💫🕛💫🚀 แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 45 🚀💫🕛💫

กระทู้คำถาม
THE FUGITIVE ลงจอดบนเทือกเขาแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเขตแดนอดีตสหพันธรัฐแอตแลนติสเหนือและจักรวรรดิแอตแลนติสใต้เดิม หลังจากรับตัวออเรร่าและลาลูน่าขึ้นมาบนยานแล้ว...

ทันทีที่ยานลงจอด กัปตันวันชนะให้ทุกคนเข้าห้องประชุมทันที เพื่อซักไซ้ไล่เรียงสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับสาวนักดาบวงพระจันทร์ ซึ่งเบื้องต้นทุกคนทราบจากปากของออเรร่าเพียงว่านางเต็มใจแยกทางกับออเรเคิลมาร่วมคณะด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนสามารถไว้วางใจนางได้

"ลาลูน่า..." กัปตันเริ่มการซักถาม "ก่อนอื่น ข้า ในฐานะหัวหน้าคณะ THE FUGITIVE ชื่อซึ่งมีความหมายว่า 'ผู้ลี้ภัย' ขอบอกเจ้าว่า พวกเราทุกคนมีความเป็นมิตร และจะยินดีอย่างยิ่ง หากได้เจ้าเข้ามาเป็นอีกหนึ่งสมาชิก แต่ว่า เพราะความที่เจ้าเคยอยู่ร่วมกับฝ่ายจักรวรรดิ เคยทำงานรับใช้จักรพรรดิเนรอส และเทพพยากรณ์ออเรเคิล เคยทำร้ายประชาชนด้วยการบัญชาเหล่าสมุนมนุษย์หมาป่าของเจ้าในคืนเดือนเพ็ญให้จู่โจม ไล่กัด ไล่สังหารผู้คนไปมากมาย ทั้งตัวเจ้าเองนั้น ยังเคยต่อสู้กับออเรร่ามาแล้วตัวต่อตัว และพ่ายแพ้แก่นางไปสองครั้งสองครา ซึ่งน่าจะทำให้เจ้าเจ็บแค้นใจและอยากเอาชนะคืนบ้าง ด้วยเหตุผลที่ว่ามานี้ เจ้าก็น่าจะอยู่รับใช้จักรพรรดิเนรอสและออเรเคิลต่อไปมิใช่หรือ ? เหตุไฉน เจ้าจึงตัดสินใจแยกทางกับนาง เพื่อมาเข้าร่วมกับพวกเรา ??"

คำซักถามของกัปตัน นับว่าหนักอึ้งไม่น้อยทีเดียวสำหรับสาวดาบวงพระจันทร์ นางสูดลมหายใจลึกเข้าปอด เชิดหน้ายืนอย่างเด็ดเดี่ยวก่อนตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำด้วยความมั่นใจในตนเอง

"ท่านวันชนะ...ก่อนอื่น ข้าก็ขอขอบคุณที่ท่านยอมให้ข้าขึ้นมาบนยานลำนี้ พร้อมกับพี่สาวออเรร่า..." ลาลูน่าเกริ่นนำด้วยการกล่าวขอบคุณกัปตันแล้วหยุด มองไปยังออเรร่าแว่บหนึ่งก็เห็นนางยิ้มน้อยๆ ให้ จึงยิ้มตอบนางแล้วหันมากล่าวต่อกัปตันต่อ " ข้าขอบอกท่านตามความสัคย์จริง ในช่วงระยะเวลาแรกที่ข้าเข้าร่วมกับคณะนักพลังจิตของออเรเคิลนั้น ข้าเพียงแต่คิดปรารถนาการปักหลักฐานมั่นคง เพราะขณะนั้นข้ายังไม่มีที่อยู่ที่อาศัยเป็นหลักแหล่ง ลำพังตัวข้าแต่เพียงผู้เดียวไม่กระไรนัก อยู่อย่างไรก็ได้ แต่ข้าเห็นใจพวกบริวารของข้าหลายคนที่ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ต้องร่อนเร่พเนจรไปกับข้าด้วยความยากลำบาก ดังนั้นเมื่อประสบโอกาสเข้าร่วมเป็นพวกของออเรเคิล ข้าจึงเข้าร่วม ทั้งๆ ที่ข้ามิได้มีความสามารถทางพลังจิตเหมือนอย่างคนอื่นๆ ในคณะของออเรเคิลเลยแม้แต่น้อย ข้ามีแต่ความสามารถในการต่อสู้ด้วยดาบจันทร์เสี้ยวคู่ของข้าเท่านั้น"

"ไม่ได้มีเพียงแค่นั้นดอก..." ผู้เฒ่าไดโอเซนัสกล่าวแย้งสอดแทรก "ยังมีอีกอย่างหนึ่งซึ่งสำคัญมากที่ทำให้ออเรเคิลรับเจ้าเข้าเป็นสมาชิกใหม่ นั่นคือ ความเป็นหัวหน้าของเหล่ามนุษย์หมาป่าของเจ้า"

"ข้าเห็นด้วยกับความเห็นของท่านอาจารย์ปู่" กัปตันวันชนะพยักหน้าขณะกล่าวเห็นด้วย "นั่นน่าจะเป็นเหตุผลที่สำคัญมากกว่าฝีมือดาบจันทร์เสี้ยวของเจ้ามากมายนัก เพราะทำให้ออเรเคิลได้บริวารเพิ่มขึ้นอีกมากมาย และเป็นประโยชน์ต่อนางและจักรพรรดิ"

"เจ้าค่ะ" ลาลูน่าพยักหน้ายอมรับ "..แต่ว่า ข้าหาได้มีความสุขสบายกับการเป็นมนุษย์หมาป่าในคืนวันเพ็ญไม่ มันทำให้ข้าเจ็บปวด ทุกข์ทรมานมากในยามที่ร่างกายกำลังเปลี่ยนแปลง แต่ข้ามิอาจหลีกเลี่ยงชะตากรรมนั้น มันคงจะติดตัวข้าไปตลอดชีวิต"

"เล่าเรื่องที่เจ้าได้เป็นมนุษย์หมาป่าให้ทุกคนฟังสิ ลาลูน่า" ออเรร่ามองนางด้วยความสงสารและเห็นใจขณะกล่าว

"ได้เจ้าค่ะ" ลาลูน่าหันมาพยักหน้าให้พร้อมกับยิ้มเศร้าๆ ก่อนเริ่มเล่าประวัติการเป็นมนุษย์หมาป่าของตนท่ามกลางที่ประชุม ซึ่งพอได้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบทุกคนต่างรู้สึกสงสารและเห็นใจนางเช่นเดียวกันกับออเรร่า

"ที่แท้ ความเป็นมาของเจ้าเป็นเช่นนี้เอง น่ารันทดเสียจริง" แม่หมอฟรีด้ากล่าว

"เอาละ...ข้าเห็นใจเจ้าจริงๆ สำหรับเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีตของเจ้า" กัปตันว่าแล้วซักถามต่อไป "ตอนนี้ บอกมาซิว่า เพราะเหตุใด เจ้าจึงตัดสินใจแยกทางกับออเรเคิล ทำไมไม่กลับไปวังหลวงกับนาง ?"

ลาลูน่านึกเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์ครู่หนึ่งแล้วจึงอธิบาย

"หลังจากข้าได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกนักพลังจิต ข้าก็ทำงานทุกอย่างตามคำสั่งของออเรเคิล เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ข้าได้มีโอกาสพูดคุยกับนางบ่อยเข้าจึงได้ทราบเรื่องราวหลายอย่างจากปากของนางเอง รวมทั้ง เรื่องที่นางทำกับท่านผู้อาวุโสไดโอเซนัสผู้เป็นอาจารย์ และแม่หมอฟรีด้าผู้เป็นศิษย์พี่ของนาง..."

ถึงตอนนี้ ไดโอเซนัสและแม่หมอฟรีด้าเหลือบมองกันและกันแว่บหนึ่ง

"แล้วเจ้า...หลังจากที่ได้ฟังนางเล่าเรื่องราวให้ฟังแล้ว มีความคิดเห็นเป็นประการใดบ้างเล่า ?" กัปตันถาม

"ข้าไม่เห็นด้วยกับนางเลย" ลาลูน่ากล่าวพลางส่ายหน้า ด้วยสีหน้าใสซื่ออย่างเป็นธรรมชาติของนาง จึงไม่มีใครสงสัยในคำกล่าวของนาง

"การที่นางทำอย่างนั้น มันทำให้นางได้ขึ้นสู่จุดสูงสุดของชีวิต ได้เป็นใหญ่ ได้มีอำนาจ ไฉนเจ้าจึงไม่เห็นด้วยเล่า ?" ไดโอเซนัสช่วยกัปตันซักถาม

"นางทำอย่างนั้นได้อย่างไรกันเจ้าคะ!" ลาลูน่าหันไปกล่าวกับท่านผู้เฒ่าทันทีด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ "ท่าน...เป็นอาจารย์ของนางแท้ๆ นางยังลงมือกับท่านได้ลง อำมหิตแท้ แล้วยังลงมือต่อแม่หมอฟรีด้าผู้เป็นศิษย์พี่อีก...และที่สำคัญ พวกท่านทั้งหมด อยู่ด้วยกันในดินแดนสหพันธรัฐ รวมทั้งนางเองด้วย  นั่นหมายถึงว่า นางทรยศต่อชาติบ้านเมืองของตนเอง แล้วมาอยู่กับฝ่ายตรงกันข้าม คือนางไม่สนใจอะไรเลย นอกจากความสำเร็จของนางเอง สนใจแต่ตัวเอง ไม่สนใจคนอื่น! ข้าจึงเริ่มข้องใจในตัวนางนับแต่นั้นมา"

"เจ้ามิได้ใส่ใจ เรื่องของสองอาณาจักรเหนือและใต้ ที่ฝ่ายหนึ่งเป็นสหพันธรัฐ อีกฝ่ายหนึ่งเป็นจักรวรรดิดอกหรือ ?" กัปตันเปลี่ยนมาถามอีกประเด็นหนึ่ง

"ข้าไม่สนใจเรื่องการเมืองดอกเจ้าค่ะ" นางหันมาตอบกัปตันพลางส่ายหน้า "ขอบอกตามตรง ถ้าหากออเรเคิลมิได้ทำสิ่งที่เลวร้ายดังที่ข้าได้กล่าวมา ข้าก็คงมิได้มายืนอยู่ท่ามกลางท่านทั้งหลายในเวลานี้...คงได้กลับวังหลวงพร้อมกับนางไปแล้ว"

ผู้เฒ่าไดโอเซนัสพยักหน้าช้าๆ สองสามครั้งอย่างพินิจพิเคราะห์ แล้วจึงกล่าวต่อนาง

"เจ้าเป็นคนซื่อดี ปากตรงกับใจ "

"ขอบพระคุณเจ้าค่ะ"

"อืมม...ไหนบอกมาซิ เหตุไฉน ออเรเคิลจึงเล่าเรื่องที่นางทำกับข้าและฟรีด้าให้เจ้าฟัง มันต้องมีสาเหตุแน่ จู่ๆ นางคงไม่เล่าให้เจ้าฟังเล่นๆ เป็นแน่"

"อ๋อ...เจ้าค่ะ! คือ..อันที่จริง ข้าเคยได้ยินได้ฟังเรื่องที่นางทำกับท่านและแม่หมอฟรีด้ามาบ้างแล้วจากปากของคนอื่นๆ ในวัง ก็พวกสาวชาววังนั่นแหละเจ้าค่ะ พวกบุรุษบางคนก็พูดกัน ข้าฟังคำพูดของพวกเขาแล้วก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ก็ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ ทีนี้ ตอนที่นางกับข้ากลับไปที่ตำหนักของเนรอสเพื่อตามหาพระองค์ เราเตรียมตัวจะรับมือกับอสูรร้ายซึ่งเคยแฝงร่างของพระองค์ ข้าเตรียมดาบจันทร์เสี้ยวของข้าไว้ในมือ ออเรเคิลก็ชักดาบซึ่งปล่อยลำแสงออกมาเป็นแท่งดาบสว่างเจิดจ้าให้ข้าเห็น ข้าไม่เคยเห็นอาวุธอย่างนั้นมาก่อนเลยในชีวิต จึงถามนางว่านางได้อาวุธนั้นมาจากไหน นางจึงบอกว่าได้มาจากท่าน"

"แล้วเจ้าคิดอย่างไร ในตอนนั้น ?"

"ข้าคิดว่า นางไม่น่าทำร้ายท่าน ไม่น่าทรยศต่อท่านเลย และคิดต่อไปอีกว่า หากข้าเป็นนาง ได้มีโอกาสเป็นศิษย์ของท่าน บางที ท่านอาจจะมีวิชาพิเศษอะไรสักอย่างหนึ่งก็เป็นได้ ที่จะช่วยรักษาข้า ช่วยข้าให้พ้นจากความเป็นมนุษย์หมาป่า...ก็อาจเป็นได้ นี่คือความคิดของข้าที่เกิดขึ้นในขณะนั้น"

"แล้ว...ตอนไหน ที่ทำให้เจ้าตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ว่าจะแยกทางกับนาง ไม่ไปกับนาง ?" กัปตันถามต่อ

"ตอนที่ยังอยู่ในถ้ำ นางด่าข้าก่อน ว่าข้าโง่!" ลาลูน่ากล่าวไปหน้าบึ้งไป "ข้าโมโหมาก เลยด่ากลับไปว่าท่านนั่นแหละโง่! เดี๋ยวจัดการกับเจ้าอสูรร้ายนั่นเสียก่อนแล้วค่อยมาพูดกันให้รู้เรื่อง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้กลับมาพูดคุยกันอีกหลังจากถ้ำถูกถล่มจากยานบินยักษ์สีดำซึ่งมาจากไหนก็ไม่รู้ ต่างคนต่างต้องหนีเอาตัวรอด จนกระทั่งพี่สาวออเรร่าใช้อาวุธพิเศษทำลายมันได้ แล้วข้าก็หาตัวออเรเคิลไม่พบ จึงย้อนกลับมาตามหาพี่สาวออเรร่า อยู่ด้วยกันสองคน หลังจากนั้นเราสองคนได้พบกับยานบินอีกลำหนึ่ง ผู้ที่มากับยานมีสามคน คนหนึ่งคือบิดาของข้าซึ่งข้าก็เพิ่งรู้ อีกคนคือบิดาของพี่สาวออเรร่า และอีกคนหนึ่งเป็นสหายของพวกเขา ทั้งสามคนนั้นบอกว่า มาจากดาวดวงอื่น จากดาราจักรซึ่งอยู่ใกล้โลกมากที่สุดเจ้าค่ะ"

"คนที่สามต้องเป็น เทพแอตลาส แน่ๆ" ไดโอเซนัสคาดการณ์ "แต่ว่า...เดี๋ยวนะ เจ้าว่า คนหนึ่ง เป็นบิดาของออเรร่า อย่างนั้นหรือ ?"

"ใช่เจ้าค่ะ ท่านผู้อาวุโส"

"มิเพียงแต่เท่านั้น ยังเป็นบิดาของออเรเคิลด้วยเจ้าค่ะ"

คำกล่าวเสริมของออเรร่า ทำให้ชาวคณะทุกคนตื่นตะลึง

"เจ้า...ออเรร่า และ ออเรเคิล เป็นพี่น้องกัน อย่างนั้นรึ ? " ผู้เฒ่าไดโอเซนัสหันมาถามย้ำกับสาวแฝดผู้พี่

"ใช่เจ้าค่ะ" ออเรร่าพยักหน้าเศร้าๆ "เราสองคน ข้า กับออเรเคิล เป็นพี่น้องฝาแฝดกัน"

"บิดาของพวกเจ้า คือ.."

"โพเซดอน เจ้าค่ะ!"

"และ ของเจ้า...?" ไดโอเซนัสหันมาทางลาลูน่า

"เซอุส เจ้าค่ะ" สาวดาบวงพระจันทร์ตอบด้วยสีหน้าขรึม

"โอ้...แย่แล้ว..." ไดโอเซนัสร้องคราง "ออเรร่า กับออเรเคิล เป็นพี่น้องฝาแฝดกัน มิน่าเล่า หน้าตาของพวกเจ้าสองคนจึงได้ดูละม้ายคล้ายคลึงกันมากมายเหลือเกิน!!"

"ไม่ใช่ละม้ายคล้ายคลึงดอกเจ้าค่ะท่านอาจารย์ แต่เหมือนกันเลย!!" แม่หมอฟรีด้ากล่าวพร้อมกับทำสีหน้ายุ่งยากใจ "แต่ที่พวกเราเห็นว่าออเรเคิลแตกต่างออกไป เพราะนางแต่งหน้าด้วยสีเข้ม ลงเครื่องสำอางค์เต็มที่ ทาปาก เขียนคิ้ว ถ้าให้นางล้างเครื่องสำอางค์ออกให้หมด นางจะมองดูเหมือนออเรร่าชนิดที่ว่าเป็นพิมพ์เดียวกันทีเดียว!!"

"โอ...ศิษย์ทรยศ..." ไดโอเซนัสกล่าวอย่างเหม่อลอย "...เมื่อเป็นเช่นนี้ เทพอย่างโพเซดอน ไม่มีวันให้ข้าลงโทษนางได้แน่! ใครก็ทำอะไรนางไม่ได้โดยเด็ดขาด!"

"มีแต่เจ้า! ออเรร่า" แม่หมอฟรีด้ากล่าว "เจ้าคนเดียวที่จะสามารถจัดการนางมารร้ายนั่นได้ แต่ว่า นาง...ก็เป็นน้องสาวของเจ้า หรือว่าพี่สาว ?"

"ท่านพ่อบอกว่านางเป็นน้องสาวเจ้าค่ะ แม่หมอ..." ออเรร่าตอบ แล้วส่ายหน้าก่อนจะพูดต่อไป "...และแม้แต่ข้าเองก็จัดการกับนางมิได้ เพราะว่า ท่านพ่อบอกว่า จิตวิญญาณของเราผูกพันกัน ประมาณว่า หัวใจของเราเป็นดวงเดียวกัน ครึ่งหนึ่งเป็นของข้า อีกครึ่งหนึ่งเป็นของนาง เราสองคนจะถ่ายทอดความรู้สึกทุกอย่างแก่กันและกัน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นแก่คนหนึ่ง จะส่งผลไปให้อีกคนหนึ่งด้วย ข้าป่วย นางก็จะป่วย ข้าได้รับบาดเจ็บส่วนไหนของร่างกาย นางก็จะได้รับบาดเจ็บที่ส่วนนั้นด้วย และถ้าข้าตาย นางก็จะตายตามไปด้วยเจ้าค่ะ!! อันที่จริงเรื่องนี้ ข้าจะบอกพวกท่านตั้งนานแล้ว แต่ไม่ได้โอกาสเสียทีเพราะมัวแต่มีเรื่องยุ่งกันอยู่ตลอดมา ถึงตอนนี้เป็นเวลาสมควรแล้ว"

ทุกคนอึ้งไปครู่ใหญ่ หลังจากได้ทราบความจริงเกี่ยวกับออเรร่าและออเรเคิล ในที่สุด ผู้เฒ่าไดโอเซนัสก็เอ่ยขึ้น

"เมื่อเป็นเช่นนี้ มีหนทางเดียวเท่านั้น..."

"อย่างไรเจ้าคะ ท่านอาจารย์ ?" แม่หมอถาม

"ต้องให้ออเรเคิล เกิดความสำนึก กลับตัวกลับใจเสียใหม่ ซึ่งถ้านางทำได้ ข้าก็พร้อมที่จะยกโทษให้นาง"

"นางมารร้ายนั่น ดื้อรั้นเป็นที่สุด ข้าว่าไม่มีทางเลยเจ้าค่ะ อาจารย์ปู่" ออเรร่ากล่าวอย่างระอาใจ แล้วฉับพลันเปลี่ยนสีหน้าเป็นดุดันเอาจริงเอาจัง "และหากนางกระทำการใดๆ อันโฉดชั่วเลวทรามอีก ข้าจะลงมือกับนางเอง! โดยไม่สนใจต่อชีวิต จะตายไปด้วยกันข้าก็ยอม! ตายแล้วได้กำจัดคนสารเลวศิษย์ทรยศอย่างนาง ข้ายินดีพลีชีพ!!"

"ถ้าเจ้าจะทำอย่างนั้นเมื่อใด ก็ให้คิดถึงองค์ฟาโรห์ ผู้ทรงรอคอยการกลับไปของเจ้าด้วยนะ ออเรร่า" กัปตันวันชนะกล่าวเตือนสติ "อย่าลืม...ว่าฟาโรห์คูฟู
 กษัตริย์ผู้แสนประเสริฐพระองค์นั้น ทรงรอคอยเจ้าอยู่นะ"

ออเรร่าครั้นได้ฟังคำเตือนสติของกัปตัน ก็ถึงกับหลั่งน้ำตา กล่าวเสียงสั่น

"ข้าไม่ลืม...องค์เชษฐาของข้า หากข้าจะตัดสินใจสละชีพ ข้าจะเขียนจดหมายฉบับสุดท้าย ถวายบังคมทูลลา ฝากท่านให้นำไปน้อมถวายพระองค์เจ้าค่ะ ท่านพี่วันชนะ!!"

(ต่อครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่