ท่ามกลางแสงไฟสลัวสีเหลืองอมส้ม ซึ่งสาดส่องลงมาจากเพดานเบื้องบน...
สองร่างของชายหนึ่งหญิงหนึ่ง อยู่บนเตียงทรงกลมขนาดใหญ่ ทั้งสองแทบจะไร้ซึ่งอาภรณ์ปกปิดกายกันแล้ว เหลือแต่อาภรณ์ชั้นในบางมองเห็นทะลุถึงสรีรร่างกายข้างใน ส่วนฝ่ายชายซึ่งกำลังกอดจูบลูบคลำเคล้าคลอเคลียฝ่ายหญิงนั้นก็เหลือเพียงอาภรณ์ท่อนล่างซึ่งก็แทบจะหลุดพ้นจากกายอยู่มะรอมมะร่อ หากเขาเพียงสะบัดออกครั้งเดียวเท่านั้น เขาก็จะเหลือเพียงกายอันเปลือยเปล่าล่อนจ้อน
การเล้าโลมขอองฝ่ายชายหนักหน่วงขึ้นเป็นระยะๆ ตามลำดับ เสียงหอบหายใจของฝ่ายชายก็หนักหน่วงเช่นกับการโลมเล้าของเขา ผสมผสานกับเสียงครวญครางด้วยความกระะสันสวาทซึ่งยิ่งเวลาผ่านไปนานก็ยิ่งเพิ่มพูนทวีมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ของฝ่ายหญิง
"อา....ฝ่าบาท....ฝ่าบาทเพคะ...หม่อมฉันจวนจะขาดใจ...ไม่ไหวแล้วเพคะ ฝ่าบาท"
"โอว์..." ฝ่ายชายส่งเสียงตออบและหายใจฟืดฟาด "ออร่า...ข้า...ข้าก็..จะทนไม่ไหวแล้ว"
"ฝ่าบาทเพคะ...จะะทรงกระทำเยี่ยงใด ก็รีบทรงกระทำเถิดเพคะ โอว์..."
"ออร่า...ข้า....
ข้าต้องใช้ร่างเดิมของข้า จึงจะเสพสัมพันธ์กับเจ้าได้เต็มที่! เจ้าจงเข้าใจ และเห็นใจข้าด้วยนะ..."
"ร่างเดิม ? หมายความว่าอย่างไรเพคะ ?" น้ำเสียงของฝ่ายหญิงแสดงความกังขา
"ก็อย่างนี้ไรเล่า !!"
เสียงฝ่ายชายตอบปนตะคอก ฝ่ายหญิงนอนจ้องมองเขาอย่างมึนงงไม่เข้าใจ...แต่แล้ว นางก็ต้องเบิกตากว้างต่อภาพแห่งความเปลี่ยนแปลงของฝ่ายชายซึ่งปรากฏต่อหน้าในระยะประชิดเช่นนั้น! และกรีดร้องเสียงดังลั่น อย่างที่ไม่เคยกรีดร้องมาก่อนเลยชั่วชีวิต!
ร่างของชายหนุ่มนั้น แปรเปลี่ยนเป็นร่างอสูรร้าย ศีรษะและดวงตาดุจกิ้งก่า ทั้งลำตัวเต็มไปด้วยเกล็ด มีหางยาวเฟื้อยกวัดแกว่ง ร่างใหญ่โตขึ้นมากกว่าร่างมนุษย์เกือบสองเท่า ทรงพละกำลังมหาศาล นิ้วมือและนิ้วเท้าข้างละ 4 นิ้วมีเล็บยาวแหลมเยี่ยงเล็บสัตว์เลื้อยคลาน และปากที่ยื่นออกมาอ้ากว้าง เผยให้เห็นฟันแหลมเป็นซี่ๆ และลิ้นสามแฉก! น้ำลายไหลย้อย พ่นลมหายใจแห่งความหื่นกระหายแรงและเหม็นสุดประมาณ สิ่งที่น่าสยองที่สุดสำหรับหญิงสาวในยามนี้ก็คือ อวัยวะส่วนนั้นของมันประดุจอสรพิษร้ายตัวยาวซึ่งกำลังชูคอผงกหัวอย่างน่ากลัว
"กรี๊ดดดดดดดด............."
หญิงสาวกรีดร้องสุดเสียง เป็นเวลาเดียวกันกับที่ชายผู้ซึ่งเพิ่งเปลี่ยนเป็นอสูรร้ายเข้าประชิดคร่อมร่างของนางพร้อมกับบอกนางด้วยเเสียงกระเส่าแต่ฟังดูน่าขนลุก! ตามด้วยการยัดเยียดอวัยวะนั้นของมันเข้าสู่ภายในกายนาง!
"จงเป็นของข้า! ออร่าาาา..."
"กรี๊ดดดดดดดดดด............."
นางส่งเสียงร้องโหยหวน ยาวนาน...
แล้วภาพเหตุการณ์ก็ดับวูบ!! พร้อมกับการผวาตื่นของสตรีอีกนางหนึ่งซึ่งมีหน้าตาเหมือนกันกับนางผู้เคราะห์ร้าย ซึ่งตนได้เห็นในความฝันนั้นไม่มีผิด!
"โอ๊ยยย !!!"
นางส่งเสียงร้องออกมาดังๆ ขณะที่ร่างทะลึ่งพรวดลุกขึ้นนั่งบนเตียง หอบหายใจถี่ยิบ เหงื่อแตกพลั่กท่วมกาย แค่ใบหน้าก็ปรากฏเหงื่อแตกเป็นเม็ดๆ พราวไปทั่วทั้งใบหน้า
แล้วก็รู้สึกโล่งอก เมื่อรู้ว่าที่แท้ ตนเพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้น!
"โธ่เอ๊ย....ฝันไปเท่านั้นเองหรือนี่ โอย..." สะบัดหน้าสะบัดผมสองสามที แล้วบ่น
"...ทำไมต้องฝันถึงเจ้าสัตว์ร้ายนั่นด้วย! ตั้งแต่เราฆ่ามันไปในเวลาที่เราอยู่ที่อียิปต์ครั้งนั้นแล้ว เราก็ไม่เคยฝันเห็นมันอีกเลยนี่นา...ทำไมจู่ๆ ถึงได้ฝันถึงมันในคืนนี้ ?? ไม่เข้าใจ.."
พูดกับตัวเองแล้วลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่มุมห้อง เปิดตู้เย็นขนาดมินิบาร์ หยิบน้ำเย็นขวดหนึ่งออกมาเปิดขวดดื่ม
มีเสียงเคาะประตูห้องสองสามครั้ง ตามมาด้วยเสียงถามของสตรีนางหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าห้อง
"ออเรร่า เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ? เปิดประตูหน่อยได้ไหม ?"
"สักครู่เจ้าค่ะ"
พี่สาวฝาแฝดของเทพพยากรณ์ร้องตอบ แล้วคว้าเสื้อผ้ามาสวมใส่เรียบร้อยดีแล้วจึงไปเปิดประตูห้อง
"พี่เอ็มม่า มีอะไรจะให้ข้ารับใช้หรือเจ้าคะ ถึงได้เดินมาถึงหน้าห้องของข้าด้วยตนเองเลย"
"เปล่าหรอกจ้า" คุณแม่ต่างดาวตอบพร้อมกับยิ้มและส่ายหน้าน้อยๆ "พี่เผอิญลุกออกมาเข้าห้องน้ำข้างนอก แล้วได้ยินเสียงเจ้ากรีดร้อง ก็ตกใจ สงสัยว่าเจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า ก็เลยเดินมาเคาะประตู เพื่อจะถามนี่แหละจ้ะ"
"อ๋อ...เจ้าค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงข้านะคะ พี่เอ็มม่า ข้าไม่เป็นไร เพียงแต่ฝันร้ายเท่านั้นเอง" ออเรร่าพยักหน้า แล้วถามออกนอกเรื่อง "ตอนนี้ ยานของเรา จอดอยู่ หรือว่ากำลังบินอยู่เจ้าคะ ?"
"จอดอยู่จ้า ยังไม่ได้ไปไหนเลย ยังอยู่บนยอดเขาที่เดิม แต่จะออกเดินทางวันพรุ่งนี้จ้ะ"
"เจ้าค่ะ...อืมม...ไหนๆ พี่เอ็มก็มาหาข้าถึงห้องแล้ว เข้ามาคุยกับข้าในห้องสักครู่ได้ไหมเจ้าคะ ?" พูดชักชวนและเชื้อเชิญพลางยื่นมือไปคว้าข้อมือคุณแม่ต่างดาว
"ได้สิจ๊ะ พี่ก็อยากคุยกับออเรร่าเหมือนกัน" เอ็มม่าพยักหน้าและยิ้มให้ เป็นยิ้มซึ่งให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างยิ่งสำหรับออเรร่า
"พี่วันชนะ จะพาพวกเราไปไหนหรือเจ้าคะ ?" นางถามหลังจากจูงมือคุณแม่ต่างดาวเข้ามาในห้องและนั่งบนเตียงหันหน้าเข้าหากัน
"ได้ยินว่าจะพาท่านไดโอเซนัสและแม่หมอฟรีด้า พร้อมทั้งนางปุยเมฆ กลับไปที่เกาะนิรนามจ้ะ ท่านปู่เขาเป็นห่วงเกาะนั้นมาก เกรงว่าจะถูกพวกจักรวรรดิเข้าไปยึดครอง"
"อืมม...ข้าว่าคงยากนะเจ้าคะ น้อยคนนักที่จะรู้จักทางเข้าออก ถ้าพูดถึงเพียงชาวแอตแลนติสแล้วไซร้ เห็นจะมีเพียงแต่ท่านปู่ แม่หมอ และเจ้าปุยเมฆเท่านั้น แล้วมิใช่จะะเข้าออกได้ง่ายๆ ที่นั่นเปรียบเสมือนแดนสนธยาก็ว่าได้"
"แต่ท่านปู่เค้าก็ยังเป็นห่วงอยุ่ดีแหละจ้ะ ดังนั้นพวกเราก็เลยสรุป ลงความเห็นว่า จะกลับไปที่นั่น คุณเอก น้องแอนนา และน้องแจ๊คก็อยากไปที่นั่นด้วย"
"อย่างนั้นหรือเจ้าคะ ? พี่เอ็มม่า ทราบหรือไม่เจ้าคะว่า เหตุใด พวกเขาจึงอยากจะไปที่นั่นด้วย"
"คุณเอก บอกว่า ที่นั่นเหมาะมาก สำหรับการฝึกสมาธิจ้ะ"
"อ้อ....เจ้าค่ะ ถ้าเช่นนั้นละก็ ดีเลย! ข้าจะได้ขอฝึกสมาธิกับเขาบ้าง"
"เจ้าจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน หากได้ฝึกฝนสมาธิร่วมกับคุณเอก"
"ข้าก็เชื่อมั่นในความสามารถของเขาเจ้าค่ะ"
"อื้ม...ดีจ้ะ!" เอ็มม่าตอบพลางจับมือนางมาบีบเบาๆ ก่อนจะวกกลับไปถามเรื่องเดิม
"หายตกใจแล้วใช่ไหม ?"
"หืม ?? ตกใจ เพราะความฝันของข้านั่นหรือเจ้าคะ ? หายแล้วเจ้าค่ะ ไม่ประหวั่นพรั่นกลัวอะไรแต่อย่างใดทั้งสิ้น
ต่อให้เจ้านั่นมาจริงๆ บัดนี้เลย ข้าก็ไม่กลัว!" ออเรร่าเผลอตัวพูดถึงเจ้าสัตว์ร้ายนั้นออกมา
"เจ้านั่น ??" เอ็มม่ากล่าวทวนซ้ำคำนั้นของนางแล้วขมวดคิ้ว สีหน้าเริ่มเครียด "เจ้าฝันเห็น...อสูรร้าย ซึ่งเคยทำร้ายเจ้า และเคยถูกเจ้ากำจัด ในสมัยที่พวกเรายังอยู่ที่อียิปต์ ตัวนั้นน่ะหรือ ?"
"มันคงจะมิใช่ตัวเดียวกันดอกเจ้าค่ะ แต่ต้องเป็นเชื้อสายเดียวกันแน่นอน เพราะรูปร่างลักษณะของเจ้าตัวที่ข้าเห็นในความฝัน เป็นแบบเดียวกันกับเจ้าตัวร้ายที่ข้าสังหารในครั้งนั้น! หน้าตาเท่านั้นที่แตกต่างกัน"
"ไหนลองเล่าให้ข้าฟังซิ ว่าเจ้าฝันว่าไงบ้าง" เอ็มม่าแสดงให้เห็นว่าตนสนใจมากต่อเรื่องราวในความฝันของนาง
"อ่า...คือว่า..ในฝันนั่น..." ออเรร่าออกอาการอึกอักๆ ลังเล และเขินอายซึ่งแสดงออกทางสีหน้าแดงขึ้นด้วยเลือดสูบฉีด
เอ็มม่าจ้องหน้านางครู่หนึ่ง แล้วก็ยิ้ม พยักหน้าช้าๆ
"ข้าพอเข้าใจแล้วหละ...ความเป็นไปบางอย่าง เจ้าไม่อยากพูด มันทำให้เจ้าขวยเขิน!"
"พี่เอ็มม่า ท่านทราบได้อย่างไรเจ้าคะ หรือว่าท่านอ่านใจคนได้ ?" ออเรร่ายิ่งทำอาการเขินอายเพิ่มขึ้น
"ข้าก็เพียงลองเดาดู บังเอิญเดาถูกละสิ ? ไม่ต้องอายข้าหรอก เราเป็นผู้หญิงด้วยกันนี่นา" คุณแม่ต่างดาวกล่าวยิ้มๆ
"ข้าอยากเห็นภาพในฝันของเจ้า ขอข้าดูหน่อยได้ไหม ?"
"อะไรนะเจ้าคะ ?" ออเรร่าร้องถามพลางทำตาโต "ท่านขอดูความฝันของข้า ?!!
ดูได้ด้วยหรือเจ้าคะ ?"
"ได้สิ สบายมาก!" เอ็มม่าตอบแล้วยิ้มให้นางอีกครั้ง
"ดูอย่างไรเจ้าคะ ? ความฝันเนี่ยนะ ?? " ขนิษฐาแห่งฟาโรห์คูฟูถามด้วยความสงสัยหนัก!
"ข้าดูได้ก็แล้วกัน แต่ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าเสียก่อน เจ้าจะให้ข้าดู ได้ไหมเล่า ? ไว้วางใจในตัวข้าไหม ?" คุณแม่ต่างดาวถามแล้วยิ้มให้นาง ซึ่งเป็นยิ้มและสายตาที่มองดูแล้วอบอุ่นใจ
ออเรร่าลังเลใจอยู่ชั่วขณะ นางทราบดีว่าศรีภรรยาของกัปตันวันชนะผู้ซึ่งตนรักและเคารพนับถืออย่างที่สุดไม่น้อยไปกว่าใครนั้น เป็นมนุษย์ต่างพิภพซึ่งมีความสามารถหลายอย่างเหนือกว่ามนุษย์โลกธรรมดา ดูจากลูกสาวและลูกชายของนางคือแอนนาและเด็กชายแจ๊คเป็นตัวอย่าง ทั้งสองคนมีพลังจิตมหัศจรรย์ดังเทพประทาน แล้วไฉนเล่าผู้เป็นมารดาจะไม่มี...สุดท้ายก็ตัดสินใจพยักหน้าตอบรับ ด้วยความอยากรู้และอยากลอง
"ก็ได้เจ้าค่ะ พี่เอ็มม่า ข้าย่อมไว้วางใจในตัวท่าน เหมือนที่ข้าไว้วางใจในตัวของท่านพี่วันชนะ ผู้เป็นสามีของท่าน เฉกเช่นเดียวกันเจ้าค่ะ"
"ดีแล้วจ้ะ" เอ็มม่ายิ้มพยักหน้าตอบ จับมือนางบีบเบาๆ เพื่อปลอบใจ แล้วจึงบอกต่อไป
"ถ้าเช่นนั้น ตอนนี้ ขอให้เจ้านั่งสบายๆ ผ่อนคลาย หลับตาลง ไม่ต้องคิดถึงอะไร"
"แบบเดียวกับที่ท่านพี่เอกสอนการฝึกสมาธิเลย" ออเรร่ากล่าวด้วยความแปลกใจ ก่อนจะหลับตาลงอย่างว่าง่าย
"ก็หลักการเดียวกันจ้ะ แต่ของคุณเอก มีการกำหนดจับลมหายใจเข้าและลมหายใจออก แต่ของเราไม่ต้องทำอย่างนั้นก็ได้ หรือถ้าเจ้าอยากจะทำอย่างนั้นก็ได้เหมือนกันจ้ะ"
"เจ้าค่ะ" ออเรร่ารับคำเบาๆ แล้วก็เงียบเสียง สองมือหงายซ้อนประสานกันบนตัก อยู่ในสภาวะนั่งหลับแต่เหมือนนั่งเข้าสมาธิ
เอ็มม่ายกฝ่ามือขึ้นแตะที่กลางหน้าผากของนาง แล้วตัวเองก็หลับตาลง
บัดนั้น ภาพและเสียงแห่งความเป็นไปในความฝันของออเรร่าก็กระจ่างชัดทุกช็อตทุกซีน ไหลจากมนสัญญาของนางพรั่งพรูเข้าสู่มนายตนะของเอ็มม่าเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
ไม่ถึงนาที คุณแม่ต่างดาวก็ปล่อยมือออกจากหน้าผากของออเรร่าแล้วบอกกับนางเบาๆ
"เสร็จเรียบร้อยแล้วจ้ะ"
ออเรร่าลืมตาขึ้น พอมองหน้าเอ็มม่าแล้วก็แปลกใจเมื่อเห็นนางมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
"มีอะไรหรือเจ้าคะ พี่เอ็มม่า ดูหน้าตาท่านเครียดมากกเลยเจ้าค่ะ โปรดบอกข้าด้วยนะเจ้าคะว่ามีอะไร ท่านมองเห็นอะไรที่เลวร้าย ใช่ไหมเจ้าคะ ?"
"ข้ามองเห็นความฝันของเจ้ากระจ่างชัดแล้ว ออเรร่า" คุณแม่ต่างดาวพยักหน้าอันเคร่งเครียด
"เพียงแค่ความฝัน เหตุไฉน ท่านจึงเครียดมากถึงเพียงนี้เจ้าคะ ?"
"ออเรร่า...ความฝันของเจ้า มันมิใช่เป็นแค่ความฝัน" เอ็มม่าเริ่มเผยนัยสำคัญ
"สำหรับข้า ความฝันของเจ้านี้ เป็นเหมือนการบอกใบ้ ให้รู้ถึงเหตุการณ์บางอย่าง ซึ่งจะเกิดขึ้น"
"เป็นเรื่องจริงที่จะเกิดขึ้นกับข้า อย่างนั้นหรือเจ้าคะ ?" เจ้าของความฝันทึ่งและทำตาโต แล้วก็ส่ายหน้า "ไม่ เป็นไปไม่ได้แน่เจ้าค่ะ! ข้านี่หรือจะตกเป็นเหยื่อราคะของอสูรร้ายนั่น มันจะมีตัวใหม่มาหาข้าหรือไร ?
ลองมาดูสิเจ้าคะ!" พูดจบก็คว้าด้ามไลท์เซเบอร์ซึ่งนางวางไว้ที่หัวเตียงมาถือกระชับมั่นอย่างกระเหี้ยนกระหือ เล่นเอาเอ็มม่าหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน
"มันอาจจะ ไม่เกิดขึ้นกับเจ้า
แต่จะเกิดขึ้นกับคนที่เกี่ยวข้องกับเจ้า!"
"ใครกันเจ้าคะ ที่เกี่ยวข้องกับข้า ? ข้าไม่มีใครเกี่ยวข้องด้วยสักหน่อย เพราะมิได้มีคู่ เหมือนอย่างหลายๆท่านในยานนี้"
"
แต่เจ้ามีพี่น้อง ใช่ไหมล่ะ !!"
เจอคำถามจี้ใจดำเข้าให้อย่างแรง ออเรร่าถึงกับสะอึก อึ้ง นิ่งเงียบไปชั่วขณะ ได้แต่นั่งมองหน้าภรรยาของกัปตันเฉยๆ ทำตาปริบๆ
เอ็มม่ายิ้มกว้าง ส่งสายตาอันอบอุ่นให้เหมือนปลอบใจ ก่อนจะกล่าวเปิดเผย
"เจ้าคงสงสัย ว่าข้ารู้ได้อย่างไร ใช่ไหม ?"
"เอ้อ...เจ้าค่ะ! ข้ายังไม่ได้เปิดเผยความลับเรื่องนี้ให้พวกเราฟังกันเลย" ออเรร่ายอมรับอย่างซื่อๆ
"อันที่จริง เจ้าคิดจะบอกพวกเราหลายครั้งแล้ว แต่เพราะมีเหตุการณ์วุ่นวายอย่างต่อเนื่อง เจ้าจึงไม่ได้โอกาสบอกกับพวกเราสักที"
(มีต่อครับ) ^^
💫🕛💫🚀 แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 41 🚀💫🕛💫
สองร่างของชายหนึ่งหญิงหนึ่ง อยู่บนเตียงทรงกลมขนาดใหญ่ ทั้งสองแทบจะไร้ซึ่งอาภรณ์ปกปิดกายกันแล้ว เหลือแต่อาภรณ์ชั้นในบางมองเห็นทะลุถึงสรีรร่างกายข้างใน ส่วนฝ่ายชายซึ่งกำลังกอดจูบลูบคลำเคล้าคลอเคลียฝ่ายหญิงนั้นก็เหลือเพียงอาภรณ์ท่อนล่างซึ่งก็แทบจะหลุดพ้นจากกายอยู่มะรอมมะร่อ หากเขาเพียงสะบัดออกครั้งเดียวเท่านั้น เขาก็จะเหลือเพียงกายอันเปลือยเปล่าล่อนจ้อน
การเล้าโลมขอองฝ่ายชายหนักหน่วงขึ้นเป็นระยะๆ ตามลำดับ เสียงหอบหายใจของฝ่ายชายก็หนักหน่วงเช่นกับการโลมเล้าของเขา ผสมผสานกับเสียงครวญครางด้วยความกระะสันสวาทซึ่งยิ่งเวลาผ่านไปนานก็ยิ่งเพิ่มพูนทวีมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ของฝ่ายหญิง
"อา....ฝ่าบาท....ฝ่าบาทเพคะ...หม่อมฉันจวนจะขาดใจ...ไม่ไหวแล้วเพคะ ฝ่าบาท"
"โอว์..." ฝ่ายชายส่งเสียงตออบและหายใจฟืดฟาด "ออร่า...ข้า...ข้าก็..จะทนไม่ไหวแล้ว"
"ฝ่าบาทเพคะ...จะะทรงกระทำเยี่ยงใด ก็รีบทรงกระทำเถิดเพคะ โอว์..."
"ออร่า...ข้า....ข้าต้องใช้ร่างเดิมของข้า จึงจะเสพสัมพันธ์กับเจ้าได้เต็มที่! เจ้าจงเข้าใจ และเห็นใจข้าด้วยนะ..."
"ร่างเดิม ? หมายความว่าอย่างไรเพคะ ?" น้ำเสียงของฝ่ายหญิงแสดงความกังขา
"ก็อย่างนี้ไรเล่า !!"
เสียงฝ่ายชายตอบปนตะคอก ฝ่ายหญิงนอนจ้องมองเขาอย่างมึนงงไม่เข้าใจ...แต่แล้ว นางก็ต้องเบิกตากว้างต่อภาพแห่งความเปลี่ยนแปลงของฝ่ายชายซึ่งปรากฏต่อหน้าในระยะประชิดเช่นนั้น! และกรีดร้องเสียงดังลั่น อย่างที่ไม่เคยกรีดร้องมาก่อนเลยชั่วชีวิต!
ร่างของชายหนุ่มนั้น แปรเปลี่ยนเป็นร่างอสูรร้าย ศีรษะและดวงตาดุจกิ้งก่า ทั้งลำตัวเต็มไปด้วยเกล็ด มีหางยาวเฟื้อยกวัดแกว่ง ร่างใหญ่โตขึ้นมากกว่าร่างมนุษย์เกือบสองเท่า ทรงพละกำลังมหาศาล นิ้วมือและนิ้วเท้าข้างละ 4 นิ้วมีเล็บยาวแหลมเยี่ยงเล็บสัตว์เลื้อยคลาน และปากที่ยื่นออกมาอ้ากว้าง เผยให้เห็นฟันแหลมเป็นซี่ๆ และลิ้นสามแฉก! น้ำลายไหลย้อย พ่นลมหายใจแห่งความหื่นกระหายแรงและเหม็นสุดประมาณ สิ่งที่น่าสยองที่สุดสำหรับหญิงสาวในยามนี้ก็คือ อวัยวะส่วนนั้นของมันประดุจอสรพิษร้ายตัวยาวซึ่งกำลังชูคอผงกหัวอย่างน่ากลัว
"กรี๊ดดดดดดดด............."
หญิงสาวกรีดร้องสุดเสียง เป็นเวลาเดียวกันกับที่ชายผู้ซึ่งเพิ่งเปลี่ยนเป็นอสูรร้ายเข้าประชิดคร่อมร่างของนางพร้อมกับบอกนางด้วยเเสียงกระเส่าแต่ฟังดูน่าขนลุก! ตามด้วยการยัดเยียดอวัยวะนั้นของมันเข้าสู่ภายในกายนาง!
"จงเป็นของข้า! ออร่าาาา..."
"กรี๊ดดดดดดดดดด............."
นางส่งเสียงร้องโหยหวน ยาวนาน...
แล้วภาพเหตุการณ์ก็ดับวูบ!! พร้อมกับการผวาตื่นของสตรีอีกนางหนึ่งซึ่งมีหน้าตาเหมือนกันกับนางผู้เคราะห์ร้าย ซึ่งตนได้เห็นในความฝันนั้นไม่มีผิด!
"โอ๊ยยย !!!"
นางส่งเสียงร้องออกมาดังๆ ขณะที่ร่างทะลึ่งพรวดลุกขึ้นนั่งบนเตียง หอบหายใจถี่ยิบ เหงื่อแตกพลั่กท่วมกาย แค่ใบหน้าก็ปรากฏเหงื่อแตกเป็นเม็ดๆ พราวไปทั่วทั้งใบหน้า
แล้วก็รู้สึกโล่งอก เมื่อรู้ว่าที่แท้ ตนเพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้น!
"โธ่เอ๊ย....ฝันไปเท่านั้นเองหรือนี่ โอย..." สะบัดหน้าสะบัดผมสองสามที แล้วบ่น "...ทำไมต้องฝันถึงเจ้าสัตว์ร้ายนั่นด้วย! ตั้งแต่เราฆ่ามันไปในเวลาที่เราอยู่ที่อียิปต์ครั้งนั้นแล้ว เราก็ไม่เคยฝันเห็นมันอีกเลยนี่นา...ทำไมจู่ๆ ถึงได้ฝันถึงมันในคืนนี้ ?? ไม่เข้าใจ.."
พูดกับตัวเองแล้วลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่มุมห้อง เปิดตู้เย็นขนาดมินิบาร์ หยิบน้ำเย็นขวดหนึ่งออกมาเปิดขวดดื่ม
มีเสียงเคาะประตูห้องสองสามครั้ง ตามมาด้วยเสียงถามของสตรีนางหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าห้อง
"ออเรร่า เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ? เปิดประตูหน่อยได้ไหม ?"
"สักครู่เจ้าค่ะ"
พี่สาวฝาแฝดของเทพพยากรณ์ร้องตอบ แล้วคว้าเสื้อผ้ามาสวมใส่เรียบร้อยดีแล้วจึงไปเปิดประตูห้อง
"พี่เอ็มม่า มีอะไรจะให้ข้ารับใช้หรือเจ้าคะ ถึงได้เดินมาถึงหน้าห้องของข้าด้วยตนเองเลย"
"เปล่าหรอกจ้า" คุณแม่ต่างดาวตอบพร้อมกับยิ้มและส่ายหน้าน้อยๆ "พี่เผอิญลุกออกมาเข้าห้องน้ำข้างนอก แล้วได้ยินเสียงเจ้ากรีดร้อง ก็ตกใจ สงสัยว่าเจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า ก็เลยเดินมาเคาะประตู เพื่อจะถามนี่แหละจ้ะ"
"อ๋อ...เจ้าค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงข้านะคะ พี่เอ็มม่า ข้าไม่เป็นไร เพียงแต่ฝันร้ายเท่านั้นเอง" ออเรร่าพยักหน้า แล้วถามออกนอกเรื่อง "ตอนนี้ ยานของเรา จอดอยู่ หรือว่ากำลังบินอยู่เจ้าคะ ?"
"จอดอยู่จ้า ยังไม่ได้ไปไหนเลย ยังอยู่บนยอดเขาที่เดิม แต่จะออกเดินทางวันพรุ่งนี้จ้ะ"
"เจ้าค่ะ...อืมม...ไหนๆ พี่เอ็มก็มาหาข้าถึงห้องแล้ว เข้ามาคุยกับข้าในห้องสักครู่ได้ไหมเจ้าคะ ?" พูดชักชวนและเชื้อเชิญพลางยื่นมือไปคว้าข้อมือคุณแม่ต่างดาว
"ได้สิจ๊ะ พี่ก็อยากคุยกับออเรร่าเหมือนกัน" เอ็มม่าพยักหน้าและยิ้มให้ เป็นยิ้มซึ่งให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างยิ่งสำหรับออเรร่า
"พี่วันชนะ จะพาพวกเราไปไหนหรือเจ้าคะ ?" นางถามหลังจากจูงมือคุณแม่ต่างดาวเข้ามาในห้องและนั่งบนเตียงหันหน้าเข้าหากัน
"ได้ยินว่าจะพาท่านไดโอเซนัสและแม่หมอฟรีด้า พร้อมทั้งนางปุยเมฆ กลับไปที่เกาะนิรนามจ้ะ ท่านปู่เขาเป็นห่วงเกาะนั้นมาก เกรงว่าจะถูกพวกจักรวรรดิเข้าไปยึดครอง"
"อืมม...ข้าว่าคงยากนะเจ้าคะ น้อยคนนักที่จะรู้จักทางเข้าออก ถ้าพูดถึงเพียงชาวแอตแลนติสแล้วไซร้ เห็นจะมีเพียงแต่ท่านปู่ แม่หมอ และเจ้าปุยเมฆเท่านั้น แล้วมิใช่จะะเข้าออกได้ง่ายๆ ที่นั่นเปรียบเสมือนแดนสนธยาก็ว่าได้"
"แต่ท่านปู่เค้าก็ยังเป็นห่วงอยุ่ดีแหละจ้ะ ดังนั้นพวกเราก็เลยสรุป ลงความเห็นว่า จะกลับไปที่นั่น คุณเอก น้องแอนนา และน้องแจ๊คก็อยากไปที่นั่นด้วย"
"อย่างนั้นหรือเจ้าคะ ? พี่เอ็มม่า ทราบหรือไม่เจ้าคะว่า เหตุใด พวกเขาจึงอยากจะไปที่นั่นด้วย"
"คุณเอก บอกว่า ที่นั่นเหมาะมาก สำหรับการฝึกสมาธิจ้ะ"
"อ้อ....เจ้าค่ะ ถ้าเช่นนั้นละก็ ดีเลย! ข้าจะได้ขอฝึกสมาธิกับเขาบ้าง"
"เจ้าจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน หากได้ฝึกฝนสมาธิร่วมกับคุณเอก"
"ข้าก็เชื่อมั่นในความสามารถของเขาเจ้าค่ะ"
"อื้ม...ดีจ้ะ!" เอ็มม่าตอบพลางจับมือนางมาบีบเบาๆ ก่อนจะวกกลับไปถามเรื่องเดิม
"หายตกใจแล้วใช่ไหม ?"
"หืม ?? ตกใจ เพราะความฝันของข้านั่นหรือเจ้าคะ ? หายแล้วเจ้าค่ะ ไม่ประหวั่นพรั่นกลัวอะไรแต่อย่างใดทั้งสิ้น ต่อให้เจ้านั่นมาจริงๆ บัดนี้เลย ข้าก็ไม่กลัว!" ออเรร่าเผลอตัวพูดถึงเจ้าสัตว์ร้ายนั้นออกมา
"เจ้านั่น ??" เอ็มม่ากล่าวทวนซ้ำคำนั้นของนางแล้วขมวดคิ้ว สีหน้าเริ่มเครียด "เจ้าฝันเห็น...อสูรร้าย ซึ่งเคยทำร้ายเจ้า และเคยถูกเจ้ากำจัด ในสมัยที่พวกเรายังอยู่ที่อียิปต์ ตัวนั้นน่ะหรือ ?"
"มันคงจะมิใช่ตัวเดียวกันดอกเจ้าค่ะ แต่ต้องเป็นเชื้อสายเดียวกันแน่นอน เพราะรูปร่างลักษณะของเจ้าตัวที่ข้าเห็นในความฝัน เป็นแบบเดียวกันกับเจ้าตัวร้ายที่ข้าสังหารในครั้งนั้น! หน้าตาเท่านั้นที่แตกต่างกัน"
"ไหนลองเล่าให้ข้าฟังซิ ว่าเจ้าฝันว่าไงบ้าง" เอ็มม่าแสดงให้เห็นว่าตนสนใจมากต่อเรื่องราวในความฝันของนาง
"อ่า...คือว่า..ในฝันนั่น..." ออเรร่าออกอาการอึกอักๆ ลังเล และเขินอายซึ่งแสดงออกทางสีหน้าแดงขึ้นด้วยเลือดสูบฉีด
เอ็มม่าจ้องหน้านางครู่หนึ่ง แล้วก็ยิ้ม พยักหน้าช้าๆ
"ข้าพอเข้าใจแล้วหละ...ความเป็นไปบางอย่าง เจ้าไม่อยากพูด มันทำให้เจ้าขวยเขิน!"
"พี่เอ็มม่า ท่านทราบได้อย่างไรเจ้าคะ หรือว่าท่านอ่านใจคนได้ ?" ออเรร่ายิ่งทำอาการเขินอายเพิ่มขึ้น
"ข้าก็เพียงลองเดาดู บังเอิญเดาถูกละสิ ? ไม่ต้องอายข้าหรอก เราเป็นผู้หญิงด้วยกันนี่นา" คุณแม่ต่างดาวกล่าวยิ้มๆ "ข้าอยากเห็นภาพในฝันของเจ้า ขอข้าดูหน่อยได้ไหม ?"
"อะไรนะเจ้าคะ ?" ออเรร่าร้องถามพลางทำตาโต "ท่านขอดูความฝันของข้า ?!! ดูได้ด้วยหรือเจ้าคะ ?"
"ได้สิ สบายมาก!" เอ็มม่าตอบแล้วยิ้มให้นางอีกครั้ง
"ดูอย่างไรเจ้าคะ ? ความฝันเนี่ยนะ ?? " ขนิษฐาแห่งฟาโรห์คูฟูถามด้วยความสงสัยหนัก!
"ข้าดูได้ก็แล้วกัน แต่ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าเสียก่อน เจ้าจะให้ข้าดู ได้ไหมเล่า ? ไว้วางใจในตัวข้าไหม ?" คุณแม่ต่างดาวถามแล้วยิ้มให้นาง ซึ่งเป็นยิ้มและสายตาที่มองดูแล้วอบอุ่นใจ
ออเรร่าลังเลใจอยู่ชั่วขณะ นางทราบดีว่าศรีภรรยาของกัปตันวันชนะผู้ซึ่งตนรักและเคารพนับถืออย่างที่สุดไม่น้อยไปกว่าใครนั้น เป็นมนุษย์ต่างพิภพซึ่งมีความสามารถหลายอย่างเหนือกว่ามนุษย์โลกธรรมดา ดูจากลูกสาวและลูกชายของนางคือแอนนาและเด็กชายแจ๊คเป็นตัวอย่าง ทั้งสองคนมีพลังจิตมหัศจรรย์ดังเทพประทาน แล้วไฉนเล่าผู้เป็นมารดาจะไม่มี...สุดท้ายก็ตัดสินใจพยักหน้าตอบรับ ด้วยความอยากรู้และอยากลอง
"ก็ได้เจ้าค่ะ พี่เอ็มม่า ข้าย่อมไว้วางใจในตัวท่าน เหมือนที่ข้าไว้วางใจในตัวของท่านพี่วันชนะ ผู้เป็นสามีของท่าน เฉกเช่นเดียวกันเจ้าค่ะ"
"ดีแล้วจ้ะ" เอ็มม่ายิ้มพยักหน้าตอบ จับมือนางบีบเบาๆ เพื่อปลอบใจ แล้วจึงบอกต่อไป
"ถ้าเช่นนั้น ตอนนี้ ขอให้เจ้านั่งสบายๆ ผ่อนคลาย หลับตาลง ไม่ต้องคิดถึงอะไร"
"แบบเดียวกับที่ท่านพี่เอกสอนการฝึกสมาธิเลย" ออเรร่ากล่าวด้วยความแปลกใจ ก่อนจะหลับตาลงอย่างว่าง่าย
"ก็หลักการเดียวกันจ้ะ แต่ของคุณเอก มีการกำหนดจับลมหายใจเข้าและลมหายใจออก แต่ของเราไม่ต้องทำอย่างนั้นก็ได้ หรือถ้าเจ้าอยากจะทำอย่างนั้นก็ได้เหมือนกันจ้ะ"
"เจ้าค่ะ" ออเรร่ารับคำเบาๆ แล้วก็เงียบเสียง สองมือหงายซ้อนประสานกันบนตัก อยู่ในสภาวะนั่งหลับแต่เหมือนนั่งเข้าสมาธิ
เอ็มม่ายกฝ่ามือขึ้นแตะที่กลางหน้าผากของนาง แล้วตัวเองก็หลับตาลง
บัดนั้น ภาพและเสียงแห่งความเป็นไปในความฝันของออเรร่าก็กระจ่างชัดทุกช็อตทุกซีน ไหลจากมนสัญญาของนางพรั่งพรูเข้าสู่มนายตนะของเอ็มม่าเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
ไม่ถึงนาที คุณแม่ต่างดาวก็ปล่อยมือออกจากหน้าผากของออเรร่าแล้วบอกกับนางเบาๆ
"เสร็จเรียบร้อยแล้วจ้ะ"
ออเรร่าลืมตาขึ้น พอมองหน้าเอ็มม่าแล้วก็แปลกใจเมื่อเห็นนางมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
"มีอะไรหรือเจ้าคะ พี่เอ็มม่า ดูหน้าตาท่านเครียดมากกเลยเจ้าค่ะ โปรดบอกข้าด้วยนะเจ้าคะว่ามีอะไร ท่านมองเห็นอะไรที่เลวร้าย ใช่ไหมเจ้าคะ ?"
"ข้ามองเห็นความฝันของเจ้ากระจ่างชัดแล้ว ออเรร่า" คุณแม่ต่างดาวพยักหน้าอันเคร่งเครียด
"เพียงแค่ความฝัน เหตุไฉน ท่านจึงเครียดมากถึงเพียงนี้เจ้าคะ ?"
"ออเรร่า...ความฝันของเจ้า มันมิใช่เป็นแค่ความฝัน" เอ็มม่าเริ่มเผยนัยสำคัญ "สำหรับข้า ความฝันของเจ้านี้ เป็นเหมือนการบอกใบ้ ให้รู้ถึงเหตุการณ์บางอย่าง ซึ่งจะเกิดขึ้น"
"เป็นเรื่องจริงที่จะเกิดขึ้นกับข้า อย่างนั้นหรือเจ้าคะ ?" เจ้าของความฝันทึ่งและทำตาโต แล้วก็ส่ายหน้า "ไม่ เป็นไปไม่ได้แน่เจ้าค่ะ! ข้านี่หรือจะตกเป็นเหยื่อราคะของอสูรร้ายนั่น มันจะมีตัวใหม่มาหาข้าหรือไร ? ลองมาดูสิเจ้าคะ!" พูดจบก็คว้าด้ามไลท์เซเบอร์ซึ่งนางวางไว้ที่หัวเตียงมาถือกระชับมั่นอย่างกระเหี้ยนกระหือ เล่นเอาเอ็มม่าหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน
"มันอาจจะ ไม่เกิดขึ้นกับเจ้า แต่จะเกิดขึ้นกับคนที่เกี่ยวข้องกับเจ้า!"
"ใครกันเจ้าคะ ที่เกี่ยวข้องกับข้า ? ข้าไม่มีใครเกี่ยวข้องด้วยสักหน่อย เพราะมิได้มีคู่ เหมือนอย่างหลายๆท่านในยานนี้"
"แต่เจ้ามีพี่น้อง ใช่ไหมล่ะ !!"
เจอคำถามจี้ใจดำเข้าให้อย่างแรง ออเรร่าถึงกับสะอึก อึ้ง นิ่งเงียบไปชั่วขณะ ได้แต่นั่งมองหน้าภรรยาของกัปตันเฉยๆ ทำตาปริบๆ
เอ็มม่ายิ้มกว้าง ส่งสายตาอันอบอุ่นให้เหมือนปลอบใจ ก่อนจะกล่าวเปิดเผย
"เจ้าคงสงสัย ว่าข้ารู้ได้อย่างไร ใช่ไหม ?"
"เอ้อ...เจ้าค่ะ! ข้ายังไม่ได้เปิดเผยความลับเรื่องนี้ให้พวกเราฟังกันเลย" ออเรร่ายอมรับอย่างซื่อๆ
"อันที่จริง เจ้าคิดจะบอกพวกเราหลายครั้งแล้ว แต่เพราะมีเหตุการณ์วุ่นวายอย่างต่อเนื่อง เจ้าจึงไม่ได้โอกาสบอกกับพวกเราสักที"
(มีต่อครับ) ^^