💫🕛💫🚀 แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 46 🚀💫🕛💫

กระทู้คำถาม


ยามตะวันโพล้เพล้ กัปตันวันชนะ นำยาน THE FUGITIVE ลงจอด ณ กลางหุบเขาในป่าลึก ใกล้บริเวณที่เคยเป็นชายแดนระหว่างแอตแลนติสเหนือและใต้ แต่ปัจจุบันพรมแดนเปิดแล้วเนื่องจากแอตแลนติสทั้งทวีปได้กลายเป็นจักรวรรดิเพียงหนึ่งเดียว

ห่างจากจุดจอดยานไปราวร้อยเมตรเศาๆ มีบ้านสองชั้นหลังเก่าๆ โทรมๆ หลังหนึ่งตั้งอยู่ นั่นคือที่พำนักอย่างลับๆ ของ ไดรฟัส อดีตสมาชิกในคณะนักพลังจิตของเทพพยากรณ์ออเรเคิลผู้แปรพักตรมาเข้าพวกกับฝ่ายของกัปตันนั่นเอง

กัปตันวันชนะเห็นว่า การที่จะสืบหาข่าวของ "ขบวนการเสรีสหพันธรัฐ" ก่อนอื่นน่าจะมาพบปะเยี่ยมเยือนสายลับคนนี้เสียก่อนน่าจะได้ข่าวคราวอะไรบ้างไม่มากก็น้อย ดังนั้นเขาจึงขับยานมาลงที่นี่

และความคาดการณ์ของเขาไม่ผิด เพราะทันทีที่เขาและชาวคณะทุกคนลงจากยานเดินมุ่งหน้าสู่บ้านหลังนั้น ก็พบว่าหน้าบ้านมีคนหลายคนออกมายืนรอต้อนรับ และไดรฟัสเจ้าของบ้านรีบวิ่งออกมาต้อนรับ จับไม้จับมือทักทายเขาและชาวคณะด้วยความดีอกดีใจ

"นายท่าน! ท่านและเหล่าสหายกลับมาหาข้าแล้ว ท่านและทุกๆ ท่านสบายกันดีนะขอรับ ?"

"สบายดี ไดรฟัส แล้วเจ้าเล่า ?" กัปตันตอบแล้วถามกลับยิ้มๆ

"สบายดีขอรับ ช่วงนี้พวกเราค่อนข้างอยู่กันได้อย่างสงบ นายท่านและทุกๆ ท่านเชิญเลยครับ เหล่าสหายหลายคนทางนี้รอคอยพวกท่านอยู่โน่นแล้วขอรับ" ไดรฟัสพูดพลางบุ้ยใบ้ไปทางหน้าบ้านซึ่งมีคนหลายคนยืนอยู่

กัปตันและชาวคณะเดินไปพร้อมกับเจ้าของบ้าน พอไปถึงหน้าบ้านมองเห็นชัดเจนว่าใครเป็นใคร เขาและชาวคณะก็ยิ้มออก เช่นเดียวกับพวกเขาเหล่านั้นที่ยืนรอต้อนรับอยู่ สองคนจากในกลุ่มเดินออกมาหาและสวมกอดเขาทีละคน

"ท่านวันชนะ!" ทั้งสองเรียกชื่อเขาพร้อมกัน

"ท่านอิบิคัส ท่านเซบาสเต็น"

"ดีใจเหลือเกินที่ได้พบท่านและคณะของท่านอีกครั้ง" อดีตผู้นำแห่งโลโคเทียกล่าว

"พวกเราก็ดีใจที่ได้กลับมาพบพวกท่านอีก" สถาพรเอ่ยขึ้นบ้าง

"พวกท่านมาในเวลาที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ตะวันกำลังจะลับขอบฟ้าแล้ว คืนนี้พวกเราทั้งหมดต้องดื่มกินฉลองกันให้อิ่มหนำสำราญเต็มที่ พวกท่านคงยังไม่รีบไปไหนกระมัง ?" อิบิคัสถาม

"ไม่มีความจำเป็นต้องรีบไปไหนเลยขอรับ" สถาพรตอบอดีตผู้นำแห่งโลโคเทีย

"ถ้าเช่นนั้น เชิญทุกท่านเข้าไปในบ้านกันก่อนเถิด งานเลี้ยงค่ำคืนนี้ต้องยาวนานและสนุกสนานแน่ เชิญๆ" เซบาสเต็นกล่าวพลางผายมือเชื้อเชิญกัปตันและชาวคณะเข้าสู่ภายในบ้าน

หลังจากเข้าบ้าน ทุกคนนั่งบนเก้าอี้ซึ่งตั้งเรียงรายล้อมรอบโต๊ะขนาดใหญ่ทรงวงรี ฝ่ายของอิบิคัสกับเซบาสเต็นนั้นยังมีบุคคลสำคัญอีกหนึ่งคนคือ เฮโรดัส อดีตหัวหน้าตุลาการศาลทวีปและคนอื่นๆ อีกสิบกว่าคน ซึ่งรวมกลุ่มกันเป็น "ขบวนการเสรีสหพันธรัฐ"

การดื่มกินฉลองกันเป็นไปด้วยมิตรภาพอันอบอุ่นและความสนุกสนานครื้นเครงอย่างเป็นกันเอง สลับกับการเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่แต่ละคนหรือแต่ละฝ่ายได้ประสบมา

จนกระทั่งถึงการเล่าเรื่องราวของลาลูน่าแต่พอสังเขปโดยกัปตันวันชนะ สายตาของทุกๆ คนในขบวนการเสรีสหพันธรัฐต่างจับจ้องมายังสาวดาบวงพระจันทร์เป็นจุดเดียว และเมื่อเล่ามาถึงช่วงท้าย กัปตันวันชนะจึงได้สรุป

"ต่อไปนี้ ลาลูน่าและบริวารของนาง จะไม่เป็นอันตรายต่อพวกเราทุกคนอีกต่อไป และยิ่งไปกว่านั้น นางยังให้สัญญาด้วยว่า นางจะสละเลือดในกายของนางเพื่อให้แพทย์ทำการสกัดปรุงยาพิเศษ เพื่อการรักษาเยียวยาผู้คนที่ติดเชื้อจากนางหรือบริวารของนางให้หาย"

"ยังมีอีกประการหนึ่งเจ้าค่ะ ลาลูน่าและบริวาร ก็จะเป็นกำลังสำคัญช่วยเสริมให้กองกำลังของพวกเรา เมื่อเราต้องต่อสู้กับพวกทหาร หรือพวกมนุษย์ต่างพิภพก็ตาม" ออเรร่าช่วยพูดเสริมอีกคน

ชาวขบวนการเสรีสหพันธรัฐส่วนใหญ่พยักหน้าให้การยอมรับ แต่ก็มีบุรุษผู้หนึ่งซึ่งเริ่มเมามาย เอ่ยขึ้นด้วยเสียงอันดังพร้อมกับยกมือขึ้นชี้หน้าลาลูน่า

"เฮ่ย..แล้วผู้คนทั้งหลายที่ถูกเจ้าและบริวารหมาป่าสังหารโหดไปเล่า ? เจ้าจะรับผิดชอบอย่างไรหา แม่สาวนักดาบ!"

"เฮ้!!" เพื่อนผู้นั่งประกบเขาอยู่ทั้งทางด้านซ้ายและขวาส่งเสียงตวาดและช่วยกันกระชากแขนเขาให้ทรุดตัวลงนั่ง คนหนึ่งปรามด้วยเสียงดุดัน "ห้ามเสียมารยาทต่อคนของท่านวันชนะทุกคน! ถ้าเมาแล้วอย่าวุ่นวาย โบรตัส ไปนอนเสียเถิดไป!"

ลาลูน่าใบหน้าซีดเผือด รีบกล่าวขอขมาทันทีนั้น

"ข้าขออภัย...ที่ทำให้คนหลายคนตายไป แต่ข้ามิได้ตั้งใจ ...ด้วยความสัตย์จริง"

"ผู้สำนึกผิดแล้วกลับตัวเป็นคนดี หนีจากความมืดมาสู่ความสว่าง ย่อมสมควรได้รับการอภัย" ผู้เฒ่าไดโอเซนัสลุกขึ้นช่วยพูดอีกคน "ข้า ผู้เฒ่าไดโอเซนัสคนนี้ เชื่อมั่นว่า ลาลูน่าผู้นี้ จะมีคุณูปการมากมายต่อพวกเรา อย่างแน่นอน อดีตอันเลวร้ายที่ผ่านมา ก็ขอให้ทุกท่านลืมเสียเถิด สิ่งที่แล้วก็ให้แล้วไป"

"เจ้าบ้าโบรตัสเอ๊ยย...ไม่น่าปากพล่อยเลย" สหายคนหนึ่งของบุรุษชื่อโบรตัสบ่นอุบ

"เอ้อ..ข..ข้า ข้าขอโทษนางด้วย ข้าปากไม่ดีเอง น้องสาว อย่าได้ถือสาข้าเลยนะ" โบรตัสกล่าวขออภัยเสียงอ่อยๆ

"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ" ลาลูน่าตอบเสียงแผ่วเบา และยิ้มเศร้าๆ ให้เขา โดยมีออเรร่าโอบกอดปลอบใจอยู่ข้างๆ

เป็นอันว่า สาวดาบวงพระจันทร์พ้นจากสถานการณ์อันตึงเครียดนี้ไปได้

"เอาละ...เป็นอันว่าเข้าใจกันดีแล้วนะขอรับ ทุกๆ ท่าน" กัปตันวันชนะกล่าวตัดบท

"ไม่ต้องกังวลอะไรแล้วหละ ท่านวันชนะ" อิบิคัสตอบ

"ถ้าอย่างนั้น ข้าจะขอถามพวกท่านบ้าง หลังจากที่ข้าและชาวคณะได้เล่าเรื่องและตอบคำถามพวกท่านมามากแล้ว"

"เชิญเลย ท่านวันชนะ อยากถามเรื่องใด ถามได้เต็มที่เลย ทุกเรื่อง" เซบาสเต็นว่า

"เมื่อก่อนนี้ ท่านอิบิคัสคือผู้นำแห่งโลโคเทีย และท่านเซบาสเต็นเป็นผู้ช่วย ยังมีท่านเฮโรดัสที่เคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าตุลาการศาลทวีป ไม่ทราบว่าหลังจากสหพันธรัฐถูกยึดครองกลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิไปแล้ว ฐานะของพวกท่านเป็นอย่างไรกันบ้าง ?"

"อ๋อ...พวกข้าก็ยังคงสถานภาพตามเดิมนั่นแหละ ท่านวันชนะ" อิบิคัสตอบ

"ถูกต้องอย่างที่อิบิคัสกล่าวมา ท่านวันชนะ" เซบาสเตียนกล่าวเสริม "อิบิคัสยังคงเป็นเจ้าเมืองโลโคเทีย ข้าก็ยังคงเป็นผู้ช่วยของเขา ท่านเฮโรดัสก็ยังคงเป็นหัวหน้าผู้พิพากษา แต่เปลี่ยนจากศาลแห่งทวีปเป็นศาลแห่งเมืองนี้ และทุกคนต้องขึ้นตรงต่ออำนาจแห่งจักรพรรดิ เสียภาษีให้แก่วังหลวง เนรอสอนุญาตให้พวกเราอยู่ภายใต้การปกครองแบบสองระบบ แว่นแคว้นทางเหนือทุกแว่นแคว้นยังปกครองกันด้วยระบบรัฐสภา มีการเลือกตั้งกันเหมือนเมื่อก่อนที่เคยเป็นมา เพียงแต่ประมุขแห่งแอตแลนติสทั้งทวีป คือจักรพรรดิ"

"ถ้าอย่างนั้น พวกท่านก็คงไม่ลำบากมากนักกระมัง นับว่าเนรอสใจกว้างต่อพวกท่านมากทีเดียวที่กำหนดการปกครองเช่นนี้"

"ก็ไม่ลำบากอะไร..ใช่! ท่านพูดถูก ท่านวันชนะ, เนรอสใจกว้างจริงๆ ทำให้การต่อต้านพระองค์มีไม่มากนัก แต่ก็ยังมี เพราะถึงอย่างไรพวกเราก็สูญเสียผลประโยชน์ต่างๆ อาทิทรัพยากรในแต่ละแว่นแคว้น และภาษีซึ่งต้องจ่ายมากกว่าสมัยที่พวกเรายังเป็นสหพันธรัฐ แต่หากมองภาพโดยรวมแล้ว พวกเราก็พออยู่กันได้"

"ขบวนการเสรีสหพันธรัฐของพวกท่าน ก็ยังดำเนินการกันอยู่หรือ ?" สถาพรถามบ้าง

"ใช่ ท่านสถาพร เรายังไม่หมดหวังว่า สักวันหนึ่ง พวกเราอาจจะได้อิสรภาพกลับคืนมา และสถาปนาสหพันธรัฐขึ้นมาได้อีกครั้ง"

"ถ้าหากพวกทหารจับพวกท่านได้ พวกท่านก็จะกลายเป็นกบฏต่อจักรวรรดิ โทษถึงประหารชีวิตเทียวนะ"

"ไม่มีผู้ใดหวาดหวั่นดอก ท่านสถาพร" อิบิคัสกล่าว

"เท่าที่ผ่านมา เคยมีใครในหมู่พวกท่านเคยถูกพวกทหารจับไปบ้างหรือไม่ ?"

"ไม่มี, อ้อ...อาจจะเป็นโชคดีของพวกเราด้วย ช่วงนี้พวกทหารไม่ค่อยใส่ใจเรื่องการตามจับผู้คิดก่อการกบฏมากนัก เลยไม่ค่อยมีการตรวจลาดตรเวณ โดยเฉพาะบริเวณนี้ซึ่งเป็นป่าทึบ พวกเราจึงมาอยู่รวมกันได้นาน ไดรฟัสก็เลยไม่เหงา" พูดจบอิบิคัสก็หันไปมองเจ้าของบ้านซึ่งนั่งยิ้มเผล่อยู่ พอกัปตันหันไปมองบ้างเขาจึงกล่าวเสริม "ทำให้ข้าน้อย ได้ดื่มสุราทุกวัน"

"ชอบละสิเจ้า" สถาพรถามหยอก

"ขอรับ แหะๆ" ไดรฟัสตอบพลางยกมือขึ้นเกาหัวแก้เขิน

"ท่านบอกว่า ช่วงนี้พวกทหารไม่ค่อยออกตรวจตรา มันเป็นเพราะสาเหตุใด ?" กัปตันซักถามอิบิคัสและเซบาสเต็นต่อ

"มันมีเรื่องที่ใหญ่กว่าการตามจับผู้คิดก่อการกบฏน่ะสิ ท่านวันชนะ" เซบาสเต็นตอบ

"เรื่องอันใดกัน ?" กัปตันและสถาพรถามแทบจะพร้อมกัน

"พวกท่านเชื่อหรือไม่...บัดนี้ อาณาจักรแอตแลนติส ถูกแบ่งเป็นสอง คือเหนือและใต้ อีกครั้งหนึ่งแล้ว!"

กัปตันและชาวคณะทุกคนทำหน้าสงสัยแปลกใจไปตามๆ กัน

"มันยังไงกัน ? ก็ไหนว่าเนรอสผนวกดินแดนเหนือและใต้ให้เป็นหนึ่งเดียวแล้วมิใช่หรือ ?" ผู้เฒ่าไดโอเซนัสคอดถามมิได้

"ก็ถ้ามีเนรอสเพียงคนเดียว ปัญหาใดๆ ก็จะไม่เกิดขึ้นดอก! แต่นี่ จู่ๆ ก็เกิดมีจักรพรรดิเนรอสองค์ที่สองมาจากไหนก็ไม่มีใครรู้ องค์หนึ่งประทับอยู่ทางนี้ อีกองค์หนึ่งประทับอยู่ทางโน้น!"

กัปตันวันชนะ และหลายคนในคณะพากันหูผึ่ง ตาโต

"จักรพรรดิมีสององค์ อย่างนั้นหรือ ?"

"ใช่ ท่านวันชนะ" อิบิคัสตอบ

"องค์หนึ่ง ต้องเป็นตัวปลอมแน่นอน!" สถาพรฟันธง

"และตัวปลอมนั้น บางที อาจจะเป็นอสูรต่างพิภพ อย่างที่ข้าและลาลูน่า รวมทั้งออเรเคิลได้พบเจอมาก็เป็นได้...ต้องใช่แน่ๆ " ออเรร่าคาดการณ์ และเชื่อมั่นว่าตนเองคาดการณ์ถูกด้วยความรู้สึกสังหรณ์ที่แรงมาก

"ออเรเคิล...จริงสิ!" กัปตันนึกสงสัยเพิ่มขึ้น "เทพพยากรณ์ออเรเคิล ตอนนี้ นางอยู่ที่ไหน อยู่ทางเหนือนี้ หรือว่าอยู่ที่วังหลวง ?"

"ได้ข่าวว่าอยู่ที่วังหลวงนะ ท่านวันชนะ" อิบิคัสตอบ

"ตัวปลอมต้องมีแผนการร้ายแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมันคืออสูรต่างพิภพ" ผู้เฒ่าไดโอเซนัสคาดเดาพลางยกมือขึ้นลูบเครายาวขาวโพลนของตน

"แผนก็ต้องเป็นการยึดครองแอตแลนติสทั้งหมด แต่เนรอสตัวจริงไหนเลยจะยินยอม ก็ต้องหาทางชิงเอาดินแดนอีกครึ่งกลับคืนมาให้จงได้" สถาพรวิเคราะห์สถานการณ์

"มิน่าเล่า พวกทหารถึงไม่มาสนใจตรวจตราแถวนี้เลย ถ้าข้าเดาไม่ผิด ทั้งสองฝ่ายคงจะกำลังเตรียมการยกทัพเข้าห้ำหั่นทำสงครามกัน" ไดโอเซนัสวิเคราะห์ตาม

"ปัญหาคือ คนไหน คือเนรอสตัวจริง ?" กัปตันกล่าวพลางขบคิด

"ข้ามั่นใจ ว่าเนรอสตัวจริง อยู่ทางเหนือนี่แหละเจ้าค่ะ!" ลาลูน่าเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ

"หืมม ? เจ้ามั่นใจได้อย่างไร ?" กัปตันถาม

"เพราะข้าจำได้ว่า ตอนที่ข้าและออเรเคิลถูกเนรอสตัวปลอมล่อลวงให้ขึ้นยานบินนั้น ยานบินซึ่งเป็นราชพาหนะหลักไม่อยู่แล้ว แต่ตอนนั้นข้ามิได้เฉลียวใจคิด คิดไม่ทัน เลยขึ้นยานอีกลำหนึ่งไปกับเนรอสตัวปลอมพร้อมกับออเรเคิล จนเกือบเสียท่าตกเป็นเหยื่อกามราคะของมัน เคราะห์ดีที่พี่สาวออเรร่าไปช่วยทันเวลา ข้ากับออเรเคิลจึงรอดพ้นเงื้อมมือของมัน และช่วยกันสังหารอสูรต่างพิภพตนนั้นได้...เพราะฉะนั้น เนรอสตัวจริงต้องขับราชพาหนะหลักซึ่งหายไปลำนั้นหนีเจ้าอสูรร้ายนั่นมาที่นี่ก่อนเป็นแน่!!"

"อืมม...." กัปตันส่งเสียงครางและคิดอย่างรวดเร็ว "ถ้าเนรอสตัวจริงอยู่ที่นี่ จะเป็นการดีมาก!"

"ดีอย่างไรหรือ ท่านวันชนะ ?" เซบาสเต็นถาม

"ข้ากับเขา เคยพูดคุยกันมาก่อน ด้วยความเข้าใจกัน ด้วยความเป็นมิตร เขาจะต้องดีใจถ้าได้พบกับข้าอีกครั้ง โดยเฉพาะในยามวิกฤติเช่นนี้ เขาจะไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อพวกท่านอย่างแน่นอน ข้ารับประกันได้เลย!"

"ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดีน่ะสิ!" เซบาสเต็นกล่าว "ข้ากลัวแต่ว่าพอพบเจอท่านและพวกเราเข้าเมื่อไร เขาจะสั่งพวกทหารจับกุมพวกเราทั้งหมดน่ะ!"

"เขาไม่ทำอย่างนั้นแน่ขอรับ!" กัปตันยืนยันด้วยความมั่นใจสุดขีด "เพราะข้าเคยช่วยเหลือเขามาก่อนแล้วในเรื่องเกี่ยวกับอสูรต่างพิภพซึ่งเคยแฝงร่าเขา ข้ามีส่วนในการช่วยเขา ช่วยเซฟิย่าสนมเอกของเขาและมารดาของนางหนีออกจากวัง และให้คำปรึกษาแก่เขา ดังนั้นถ้าหากพบกันอีกครั้ง เขาจะต้องการความช่วยเหลือจากข้าอย่างแน่นอน ยิ่งตอนนี้ คนในคณะของข้าอยู่กันครบพร้อมหน้ากันอย่างนี้ด้วยแล้ว เนรอสจะไม่ทำอะไรโง่ๆ เป็นอันขาด เขามิใช่คนโง่!!"

"ดี!!" ผู้เฒ่าไดโอเซนัสตบเข่าตัวเองฉาดใหญ่ "ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็ก็ไม่ต้องกลัวการถูกจับกุมแล้ว เราไปหาเขากันเลย"

(ต่อครับ) ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่