ใต้เงาแห่งปีกสีดำ บทที่ 1 ปณิธานที่ไม่ลืม

กระทู้สนทนา
โรส ฟลอร่า ตั้งใจจะตามล่าล้างแค้นเจ้าปีศาจที่เคยพรากคนสำคัญไปจากเธอ
หากเมื่อได้พบเขา เงาทมิฬจากปีกสีดำคู่นั้นกลับมิใช่ความชั่วอันน่าชิงชังอย่างที่เคยเข้าใจ
*/*/*/*/*/


อารัมภบท

             ท่ามกลางแสงสีนวลของดวงจันทร์ที่สาดส่องไปทั่วผืนนภาอันมืดมิด เงาทมิฬของสิ่งมีชีวิตซึ่งมีรูปลักษณ์ไม่ต่างจากมนุษย์ทว่ากลับมีปีกสีดำงอกอยู่กลางหลังหลายตนกำลังบินเวียนวนเหนือมหานครมิเนอร์เวี่ยน บดบังทัศนียภาพอันงดงามแห่งราตรีจนหมดสิ้น

             หลายเสียงคำรามกระหึ่มก้องในลำคอด้วยความเคียดแค้น นัยน์ตาสีอำพันทุกคู่แฝงไปด้วยแววแห่งความอาฆาตยามจับจ้องไปยังปราสาทอันเป็นที่ประทับของศัตรู

             “ไปกันเถอะ! ฆ่าพวกมันให้หมด ให้สมกับที่พวกมันกระทำการหยามเหยียดต่อเผ่าพันธุ์ของเรา”

             ปีศาจตนหนึ่งตะโกนก้อง ส่งผลให้เหล่าปีศาจที่เหลือโห่ร้องตาม กระทั่งปีศาจอีกตนซึ่งนิ่งเงียบอยู่เหนือเหล่าปีศาจตนอื่นโบกมือขึ้น ทั้งหมดจึงเงียบเสียงลง

             “เผ่าพันธุ์เราไม่เคยสนับสนุนให้รุกรานผู้ใด แต่หากใครอาจหาญรุกรานเราก็จงสังหารมันให้สิ้น”

             เสียงทุ้มเอ่ยก้องกังวานบนผืนฟ้า นัยน์ตาคมสีอำพันกวาดมองเหล่าสหายร่วมเผ่าพันธุ์ก่อนจะเบนลงไปยังเบื้องล่าง ฝ่ามือหนาภายใต้ถุงมือหนังสีดำให้สัญญาณแก่นักรบปีศาจทั้งหมดพร้อมกับประกาศก้อง

             “ฆ่าพวกมันซะ!“

*/*/*/*/*


                บทที่ 1

                     ปณิธานที่ไม่ลืม


                     “จงหยุดอยู่แค่นั้น! อย่าก้าวเข้ามาใกล้ไปกว่านี้นะ”

                     เด็กหญิงวัยสิบขวบตวาดลั่นใส่ผู้บุกรุกที่กำลังเยื้องย่างเข้ามาหา มีดสั้นในมือน้อยซึ่งกำลังสั่นระริกด้วยความกลัวถูกยกขึ้นอย่างหมายจะใช้มันเพื่อป้องกันตัวเองและผู้ที่ตนเคารพรักยิ่ง

                     “หากคิดจะพาเจ้าหญิงไป ก็ข้ามศพข้าไปก่อนเถอะ!”

                     ทันทีที่สิ้นเสียง อาวุธในมือเด็กน้อยถูกปัดอย่างแรงด้วยดาบจากมือที่ใหญ่กว่าจนกระเด็นไปอีกด้าน  โลหิตสีแดงเข้มไหลปรี่ออกมาจากมือของเด็กหญิงทันทีเพราะแผลฉีกขาดจากแรงปะทะ ทว่านัยน์ตาสีอำพันของบุรุษในชุดเกราะสีดำตรงหน้าก็ยังคงมองเธอด้วยความเฉยชาปราศจากความปรานีใด ๆ

                     แสงไฟที่ลุกโชนเผาไหม้อยู่ตามตัวปราสาทแห่งมิเนอร์เวี่ยนสะท้อนประกายคมดาบแวววาวเข้าสู่นัยน์ตาของเด็กหญิง เด็กน้อยคิดว่าตนคงไม่รอดแน่ แต่แล้วเจ้าปีศาจตนนั้นกลับเบี่ยงเท้าเดินผ่านเธอไปอย่างไม่ใส่ใจ มันกำลังเดินตรงไปยังหญิงสาวที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง

                     เจ้าหญิงเลอา!

                     เมื่อเด็กหญิงตั้งสติได้ เธอเหลือบมองไปยังมีดสั้นซึ่งถูกปัดไปตกอีกด้าน จึงพยายามกระเสีอกกระสนไปเก็บมันขึ้นมาก่อนจะหันปลายแหลมคมพุ่งเข้าใส่เจ้าอมนุษย์ร้ายอีกครั้ง ปีศาจหนุ่มเพียงแค่ปรายสายตามอง เขาสะบัดมือวูบหนึ่งปรากฏเป็นคลื่นพลังสีดำขนาดย่อมซัดเข้าใส่เด็กน้อยจนตัวลอย

                     โลหิตสีแดงสดทะลักออกมาจากปากของเด็กน้อย เธอหายใจอย่างยากลำบาก สติสัมปชัญญะเริ่มพร่าเลือน แต่ก็ยังพยายามเงยหน้าขึ้นจ้องบุรุษในชุดเกราะสีดำอย่างโกรธแค้น มันกำลังโอบอุ้มเจ้าหญิงของเธอไว้ในอ้อมแขนและเดินออกไปทางระเบียง

                     “เจ้าปีศาจร้าย ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าจะตามเจ้าไปทุกหนแห่งแล้วช่วยเจ้าหญิงเลอาคืนมาให้ได้ แล้ววันนั้นจะเป็นวันที่ข้าสังหารเจ้า!”

                     “ซาการ์ท คือนามข้า ถ้าเจ้าอยากจะจำไว้”

                     สติของเด็กหญิงเริ่มเลือนรางเกินกว่าจะรับรู้ว่าดวงเนตรสีอำพันคู่นั้นกำลังหันมามองเธอด้วยแววตาเช่นไร มีเพียงเงาจากปีกสีดำของปีศาจเหยี่ยวซึ่งกำลังโบกสะบัดก่อนจะบินหายไปในท้องฟ้ายามรัตติกาลที่ฉายเข้าสู่ดวงตาของเด็กหญิง ไม่นานนักทุกอย่างก็ดับวูบลง พร้อมกับปณิธานที่จะตามล่าปีศาจตนนั้นไปทุกหนแห่งฝังแน่นอยู่ในใจ

                     จวบจนเวลาล่วงผ่านเลยไปนานนับกว่าแปด

                 

                     “กรี๊ด!! ช่วยด้วยค่ะ คนวิ่งราว”

                     เสียงหวีดร้องของหญิงสาววัยกลางคนดังขึ้นกลางตลาดในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งซึ่งมีชื่อว่าซาคอน เมื่อกระเป๋าเงินถูกมือดีวิ่งมาฉกมันไปต่อหน้าต่อตา นางวิ่งตามทันทีพร้อมกับส่งเสียงตะโกนไปด้วย

                     “หยุดนะ! ไอ้โจรบ้า เอากระเป๋าเงินข้าคืนมานะ”

                     “หยุดให้โง่เหรอ ยายแก่!“

                     เจ้าโจรร้ายไม่วายหันกลับไปตะโกนโต้อย่างเยาะหยัน จึงไม่ทันเห็นผลไม้ลูกเขื่องซึ่งถูกเขวี้ยงมาทางตน และเมื่อมันหันกลับมาก็โดนเข้าที่หน้าอย่างจังจนหงายหลัง

                     “ข้าว่าเจ้าโง่ตั้งแต่ริเป็นโจรแล้วล่ะ” หญิงสาวผมแดงผู้เป็นเจ้าของผลไม้ว่าพลางหยิบกระเป๋าเงินมาจากมือเจ้านักวิ่งราวซึ่งยังนอนกุมดั้งตัวเองอยู่กับพื้น

                     “แก! คืนเงินนั่นมานะ”  

                     เมื่อคนร้ายตั้งหลักลุกขึ้นได้ มันรีบชักมีดพกออกมากวัดแกว่งหมายขู่คนตรงหน้า ทว่าสาวผมแดงก็หาได้แสดงความหวาดกลัวไม่ เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วยกยิ้มเยาะที่มุมปากก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงยียวน

                     “เงินนี่ก็ไม่ได้เป็นของเจ้าสักหน่อย เหตุใดข้าต้องคืนให้เจ้าด้วย”

                     “หนอยแน่ะแก! ปากดีนักนะ อย่าอยู่เลย” เจ้านักวิ่งราวแทงมีดใส่อีกฝ่ายอย่างโมโห

                     สาวผมแดงเหยียดยิ้มพลิกตัวหลบก่อนจะฟันสันมือใส่มือข้างที่ถือมีดของโจรร้าย มันร้องอุทานและปล่อยมีดหลุดจากมือร่วงตกลงสู่พื้น หญิงสาวจับแขนมันบิดแล้วพลิกตัวกลับไปด้านหลัง เตะข้อพับเข่าจนร่างสูงใหญ่กำยำนั้นทรุดลง เธอยิ้มอีกครั้งแล้วกระซิบที่ข้างหูเจ้าโจรวิ่งราว

                     “ข้าเป็นนักล่าค่าหัวนาม โรส ฟลอร่า อย่าให้ข้าได้เห็นว่าเจ้าทำชั่วแบบนี้อีก ไม่อย่างนั้นคราวหน้าข้าจะหักแขนเจ้า”

                     เจ้าหน้าที่สันติบาลประจำเมืองซาคอนสองนายวิ่งเข้ามารับตัวคนร้ายก่อนที่มันจะโดนสหบาทาจากชาวบ้านร้านตลาด หญิงที่เป็นเจ้าของกระเป๋าเงินรีบเข้ามากล่าวขอบคุณโรส

                     “ไม่รู้จะตอบแทนเจ้าอย่างไรดี เงินจำนวนนี้สำคัญต่อข้ามาก โชคดีจริง ๆ ที่ได้เจ้าช่วยเอาไว้”

                     โรสยิ้มแล้วส่งกระเป๋าเงินคืนแก่เจ้าของ

                     “ไม่จำเป็นหรอก แต่ถ้าอยากจะตอบแทน ช่วยจ่ายค่าผลไม้ลูกนั้นให้ข้าหน่อยก็แล้วกัน เสียดาย... เพิ่งกินไปคำเดียวเอง”

                     */*/*/*/*

                 

                     “ขอบคุณท่านป้าจริง ๆ อาหารที่นี่อร่อยมาก”

                     โรสกล่าวขอบคุณหญิงสาวเจ้าของโรงแรมซึ่งเป็นคนเดียวกับที่เธอได้ช่วยไว้  นางตอบแทนโรสด้วยการขอเลี้ยงอาหารหนึ่งมื้อที่ห้องอาหารในโรงแรมของนางเอง เมื่อคิดสะระตะว่ามันสามารถประหยัดค่าอาหารและเธอเองก็กำลังหิวมากพอดีจึงตอบรับไปอย่างไม่ลังเล หลังจากที่โรสเริ่มลงมือกับอาหาร เจ้าของโรงแรมก็ขอตัวไปทำงานต่อ

                     โรสนั่งอยู่ภายในห้องนั้นเพียงลำพังเนื่องจากเลยเวลามื้อเที่ยงไปนานมากแล้ว โรงแรมที่ค่อนข้างหรูหราแบบนี้มักไม่ค่อยมีคนจากภายนอกซึ่งไม่ได้พักในโรงแรมเข้ามาทานอาหารนอกเวลานัก สักพักเสียงกระดิ่งจากประตูทางเข้าก็ดังขึ้น โรสไม่ได้สนใจจะหันไปมองกระทั่งชายคนหนึ่งถือวิสาสะมานั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต

                     “อาร์ก มาที่นี่ได้ไง!” โรสอุทานเมื่อมองคนตรงหน้าชัดถนัดตา

                     “ได้ยินคนลือกันในตลาดเมื่อครู่ว่ามีสาวสวยผมแดงจับโจรวิ่งราวได้ นึกอยู่แล้วว่าบางทีอาจเป็นเจ้า เลยตามมาที่นี่ อ้อ! ข้าไม่ได้มาคนเดียวหรอกนะ”

                     อาร์กตอบพลางฉีกยิ้มแล้วพยักพเยิดไปทางด้านหลังของโรส เธอเบ้หน้าเมื่อเห็นกลุ่มคนที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่ด้านหลังอีกสามคน เกร็ก  โทเนฟ และคาเมน ทั้งสามถือวิสาสะมานั่งตามอาร์กโดยไม่รอให้โรสเชิญ

                     “แล้วไง เจ้าตามข้ามาทำไม” โรสเอ่ยถามเมื่อรวบช้อนวางลง แต่นั่นมันก็หลังจากที่เธอจัดการอาหารบนโต๊ะทั้งหมดแล้วโดยไม่เอ่ยชวนใครร่วมทานมื้อนั้นสักคน

                     “นี่ถ้าไม่ติดว่าสวยกับฝีมือดี ข้าว่าคงไม่มีใครคบเจ้าแหง ๆ โอ๊ย!”

                     เกร็ก เจ้าเด็กปากเสียประจำกลุ่มส่งเสียงร้องลั่นเมื่อถูกบาทาของโรสประทับเข้าที่กลางหลังจนแทบตกเก้าอี้ เธอแยกเขี้ยวให้เขาก่อนจะหันมาฟังคำตอบจากอาร์ก

                     “ข้าคิดว่าการที่เจ้ามาอยู่แถวนี้อาจเพราะมีเป้าหมายเดียวกันกับพวกเรา ซึ่งอยู่บนยอดเขาในป่าต้องห้ามนั่น” อาร์กเอ่ยพลางปรายสายตาไปยังทิวไม้นอกหน้าต่าง “ไม่คิดว่าอยากร่วมงานกันอีกสักครั้งหรือ”

                     “เจ้าคิดว่าพวกปีศาจเหยี่ยวดำยังจะอยู่ที่นั่นอีกหรือ ทั้งที่ไม่มีใครได้เห็นพวกนั้นมานานมากแล้วน่ะ แล้วทำไมถึงมาสนใจตอนนี้อีกล่ะ” โรสถามอย่างสงสัย เพราะอาร์กเคยพูดว่าไม่ได้สนใจค่าหัวของเผ่าปีศาจเหยี่ยวดำ เนื่องจากการตามล่าค่าหัวของพวกที่หาตัวยากมันเสียเวลาเปล่า

                     “พวกมันอาจอพยพกลับมาโดยไม่มีใครรู้ก็ได้ นี่เจ้าไม่รู้อย่างนั้นหรือ ข่าวที่มีคนเห็นนกยักษ์แถวชายป่าต้องห้าม แล้วสันนิฐานว่าอาจจะเป็นพวกปีศาจเหยี่ยวดำกลับมาสำรวจถิ่นฐานเดิมของมัน ราชาแห่งมิเนอร์เวี่ยนเลยขึ้นค่าหัวเจ้าปีศาจพวกนั้นเป็นสิบล้านกินีแล้ว โดยเฉพาะเจ้าตัวหัวหน้าเหยี่ยวดำนั่นขึ้นค่าหัวตั้งห้าสิบล้านกินีเชียวนะ ความแค้นของคนรวยที่มีอำนาจมันน่ากลัวชะมัด!”  

                     อาร์กหัวเราะอย่างอารมณ์ดี หากข่าวนั่นเป็นความจริงแล้วพวกเขาสามารถสังหารปีศาจเผ่านี้ได้สักตัวคงขึ้นเงินได้มากโข โรสมองแล้วได้แต่ส่ายหน้า

                     “ก็น่าสนใจนะ แต่ครั้งนี้ข้าไม่ร่วมวงด้วยดีกว่า พอดีว่ามีธุระอื่นต้องทำน่ะ” โรสปฏิเสธอย่างไม่ใสใจ อาร์กจึงได้แต่ยักไหล่

                     “น่าเสียดายที่เจ้าไม่ไปกับเรานะ งั้นก็ไม่มีธุระแล้ว ข้าลาล่ะ”

                     “ขอให้โชคดี ข้าไม่ส่งนะ”

                     หญิงสาวมองตามพวกอาร์กเดินออกไปจากห้องอาหาร เธอพ่นลมหายใจออกมาก่อนไปกล่าวลาเจ้าของโรงแรม เมื่อออกมาแล้วก็เดินเรื่อยเปื่อยไปบนถนนพลางกระหวัดถึงเรื่องที่คุยเมื่อครู่

                     ใครว่าเธอไม่สนพวกปีศาจเหยี่ยวดำกันล่ะ! ที่มาถึงเมืองนี้ก็เพราะพวกมันนี่แหละ

                     โรสกำมือตัวเองแน่น เธอไม่เคยลืมความแค้นซึ่งมีต่อเจ้าปีศาจที่พรากคนสำคัญไป

                     ซาการ์ท ฮาวิ่ก

                     นามที่ปีศาจตนนั้นเคยประกาศ เธอจดจำมันฝังแน่นในความทรงจำ พร้อมปณิธานที่จะต้องสังหารมันให้ได้ในสักวัน ตอบแทนความโหดร้ายที่พวกมันเคยสร้างไว้แก่มวลมนุษย์

                     โรสหยุดฝีเท้าเมื่อบอลลูกหนึ่งกลิ้งมากระทบขา เธอเก็บมันขึ้นมาแล้วส่งคืนแก่เจ้าของ เด็กหญิงยิ้มแป้นพลางรับบอลคืนแล้วกล่าวขอบคุณ จากนั้นจึงหมุนตัววิ่งกลับไปหาชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งน่าจะเป็นบิดาและมารดา

                     “ครอบครัวอย่างนั้นหรือ”

                     โรสเป็นเด็กกำพร้า เธอไม่รู้ว่าพ่อแม่เป็นใครและตัวเธอเองมาจากไหน พอจำได้ก็อยู่ในปราสาทแห่งมิเนอร์เวี่ยนกับเจ้าหญิงแล้ว

                     จากที่เคยฟังใครต่อใครเล่ามา เมื่อตอนเธออายุเก้าขวบนั้นได้รับอุบัติเหตุที่ศีรษะ สมองกระทบกระเทือนรุนแรงจึงทำให้สูญเสียความทรงจำ พอเอ่ยปากถามก็ไม่มีใครยอมบอกว่าเด็กกำพร้าอย่างเธอได้เข้าไปอยู่ถึงในปราสาทของอาณาจักรมิเนอร์เวี่ยนได้อย่างไร แท้จริงเธอเป็นใครมาจากไหน ครั้นจะถามจากเจ้าหญิงเลอาซึ่งเปรียบเสมือนพี่สาวและมารดาบุญธรรม นางก็ไม่ยอมบอกอะไรกับเธอมากนัก ได้แต่เอ่ยว่าโตกว่านี้เมื่อไหร่แล้วจะบอกเล่าเรื่องราวอย่างละเอียด สุดท้ายก็เลยไม่อาจได้รับฟังอะไรจากปากนางอีก เมื่อหลังจากนั้นหนึ่งปี เผ่าปีศาจเหยี่ยวดำก็บุกอาณาจักรและลักพาตัวเจ้าหญิงไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่