แม้ว่าหลังจากแอนดี้ได้นำยาน THE FUGITIVE ลงจอดบนลานบินแห่งกองทัพสหพันธรัฐแอตแลนติสเหนือเรียบร้อยแล้ว และออกมาจากยานพร้อมกับสาวเล็ก ทั้งยานมีกันเพียงสองคนเท่านั้น สร้างความผิดหวังและวิตกกังวลแก่สถาพรเป็นอย่างมากก็ตามที แต่การที่ได้เห็นยานลำนี้อีกครั้งหนึ่งในชีวิต ก็เหมือนได้น้ำทิพย์มาดื่มแล้วเกิดกำลังใจขึ้นมาอย่างมหาศาล!
เพราะ THE FUGITIVE มันมิได้เป็นแค่ยานบินลำหนึ่ง เท่านั้น แต่มันเป็นเหมือนสัญลักษณ์ และศูนย์รวมใจของชาวคณะทุกคน! รวมทั้งตัวของสถาพรเองด้วย เขารู้และซาบซึ้งดีในข้อนี้
SAVIOR FALCON ที่เขาสร้างขึ้นมาหลังจาก THE FUGITIVE ถูกเก็บเข้าพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ เมื่อมี THE FUGITIVE ออกมาโลดแล่นมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ยานของกัปตันวันชนะเพื่อนรักของเขา ต้องเป็น "ยานแม่" หรือ "ศูนย์บัญชาการ" ส่วน SAVIOR FALCON ของเขา ขอเป็นยานลูกที่พร้อมรับคำสั่งจากยานแม่ และพร้อมร่วมรบไปด้วยกันทุกสถานการณ์ !!
นี่คือความตั้งใจของสถาพร....เขามิได้คิดให้ SAVIOR FALCON เป็นคู่แข่ง THE FUGITIVE เลย แม้แต่น้อย !!!
สถาพรแนะนำให้แอนดี้และสาวเล็กรู้จักกับบุคคลสำคัญๆ ทางฝั่งนี้ จากนั้นต่างฝ่ายต่างก็ได้เล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้แก่กันและกันฟัง ซึ่งแต่ละฝ่ายก็เป็นเรื่องราวที่ยาวมีรายละเอียดมากมายทั้งคู่ ทั้งเหตุการณ์ และตัวบุคคล
สาวเล็กรู้สึกทึ่งเป็นอันมากที่สถาพรและเอวา ได้ศึกษาเรียนรู้ภาษาแอตแลนติสเชี่ยนจนสามารถติดต่อสื่อสารได้ มิหนำซ้ำบรรดาบริวารชาวอาข่าทั้งสามนายก็ยังสามารถพูดภาษาแอตแลนติสเชี่ยนได้อีกด้วย
"บอกสหายทั้งสองของท่าน ว่าพวกเขาก็จะได้รับโอกาสศึกษาภาษาของเรา และทำการสอบวัดผลอย่างที่ท่านได้ผ่านมาเช่นกัน" อิบิคัส ผู้นำชุมชนแห่งโลโคเทียกล่าวยิ้มๆ กับสถาพร และเมื่อด็อกเตอร์หนุ่มแปลให้ฟัง สาวเล็กก็แทบจะกรี๊ดด้วยความตื่นเต้นและดีใจ
"ได้เรียนภาษาแอตแลนติส เป็นสิ่งที่ท้าทายมาก! เล็กต้องเรียนแน่นอนค่ะ ส่วนทางแอนดี้น่ะ ไม่ต้องเรียนอะไรมากมายหรอก!"
"อ้าว ทำไมล่ะครับคุณเล็ก ?" สถาพรถามด้วยสีหน้างงๆ
"ก็เค้าได้เปรียบทุกคนนี่คะ คอยเก็บข้อมูลอย่างเดียว ประมวลผลออกมาเมื่อไรก็ได้ มีคำศัพท์เป็นล้านๆ คำ แอนดี้ก็บ่ย่านดอกค่า..."
"เออเนาะ จริงด้วย! แหมแอนดี้...ฉันอิจฉานาย อีกแล้วว่ะ!!" ด็อกเตอร์หนุ่มแยกเขี้ยวใส่แอนดรอยด์อัจฉริยะ แล้วแปเท้าขวาเข้าที่ก้นเขาทีหนึ่ง
"ช่วยม่ายล่ายครับ คนมันเกิดมาเพื่อจีเนียส !!" แอนดี้ตอบแล้วยิ้มที่มุมปาก ยักคิ้วขวาแผล็บ ลีลาสุดกวนโอ๊ยทำให้สถาพรทั้งขำทั้งหมั่นไส้
"คุณเล็กครับ....คุณอยู่ด้วยกันกับเขา เจอการยั่วกวนประสาทแบบนี้ทุกวันไหมครับ ผมสงสัย" เขาถามด้วยสีหน้าสงสัยระคนกับขบขัน คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากันเล็กน้อย แต่มีรอยยิ้ม
"โอ๊ยย!!!" สาวเล็กกรี๊ดออกมาทันที
"วันนึงเป็นร้อยรอบพันรอบ เล็กชาชินแล้วละค่ะ !!"
"คุณเล็กก็....อ่า...
ด่าเก่งขึ้นมากเลยละครับ คุณสถาพร!!" แอนดี้แหย่สาวเล็กบ้างด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น "ช่วงหลังๆ เวลาจะด่าผม มักจะใช้คำแปลกๆ ใหม่ๆ ไม่ซ้ำกันเลยละครับ!!"
"แหงละสิยะ! เธอเองก็กวนแปลกๆ กับชั้นมาเรื่อยๆ เหมือนกันนิ !! แอนดรอยด์บ้าไรก็ไม่รุ !! กวนติงยิ่งกว่าคนจริงๆ ซะอีก !!!"
"ผมว่า คุณสองคนน่ะ เหมาะสมกันแล้วหละครับ" สถาพรว่าแล้วก็ยิ้ม
หลังจากแอนดี้และสาวเล็กได้มารวมกลุ่มกับสถาพร และทางฝ่ายผู้ปกครองกับเสนาธิการชั้นสูงของแคว้นโลโคเทียแล้ว จึงได้แลกเปลี่ยนข้อมูลของกันและกัน
สถาพรรู้สึกวิตกกังวลและเป็นห่วงกัปตันวันชนะเพื่อนรักขึ้นมาทันที ทั้งยังรู้สึกทึ่ง ประหลาดใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขา
"ปกติ สหายรักของข้าคนนี้ เป็นผู้มีใจคอหนักแน่น มีเหตุผล มีความเป็นผู้นำเต็มเปี่ยม แต่ฟังจากเรื่องราวที่สหายหญิงชายของข้าซึ่งมากับยานบินของเขาเล่ามา มันไม่น่าเป็นไปได้เลยที่จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และข้าขอบอกพวกท่านโดยเอาศีรษะข้าเป็นเดิมพันได้เลย..." พูดพลางด็อกเตอร์หนุ่มก็ยกมือขวาขึ้นแล้วชี้นิ้วจี้ขมับตัวเองในขณะที่กำลังพูดกับอิบิคัส และเซบาสเต็น ".ว่า
โดยปกติแล้ว วันชนะ สหายของข้า หาได้ชมชอบระบอบจักรวรรดินิยมไม่ !!"
"มันก็ต้องมีสาเหตุแน่นอน! ท่านสถาพร" อิบิคัสลูบหนวดเคราครุ่นคิด
"ข้าคิดว่า ข้าพอจะหาสาเหตุของเรื่องนี้ได้นะ!" เซบาสเต็นกล่าว
"ท่านคิดเห็นเป็นเช่นไรหรือ ?" ผู้นำชุมชนแห่งโลโคเทียถาม
"พวกบริวารของจักรพรรดิเนรอส เจ้าเล่ห์เพทุบายกันเป็นอันมาก บวกกับเจ้าเลโอนีดาสอีกหนึ่งคนซึ่งถูกท่านสถาพรเล่นงานอย่างเจ็บแสบ มันต้องผูกใจเจ็บและจ้องจะหาทางแก้แค้นท่านอย่างแน่นอน..." เซบาสเต็นกล่าวอธิบายพลางจ้องมองหน้าด็อกเตอร์หนุ่มผู้ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ของสหพันธรัฐแอตแลนติสเหนือไปแล้วพร้อมกับเอวาผู้เป็นภรรยา
"แล้วอย่างไรต่อเล่าท่าน ?" สถาพรซักถามต่อ
"และเมื่อ บรรดาสหายของท่านมากับยานลำใหญ่ซึ่งเป็นข่าวแพร่สะพัด จนกระทั่งสุดท้ายพวกเขากลายเป็นราชอาคันตุกะของเนรอสไป กับมีรายงานข่าวเบื้องลึกมาด้วยว่า 'เทพพยากรณ์' ออเรเคิล ได้เรียกเหล่าสมุนเอก 9 คนของตนมาช่วยงาน มีคนชื่อ กาดีซ เป็นผู้นำ พวกนี้ร้ายกาจมาก เพราะมีพลังจิตระดับจิตสังหาร ควบคุมจิตใจผู้อื่นได้ ทั้งยังสามารถใช้พลังของพวกตนปกป้องจักรพรรดิเนรอสได้ ดังนั้นจะไม่มีใครรู้ใจของเนรอสได้เลยว่าคิดจะทำอะไรอยู่"
"เข้าใจละ...ท่านเซบาสเต็น" สถาพรพยักหน้า "ถ้าอย่างนั้น 9 คนนั่น ก็ต้องควบคุมจิตใจของเหล่าสหายของข้าที่มากับยานลำนั้นทุกคน โดยเฉพาะวันชนะ สหายรักของข้า"
"ยังมีที่มากกว่านั้น น่ากลัวยิ่งกว่านั้นอีก!" อิบิคัสกล่าวเสริม
"อะไรอีกหรือ ท่านผู้นำชุมชน ?" ด็อกเตอร์หนุ่มหันมาถามทันที "เพียง 9 ผู้มีพลังจิตนี่ก็หนักหนาสาหัสตึงมือแล้วนะท่าน! ท่านยังบอกว่ามีมากกว่านี้ น่ากลัวกว่านี้อีก ใครกัน ?"
"ก็จะมีใครอีกเล่า..." อิบิคัสกล่าวเสียงเครียด "ออเรเคิล เจ้านายของพวกมันนั่นแหละ ตัวดี!!"
"ออเรเคิล ฉายาเทพพยากรณ์นั่นเองหรือ ? นางร้ายกาจยิ่งกว่านักพลังจิต 9 คนนั่นอีกกระนั้นรึ ?" เซบาสเต็นถามอย่างข้องใจ เพราะเขาคิดว่าออเรเคิลเป็นเพียงโหราจารย์หรือ "หมอดู" ธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ได้มีวาสนาได้เป็นโหรหลวงในวังของจักรพรรดิเนรอสเท่านั้น
"ดูท่าท่านคงเข้าใจว่า เทพพยากรณ์ออเรเคิล เป็นเพียงหมอดูคนหนึ่งเท่านั้นกระมัง...โอ! เซบาสเต็น ท่านคิดผิดอย่างถนัด !!"
"หมายความว่า ท่านทราบถึงเบื้องลึกของนาง อย่างนั้นหรือ ท่านผู้นำชุมชน ??"
"ก็พอรู้มาบ้าง ในบางเรื่อง..." อิบิคัสพยักหน้า "...และบางเรื่องที่ข้าได้รู้มา มันอาจจะตอบปัญหาเรื่องท่าทีที่เปลี่ยนไปของบุรุษนามวันชนะ ผู้เป็นสหายรักของท่านสถาพรได้!"
"ถ้าอย่างนั้น โปรดว่ามาเลยขอรับ ท่านผู้นำชุมชน" สถาพรเร่งเร้าขอคำตอบทันที และคำตอบที่ได้รับทำให้เขาและเอวาเบิกตากว้าง
"ออเรเคิล ไม่ได้เป็นเพียงแค่หมอดูอย่างเดียว หากแต่ ยังมีวิชาไสยเวทย์ มนต์ดำ ขั้นปรมาจารย์! ผู้ใดก็ตามที่ 'โดนของ' จากเขา ผู้นั้นจะตกอยู่ใต้อำนาจมืดแห่งมนต์ดำซึ่งเขาเสกเป่าและปล่อยเข้าใส่ตน ยากยิ่งนักที่จะแก้ไขหรือถอดถอนได้ นอกเสียจากให้ออเรเคิลเองเท่านั้นช่วย !!"
สถาพร เอวา และสามหนุ่มอาข่าตกตะลึงกับคำบอกเล่านั้น!
"บาโจๆ เมอล่ายยี เหมอกะกูล่ายยีไม๊วะ ?" อาเจอะถามบรรจง ขณะที่อาบือก็ทำหน้าตื่นๆ เหวอๆ อยู่
"เหมือน!" บรรจงตอบและทำคิ้วขมวด "กูคิดว่า ผู้นำชุมชน กำลังบอกว่า กัปตันวันชนะ โดนของ! ทำให้หลงจักรพรรดิเนรอสที่อยู่ดินแดนทางใต้"
"ไอ้ย่ะ!" อาบือแยกเขี้ยว "อ้ายพั่วะน้าาา มามีคูนาไส เปหมอผีล่วย คูกะตาวาชนะ แย่เลี้ยว!!"
"ท่านหมายความว่า วันชนะ สหายรักของข้า ขณะนี้ อาจจะถูกไสยเวทย์ มนต์ดำ ของออเรเคิล จนทำให้เขาเปลี่ยนไป กระนั้นหรือ ?" สถาพรถามย้ำ
"มิผิด...ข้าเชื่อว่าเป็นเช่นนั้น" อิบิคัสพยักหน้าซึ่งกำลังเคร่งเครียด
"นี่คงเป็นแผนการร้ายซึ่งมาจากคำแนะนำของเจ้าขันฑีหลวงเลโอนีดาสแน่! เพราะมันอาฆาตไว้ว่าจะทำให้ท่านกับสหายรักต้องเข่นฆ่ากัน สู้รบกันสักวันหนึ่งให้ได้!" เซบาสเต็นกล่าวฟันธง
"เป็นไปได้มากทีเดียว!" สถาพรพยักหน้า "ข้าไม่น่าปล่อยมันไปเลย ให้ตาย!" จบประโยคนี้แล้วเขาส่ายหน้าให้กับตัวเอง ก่อนจะหันไปถามอิบิคัสต่อ
"แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี ? ตอนนี้ สหายข้า และคนอื่นๆ นับสิบคนทีเดียว อยู่ทางฝั่งโน้น!" ด็อกเตอร์หนุ่มถามด้วยหัวใจร้อนรุ่ม "ไหนจะเจอปัญหาต้องแก้มนต์ดำให้ออกไปจากตัวของวันชนะสหายข้าอีก คนอื่นๆ ก็ต้องโดนเหมือนกันหมด จะแก้อย่างไร ? ใครที่ไหนจะแก้ไขให้พวกเขาได้ ??"
"ใจเย็นๆ ท่านสถาพร อย่าใจร้อน...ต้องค่อยๆ คิดวางแผนกัน" อิบิคัสพยายามพูดปลอบใจ "...หากเรามีแผนการดีๆ การแก้ไขก็พอจะมีทางอยู่บ้างแน่!"
"ท่านจะแก้อย่างไร วางแผนอย่างไร ??" ด็อกเตอร์หนุ่มถามด้วยน้ำเสียงแทบจะแห้งเหือดหาย
"ข้าคิดวางแผนการไว้เป็นสองอย่าง ซึ่งต้องลงมือทำไปพร้อมกัน!" อิบิคัสเริ่มเฉลยแนวทาง
"สองอย่าง อะไรบ้าง ??" ทั้งสถาพรและเซบาสเต็นถามเกือบจะพร้อมกัน
"ประการที่หนึ่ง ต้องมีการ
'ลักลอบชิงตัว' !! เราต้องหาทางลักลอบเข้าไปในจักรวรรดิ และชิงตัวเหล่าสหายของท่านทุกคนออกจากจักรวรรดิมาอยู่ในสหพันธรัฐก่อน
โดยเฉพาะวันชนะ สหายผู้นำของท่าน เป็นบุคคลสำคัญมากที่สุดที่ต้องชิงเอาตัวมาให้ได้เป็นคนแรก!!"
"โอ้....." สถาพรอ้าปากหวอ "ท่านกล่าวเพียงเท่านี้ ข้าก็สามารถหลับตามองเห็นภาพการต่อสู้ระหว่างพวกเรากับพวกเขาได้เลยทันที!"
"มันก็คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ดอก!" เซบาสเต็นกล่าว
"แล้ว...ประการที่สองเล่า ?" สถาพรถามต่อ
"ถ้าจะมีใครอีกสักคน นอกเหนือไปจาก ออเรเคิล ผู้สามารถจะถอนมนต์ดำคุณไสยได้ ข้าก็มองเห็นมีอยู่คนหนึ่ง และน่าจะเป็นคนเดียวเท่านั้น!" อิบิคัสกล่าวอย่างหมายมั่น
"ใครกัน ???" ด็อกเตอร์หนุ่มและเซบาสเต็นถามพร้อมกัน
"พวกท่าน ยังจำ 'แม่หมอ' นางหนึ่ง ซึ่งพวกเราได้พบที่ห้องโหรในตลาด ในวันแรกที่พวกเราพาพวกท่านไปเที่ยวที่ตลาดในเมือง ย่านกลางมหานครวงแหวนได้ไหม ?" ผู้นำชุมชนแห่งโลโคเทียกล่าวรื้อฟื้นความทรงจำของทุกคนที่ไปด้วยกันในวันนั้น
"ได้สิ! ข้าจำได้ แน่นอน" สถาพรตอบก่อน
"ข้าก็จำได้ อย่างแม่นยำเลย!" เอวากล่าวตอบอีกคน
"
ฟรีด้า...แม่หมอคนนั้น..." อิบิคัสเอ่ยชื่อนาง และทบทวน "ลักษณะของนางเป็นหมอดูผู้พยากรณ์แม่นราวกับมองเห็นด้วยตา ข้าว่านางมีลักษณะบางอย่างซึ่งสอดคล้องกับผู้ที่มีวิชาไสยเวทย์อาคม บางที นางอาจจะเป็นผู้เดียวที่สามารถช่วยเหลือสหายของท่านสถาพรได้"
"ถ้าเช่นนั้น ก็ต้องตามหาตัวนางให้พบ" เซบาสเต็นกล่าวสรุป "ในขณะเดียวกันก็หาทางลักลอบเข้าไปพาสหายของท่านออกมาจากจักรวรรดิของเนรอส"
"ก็แสดงว่า ต้องมีสองกลุ่มปฏิบัติการ แยกกันไป และทำไปพร้อมกัน" สถาพรกล่าว
"ถูกต้อง กลุ่มแรก หาตัวแม่หมอฟรีด้า ซึ่งไม่น่าจะหายากเพราะนางเป็นชาวสหพันธรัฐ ไม่มีวันเข้าไปในจักรวรรดิของเนรอสเป็นอันขาด!" อิบิคัสเริ่มวางแผนแบ่งทีม
"นางไม่เข้าไปแน่นอนอยู่แล้ว แต่ก็อาจเป็นไปได้ที่นางอาจจะต้องเข้าไป!" เซบาสเต็นกล่าวแย้งเพื่อดักอีกทางหนึ่ง
"ท่านหมายความว่า นางอาจถูกฝ่ายจักรวรรดิจับตัวไว้ อย่างนั้นใช่ไหม ?" สถาพรถาม และเขาพยักหน้า
"ถ้าอย่างนั้น นางก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว พวกเราจะช้าไม่ได้!" อิบิคัสกล่าวสรุปด้วยสีหน้าเป็นกังวล "แม้นางจะอยู่ในสหพันธรัฐของเรา แต่พวกจักรวรรดิก็มีการลักลอบเข้ามาเป็นระยะๆ ต้องเสนอให้ทางรัฐบาลกลางมีคำสั่งกวดขันตรวจสอบประชาชนในสหพันธรัฐ ใครข้ามแดนมาจากฝั่งจักรวรรดิ ให้จับตัวคุมขังไว้ก่อน เรื่องนี้ข้าจะเจรจากับท่านประธานแห่งสหพันธรัฐเอง ส่วนการตามหาแม่หมอฟรีด้า เราจะใช้ทหารทั้งสามกองทัพช่วยกันหาทุกมลรัฐ การนี้ขอให้ท่านสถาพรใช้ยาน
เซฟวิเยอร์ ฟอลค่อน ของท่านบินสำรวจค้นหาไปพร้อมๆ กันกับยานของทางกองทัพสหพันธรัฐด้วย"
"ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง และเป็นเกียรติมากๆ สำหรับข้า" สถาพรน้อมกายลงนิดหนึ่งเป็นการคารวะ ก่อนจะถามคำถามข้อสำคัญอีกหนึ่งคำถาม
"แล้ว กลุ่มปฏิบัติการกลุ่มที่สองเล่า ท่านมีแผนการเช่นไร ?"
(มีต่อครับ)
💫🕛💫🚀 แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 9 🚀💫🕛💫
เพราะ THE FUGITIVE มันมิได้เป็นแค่ยานบินลำหนึ่ง เท่านั้น แต่มันเป็นเหมือนสัญลักษณ์ และศูนย์รวมใจของชาวคณะทุกคน! รวมทั้งตัวของสถาพรเองด้วย เขารู้และซาบซึ้งดีในข้อนี้
SAVIOR FALCON ที่เขาสร้างขึ้นมาหลังจาก THE FUGITIVE ถูกเก็บเข้าพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ เมื่อมี THE FUGITIVE ออกมาโลดแล่นมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ยานของกัปตันวันชนะเพื่อนรักของเขา ต้องเป็น "ยานแม่" หรือ "ศูนย์บัญชาการ" ส่วน SAVIOR FALCON ของเขา ขอเป็นยานลูกที่พร้อมรับคำสั่งจากยานแม่ และพร้อมร่วมรบไปด้วยกันทุกสถานการณ์ !!
นี่คือความตั้งใจของสถาพร....เขามิได้คิดให้ SAVIOR FALCON เป็นคู่แข่ง THE FUGITIVE เลย แม้แต่น้อย !!!
สถาพรแนะนำให้แอนดี้และสาวเล็กรู้จักกับบุคคลสำคัญๆ ทางฝั่งนี้ จากนั้นต่างฝ่ายต่างก็ได้เล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้แก่กันและกันฟัง ซึ่งแต่ละฝ่ายก็เป็นเรื่องราวที่ยาวมีรายละเอียดมากมายทั้งคู่ ทั้งเหตุการณ์ และตัวบุคคล
สาวเล็กรู้สึกทึ่งเป็นอันมากที่สถาพรและเอวา ได้ศึกษาเรียนรู้ภาษาแอตแลนติสเชี่ยนจนสามารถติดต่อสื่อสารได้ มิหนำซ้ำบรรดาบริวารชาวอาข่าทั้งสามนายก็ยังสามารถพูดภาษาแอตแลนติสเชี่ยนได้อีกด้วย
"บอกสหายทั้งสองของท่าน ว่าพวกเขาก็จะได้รับโอกาสศึกษาภาษาของเรา และทำการสอบวัดผลอย่างที่ท่านได้ผ่านมาเช่นกัน" อิบิคัส ผู้นำชุมชนแห่งโลโคเทียกล่าวยิ้มๆ กับสถาพร และเมื่อด็อกเตอร์หนุ่มแปลให้ฟัง สาวเล็กก็แทบจะกรี๊ดด้วยความตื่นเต้นและดีใจ
"ได้เรียนภาษาแอตแลนติส เป็นสิ่งที่ท้าทายมาก! เล็กต้องเรียนแน่นอนค่ะ ส่วนทางแอนดี้น่ะ ไม่ต้องเรียนอะไรมากมายหรอก!"
"อ้าว ทำไมล่ะครับคุณเล็ก ?" สถาพรถามด้วยสีหน้างงๆ
"ก็เค้าได้เปรียบทุกคนนี่คะ คอยเก็บข้อมูลอย่างเดียว ประมวลผลออกมาเมื่อไรก็ได้ มีคำศัพท์เป็นล้านๆ คำ แอนดี้ก็บ่ย่านดอกค่า..."
"เออเนาะ จริงด้วย! แหมแอนดี้...ฉันอิจฉานาย อีกแล้วว่ะ!!" ด็อกเตอร์หนุ่มแยกเขี้ยวใส่แอนดรอยด์อัจฉริยะ แล้วแปเท้าขวาเข้าที่ก้นเขาทีหนึ่ง
"ช่วยม่ายล่ายครับ คนมันเกิดมาเพื่อจีเนียส !!" แอนดี้ตอบแล้วยิ้มที่มุมปาก ยักคิ้วขวาแผล็บ ลีลาสุดกวนโอ๊ยทำให้สถาพรทั้งขำทั้งหมั่นไส้
"คุณเล็กครับ....คุณอยู่ด้วยกันกับเขา เจอการยั่วกวนประสาทแบบนี้ทุกวันไหมครับ ผมสงสัย" เขาถามด้วยสีหน้าสงสัยระคนกับขบขัน คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากันเล็กน้อย แต่มีรอยยิ้ม
"โอ๊ยย!!!" สาวเล็กกรี๊ดออกมาทันที "วันนึงเป็นร้อยรอบพันรอบ เล็กชาชินแล้วละค่ะ !!"
"คุณเล็กก็....อ่า...ด่าเก่งขึ้นมากเลยละครับ คุณสถาพร!!" แอนดี้แหย่สาวเล็กบ้างด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น "ช่วงหลังๆ เวลาจะด่าผม มักจะใช้คำแปลกๆ ใหม่ๆ ไม่ซ้ำกันเลยละครับ!!"
"แหงละสิยะ! เธอเองก็กวนแปลกๆ กับชั้นมาเรื่อยๆ เหมือนกันนิ !! แอนดรอยด์บ้าไรก็ไม่รุ !! กวนติงยิ่งกว่าคนจริงๆ ซะอีก !!!"
"ผมว่า คุณสองคนน่ะ เหมาะสมกันแล้วหละครับ" สถาพรว่าแล้วก็ยิ้ม
หลังจากแอนดี้และสาวเล็กได้มารวมกลุ่มกับสถาพร และทางฝ่ายผู้ปกครองกับเสนาธิการชั้นสูงของแคว้นโลโคเทียแล้ว จึงได้แลกเปลี่ยนข้อมูลของกันและกัน
สถาพรรู้สึกวิตกกังวลและเป็นห่วงกัปตันวันชนะเพื่อนรักขึ้นมาทันที ทั้งยังรู้สึกทึ่ง ประหลาดใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขา
"ปกติ สหายรักของข้าคนนี้ เป็นผู้มีใจคอหนักแน่น มีเหตุผล มีความเป็นผู้นำเต็มเปี่ยม แต่ฟังจากเรื่องราวที่สหายหญิงชายของข้าซึ่งมากับยานบินของเขาเล่ามา มันไม่น่าเป็นไปได้เลยที่จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และข้าขอบอกพวกท่านโดยเอาศีรษะข้าเป็นเดิมพันได้เลย..." พูดพลางด็อกเตอร์หนุ่มก็ยกมือขวาขึ้นแล้วชี้นิ้วจี้ขมับตัวเองในขณะที่กำลังพูดกับอิบิคัส และเซบาสเต็น ".ว่า โดยปกติแล้ว วันชนะ สหายของข้า หาได้ชมชอบระบอบจักรวรรดินิยมไม่ !!"
"มันก็ต้องมีสาเหตุแน่นอน! ท่านสถาพร" อิบิคัสลูบหนวดเคราครุ่นคิด
"ข้าคิดว่า ข้าพอจะหาสาเหตุของเรื่องนี้ได้นะ!" เซบาสเต็นกล่าว
"ท่านคิดเห็นเป็นเช่นไรหรือ ?" ผู้นำชุมชนแห่งโลโคเทียถาม
"พวกบริวารของจักรพรรดิเนรอส เจ้าเล่ห์เพทุบายกันเป็นอันมาก บวกกับเจ้าเลโอนีดาสอีกหนึ่งคนซึ่งถูกท่านสถาพรเล่นงานอย่างเจ็บแสบ มันต้องผูกใจเจ็บและจ้องจะหาทางแก้แค้นท่านอย่างแน่นอน..." เซบาสเต็นกล่าวอธิบายพลางจ้องมองหน้าด็อกเตอร์หนุ่มผู้ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ของสหพันธรัฐแอตแลนติสเหนือไปแล้วพร้อมกับเอวาผู้เป็นภรรยา
"แล้วอย่างไรต่อเล่าท่าน ?" สถาพรซักถามต่อ
"และเมื่อ บรรดาสหายของท่านมากับยานลำใหญ่ซึ่งเป็นข่าวแพร่สะพัด จนกระทั่งสุดท้ายพวกเขากลายเป็นราชอาคันตุกะของเนรอสไป กับมีรายงานข่าวเบื้องลึกมาด้วยว่า 'เทพพยากรณ์' ออเรเคิล ได้เรียกเหล่าสมุนเอก 9 คนของตนมาช่วยงาน มีคนชื่อ กาดีซ เป็นผู้นำ พวกนี้ร้ายกาจมาก เพราะมีพลังจิตระดับจิตสังหาร ควบคุมจิตใจผู้อื่นได้ ทั้งยังสามารถใช้พลังของพวกตนปกป้องจักรพรรดิเนรอสได้ ดังนั้นจะไม่มีใครรู้ใจของเนรอสได้เลยว่าคิดจะทำอะไรอยู่"
"เข้าใจละ...ท่านเซบาสเต็น" สถาพรพยักหน้า "ถ้าอย่างนั้น 9 คนนั่น ก็ต้องควบคุมจิตใจของเหล่าสหายของข้าที่มากับยานลำนั้นทุกคน โดยเฉพาะวันชนะ สหายรักของข้า"
"ยังมีที่มากกว่านั้น น่ากลัวยิ่งกว่านั้นอีก!" อิบิคัสกล่าวเสริม
"อะไรอีกหรือ ท่านผู้นำชุมชน ?" ด็อกเตอร์หนุ่มหันมาถามทันที "เพียง 9 ผู้มีพลังจิตนี่ก็หนักหนาสาหัสตึงมือแล้วนะท่าน! ท่านยังบอกว่ามีมากกว่านี้ น่ากลัวกว่านี้อีก ใครกัน ?"
"ก็จะมีใครอีกเล่า..." อิบิคัสกล่าวเสียงเครียด "ออเรเคิล เจ้านายของพวกมันนั่นแหละ ตัวดี!!"
"ออเรเคิล ฉายาเทพพยากรณ์นั่นเองหรือ ? นางร้ายกาจยิ่งกว่านักพลังจิต 9 คนนั่นอีกกระนั้นรึ ?" เซบาสเต็นถามอย่างข้องใจ เพราะเขาคิดว่าออเรเคิลเป็นเพียงโหราจารย์หรือ "หมอดู" ธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ได้มีวาสนาได้เป็นโหรหลวงในวังของจักรพรรดิเนรอสเท่านั้น
"ดูท่าท่านคงเข้าใจว่า เทพพยากรณ์ออเรเคิล เป็นเพียงหมอดูคนหนึ่งเท่านั้นกระมัง...โอ! เซบาสเต็น ท่านคิดผิดอย่างถนัด !!"
"หมายความว่า ท่านทราบถึงเบื้องลึกของนาง อย่างนั้นหรือ ท่านผู้นำชุมชน ??"
"ก็พอรู้มาบ้าง ในบางเรื่อง..." อิบิคัสพยักหน้า "...และบางเรื่องที่ข้าได้รู้มา มันอาจจะตอบปัญหาเรื่องท่าทีที่เปลี่ยนไปของบุรุษนามวันชนะ ผู้เป็นสหายรักของท่านสถาพรได้!"
"ถ้าอย่างนั้น โปรดว่ามาเลยขอรับ ท่านผู้นำชุมชน" สถาพรเร่งเร้าขอคำตอบทันที และคำตอบที่ได้รับทำให้เขาและเอวาเบิกตากว้าง
"ออเรเคิล ไม่ได้เป็นเพียงแค่หมอดูอย่างเดียว หากแต่ ยังมีวิชาไสยเวทย์ มนต์ดำ ขั้นปรมาจารย์! ผู้ใดก็ตามที่ 'โดนของ' จากเขา ผู้นั้นจะตกอยู่ใต้อำนาจมืดแห่งมนต์ดำซึ่งเขาเสกเป่าและปล่อยเข้าใส่ตน ยากยิ่งนักที่จะแก้ไขหรือถอดถอนได้ นอกเสียจากให้ออเรเคิลเองเท่านั้นช่วย !!"
สถาพร เอวา และสามหนุ่มอาข่าตกตะลึงกับคำบอกเล่านั้น!
"บาโจๆ เมอล่ายยี เหมอกะกูล่ายยีไม๊วะ ?" อาเจอะถามบรรจง ขณะที่อาบือก็ทำหน้าตื่นๆ เหวอๆ อยู่
"เหมือน!" บรรจงตอบและทำคิ้วขมวด "กูคิดว่า ผู้นำชุมชน กำลังบอกว่า กัปตันวันชนะ โดนของ! ทำให้หลงจักรพรรดิเนรอสที่อยู่ดินแดนทางใต้"
"ไอ้ย่ะ!" อาบือแยกเขี้ยว "อ้ายพั่วะน้าาา มามีคูนาไส เปหมอผีล่วย คูกะตาวาชนะ แย่เลี้ยว!!"
"ท่านหมายความว่า วันชนะ สหายรักของข้า ขณะนี้ อาจจะถูกไสยเวทย์ มนต์ดำ ของออเรเคิล จนทำให้เขาเปลี่ยนไป กระนั้นหรือ ?" สถาพรถามย้ำ
"มิผิด...ข้าเชื่อว่าเป็นเช่นนั้น" อิบิคัสพยักหน้าซึ่งกำลังเคร่งเครียด
"นี่คงเป็นแผนการร้ายซึ่งมาจากคำแนะนำของเจ้าขันฑีหลวงเลโอนีดาสแน่! เพราะมันอาฆาตไว้ว่าจะทำให้ท่านกับสหายรักต้องเข่นฆ่ากัน สู้รบกันสักวันหนึ่งให้ได้!" เซบาสเต็นกล่าวฟันธง
"เป็นไปได้มากทีเดียว!" สถาพรพยักหน้า "ข้าไม่น่าปล่อยมันไปเลย ให้ตาย!" จบประโยคนี้แล้วเขาส่ายหน้าให้กับตัวเอง ก่อนจะหันไปถามอิบิคัสต่อ
"แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี ? ตอนนี้ สหายข้า และคนอื่นๆ นับสิบคนทีเดียว อยู่ทางฝั่งโน้น!" ด็อกเตอร์หนุ่มถามด้วยหัวใจร้อนรุ่ม "ไหนจะเจอปัญหาต้องแก้มนต์ดำให้ออกไปจากตัวของวันชนะสหายข้าอีก คนอื่นๆ ก็ต้องโดนเหมือนกันหมด จะแก้อย่างไร ? ใครที่ไหนจะแก้ไขให้พวกเขาได้ ??"
"ใจเย็นๆ ท่านสถาพร อย่าใจร้อน...ต้องค่อยๆ คิดวางแผนกัน" อิบิคัสพยายามพูดปลอบใจ "...หากเรามีแผนการดีๆ การแก้ไขก็พอจะมีทางอยู่บ้างแน่!"
"ท่านจะแก้อย่างไร วางแผนอย่างไร ??" ด็อกเตอร์หนุ่มถามด้วยน้ำเสียงแทบจะแห้งเหือดหาย
"ข้าคิดวางแผนการไว้เป็นสองอย่าง ซึ่งต้องลงมือทำไปพร้อมกัน!" อิบิคัสเริ่มเฉลยแนวทาง
"สองอย่าง อะไรบ้าง ??" ทั้งสถาพรและเซบาสเต็นถามเกือบจะพร้อมกัน
"ประการที่หนึ่ง ต้องมีการ 'ลักลอบชิงตัว' !! เราต้องหาทางลักลอบเข้าไปในจักรวรรดิ และชิงตัวเหล่าสหายของท่านทุกคนออกจากจักรวรรดิมาอยู่ในสหพันธรัฐก่อน โดยเฉพาะวันชนะ สหายผู้นำของท่าน เป็นบุคคลสำคัญมากที่สุดที่ต้องชิงเอาตัวมาให้ได้เป็นคนแรก!!"
"โอ้....." สถาพรอ้าปากหวอ "ท่านกล่าวเพียงเท่านี้ ข้าก็สามารถหลับตามองเห็นภาพการต่อสู้ระหว่างพวกเรากับพวกเขาได้เลยทันที!"
"มันก็คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ดอก!" เซบาสเต็นกล่าว
"แล้ว...ประการที่สองเล่า ?" สถาพรถามต่อ
"ถ้าจะมีใครอีกสักคน นอกเหนือไปจาก ออเรเคิล ผู้สามารถจะถอนมนต์ดำคุณไสยได้ ข้าก็มองเห็นมีอยู่คนหนึ่ง และน่าจะเป็นคนเดียวเท่านั้น!" อิบิคัสกล่าวอย่างหมายมั่น
"ใครกัน ???" ด็อกเตอร์หนุ่มและเซบาสเต็นถามพร้อมกัน
"พวกท่าน ยังจำ 'แม่หมอ' นางหนึ่ง ซึ่งพวกเราได้พบที่ห้องโหรในตลาด ในวันแรกที่พวกเราพาพวกท่านไปเที่ยวที่ตลาดในเมือง ย่านกลางมหานครวงแหวนได้ไหม ?" ผู้นำชุมชนแห่งโลโคเทียกล่าวรื้อฟื้นความทรงจำของทุกคนที่ไปด้วยกันในวันนั้น
"ได้สิ! ข้าจำได้ แน่นอน" สถาพรตอบก่อน
"ข้าก็จำได้ อย่างแม่นยำเลย!" เอวากล่าวตอบอีกคน
"ฟรีด้า...แม่หมอคนนั้น..." อิบิคัสเอ่ยชื่อนาง และทบทวน "ลักษณะของนางเป็นหมอดูผู้พยากรณ์แม่นราวกับมองเห็นด้วยตา ข้าว่านางมีลักษณะบางอย่างซึ่งสอดคล้องกับผู้ที่มีวิชาไสยเวทย์อาคม บางที นางอาจจะเป็นผู้เดียวที่สามารถช่วยเหลือสหายของท่านสถาพรได้"
"ถ้าเช่นนั้น ก็ต้องตามหาตัวนางให้พบ" เซบาสเต็นกล่าวสรุป "ในขณะเดียวกันก็หาทางลักลอบเข้าไปพาสหายของท่านออกมาจากจักรวรรดิของเนรอส"
"ก็แสดงว่า ต้องมีสองกลุ่มปฏิบัติการ แยกกันไป และทำไปพร้อมกัน" สถาพรกล่าว
"ถูกต้อง กลุ่มแรก หาตัวแม่หมอฟรีด้า ซึ่งไม่น่าจะหายากเพราะนางเป็นชาวสหพันธรัฐ ไม่มีวันเข้าไปในจักรวรรดิของเนรอสเป็นอันขาด!" อิบิคัสเริ่มวางแผนแบ่งทีม
"นางไม่เข้าไปแน่นอนอยู่แล้ว แต่ก็อาจเป็นไปได้ที่นางอาจจะต้องเข้าไป!" เซบาสเต็นกล่าวแย้งเพื่อดักอีกทางหนึ่ง
"ท่านหมายความว่า นางอาจถูกฝ่ายจักรวรรดิจับตัวไว้ อย่างนั้นใช่ไหม ?" สถาพรถาม และเขาพยักหน้า
"ถ้าอย่างนั้น นางก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว พวกเราจะช้าไม่ได้!" อิบิคัสกล่าวสรุปด้วยสีหน้าเป็นกังวล "แม้นางจะอยู่ในสหพันธรัฐของเรา แต่พวกจักรวรรดิก็มีการลักลอบเข้ามาเป็นระยะๆ ต้องเสนอให้ทางรัฐบาลกลางมีคำสั่งกวดขันตรวจสอบประชาชนในสหพันธรัฐ ใครข้ามแดนมาจากฝั่งจักรวรรดิ ให้จับตัวคุมขังไว้ก่อน เรื่องนี้ข้าจะเจรจากับท่านประธานแห่งสหพันธรัฐเอง ส่วนการตามหาแม่หมอฟรีด้า เราจะใช้ทหารทั้งสามกองทัพช่วยกันหาทุกมลรัฐ การนี้ขอให้ท่านสถาพรใช้ยาน เซฟวิเยอร์ ฟอลค่อน ของท่านบินสำรวจค้นหาไปพร้อมๆ กันกับยานของทางกองทัพสหพันธรัฐด้วย"
"ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง และเป็นเกียรติมากๆ สำหรับข้า" สถาพรน้อมกายลงนิดหนึ่งเป็นการคารวะ ก่อนจะถามคำถามข้อสำคัญอีกหนึ่งคำถาม "แล้ว กลุ่มปฏิบัติการกลุ่มที่สองเล่า ท่านมีแผนการเช่นไร ?"
(มีต่อครับ)