💫🕛💫🚀 แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 34 🚀💫🕛💫

กระทู้สนทนา
ข่าวการสูญเสียจำนวนประชาชนชาวสหพันธรัฐแพร่สะพัดไปทั่ว ทั้งสองอาณาจักร และเมื่อจักรพรรดิเนรอสซึ่งมีร่างแฝงของเอเลี่ยนเผ่าพันธ์เร็พไทเลอร์อยู่ภายใน ได้ทราบข่าวแล้ว ก็รู้สึกประหลาดใจและทึ่งในตัวของเทพพยากรณ์ออเรเคิล ซึ่งสำหรับตัวร่างแฝงเองนั้นยังไม่รู้เรื่องราวต่างๆ ของนางดีนัก...

มันรู้เพียงแต่ว่า นางมีเป้าหมายคือ การอภิเษกสมรสกับเนรอส เพื่อเป็นจักรพรรดินีต่อไปในอนาคต เท่านั้น!

ดังนั้นมันจึงคิดเอาเองเหมาเอาเองว่า ออเรเคิลมีความรักความผูกพันพิศวาสกับเนรอสซึ่งถูกมันเข้าแทรกแฝงกายอยู่ในขณะนี้ ดังนั้น ต่างดาวจอมราคะจึงคิดเลยเถิดไปถึงการที่จะรวบหัวรวบหาง คร่าพรหมจรรย์ของเทพพยากรณ์เสีย!

แต่เพราะออเรเคิลเป็นผู้มีอิทธิพล มีความสามารถพิเศษ และมีบริวารมากมาย นางจะมีบริวารอยู่ด้วยเสมอ ไม่เคยปล่อยตัวอยู่คนเดียว และดูเหมือนว่านางมีท่าทางเคลือบแคลงสงสัยในตัวจักรพรรดิอยู่เพราะหลายครั้งที่นางมองจักรพรรดิด้วยสายตาแปลกๆ ดังนั้นจึงไม่ง่ายสำหรับมันในการที่จะคิดเผด็จสวาท!

มันจำเป็นต้องรอคอยด้วยความอดทน และค่อยๆ หาทาง หาช่องโอกาส...

จะอย่างไรเสีย เทพพยากรณ์ก็มีใจให้จักรพรรดิอยู่แล้ว หากมีโอกาสเข้าประชิดตัว อยู่ด้วยกันสองต่อสอง ก็ไม่น่าจะมีปัญหา !!

นี่คือสิ่งที่มันคิด และเชื่อมั่นว่าจะเป็นเช่นนั้นแน่นอน ! รอคอยแต่โอกาสอันงามเท่านั้น !!

"พวกเจ้า...ทำผลงานได้ดีมาก!" เร็พไทเลี่ยนในร่างเนรอสเอ่ยปากชม ในขณะที่ตนกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์และมีเทพพยากรณ์กับบริวารจำนวนหนึ่งยืนถวายความเคารพ ณ เบื้องหน้าของตน

"ขอบพระทัยเพคะ ฝ่าบาท" ออเรเคิลทูลตอบ "เป็นเพราะหม่อมฉันโชคดี ได้บริวารคนเก่งคนใหม่มาแทนคนเก่า"

"คนไหนกัน ? บริวารคนใหม่ คนเก่งที่เจ้าว่า ?" เนรอสถามแล้วกลอกตามองซ้ายขวาไปในหมู่บริวารหลายสิบคนซึ่งมีลาลูน่าเป็นหัวหน้า คนทั้งหมดนั้นยืนอยู่เบื้องหลังของออเรเคิลผู้เป็นหัวหน้าใหญ่

"ลาลูน่า ก้าวออกมายืนข้างๆ ข้านี่" นางสั่งบริวารสาวคนใหม่

ลาลูน่าก้าวเดินออกมาจากหมู่คณะของตนช้าๆ จนมาหยุดยืนอยู่ข้างกายด้านซ้ายมือของออเรเคิล

ทันทีที่เนรอสผู้มีร่างแฝงมองเห็นนางอย่างชัดถนัดตา แววตาของมันก็เป็นประกายวาว จ้องมองนางอย่างแทะโลมชัดเจนเสียจนนางต้องก้มหน้าหลบสายตาอันแสดงความหื่นกระหายนั้น!

"อาา! เจ้าหรือ คือ ลาลูน่า บริวารคนใหม่ของเทพพยากรณ์ ?" เนรอสนั้นถามด้วยน้ำเสียงกระสันสวาท!

"เพคะ ฝ่าบาท" ลาลูน่าตอบโดยก้มหน้าตลอดเวลา

"เจ้า...เป็นสตรีที่สวยมากอีกนางหนึ่งนะ เหตุไฉนจึงก้มหน้าอยู่อย่างนั้น ? เงยหน้าขึ้นมองข้าซิ !!" จักรพรรดิผู้ถูกแฝงร่างบัญชาเสียงเข้ม! ลาลูน่ารู้สึกประหวั่นเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าขัดรับสั่ง จึงเงยหน้าขึ้นและจ้องมององค์จักรพรรดิตามพระบัญชา

"โอ! ช่างสวยงามเสียจริง! ข้าต้องตาต้องใจนัก!! ข้าจะให้เจ้า เป็นพระสนมอีกคนหนึ่ง!! ตอนนี้พระสนมเซฟิย่าของข้าไม่อยู่ ทราบข่าวว่านางเป็นไข้อันเนื่องด้วยระดู จึงเดินทางกลับไปพักอยู่ที่บ้านนอกวังเป็นการชั่วคราว เกือบครบสัปดาห์แล้วยังไม่กลับมาเลย...เทพพยากรณ์ก็ยังไม่พร้อม ยังไม่สะดวกที่จะรับใช้ปรนนิบัติข้า ใช่ไหม ??" มันหันมาถามออเรเคิล

"ถูกต้องเพคะ ฝ่าบาท! จนกว่าเราจะสามารถรวมดินแดนแอตแลนติสให้เป็นจักรวรรดิหนึ่งเดียวได้สำเร็จเสียก่อน ถึงตอนนั้น มโนรมณ์ของหม่อมฉันก็จะสำเร็จ และจะพร้อมอภิเษกสมรสกับฝ่าบาท แน่นอน!"

"ได้! ข้าจะรอวันนั้น !! มันคงอีกไม่นานดอก!!" เนรอสตอบเทพพยากรณ์แล้วหันมาบอกลาลูน่าอีกครั้ง "ตอนนี้ เจ้าก็จงเป็นพระสนมอีกคนหนึ่งของข้าเถิดนะ! ลาลูน่า...ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป เจ้าจงอยู่กับข้า !!" 

ขณะที่กำลังกล่าว สายตาของเร็พไทเลี่ยนก็วาวหยาดเยิ้ม และในยามที่มันกะพริบตา บางครั้งดวงตาดำทั้งสองก็เผลอเปลี่ยนรูปเป็นดวงตาของเร็พไทเลี่ยนดังเดิม คือมีรูปแบบอย่างสัตว์เลื้อยคลานเช่นกิ้งก่า แล้วก็พลันเปลี่ยนรูปกลับเป็นดวงตาของมนุษย์ตามปกติเพียงเสี้ยววินาที!

ทั้งออเรเคิลและลาลูน่า ทันเห็นการเปลี่ยนแปลงนั้น! ฝ่ายแรกสะดุ้งเฮือกนิดหนึ่ง ในขณะที่ฝ่ายหลังรู้สึกคลางแคลงใจสงสัยในตัวจักรพรรดิมากขึ้น!!

"เอ้อ...ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉัน คงจะไม่อาจสนองพระบัญชาของฝ่าบาทได้ดอกเพคะ!" ลาลูน่ารีบบอกปฏิเสธ

"อ้าว...ทำไมเล่า ลาลูน่า ??" เนรอสถามด้วยน้ำเสียงทั้งขัดใจและประหลาดใจ...ที่ประหลาดใจก็เพราะมันคิดว่า ปกติแล้วย่อมไม่มีหญิงใดปฏิเสธจักรพรรดิหากพระองค์ต้องการตัว!

"เพราะว่า หม่อมฉัน ก็เหมือนอย่างท่านเทพพยากรณ์ผู้เป็นหัวหน้าใหญ่เพคะ คือ จำเป็นต้องรักษาพรหมจรรย์ !! เพื่อทรงไว้ซึ่งพลังและอำนาจที่เราได้ฝึกฝนกันมานานตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นเด็กหญิงจนกระทั่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่...พรหมจรรย์เป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด! ตราบใดที่เรา...หมายถึงทั้งตัวของหม่อมฉันเองและท่านเทพพยากรณ์...ยังคงรักษาพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์อยู่ ตราบนั้น เราก็จะยังคงทรงไว้ซึ่งพลังพิเศษและอำนาจพิเศษอยู่! แต่ในทางตรงกันข้าม  ถ้าเราเสียพรหมจรรย์ไป กลายเป็นผู้ไม่บริสุทธิ์ไปแล้วไซร้ วิชาอาคมต่างๆ ของเราจะเสื่อม! ดังนั้น หม่อมฉันไม่อาจรับตำแหน่งพระสนมและรับใช้ฝ่าบาทได้เพคะ โปรดทรงประทานอภัยด้วย..."

เนรอสส่งเสียงจิ๊กจั๊กๆ และส่ายหัวอย่างขัดใจเป็นที่สุด แต่ก็จำต้องยอมรับเหตุผลของนาง

"เฮ่อ...น่าเสียดาย! ก็ได้ๆๆ ข้าจะไม่ฝืนใจเจ้า..."

"ขอบพระทัยเพคะ ฝ่าบาท!" ลาลูน่าก้มโน้มตัวคำนับ

"ไม่เป็นไรๆ..." เนรอสโบกไม้โบกมือ จากนั้นจึงกลับไปถามเรื่องเดิม "เอาละ! ขอถามหน่อย เจ้าและเหล่าบริวาร ทำเช่นไร จึงสังหารประชาชนชาวสหพันธรัฐได้ตั้งมากมายเป็นพันเป็นหมื่นได้โดยใช้เวลาแค่ราตรีเดียว ???"

"เอ้อ...หม่อมฉัน..." สาวมือดาบเสี้ยววงพระจันทร์อึกอักๆ

"หม่อมฉันขอทูลฝ่าบาทแทนนางก็แล้วกันนะเพคะ" ออเรเคิลยกมือขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงขออนุญาต ครั้นเนรอสพยักหน้าแล้ว จึงทูลเฉลยเผยความลับของบริวารสาว

"ลาลูน่า หาใช่สตรีธรรมดาไม่...แต่นางเป็นมนุษย์หมาป่า เพคะ!"

"อะไรนะ ???" เนรอสทวนคำด้วยเสียงอันดัง "มนุษย์หมาป่า อย่างนั้นหรือ ??"

"มิผิดเพคะ ฝ่าบาท" คราวนี้ลาลูน่าทูลตอบเอง "เมื่อคืนนี้ หม่อมฉันและเหล่าบริวารของหม่อมฉันทุกคน กลายร่างเป็นอสูรหมาป่า ด้วยพลังอำนาจของพระจันทร์เต็มดวง ไล่สูบเลือดคนชาวสหพันธรัฐไปมากมาย คนเหล่านั้นส่วนหนึ่งได้กลายเป็นบริวารของหม่อมฉันต่อ แต่ก็มีหลายคนตายไปพร้อมกับบริวารส่วนหนึ่ง จากการถูกกำจัดโดยคนของทางการสหพันธรัฐซึ่งมีอาวุธคือลำแสงพิฆาต อย่างไรก็ตาม ชาวสหพันธรัฐจำนวนไม่น้อย ถูกพวกเรากัดสูบเลือดกินและจะต้องกลายเป็นอสูรหมาป่า แต่ถูกคนของทางการสหพันธรัฐพาตัวไปกักขังไว้ เพื่อรอการรักษา พวกคนของทางการจะหาทางช่วยคนเหล่านั้น ทำให้พวกเขาหายจากการมีเชื้ออสูรหมาป่าเพคะ"

"โอ้! มหัศจรรย์จริงๆ! มนุษย์โลกมีวิชาเช่นนี้ด้วยหรือนี่ ! ไม่น่าเชื่อเลย...แล้วเจ้าคิดว่าคนของทางการสหพันธรัฐ จะสามารถช่วยรักษาพวกนั้นได้ไหม ?"

ขณะที่ลาลูน่ากำลังทูลตอบ ออเรเคิลก็สะดุดหูกับคำว่า 'มนุษย์โลก' ซึ่งเนรอสผู้ตกอยู่ในอำนาจร่างแฝงเผลอพูดออกมา!

' พูดราวกับว่า ตัวเองไม่ใช่มนุษย์โลก! แปลกจริง !! ' นางนึกในใจ และระแวงสงสัยมากขึ้น ' นี่ไม่น่าใช่เนรอสตัวจริงเสียละกระมัง ? ปกติพระองค์ไม่เคยตรัสคำอะไรเยี่ยงนี้...แล้วเมื่อครู่ที่ผ่านมา เราตาฝาดไปหรือเปล่า ที่เห็นเนตรดำของพระองค์เปลี่ยน !? '

ออเรเคิลจึงเริ่มคอยลอบจับผิดเนรอส นับแต่เวลานั้น!

"คงจะเป็นการยากมากเพคะ ฝ่าบาท" ลาลูน่าทูลตอบในขณะที่ออเรเคิลกำลังเงียบและใช้ความคิดอยู่

"เหตุไฉนจึงยากมาก ?" เนรอสซักถามต่อไปอีก

"หากปราศจากโลหิตของผู้ซึ่งปล่อยเชื้อต้นตอ คนของทางการสหพันธรัฐพวกนั้น คงไม่มีทางคิดปรุงยารักษาคนที่โดนกัดให้หายเป็นปกติได้เพคะ และการรักษาพวกมันก็มีเวลาที่จำกัด หากหาทางรักษาไม่ได้ภายในเจ็ดวัน พวกมันก็ไม่มีวันที่จะถูกรักษาและหวนกลับไปเป็นมนุษย์ตามเดิมได้อีก! พวกมันทุกคนจะกลายเป็นมนุษย์ซึ่งจะกลายร่างเป็นอสูรหมาป่าในทุกคืนเดือนเพ็ญ ซึ่งก็จะกลายเป็นบริวารของหม่อมฉันทั้งหมดเพคะ!"

"แล้วในวันหรือคืนอื่นๆ ที่ไม่มีเดือนเพ็ญเล่า ? คนพวกนั้นจะเป็นเช่นไร ? ยังเป็นมนุษย์ธรรมดาตามปกติหรือไม่ ?"

นี่เป็นคำถามซึ่งแม้เทพพยากรณ์เองก็สนใจใคร่รู้

"ก็เป็นเหมือนคนทั่วไปนั่นแหละเพคะ ฝ่าบาท เพียงแต่ว่า พวกมันจะไม่สามารถกินอาหารซึ่งคนปกติกินได้!"

"อ้าว! เหตุไฉนจึงเป็นเช่นนั้น ???" เนรอสขมวดคิ้วในขณะซักถาม

"เพราะว่า ระบบภายในร่างกายของพวกมันเปลี่ยนแปลงไปแล้วเพคะ ไม่สามารถรับอาหารซึ่งมักจะถูกปรุงสุก หรือพืชผัก หรือขนม อะไรก็ตามแต่ที่คนทั่วไปกินกัน พวกมันจะกินไม่ได้!"

"ถ้าฝืนกลืนกินเข้าไป จะเป็นเช่นไร ?"

"ก็จะสำรอกออกมาโดยเร็วพลันเพคะ!!"

"โอ้ว์!" เนรอสแสร้งอุทาน "ถ้าเช่นนั้น อาหารที่พวกมันต้องกิน คืออะไรได้บ้าง ?"

"เนื้อสดๆ ซึ่งเคล้าด้วยเลือดสดๆ เพคะ หรือเลือดสดๆ อย่างเดียวก็เพียงพอ! และที่ดีที่สุดก็คือ เลือดและเนื้อของมนุษย์!!"

"ถ้าเช่นนั้น แม้ในยามที่ร่างยังเป็นมนุษย์ พวกมันก็จำเป็นต้องหาอาหาร! ต้องล่าเหยื่อเหมือนตอนที่กลายร่างเป็นอสูรหมาป่าด้วยละสิ ?!!"

"ใช่เพคะ ฝ่าบาท" ลาลูน่าพยักหน้า "แต่พวกมันก็ไม่จำเป็นต้องล่าเหยื่อเป็นจำนวนมากนัก อาจจะไม่ต้องล่าเลยก็ได้ ถ้าหากพวกมันสามารถหาเนื้อและเลือดสดจากสัตว์ได้ ไม่ว่าจะเป็น หมู เป็ด ไก่ โค กระบือ และมื้อหนึ่งก็ไม่ต้องการมากนัก เลือดสดๆ หนึ่งแก้ว ก็สามารถทำให้อยู่ไปได้วันสองวัน ผิดกับในคืนเดือนเพ็ญที่พวกมันจะหิวกระหายเป็นอันมาก หลังจากกลายร่างแล้ว"

"แล้ว...ในขณะที่ยังไม่ถึงคืนเดือนเพ็ญ หากพวกมันไม่ได้อาหารตามที่ต้องการเล่า จะเป็นอย่างไร จะมีชีวิตอยู่ได้กี่วัน ?"

"ก็จะเกิดความกระวนกระวายเพราะความหิวเพคะ และจะขาดใจตาย ภายหลังจากสามวันผ่านไปแล้วไม่ได้อาหารใดๆ เลย!"

"นั่นแปลว่า เราได้สร้างความสูญเสีย และเสียหายเป็นอันมากแล้ว แก่พวกสหพันธรัฐ" ออเรเคิลกล่าวสรุป แล้วลองหยั่งเชิงถามคำถามหนึ่งกับเนรอส

"ฝ่าบาทเพคะ...บัดนี้ หม่อมฉันคิดว่า พวกเราอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบพวกสหพันธรัฐแล้ว"

"อืม...ข้าเห็นด้วยกับเจ้า!" เนรอสภายใต้การควบคุมบังคับของร่างแฝงตอบ แต่สีหน้านิ่งเฉย

ออเรเคิลมองหน้าองค์จักรพรรดิ แล้วทูลถามต่อ "ฝ่าบาท...มีอีกเรื่องหนึ่งซึ่งยังค้างคาอยู่ นั่นคือ คดีความในศาลทวีปชั้นอุทธรณ์ พวกเราแพ้อีกไม่ได้ เพราะแพ้ไปแล้วในศาลชั้นต้น หากอุทธรณ์แพ้อีก ดินแดนแคว้นแคสสิโอเปีย จะตกเป็นกรรมสิทธิครอบครองของฝ่ายสหพันธรัฐโดยสมบูรณ์ทันที! หากเป็นเช่นนั้น ดินแดนสหพันธรัฐ ก็จะมีอาณาเขตเพิ่มขึ้น และทั้งประเทศจะใหญ่กว่าจักรวรรดิของเรา...ฝ่าบาทเพคะ...ฝ่าบาทจะทำอย่างไร หากเราแพ้คดีอีกครั้งและต้องเสียแคสสิโอเปียไป ?"

เนรอสส่งเสียง "อืม..." ออกมายาวๆ แล้วนิ่งเงียบไป...นานมาก จนคนถามอดรนทนรอต่อไปไม่ไหว จึงทูลถามซ้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเครียด

"ว่าไงเพคะ ฝ่าบาท พระองค์จะตัดสินพระทัยเช่นไร ถ้าพวกเราแพ้คดี ?"

"อืมม.....ถ้าเป็นเช่นนั้น...เราก็เปิดสงครามกับพวกมันสิ! ไม่ต้องหวั่นเกรงสิ่งใด! ข้ามั่นใจ ว่า เราจะเอาชนะพวกมันได้ และวิทยาการของเรา จะไม่ด้อยไปกว่าพวกมัน อย่างแน่นอน!!" ถึงตอนนี้เนรอสกล่าวอย่างมั่นใจสุดขีด "พวกเรา จะมีวิทยาการล้ำหน้าพวกมันหลายเท่า! พวกเราจะชนะสงคราม และผนวกดินแดนได้สำเร็จในที่สุด!  ถึงตอนนั้น เทพพยากรณ์ก็จงเตรียมตัวเข้าสู่พิธีอภิเษกสมรสกับข้าเถิด!!"

' สุดท้ายก็วกกลับมาพูดถึงเรื่องสวาทอีกจนได้! นี่สิ ! ตัวจริงของเนรอสขนานแท้ !! แต่ เอ...ทำไมหนอ...อากับกิริยาวาจาที่ผ่านมา จึงดูไม่เหมือนองค์จักรพรรดิเลย! นี่มันอย่างไรกันแน่ ??" ออเรเคิลชักไขว้เขว แต่ก็ยังตั้งใจว่าจะคอยสังเกตพฤติกรรมของเนรอสต่อไป

อย่างไรเสีย...เรื่องจักรพรรดิ ต้องมีเงื่อนงำความลับอะไรบางอย่างเป็นแน่! นางมั่นใจเช่นนั้น !!

"เฮ้อ..." เนรอสส่งเสียงถอนหายใจ

"ทรงทอดถอนพระทัยด้วยเหตุอันใดหรือเพคะ ?" ออเรเคิลทูลถาม

"ข้าคิดถึงพระสนมเซฟิย่าขึ้นมาแล้วหละตอนนี้! นางจะกลับเข้าวังเมื่อไร ใครรู้บ้าง ?"

ออเรเคิลยิ้มนิดหนึ่ง

(ต่อครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่