💫🕛💫🚀 แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 8 🚀💫🕛💫

กระทู้คำถาม
ในขณะที่จักรพรรดิเนรอสและออเรร่ากำลังโต้ตอบกันอยู่ด้วยภาษาฟินิเฃียนซึ่งทางฝั่งกัปตันวันฃนะและคณะไม่มีใครฟังออก นอกจากเจ้าตัวคือออเรร่าแต่เพียงผู้เดียว คนอื่นจึงได้แต่ยืนฟังกันอย่างงงๆ และผู้มีพลังจิตอย่างสาวแอนนาและน้องแจ๊ค รวมทั้ง ยูไล เกลเลอร์ ก็ยังไม่ทันได้เพ่งสมาธิอ่านใจจักรพรรดิเนรอส เพราะมัวแต่สนใจอยู่ว่า ออเรร่าพูดอะไรกับพระองค์บ้างและรอนางแปลให้ฟังอยู่นั้น "เทพพยากรณ์" ออเรเคิล ได้มีคำสั่งแก่ "ทีมคุ้มกันสภาวะทางจิต" ซึ่งมึอยู่ 9 คน แต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นผู้ทรงพลังจิตขั้นสูงทั้งสิ้น ให้ใช้พลังเข้าไปคุ้มกันจักรพรรดิ และป้องกันมิให้ใครใช้พลังสอดแทรกเข้าไปอ่านใจของจักรพรรดิได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็น "เกราะบาเรียทางจิต" เลยก็ว่าได้!

"กาดีซ!" ออเรเคิลร้องเรียกนักพลังจิตผู้มีอาวุโสที่สุด เขามีร่างกายผอมสูง ศีรษะโล้น ตาแหลมเรียวและประกายแรงกล้า และเสื้อผ้าที่เขาสวมทำมาจากหนังงูหลากหลายชนิด! ยิ่งเพิ่มความน่าหวาดหวั่นน่าเกรงขามมากขึ้นไปอีก

"ขอรับ ท่านเทพพยากรณ์" เขาก้มลงคารวะเล็กน้อย การก้มต่ำเต็มที่นั้นใช้กับองค์จักรพรรดิเท่านั้น

"ดูท่าทางองค์จักรพรรดิทรงอ่อนพลังพระหฤทัย เจ้ากับพวกทุกคนรีบแผ่พลังเข้าไปหนุนเร็วเข้า และป้องกันอย่าให้มีใครส่งพลังจิตเข้าไปอ่านพระทัยของพระองค์ได้โดยเด็ดขาด ถ้ามีใครบังอาจทำอย่างนั้น พวกเจ้าจงจัดการกับมัน!!"

"ขอรับ ท่านเทพพยากรณ์!"

กาดีซ รับคำสั่งแล้วเรียก "ทีม" ของตนมารวมตัวกันทันที ซึ่งการเรียกระดมพลกันก็ไม่ต้องร้องแรกแหกกระเฌอแต่อย่างใดเลย เพราะทุกคนเป็นโคตรนักพลังจิตทั้งสิ้น เรียกหากันทางจิตเพียงพริบตาเดียว ก็รวมทีมได้โดยฉับพลัน และร่วมกัน "สนธิกำลัง" รวมกระแสจิตของทั้ง 9 คนเป็นกลุ่มพลังอันหนาแน่น แผ่ไปครอบคลุมองค์จักรพรรดิเอาไว้

กว่าผู้มีพลังจิตสามคนของฝ่ายกัปตันวันชนะจะคิดได้และลองส่งกระแสจิตพุ่งเข้าไปหาจักรพรรดิเนรอส ก็สายเกินไปเสียแล้ว!!

พลังของทั้งสามคน ถูกต้านไว้อย่างเหนียวแน่น และถูกผลักออกมาอย่างรุนแรง! พร้อมกับคำขู่คุกคามจากหัวหน้าทีม กาดีซ!

"อย่าได้บังอาจริอ่านพระทัยองค์จักรพรรดิ !! และจงถอยพลังของพวกเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้ และเลิกใช้พลังโดยทันที พวกเจ้าทั้งสามคน! มิฉะนั้น พวกเจ้าจะต้องเจอดีแน่ !! พวกข้าทั้ง 9 คน คือสุดยอดเทพแห่งพลังจิตแล้ว ทั่วทั้งจักรวรรดิไม่มีใครเหนือกว่าผู้หนึ่งผู้ใดใน 9 คนนี้ทั้งสิ้น หรืออยากจะทดสอบพวกข้า อยากจะลองดีก็เอา !! พวกเจ้ามีดีอะไร ?? ส่งมาได้เลย !! แล้วพวกข้า จะส่งมันย้อนคืนกลับไปหาพวกเจ้าสิบเท่า !!!"

พลังซึ่งถูกต้านไว้และผลักออกมานั้น มีความเข้มข้นรุนแรงจนทั้งสามคนรู้ตระหนัก และกระทั่งสรีระร่างกายก็มีอาการผงะหงายจนต้องถอยหลังไปก้าวสองก้าวเพื่อประคองตัว !

และอากัปกิริยาเช่นนั้นก็สร้างความสงสัยให้เกิดแก่กัปตันวันชนะและทุกคนซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ

"เป็นอะไรกัน แอนนา แจ๊ค ยูไล ??" กัปตันถาม

"เอ้อ...พวกเรา ลองส่งพลังจิตเข้าไปอ่านใจของจักรพรรดิดูค่ะคุณพ่อ แต่ถูกต่อต้านและผลักออกมาค่ะ!" แอนนาตอบผู้เป็นบิดา

"ถูกต่อต้าน และผลักออกมา งั้นเหรอ ?" หนุ่มแซมถามและทำคิ้วขมวด

"ใช่ค่ะ พี่แซม" แอนนาพยักหน้า "พวกเราเจอกับทีมนักพลังจิตขั้นสูงมากเลบละค่ะ และพวกเขามีถึง 9 คน"

"เก้าคน !! เยอะขนาดนั้นเชียว ?"

"ใช่ค่ะ พี่แซม"

"แค่คนสองคน ถ้ามีพลังจิตแบบน้องทั้งสอง หรือคุณยูไล พวกเราก็น่าจะลำบากแล้ว นี่มีตั้งเก้าคน จะสู้กับพวกเขาไหวไหมเนี่ย ?" มหาเอกกล่าวบ้าง

"พวกเขาจำเป็นต้องปกป้ององค์จักรพรรดิ ไม่ใช่เรื่องแปลก" กัปตันวันชนะว่า

ทันทีนั้น ก็มีคำสั่งจากเทพพยากรณ์ออเรเคิล ผ่านมาทางกระแสจิตของกาดิซและทีมอย่างปัจจุบันทันด่วน

"รักษาสภาวะคุ้มกันองค์จักรพรรดิไว้ อย่าเสื่อมถอยแม้แต่น้อย! กับทั้งพยายามครอบงำจิตใจบุรุษซึ่งเป็นผู้นำของเหล่าอาคันตุกะนั่นไว้ให้ได้!! ถ้าทำได้ แผนการต่างๆ ขององค์จักรพรรดิซึ่งเสนอโดยท่านหัวหน้าขันฑีหลวงเลโอนีดาส ก็จะสัมฤทธิ์ผล!!"

"น้อมรับคำสั่งท่านเทพพยากรณ์ และจะจัดการเดี๋ยวนี้!"

กาดิซตอบ แล้วทั้ง 9 คนแบ่งงานทางจิตกันทันที ณ บัดนั้น!

กระแสจิตอันอ่อนละมุนนุ่มนวลแต่มีพลังโน้มน้าวใจให้คล้อยตามเป็นอันมาก พุ่งเข้าเกาะกุมจิตใจของกัปตันวันชนะ โดยที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัว และแอนนา เด็กชายแจ๊ค กับยูไล ก็ไม่ทันระแคะระคาย เพราะถูกกันไว้แล้ว!

"จงสวามิภักดิ์ และรับใช้จักรพรรดิของเรา! เพราะพระองค์ทรงมีคุณธรรม ทรงห่วงใยและรักใคร่พสกนิกรทั่วทั้งจักรวรรดิ เปรียบประดุจบิดารักใคร่และห่วงใยบุตรหลานของตัวเอง ทั้งยังทรงมีน้ำพระทัยอย่างเยี่ยม ท่านประสงค์สิ่งใดในการมา พระองค์จักทรงช่วยพวกท่านอย่างแน่นอน!!"

จากนั้น ในหัวสมองของกัปตันวันชนะก็เต็มไปด้วยภาพอันสุดแสนน่าประทับใจ เช่น ความทรงมีพระเมตตาของจักรพรรดิต่อชาวบ้านผู้ยากไร้ การทรงมีพระราชกรณียกิจสารพัดสารพันทั่วทั้งจักรวรรดิ

เป็นสิ่งที่คุ้นเคยอย่างยิ่ง เพราะเขาเคยเห็นภาพต่างๆเหล่านี้มาแล้วจากเรื่องราวของประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของตนในอดีตสมัยศตวรรษที่ 25-26!!

"โอ! จักรพรรดิผู้ทรงธรรม !!" กัปตันวันชนะร่ำร้องชื่นชมอยู่ในใจ

เขาถูกสะกดจิตเข้าให้แล้วอย่างเต็มเปา !! โดยไม่มีใครขัดขวางได้เลย ไม่ว่าจะเป็น ยูไล เกลเลอร์ แอนนา หรือน้องแจ๊ค ทั้งๆ ที่ทั้งสามคนมีพลังจิตมหัศจรรย์กันอยู่แท้ๆ แต่ก็ถูก "กันไว้" หมด อ่านพระทัยของจักรพรรดิไม่ได้ยังไม่พอ ยังไม่อาจปกป้องช่วยเหลือกัปตันวันชนะได้อีกเสียด้วย!!

เทพพยากรณ์ออเรเคิล ลุกขึ้นเดินเข้าไปใกล้องค์จักรพรรดิ แล้วน้อมกายก้มหัวลงต่ำ กราบทูลเบาๆ หลังจากที่ออเรร่าได้กราบทูลโต้ตอบพระองค์ด้วยวาจาที่เผ็ดร้อนดุเดือดจบลงแล้วและพระองค์กำลังทรงอึ้งตะลึงลานอยู่ ".......ข้าแต่องค์จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิแอตแลนติสอันเกรียงไกร หม่อมฉันขอทูลถาม...พระองค์ ยังจะเสพซากเดนแห่งกามของสัตว์เดรัจฉานนั้นได้ลงหรือเพคะ ฝ่าบาท ??? !!!"

"ขอพระราชทานอภัยเพคะ ฝ่าบาท"

"มีอันใดจะบอกข้าหรือ ออเรเคิล บอกมาเถิด!"

"เพคะ!" กราบทูลตอบแล้วจึงก้มลงไปกระซิบใกล้พระกรรณ "ฝ่าบาท หม่อมฉันสั่งให้เก้ายอดผู้ทรงพลังจิตแผ่พลังเป็นเกราะปกป้องคุ้มกันพระทัยของพระองค์แล้วอย่างแน่นหนาเพคะ ไม่มีใครสามารถจู่โจมพระทัยของพระองค์ อ่านพระทัยของพระองค์ได้เลย แม้แต่น้อย!"

"อย่างนั้นรึ ท่านเทพพยากรณ์ ? ได้อย่างนั้นก็ดีสิ!!" จักรพรรดิเนรอสตรัสอย่างตื่นเต้น

"แน่นอนเพคะ ทรงวางพระทัยได้เลย และไม่เพียงแต่เท่านั้นนะเพคะ ฝ่าบาท.."

"ฮะ! ยังมีอะไรดีๆ อีก กระนั้นรึ ?"

"แน่นอนเพคะ! คือว่า นอกจาก 9 ยอดผู้มีพลังจิตได้แผ่พลังปกป้องพระทัยของพระองค์แล้ว พวกเขา ยังได้ครอบงำจิตใจของบุรุษผู้เป็นผู้นำของเหล่าอาคันตุกะได้ด้วยเพคะ!! ขณะนี้ จิตใจเขากำลังรู้สึกเลื่อมใสและชื่นชมพระองค์เป็นล้นพ้น เป็นต้นว่า เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นดุจบิดาของชาวจักรวรรดิทั้งมวล ประดุจบิดากับบุตร"

"อย่างนั้นหรือ ออเรเคิล ??!!" จักรพรรดิตรัสถามและเริ่มแย้มสรวล

"ใฃ่เพคะ ฝ่าบาท อย่าได้ทรงช้า! พึงทรงรีบฉกฉวยโอกาสนี้ ตรัสอภัยโทษนางผู้มีมลทินคนนี้เสีย และประทานตำแหน่งล่ามภาษาฟินิเชียนให้นาง เพื่อให้นางเล่าเรื่องราวต่างๆ ของคนพวกนี้ให้พวกเราได้ทราบต่อไปเถิดพระเจ้าข้า แล้วผู้นำของเขา กับทั้งเหล่าบริวารของเขาหลายๆ คน อาจจะได้เห็นคล้อยตามเขาว่า พระองค์ทรงคุณธรรม และทรงมีน้ำพระทัยกว้าง ไม่ทรงถือโทษโกรธเคืองนางผู้นี้ ทั้งๆที่อันที่จริง หญิงปากคอเราะร้ายเยี่ยงนาง สมควรถูกตัดลิ้นแล้วเอาเกลือทาให้ทรมานจนตาย!!"

"อืม...ความคิดของท่านแยบยลนัก! ท่านเทพพยากรณ์! เอาละ ข้าจะทำตามที่ท่านแนะนำก็แล้วกัน!"

เนื่องจากทั้งองค์จักรพรรดิและเทพพยากรณ์พูดคุยกันด้วยภาษาแอตแลนติสเชี่ยน ดังนั้นออเรร่าจึงฟังไม่ออก ได้แต่ยืนรอฟังคำตอบจากจักรพรรดิแต่เพียงอย่างเดียว

ในที่สุด จักรพรรดิเนรอสก็ตรัสตอบ ด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไป อย่างที่นางคาดไม่ถึง

"ออเรร่า...ข้าเห็นใจเจ้าเหลือเกิน...ชะตากรรมของเจ้า น่าสงสารยิ่งนัก! เอาละ ข้าจะไม่ฝืนใจเจ้าอีกต่อไปแล้ว! และขอแต่งตั้งเจ้าให้เป็นล่ามประจำพระราชวัง เพื่อให้ทำหน้าที่แปลภาษาฟินิเชียนเป็นภาษาที่พวกสหายของเจ้าฟังเข้าใจ นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เจ้าจงทำหน้าที่เป็นล่ามต่อไปเถิด!"

ออเรร่าอึ้ง ยืนมองพระองค์ด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะทูลถาม

"เอ้อ...พระองค์ ไม่ทรงกริ้วหม่อมฉันหรือเพคะ ที่ได้กราบทูลถ้อยคำรุนแรงและหยาบคายต่อพระองค์ ?"

จักรพรรดิเนรอสทรงเปล่งพระสรวลเล็กน้อย ก่อนตรัสตอบ "ข้าจะโกรธเจ้าไปทำไมเล่า ? ในเมื่อได้รู้ และเข้าใจ ทั้งเห็นใจด้วยแล้ว ในชะตากรรมอันน่าสงสารและน่าหดหู่ของเจ้าเช่นนี้"

เท่านั้นเอง หญิงมิอสังหารเร็พไทเลี่ยนคุกเข่าก้มถวายคารวะอีกครั้ง

"ขอบพระทัยเพคะ ฝ่าบาท"

"อืมม....ไม่ต้องเกรงใจและมากพิธี ลุกขึ้นเถิด และเป็นล่ามแปลภาษาที่เราคุยกันให้เหล่าสหายของเจ้าฟังกันต่อไป"

"เพคะ ฝ่าบาท"

หลังจากนั้น จึงเป็นการที่จักรพรรดิทรงซักถามถึงสาเหตุของการเดินทางมาของ THE FUGITIVE และชาวคณะ จักรพรรดิเนรอสจึงได้ทรงทราบเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมด

"ดังนั้น พวกเจ้าทุกคน คือมาตามหาสหายผู้มีนามว่า สถาพร กับภริยาและบริวารสามคนของเขา"

"ถูกต้องเพคะ ฝ่าบาท"

"ถ้ากระนั้น จงบอกกับผู้นำของพวกเจ้าว่า ข้ายินดีช่วยตามหาสหายของเขาจนพบ แต่ในช่วงเวลาแห่งการตามหาตัวนี้ เขา และพวกเจ้าทุกคน ก็สมควรที่จะพำนักอยู่กับพวกเราไปก่อน และทำงานให้ข้าบ้างตามสมควร บอกผู้นำของเจ้าตามนี้ และถามเขาดูทีรึ ว่าจะเห็นเป็นประการใด ?"

ออเรร่าแปลพระดำรัสนั้นให้กัปตันวันชนะและทุกคนฟัง

ทันทีที่ฟังคำแปลจบ กัปตันตอบรับทันที โดยหันไปบอกสาวจอยเพื่อถ่ายทอดคำพูด "คุณจอย บอกกับออเรร่าไปเลยครับว่า ให้กราบทูลว่า ผมในฐานะของผู้นำของพวกเรา ตกลงตามพระดำรัสที่ทรงเสนอ และบอกขอบพระทัยพระองค์ด้วยที่ทรงมีน้ำพระทัยโอบอ้อมอารีย์" เขากล่าวแล้วมองดูองค์จักรพรรดิด้วยสายตาเลื่อมใสและชื่นชม

ชาวคณะหลายคนหันมามองหน้าผู้เป็นเจ้านายด้วยความประหลาดใจที่เห็นเขาตัดสินใจอย่างรวดเร็วเหมือนไม่คิดอะไรเลย!

"เอ....ตัดสินใจไวมากเลยนะครับ กัปตัน" หนุ่มแซมเอ่ยทัก

"นั่นสิคะกัปตัน" สาวเล็กกล่าวอีกหนึ่งราย "ยังกับว่า กัปตันเตรียมคำตอบไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้วงั้นแหละ"

"ผมว่า ผมสัมผัสได้ถึงความจริงพระทัยของพระองค์ครับ!" กัปตันเริ่มกล่าวชมองค์จักรพรรดิ "พวกคุณคิดดูสิครับ ยานของพวกเรา ปล่อยเลเซอร์นับร้อยลำแสงลงมาทำลายยานของกองทัพของพระองค์พินาศวอดวายไปเป็นสิบๆ ลำ พระองค์ก็ไม่ทรงถือโทษโกรธเคืองใดๆ ต่อพวกเราทั้งสิ้น และตอนนี้ ยังทรงพระราชทานอภัยโทษแก่ออเรร่า ทั้งยังทรงสัญญาว่าจะทรงช่วยพวกเราตามหาสถาพรให้พบอีกด้วย"

ทุกคนมองเห็นว่าเจ้านายของตนมีความนิยมและศรัทธาในองค์จักรพรรดิอย่างเต็มเปี่ยม สังเกตได้จากสีหน้าและแววตาที่เป็นประกายอย่างชัดแจ้ง

แต่ในเมื่อเขาเป็นผู้นำ จึงไม่มีผู้ใดคัดค้าน อีกทั้งทางด้านองค์จักรพรรดิ ก็มีแต่ด้านที่เป็นบวก เท่าที่ทุกคนมองเห็นในตอนนี้

เย็นวันนั้น จักรพรรดิเนรอสทรงจัดงานเลี้ยงต้อนรับอาคันตุกะทั้งหลายที่มาถึง ทรงปรนเปรอทุกคนอย่างเต็มที่ทั้งอาหารและสุรา

และเป็นโอกาสอีกครั้งหนึ่งสำหรับ ยูไล เกลเลอร์ ในการได้ตักตวงความสุขจากบรรดาสาวๆ ซึ่งองค์จักรพรรดิทรงจัดหามาให้

นักพลังจิตหนุ่มเมามายและลุ่มหลงในรสสวาทกับสาวๆ เหล่านั้นซึ่งล้อมหน้าล้อมหลังเขาอยู่ไม่ห่าง โดยหารู้ไม่ว่ามีใครคนหนึ่งจับตามองดูอยู่ด้วยความไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง!

คือ สาวแอนนา นั่นเอง! เธอรู้สึกขุ่นเคืองมาหนหนึ่งแล้วในตอนที่ THE FUGITIVE ไปอียิปต์เพื่อชวนออเรร่าร่วมเดินทางมาด้วย ซึ่งตอนนั้น ฟาโรห์คูฟูก็ได้ทรงจัดหาสาวๆ ชาวไอยคุปต์พระราชทานแก่เขา และเขาก็เสพนางเหล่านั้นจนหนำใจถึงรุ่งเช้า

คราวนี้ ก็มีทีท่าว่า ท้องฟ้าในวันรุ่งขึ้นจะเรืองรองเหลืองอร่ามกับเขาอีกครั้ง !!

(ต่อครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่