้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปหาอาหารให้เหล่าต้นไม้ที่น่ารักของข้าพอดีเลย ข้าไม่มีเวลาให้เจ้าคิดมากนัก จงรีบตอบก่อนที่นายท่านของข้าจะมา”
โรสหรี่ตาลงและยกยิ้มกวนโทสะก่อนตอบ
“ข้าขอเลือกฆ่าทั้งเจ้าและนายของเจ้าก่อนจะพาเจ้าหญิงไปได้ไหมล่ะ”
“ปากดี! ช่างไม่สำนึกในบุญคุณใครเอาเสียเลย กับข้าน่ะไม่ว่า แต่กับท่านซาการ์ทแล้วเจ้ามันช่างเนรคุณเสียจริง ๆ น่าจะปล่อยให้ตายไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”
“เฮอะ! ข้าจำไม่เห็นได้ว่าเคยให้พวกปีศาจมามีบุญคุณกับข้าตอนไหน หน้าเจ้าข้ายังจำไม่ได้ว่าเคยเห็นด้วยซ้ำ ข้าจำได้อย่างเดียว คือเผ่าพันธุ์ของเจ้าที่สังหารผู้คนซึ่งเป็นดั่งครอบครัวของข้าจนหมด และตอนนี้ข้าจะขอทวงท่านเลอาและความแค้นทั้งหมดคืนด้วย”
ใต้เงาแห่งปีกสีดำ บทที่ 4 ปีศาจเฒ่าผู้เฝ้าปราสาท
หากเมื่อได้พบเขา เงาทมิฬจากปีกสีดำคู่นั้นกลับมิใช่ความชั่วอันน่าชิงชังอย่างที่เคยเข้าใจ
*/*/*/*/*/
ตอนก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บทที่ 4
ปีศาจเฒ่าผู้เฝ้าปราสาท
โรสพยายามเพ่งตามองเจ้าของเสียงแหบพร่า ทว่าแสงจากตะเกียงที่คนผู้นั้นถืออยู่ไม่ช่วยให้มองเห็นอะไรได้มากนัก แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้วคาดว่าจะเป็นหญิงชราอายุมากพอควร
หญิงสาวเลื่อนมือไปกุมด้ามอาวุธคู่กาย พร้อมจะชักมันออกมาได้ทุกขณะหากถึงคราวคับขัน แม้นางจะเป็นเพียงหญิงชราก็คงประมาทไม่ได้นัก เคหะสถานแห่งนี้เป็นที่อยู่ของปีศาจเหยี่ยวดำ นางก็ไม่น่าจะเป็นอะไรที่นอกเหนือไปจากนั้น
โดยเฉพาะเมื่อได้ยินประโยคที่กล่าวว่าตัวเธอ “น่ากิน” ก็ยิ่งไม่น่าไว้วางใจเข้าไปใหญ่
เสียงหัวเราะแหบยานน่าเกลียดดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเจ้าของเสียงก้าวเท้าเข้ามาใกล้ แสงจันทร์สาดส่องผ่านบานกระจกเข้ามากระทบร่างหญิงชรา เผยรูปลักษณ์ของนางให้ประจักษ์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น นางมีใบหน้าเรียวยาว ผิวหนังเหี่ยวย่นตกกระ จมูกแหลมงองุ้มราวกับแม่มดในนิทานภาพที่เคยอ่าน ดวงตาปูดโปนน่าเกลียดสีเทาเช่นเดียวกับเส้นผมกำลังจ้องโรสเขม็งพลางยิ้มแสยะอวดฟันขาว
ปีศาจยายแก่!!
นั่นล่ะ! ความคิดแรกของโรส
“แม่สาวน้อย เก่งมากที่หาทางเข้ามาในปราสาทแห่งนี้ได้ เจ้าผ่านเหล่าต้นไม้ที่น่ารักของข้ามาได้อย่างไรกัน” หญิงชราพูดพลางขยับเกร็งนิ้วจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น “แต่รู้ไหม เจ้ากำลังบุกรุกบ้านของใครอยู่”
อสูรร้ายหัวเราะร่วนระคายหู ปีกสีดำงอกออกมาจากกลางหลัง กรงเล็บแหลมยืดยาวออกมาจากนิ้วมือทั้งสิบ นางยิ้มแสยะแล้วพุ่งเข้าจู่โจมโรสอย่างรวดเร็ว หญิงสาวรอจังหวะให้นางปีศาจเข้ามาใกล้ก่อนจะพลิ้วตัวหลบแล้วตวัดดาบหมายฟันไปที่สีข้างนางปีศาจ
แต่อสูรเฒ่าไหวตัวทัน นางหันกลับมาใช้กรงเล็บรับคมดาบเอาไว้และใช้อีกข้างทะลวงเข้าใส่หญิงสาว โรสจำต้องปล่อยมือจากอาวุธคู่กายซึ่งถูกกรงเล็บจิกไว้จนสะบัดไม่หลุดเพื่อหลบหลีกการโจมตี
นางปีศาจเหวี่ยงดาบของโรสทิ้งไป หญิงสาวจึงต้องชักดาบสั้นอีกเล่มออกมาใช้แทนซึ่งไม่สะดวกนัก เธอจึงคอยหลบหลีกการโจมตีไปเรื่อย ๆ พร้อมจ้องหาโอกาสไปเก็บอาวุธของตนคืนมา
แม้ว่านางปีศาจจะพยายามจู่โจมโรสหลายครั้ง แต่ด้วยความคล่องแคล่วที่หญิงสาวมีมากกว่า ทำให้หลบหลีกได้อย่างไม่ยากเย็นสักเท่าใด กรงเล็บเหยี่ยวชราจึงจู่โจมพลาดเป้าหมายไปโดนสิ่งของต่าง ๆ ภายในห้องนั้นพังเสียหายไปเป็นแถบ
“หนอย! ไวเป็นลิงเชียวนะ” นางปีศาจเฒ่าว่าพลางหยุดพักหายใจด้วยอาการเหนื่อยหอบ สังขารของนางไม่อาจทำให้เล่นไล่จับกับเด็กสาวได้นานนัก
ระหว่างนั้นเอง นัยน์ตาสีเทาซึ่งกำลังกวาดมองไปทั่วห้องพลันเบิกกว้างขึ้นอย่างตระหนกก่อนจะร้องโวยวายออกมา
“ตายแล้ว! นางเด็กน้อย เจ้าทำให้ข้าวของในปราสาทของข้าพังเสียหาย”
โรสอาศัยจังหวะที่นางปีศาจพักหอบหายใจวิ่งไปเก็บอาวุธคู่กายกลับมา เธอหลบอยู่มุมมืดหลังเสาใหญ่ต้นหนึ่ง เมื่อได้ยินคำกล่าวหาก็เบะปากพลางบ่นพึมพำออกมาเบา ๆ
“เจ้าทำของเจ้าเองไม่ใช่หรือไง ยายแก่ปีศาจ”
ทว่าอสูรเฒ่าหูไวกว่าที่คิด
“อยู่นั่นเอง! ยายเด็กปากดี”
โรสยังพูดได้ไม่ทันขาดคำ นางปีศาจเฒ่าก็หันขวับมาทางเสาที่เธอแอบซ่อนอยู่ นางตั้งท่าเตรียมพุ่งเข้ามาหาเธออีกครั้ง
ทว่าเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของใครบางคนซึ่งกำลังใกล้เข้ามากลับทำให้นางชะงักลงทันควัน
“ยายหนู เจ้าทำให้นายท่านของข้าตื่น...อ้าว! หนีไปจนได้ ไวเหมือนลิงจริง ๆ ด้วย” นางปีศาจบ่นเมื่อหันกลับไปมองทางเด็กสาวชาวมนุษย์ก็พบว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น ราเซีย” เสียงทุ้มแฝงแววขุ่นข้องจากเจ้าของฝีเท้าเมื่อครู่เอ่ยถามนางปีศาจ หลังจากพบว่าสภาพห้องโถงของปราสาทซึ่งควรจะสะอาดเรียบร้อยดีไม่เหลือเค้าเดิมอีกแล้ว
“แค่มีหนูเล็ก ๆ ตัวหนึ่งหลงเข้ามาเท่านั้นเองค่ะ ท่านซาการ์ท” ราเซียยิ้มตอบ
จะให้บอกได้อย่างไรล่ะ ว่าทั้งหมดนั่นจริง ๆ แล้วเป็นฝีมือของนางเอง
นัยน์ตาสีอำพันหรี่ลงมองราเซียอย่างรู้ทัน แต่เขาเลือกที่จะไม่สนใจสภาพห้องซึ่งพังยับเยินด้วยฝีมือของราเซียไปมากกว่า ”หนู” ตัวที่ว่า
น้อยนักที่จะมีสิ่งมีชีวิตใดหลุดรอดเข้ามาถึงปราสาทหลังจากพวกเขาปลูกพืชกินเนื้อเอาไว้รอบเขาลูกนี้ตั้งแต่ห้าปีก่อน
“จงรีบไปจัดการมันซะ หวังว่าหลังจากนี้ข้าคงจะไม่ได้เห็นอะไรไปอยู่ในที่ไม่สมควรอยู่หรอกนะ” ซาการ์ทกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบทว่าเฉียบขาดก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
“ข้าจะรีบจัดการมันให้เร็วที่สุดแน่นอนค่ะ” ราเซียรับคำ
นางปีศาจเฒ่ารับใช้ใกล้ชิดซาการ์ทมานาน จึงรับรู้ได้ว่าในน้ำเสียงที่เรียบเฉยนั้นมันแฝงอารมณ์กรุ่นโกรธต่อผู้บุกรุกปราสาทของพวกเขาอยู่ไม่น้อย
นางปีศาจพยายามคิดเช่นนั่น เพื่อเข้าข้างตัวเองว่าการที่นางทำลายข้าวของจนพังพินาศไม่ได้เป็นอีกสาเหตุหนึ่งซึ่งทำให้ปีศาจหนุ่มเกิดอารมณ์
*/*/*/*/*
“เฮอะ! จะอยู่ต่อให้โง่หรือไง แค่นางปีศาจเฒ่านั่นก็เต็มกลืนแล้ว ขืนมีมาอีกข้าตายแน่ ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อเป็นอาหารให้ต้นไม้หรือเหยี่ยวหรอกนะ” โรสบ่นอุบอิบหลังจากหนีมายืนหอบอยู่บนทางเดินห่างจากห้องโถงเมื่อครู่ไม่ไกลนัก
‘ว่าแต่...นี่มันเงียบเกินไป ราวกับว่าไม่มีใครอยู่ เสียงอึกทึกนั่นมันน่าจะเรียกความสนใจให้ฝูงปีศาจออกมาดูได้สบาย ถึงเราจะไม่อยากเจอก็เถอะ แต่มันแปลกจริง ๆ ’
โรสเดินไปตามทางที่มืดสลัว แม้จะหวาดหวั่นอยู่บ้างก็ไม่คิดจะจากไปมือเปล่า เธอเดาว่าสถานที่แห่งนี้คงไม่มีปีศาจอาศัยอยู่มากเท่าไร เอาไว้เกิดเรื่องจวนตัวค่อยคิดหนีก็ยังไม่สาย... กระมัง
หญิงสาวชะงักเท้าและหยุดความคิดทั้งปวงลงเมื่อได้ยินเสียงหนึ่งดังแว่วมา ครั้นเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจก็พบว่าเป็นน้ำเสียงที่นุ่มนวลอ่อนหวานของสตรีซึ่งกำลังขับขานบทเพลงอันไพเราะ ท่วงทำนองของเพลงนั้นช่างคุ้นหูชวนให้คำนึงถึงใครบางคน
โรสเดินตามเสียงนั้นไปจนพบประตูบานหนึ่งซึ่งมีแสงสลัวลอดผ่านใต้ช่องประตูออกมา เธอไม่รอช้า เดินเข้าไปแนบหูที่ประตูบานนั้น เสียงเพลงดังมาจากห้องนี้นี่เอง
โรสจับลูกบิด คิดจะเปิดประตูเข้าไป ทว่ากลับต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงแหบพร่าดังมาจากด้านหลัง
“อยู่ที่นี่เองหรือ ยายหนูน้อย”
นางปีศาจเฒ่าร้องพร้อมกับทะลวงกรงเล็บแหลมเข้ามา ทว่ามันกลับปะทะเข้ากับประตูไม้หนาจนกลายเป็นรูโหว่แทนที่จะเป็นศีรษะของหญิงสาวซึ่งเบี่ยงหลบไปได้ทัน
“ตายแล้ว! เจ้าทำให้ประตูบานนี้พังจนได้ ท่านซาการ์ทต้องโกรธมากแน่ ๆ ”
เมื่อประตูบานสวยถูกทำลายจนกลายเป็นเศษไม้กองกระจายไปตามพื้น นางปีศาจก็ร้องโวยวายจนโรสนึกอยากจะตะโกนตอบไปว่า ‘ใครกันแน่ที่เป็นจอมทำลาย’ แต่เมื่อสายตาสบเข้ากับสตรีคนหนึ่งซึ่งผุดลุกไปยืนอยู่ริมระเบียงด้วยความตกใจ เธอก็กลืนถ้อยต่อว่ากลับลงคอทันที
“ท่านเลอา!”
แม้ว่านางจะดูผอมบางและสูงวัยขึ้นกว่าเมื่อแปดปีก่อน โรสก็ยังจดจำผู้ที่มีความสำคัญต่อตนได้ เธอถลาเข้าไปหาเจ้าหญิงแล้วคุกเข่าจับมือนางมาซุกไซ้อย่างไม่คิดจะสนใจปีศาจเฒ่าซึ่งยืนมองอยู่ด้วยสายตางงงัน
เลอาประคองหญิงสาวให้ลุกขึ้นแล้วพิจารณาใบหน้าอีกฝ่ายชัด ๆ
“เจ้าคือ...โรส!“ นางอุทานพลางยิ้มอย่างยินดี “โตขึ้นเป็นหญิงสาวที่งดงามจนจำเกือบไม่ได้”
“ท่านเลอา ข้าตามหาท่านมาตลอด ได้โปรดกลับไปกับข้านะคะ”
“ข้าคงปล่อยให้เจ้าทำแบบนั้นไม่ได้หรอกยายหนู” ราเซียพูดพลางขยับกรงเล็บไปมา “บอกแล้วใช่ไหมว่าคนที่ล่วงล้ำเข้ามาที่นี่โดยไม่ได้รับอนุญาตต้องตาย!”
“ช้าก่อน! ราเซีย นางไม่ใช่คนร้าย นางคือโรส จำได้ไหม เด็กคนนั้นอย่างไรล่ะ”
เลอารีบเอ่ยห้ามก่อนจะเกิดการต่อสู้ขึ้นอีกครั้ง นางปีศาจเฒ่าจึงหยุดพิจารณาใบหน้าของหญิงสาวครู่หนึ่งก่อนจะทำท่าว่านึกออก
“อ้อ! ที่แท้เจ้าคือยายหนูผมแดงขี้แงคนนั้นเองหรอกหรือ มิน่า ถึงว่าหน้าคุ้น ๆ “
‘นี่ขนาดคิดว่าหน้าข้าคุ้น ยังเกือบมีรูโหว่ที่หัวไปหลายรอบเชียวนะ’ โรสเผยอปากค้างมองหน้านางปีศาจนิ่ง
‘แต่จำไม่เห็นได้ว่าเคยไปรู้จักกับนางอสูรนี่ตอนไหน’
นางปีศาจยังคงแสยะยิ้มและจ้องโรสด้วยแววตาข่มขู่เช่นเดิม
“ถึงเจ้าจะเป็นเด็กคนนั้นจริง แต่หากคิดจะพานางไปข้าก็คงปล่อยเจ้าเอาไว้ไม่ได้ เพราะข้ามีหน้าที่ดูแลนางและปราสาทแห่งนี้”
“ราเซีย ไม่จำเป็นต้องลงมือกับนาง ข้าไม่คิดไปจากที่นี่อยู่แล้ว”
โรสหันขวับมองหน้าเจ้าหญิง
“ทำไมล่ะคะ ท่านเลอา ราชาอาเดียร์กำลังรอการกลับไปของท่านอยู่นะ แล้วดูสิ ร่างกายท่านผ่ายผอมขนาดนี้แสดงว่าป่วยอยู่ใช่ไหม พวกเขาจะดูแลรักษาท่านได้ดีหรือเปล่า กลับอาณาจักรของเราด้วยกันเถอะค่ะ ที่นั่นท่านจะได้รับการรักษาอย่างดีแน่”
“โฮะโฮะโฮะ ยายหนูน้อย เจ้าดูถูกพวกเราเกินไป คิดว่าคนที่อาณาจักรของเจ้าจะดูแลนางได้ดีไปกว่าเราอย่างนั้นหรือ” ราเซียเอ่ยเสียงเยาะอยู่ในที
เลอามองโรสแล้วผ่อนลมหายใจ
“ข้ารู้ดีว่าร่างกายตัวเองเป็นอย่างไร ถึงจะกลับไปก็ไม่มีใครรักษาข้าได้หรอก ราเซียก็ดูแลข้าอย่างดีที่สุดแล้ว และข้าเองก็อยากอยู่ที่นี่” เลอาเว้นระยะคำพูดครู่หนึ่งพลางหลุบตาลงด้วยท่าทางเขินอาย “เพราะข้าเป็นภรรยาของซาการ์ทแล้ว”
โรสอ้างปากค้างด้วยความตระหนกเมื่อได้ฟังคำกล่าวของเลอา
“ท่านเลอาน่ะหรือ ป...ป...เป็นภรรยาของเจ้าปีศาจนั่น!”
โอย...โรสจะเป็นลม!
“เอาล่ะ! เลิกท่ามากได้แล้วยายหนู” นางปีศาจกล่าวขัดขึ้นมาเมื่อเห็นเด็กสาวกำลังทำท่าทางราวกับว่าโลกถึงกาลอวสาน
“ในเมื่อเจ้ายังไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในสถานที่แห่งนี้ ข้ามีทางเลือกให้สองทาง ระหว่างออกไปจากที่นี่เองแต่โดยดีหรือออกไปอย่างไม่มีลมหายใจ ถ้าเลือกอย่างหลังข้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปหาอาหารให้เหล่าต้นไม้ที่น่ารักของข้าพอดีเลย ข้าไม่มีเวลาให้เจ้าคิดมากนัก จงรีบตอบก่อนที่นายท่านของข้าจะมา”
โรสหรี่ตาลงและยกยิ้มกวนโทสะก่อนตอบ
“ข้าขอเลือกฆ่าทั้งเจ้าและนายของเจ้าก่อนจะพาเจ้าหญิงไปได้ไหมล่ะ”
“ปากดี! ช่างไม่สำนึกในบุญคุณใครเอาเสียเลย กับข้าน่ะไม่ว่า แต่กับท่านซาการ์ทแล้วเจ้ามันช่างเนรคุณเสียจริง ๆ น่าจะปล่อยให้ตายไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”
“เฮอะ! ข้าจำไม่เห็นได้ว่าเคยให้พวกปีศาจมามีบุญคุณกับข้าตอนไหน หน้าเจ้าข้ายังจำไม่ได้ว่าเคยเห็นด้วยซ้ำ ข้าจำได้อย่างเดียว คือเผ่าพันธุ์ของเจ้าที่สังหารผู้คนซึ่งเป็นดั่งครอบครัวของข้าจนหมด และตอนนี้ข้าจะขอทวงท่านเลอาและความแค้นทั้งหมดคืนด้วย”