บทที่ 1 แหวนศักดิ์สิทธิ์กับภูตวิหค
http://ppantip.com/topic/30132632
บทที่ 2 ลักพาตัว
http://ppantip.com/topic/30134184
บทที่ 3 ถ้ำหินขาว
http://ppantip.com/topic/30140347
บทที่ 4 หมู่บ้านมนต์ขาว
http://ppantip.com/topic/30158845
บทที่ 5 วิหารมนต์ขาว
http://ppantip.com/topic/30180375
บทที่ 6 ความทรงจำของหญิงชรา
“ทำไมข้าถึงเห็นสิ่งเหล่านั้นชัดเจนขนาดนี้?” เจ้าหญิงฟาลเนียประหลาดใจที่ ทุกสิ่งมาปรากฏแจ่มชัด ราวกับตัวเธอยืนอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย
“องค์หญิงเห็นอะไร?” หญิงชราถามในสิ่งที่ไม่มีใครให้คำตอบได้นอกจากฟาลเนีย
เรื่องราวที่เห็นถูกถ่ายทอดเรียบเรียงออกมาเป็นคำพูดให้อีกฝ่ายหนึ่งรับรู้ ผู้ฟังก็ไม่ได้ฟังเพียงอย่างเดียว แต่ขยันซักถามเค้นเอาจริงอยู่เนืองๆ โดยที่ตนเองไม่ยอมแพร่งพรายในสิ่งที่เจ้าหญิงอยากรู้ให้ทราบบ้างเลย
ในที่สุดฟาลเนียจึงพูดกับนางตรงไปตรงมาว่า “ท่านแม่เฒ่า ข้าเองก็ต้องการทราบหลายเรื่องจากท่าน ไม่น้อยไปกว่าที่ท่านต้องการทราบจากข้าเช่นเดียวกัน ท่านจะกรุณาตอบคำถามที่ข้าถามจะได้มั้ย”
“องค์หญิงอยากรู้เรื่องอะไรรึ?” หญิงชราถามสบตากับเธอด้วยความฉงนฉงาย
ฟาลเนียยิ้มเจื่อนทำหน้าเนื่อยๆ เธอได้ตั้งคำถามกับนางไปหลายคำถามแล้ว แต่หญิงชรานางนี้กลับทำเหมือนลมพัดผ่านหู
“ข้าอยากรู้ว่าตนเองคือใครกันแน่ แล้วก็สงสัยด้วยว่าเอดิออทใช้มนต์ดำได้เพราะอะไร?” เธอจึงถามย้ำไปอีกครั้ง
นางเลิกคิ้วสูงทำหน้าเหมือนเพิ่งได้ยินคำถามจากเธอเป็นครั้งแรก พูดออกมาหน้าตาเฉยว่า “ข้าไม่ต้องบอกอะไร ไม่ช้าก็เร็วองค์หญิงก็จะได้รู้ด้วยตนเองอยู่ดี แต่ทางทีที่อย่ารู้เลยจะดีกว่าเพราะองค์หญิงจะไม่ได้กลับไปมีชีวิตที่สงบสุข เช่นเดิมอีกต่อไป”
คำตอบของนางสร้างความผิดหวังให้กับเจ้าหญิงไม่น้อยเลย แต่เธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ ไม่ละความพยายามถามต่อไปว่า “แท้ที่จริงตัวข้าไม่ใช่เจ้าหญิงแห่งกลามีธีส แต่สืบสายมาจากเผ่าเทวาโบราณ อะไรสักอย่างที่ท่านกล่าวถึง ใช่มั้ยคะ ท่านแม่เฒ่า?”
เจ้าหญิงเพ่งพินิจใบหน้าที่มองกลับมาหาด้วยประกายตาที่ไม่อาจเข้าใจได้กระจ่างชัด
นางหัวเราะเบาๆด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่น่าหลุดปากบอกไปเลย องค์หญิงถึงได้ยิ่งทวีความสงสัยใคร่รู้” ประกายในดวงตาของนางฉายความคิดบางอย่างส่งมาหาผู้ที่มองสบ นางขยับเข้ามาใกล้ แล้วพูดกับเจ้าของแหวนที่แท้จริงว่า “องค์หญิงอยากรู้จริงๆหรือ?”
“ใช่ ข้าอยากรู้จริงๆ” ฟาลเนียยืนกรานชัดเจนไม่กลับกลอก
“ยิ่งรู้มากก็ยิ่งต้องเผชิญกับความทุกข์มาก” นางเตือนด้วยความปรารถนาดี “หากองค์หญิงรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว จะต้องแบกรับภาระที่ไม่มีวันเพิกถอนได้ เช่นนั้นองค์หญิงมั่นใจแล้วหรือ ว่าตนเองพร้อมแล้วที่จะรับภาระดังกล่าว?”
“ข้าพร้อมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภาระหนักหนาสาหัสเพียงใด ข้าก็จะแบกรับมันไว้ทั้งหมด” องค์หญิงพยักหน้า มองหญิงชราด้วยแววตามุ่งมั่นตั้งใจ
หญิงชราจ้องหน้าครู่หนึ่งก็ถอนใจเบาๆ
“เอาล่ะ ถ้าองค์หญิงอยากจะรู้จริงๆ ข้าก็อาจแบ่งปันความทรงจำบางส่วนแก่ท่าน”
สองมือจับด้ามไม้เท้าสีขาวตั้งตรง ส่วนปลายสุดสัมผัสกับพื้น ก้มหน้าจรดหน้าผากลงบนส่วนก้อนขมวดม้วนเป็นปุ่มปมของคทา พึมพำคำบริกรรมที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ด้วยเสียงทุ้มต่ำแต่กังวานก้อง แล้วไม้เท้าก็พลันสว่างวาบ นางยกไม้เท้าขึ้นส่งออกไปเบื้องหน้า แตะส่วนด้ามของคทาลงบนหน้าผากกลมมนของเจ้าหญิงฟาลเนีย แสงสว่างทั้งหมดพุ่งเข้าสู่จักระกลางหน้าผากขององค์หญิง
ทั่วทุกทิศรอบกายมีแต่แสงสีขาวโพลนสว่างจ้าจนแสบตา ราวกับร่างถูกดูดเข้าหาแสงสว่างอันไร้ขอบเขต
แล้วทุกอย่างก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า เป็นภาพอาณาจักรสีทองอร่ามตา ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญอย่างสูงสุด ทางด้านวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรม หอคอยเทพสูงตระหง่านคือสัญลักษณ์อันน่าภาคภูมิ
แล้วภาพก็เลือนหายไป กลายเป็นอาณาจักรที่ล่มสลาย ราวกับผ่านสงครามครั้งใหญ่ ภาพของปราสาทที่ตั้งอยู่บนเนินเขาหลงเหลือเพียงซากปรักหักพังพินาศย่อยยับ
ตัดมาที่ภาพของหญิงสาวนางหนึ่ง คนเดียวกันกับที่เห็นในความฝัน เพียงแต่สภาพผิดกันคือที่เห็นอยู่เวลานี้ เนื้อตัวของนางเปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยบาดแผล ราวกับวิ่งหนีศาสตราวุธมาพร้อมกับลูกสาวผู้มีใบหน้าสะสวยตั้งแต่เล็ก แต่สภาพมอมแมมเต็มไปด้วยบาดแผลเช่นกัน หญิงชราที่เดินนำรุดหน้ายังมีกำลังวังชาแข็งแรง ต่างหลบหนีมาหาที่ปลอดภัยเพื่อหลบซ่อนตัว
ทั้งสามมุ่งหน้ามาจนถึงบริเวณพื้นที่ใกล้กับแม่น้ำน้ำสายใหญ่ที่ยาวที่สุด อันมีต้นกำเนิดจากป่าดำทางทิศเหนือ แม่เฒ่ากวักมือเรียกทั้งสองให้ตามเข้ามาในถ้ำแห่งหนึ่งบริเวณนั้น พบว่าเป็นทางเชื่อมไปสู่สถานที่ดูน่าปลอดภัยแห่งหนึ่ง
ผู้เฒ่าชราแห่งหมู่บ้านมนต์ขาวมาพบผู้ลี้ภัยที่ถ้ำหินขาวแห่งนั้น เขาได้พาผู้มาเยือนไปยังหมู่บ้านมนต์ขาว ทั้งสามได้รับการต้อนรับด้วยไม่ตรีจิต
“พวกมนต์ดำกำลังไล่ล่าตัวเราอยู่ พวกมันบุกทำลายบ้านเมืองของเราเผ่าศักดิ์สิทธิ์พินาศย่อยยับ บัดนี้พวกมนต์ดำไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว พวกมันมีพลังเพิ่มเท่าทวีคูณ บางตัวมาในรูปของปิศาจ ไม่ใช่ทั้งมนุษย์และสัตว์เดรัจฉาน เหมือนเป็นคนแต่มีลักษณะของสัตว์ชนิดอื่นผสมอยู่ในร่างนั้น บางตัวปรากฏ อยู่ในร่างภูติพรายแต่มีปีกเหมือนวิหก เป็นความวิบัติผิดธรรมชาติที่น่าประหลาดนัก” เอเรียเน่กล่าวถึงเหตุการณ์ที่นางประสบพบด้วยน้ำเสียงพรั่นพรึง
“น่าแปลกจริงๆ ไม่เคยเห็นหรือได้ยินมาก่อนว่าพวกมนต์ดำจะมีอำนาจในลักษณะดังกล่าว พวกมันน่าจะมีลักษณะเหมือนๆกับมนุษย์แต่สามารถใช้มนต์ดำได้เท่านั้นเอง ไม่น่ามีความผิดเพี้ยนในรูปปรากฏไปถึงเพียงนั้น” ผู้เฒ่าของหมู่บ้านมนต์ขาวกล่าว
“เคยได้ยินแต่เผ่ามนต์อสูรที่มีอำนาจสร้างสัตว์อสูรขึ้นมาได้ โดยใช้วิญญาณของสัตว์ที่ถูกคัดเลือกด้วยพลังเวทย์มนต์ แล้วนำวิญญาณมาฝากในครรภ์ของสัตว์ต่างชนิด ด้วยพิธีกรรมอันสลับซับซ้อน สามารถประกอบพิธีดังกล่าวได้เฉพาะช่วงเวลาที่ปฏิทินโบราณ บันทึกการโคจรของดวงดาวระบุเอาไว้อย่างระเอียดด้วยอักขระโบราณเท่านั้น เมื่อครบกำหนดสัตว์ผู้รับฝากครรภ์ก็จะต้องถูกผ่ากลางลำตัวราวกับเป็นสัตว์ บูชายัญ เพราะไม่สามารถคลอดออกมาตามธรรมชาติเองได้ เนื่องจากธรรมชาติไม่ได้เป็นผู้สร้างชีวิตพิสดารชนิดใหม่นี้ขึ้นมา แต่การผสมเทียมดังกล่าวสามารถกระทำในสัตว์เดรัจฉานที่ไม่มีความเป็นมนุษย์เท่านั้น”
“ข้าเองก็ไม่เคยพบมาก่อนเช่นกัน พวกมันมีจำนวนมากจนน่าประหลาดใจ ราวกับเป็นเผ่าพันธุ์ชนิดใหม่ที่นรกส่งมาทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง” กล่าวโดยหญิงสาวผู้หลบภัยมา มีลูกสาวของเธอ โดโรธีอา กอดแน่นซุกหน้าลงกับทรวงอกของมารดาตัวสั่นเทา นางกระซิบปลอบโยนลูกน้อยเบาๆ
“ข้ารู้สึกเสียใจที่รู้ว่าเผ่าพันธุ์ของท่าน ถูกพวกมันฆ่าทำลายจนแตกกระเซ็นเร่ร่อน แล้วราชวงค์กษัตริย์ ถูกพวกมันฆ่าหมดหรือ?”
นางขยับมือที่มีแหวนสีขาวประดับส่งประกายอยู่บนนิ้วลูบดวงใจดวงน้อยที่ซบ หน้าอ้อยอิ่งแนบกาย “กษัตริย์แห่งชนเผ่าเทวาโบราณ ผู้เป็นพระสวามีของข้า ได้สละชีวิตเพื่อประชาชนของพระองค์อย่างสมเกียรติ พวกมันปรารถนาจะถอนรากถอนโคนราชวงศ์กษัตริย์ให้สูญสิ้น แต่ตัวข้าและบุตรี พร้อมทั้งพระมารดา หลบหนีมาพร้อมองครักษ์จำนวนหยิบมือ แต่เหล่าองครักษ์ผู้ถวายสัตย์ปฏิญาณ จะปกป้องนายจนตัวตายสกัดขวางทางพวกมันที่ติดตามมา ให้เราทั้งสามชีวิตหลบหนีไปก่อนพวกมันจะไล่ทัน”
นางลูบท้องที่ยังไม่ปรากฏความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพให้เห็น
(มีต่อ)
The Light of Darkness บทที่ 6
บทที่ 2 ลักพาตัว http://ppantip.com/topic/30134184
บทที่ 3 ถ้ำหินขาว http://ppantip.com/topic/30140347
บทที่ 4 หมู่บ้านมนต์ขาว http://ppantip.com/topic/30158845
บทที่ 5 วิหารมนต์ขาว http://ppantip.com/topic/30180375
บทที่ 6 ความทรงจำของหญิงชรา
“ทำไมข้าถึงเห็นสิ่งเหล่านั้นชัดเจนขนาดนี้?” เจ้าหญิงฟาลเนียประหลาดใจที่ ทุกสิ่งมาปรากฏแจ่มชัด ราวกับตัวเธอยืนอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย
“องค์หญิงเห็นอะไร?” หญิงชราถามในสิ่งที่ไม่มีใครให้คำตอบได้นอกจากฟาลเนีย
เรื่องราวที่เห็นถูกถ่ายทอดเรียบเรียงออกมาเป็นคำพูดให้อีกฝ่ายหนึ่งรับรู้ ผู้ฟังก็ไม่ได้ฟังเพียงอย่างเดียว แต่ขยันซักถามเค้นเอาจริงอยู่เนืองๆ โดยที่ตนเองไม่ยอมแพร่งพรายในสิ่งที่เจ้าหญิงอยากรู้ให้ทราบบ้างเลย
ในที่สุดฟาลเนียจึงพูดกับนางตรงไปตรงมาว่า “ท่านแม่เฒ่า ข้าเองก็ต้องการทราบหลายเรื่องจากท่าน ไม่น้อยไปกว่าที่ท่านต้องการทราบจากข้าเช่นเดียวกัน ท่านจะกรุณาตอบคำถามที่ข้าถามจะได้มั้ย”
“องค์หญิงอยากรู้เรื่องอะไรรึ?” หญิงชราถามสบตากับเธอด้วยความฉงนฉงาย
ฟาลเนียยิ้มเจื่อนทำหน้าเนื่อยๆ เธอได้ตั้งคำถามกับนางไปหลายคำถามแล้ว แต่หญิงชรานางนี้กลับทำเหมือนลมพัดผ่านหู
“ข้าอยากรู้ว่าตนเองคือใครกันแน่ แล้วก็สงสัยด้วยว่าเอดิออทใช้มนต์ดำได้เพราะอะไร?” เธอจึงถามย้ำไปอีกครั้ง
นางเลิกคิ้วสูงทำหน้าเหมือนเพิ่งได้ยินคำถามจากเธอเป็นครั้งแรก พูดออกมาหน้าตาเฉยว่า “ข้าไม่ต้องบอกอะไร ไม่ช้าก็เร็วองค์หญิงก็จะได้รู้ด้วยตนเองอยู่ดี แต่ทางทีที่อย่ารู้เลยจะดีกว่าเพราะองค์หญิงจะไม่ได้กลับไปมีชีวิตที่สงบสุข เช่นเดิมอีกต่อไป”
คำตอบของนางสร้างความผิดหวังให้กับเจ้าหญิงไม่น้อยเลย แต่เธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ ไม่ละความพยายามถามต่อไปว่า “แท้ที่จริงตัวข้าไม่ใช่เจ้าหญิงแห่งกลามีธีส แต่สืบสายมาจากเผ่าเทวาโบราณ อะไรสักอย่างที่ท่านกล่าวถึง ใช่มั้ยคะ ท่านแม่เฒ่า?”
เจ้าหญิงเพ่งพินิจใบหน้าที่มองกลับมาหาด้วยประกายตาที่ไม่อาจเข้าใจได้กระจ่างชัด
นางหัวเราะเบาๆด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่น่าหลุดปากบอกไปเลย องค์หญิงถึงได้ยิ่งทวีความสงสัยใคร่รู้” ประกายในดวงตาของนางฉายความคิดบางอย่างส่งมาหาผู้ที่มองสบ นางขยับเข้ามาใกล้ แล้วพูดกับเจ้าของแหวนที่แท้จริงว่า “องค์หญิงอยากรู้จริงๆหรือ?”
“ใช่ ข้าอยากรู้จริงๆ” ฟาลเนียยืนกรานชัดเจนไม่กลับกลอก
“ยิ่งรู้มากก็ยิ่งต้องเผชิญกับความทุกข์มาก” นางเตือนด้วยความปรารถนาดี “หากองค์หญิงรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว จะต้องแบกรับภาระที่ไม่มีวันเพิกถอนได้ เช่นนั้นองค์หญิงมั่นใจแล้วหรือ ว่าตนเองพร้อมแล้วที่จะรับภาระดังกล่าว?”
“ข้าพร้อมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภาระหนักหนาสาหัสเพียงใด ข้าก็จะแบกรับมันไว้ทั้งหมด” องค์หญิงพยักหน้า มองหญิงชราด้วยแววตามุ่งมั่นตั้งใจ
หญิงชราจ้องหน้าครู่หนึ่งก็ถอนใจเบาๆ
“เอาล่ะ ถ้าองค์หญิงอยากจะรู้จริงๆ ข้าก็อาจแบ่งปันความทรงจำบางส่วนแก่ท่าน”
สองมือจับด้ามไม้เท้าสีขาวตั้งตรง ส่วนปลายสุดสัมผัสกับพื้น ก้มหน้าจรดหน้าผากลงบนส่วนก้อนขมวดม้วนเป็นปุ่มปมของคทา พึมพำคำบริกรรมที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ด้วยเสียงทุ้มต่ำแต่กังวานก้อง แล้วไม้เท้าก็พลันสว่างวาบ นางยกไม้เท้าขึ้นส่งออกไปเบื้องหน้า แตะส่วนด้ามของคทาลงบนหน้าผากกลมมนของเจ้าหญิงฟาลเนีย แสงสว่างทั้งหมดพุ่งเข้าสู่จักระกลางหน้าผากขององค์หญิง
ทั่วทุกทิศรอบกายมีแต่แสงสีขาวโพลนสว่างจ้าจนแสบตา ราวกับร่างถูกดูดเข้าหาแสงสว่างอันไร้ขอบเขต
แล้วทุกอย่างก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า เป็นภาพอาณาจักรสีทองอร่ามตา ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญอย่างสูงสุด ทางด้านวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรม หอคอยเทพสูงตระหง่านคือสัญลักษณ์อันน่าภาคภูมิ
แล้วภาพก็เลือนหายไป กลายเป็นอาณาจักรที่ล่มสลาย ราวกับผ่านสงครามครั้งใหญ่ ภาพของปราสาทที่ตั้งอยู่บนเนินเขาหลงเหลือเพียงซากปรักหักพังพินาศย่อยยับ
ตัดมาที่ภาพของหญิงสาวนางหนึ่ง คนเดียวกันกับที่เห็นในความฝัน เพียงแต่สภาพผิดกันคือที่เห็นอยู่เวลานี้ เนื้อตัวของนางเปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยบาดแผล ราวกับวิ่งหนีศาสตราวุธมาพร้อมกับลูกสาวผู้มีใบหน้าสะสวยตั้งแต่เล็ก แต่สภาพมอมแมมเต็มไปด้วยบาดแผลเช่นกัน หญิงชราที่เดินนำรุดหน้ายังมีกำลังวังชาแข็งแรง ต่างหลบหนีมาหาที่ปลอดภัยเพื่อหลบซ่อนตัว
ทั้งสามมุ่งหน้ามาจนถึงบริเวณพื้นที่ใกล้กับแม่น้ำน้ำสายใหญ่ที่ยาวที่สุด อันมีต้นกำเนิดจากป่าดำทางทิศเหนือ แม่เฒ่ากวักมือเรียกทั้งสองให้ตามเข้ามาในถ้ำแห่งหนึ่งบริเวณนั้น พบว่าเป็นทางเชื่อมไปสู่สถานที่ดูน่าปลอดภัยแห่งหนึ่ง
ผู้เฒ่าชราแห่งหมู่บ้านมนต์ขาวมาพบผู้ลี้ภัยที่ถ้ำหินขาวแห่งนั้น เขาได้พาผู้มาเยือนไปยังหมู่บ้านมนต์ขาว ทั้งสามได้รับการต้อนรับด้วยไม่ตรีจิต
“พวกมนต์ดำกำลังไล่ล่าตัวเราอยู่ พวกมันบุกทำลายบ้านเมืองของเราเผ่าศักดิ์สิทธิ์พินาศย่อยยับ บัดนี้พวกมนต์ดำไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว พวกมันมีพลังเพิ่มเท่าทวีคูณ บางตัวมาในรูปของปิศาจ ไม่ใช่ทั้งมนุษย์และสัตว์เดรัจฉาน เหมือนเป็นคนแต่มีลักษณะของสัตว์ชนิดอื่นผสมอยู่ในร่างนั้น บางตัวปรากฏ อยู่ในร่างภูติพรายแต่มีปีกเหมือนวิหก เป็นความวิบัติผิดธรรมชาติที่น่าประหลาดนัก” เอเรียเน่กล่าวถึงเหตุการณ์ที่นางประสบพบด้วยน้ำเสียงพรั่นพรึง
“น่าแปลกจริงๆ ไม่เคยเห็นหรือได้ยินมาก่อนว่าพวกมนต์ดำจะมีอำนาจในลักษณะดังกล่าว พวกมันน่าจะมีลักษณะเหมือนๆกับมนุษย์แต่สามารถใช้มนต์ดำได้เท่านั้นเอง ไม่น่ามีความผิดเพี้ยนในรูปปรากฏไปถึงเพียงนั้น” ผู้เฒ่าของหมู่บ้านมนต์ขาวกล่าว
“เคยได้ยินแต่เผ่ามนต์อสูรที่มีอำนาจสร้างสัตว์อสูรขึ้นมาได้ โดยใช้วิญญาณของสัตว์ที่ถูกคัดเลือกด้วยพลังเวทย์มนต์ แล้วนำวิญญาณมาฝากในครรภ์ของสัตว์ต่างชนิด ด้วยพิธีกรรมอันสลับซับซ้อน สามารถประกอบพิธีดังกล่าวได้เฉพาะช่วงเวลาที่ปฏิทินโบราณ บันทึกการโคจรของดวงดาวระบุเอาไว้อย่างระเอียดด้วยอักขระโบราณเท่านั้น เมื่อครบกำหนดสัตว์ผู้รับฝากครรภ์ก็จะต้องถูกผ่ากลางลำตัวราวกับเป็นสัตว์ บูชายัญ เพราะไม่สามารถคลอดออกมาตามธรรมชาติเองได้ เนื่องจากธรรมชาติไม่ได้เป็นผู้สร้างชีวิตพิสดารชนิดใหม่นี้ขึ้นมา แต่การผสมเทียมดังกล่าวสามารถกระทำในสัตว์เดรัจฉานที่ไม่มีความเป็นมนุษย์เท่านั้น”
“ข้าเองก็ไม่เคยพบมาก่อนเช่นกัน พวกมันมีจำนวนมากจนน่าประหลาดใจ ราวกับเป็นเผ่าพันธุ์ชนิดใหม่ที่นรกส่งมาทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง” กล่าวโดยหญิงสาวผู้หลบภัยมา มีลูกสาวของเธอ โดโรธีอา กอดแน่นซุกหน้าลงกับทรวงอกของมารดาตัวสั่นเทา นางกระซิบปลอบโยนลูกน้อยเบาๆ
“ข้ารู้สึกเสียใจที่รู้ว่าเผ่าพันธุ์ของท่าน ถูกพวกมันฆ่าทำลายจนแตกกระเซ็นเร่ร่อน แล้วราชวงค์กษัตริย์ ถูกพวกมันฆ่าหมดหรือ?”
นางขยับมือที่มีแหวนสีขาวประดับส่งประกายอยู่บนนิ้วลูบดวงใจดวงน้อยที่ซบ หน้าอ้อยอิ่งแนบกาย “กษัตริย์แห่งชนเผ่าเทวาโบราณ ผู้เป็นพระสวามีของข้า ได้สละชีวิตเพื่อประชาชนของพระองค์อย่างสมเกียรติ พวกมันปรารถนาจะถอนรากถอนโคนราชวงศ์กษัตริย์ให้สูญสิ้น แต่ตัวข้าและบุตรี พร้อมทั้งพระมารดา หลบหนีมาพร้อมองครักษ์จำนวนหยิบมือ แต่เหล่าองครักษ์ผู้ถวายสัตย์ปฏิญาณ จะปกป้องนายจนตัวตายสกัดขวางทางพวกมันที่ติดตามมา ให้เราทั้งสามชีวิตหลบหนีไปก่อนพวกมันจะไล่ทัน”
นางลูบท้องที่ยังไม่ปรากฏความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพให้เห็น
(มีต่อ)