รุ่งเช้า...ในห้องบรรทมของจักรพรรดิเนรอส....
พระสนมเซฟิย่า นอนบิดกายอันเปล่าเปลือยซึ่งห่มคลุมลวกๆ บนเตียงไปมา หลังจากรู้สึกตัวตื่นและพบว่าตัวเองนอนอยู่คนเดียว ส่วนเนรอสพระสวามีเสด็จออกจากห้องไปไหนแล้วก็ไม่รู้ นางสูดปาก หน้าตาเหยเก ร้องคราง แยกเขี้ยวด้วยความรู้สึกระบม เจ็บปวดรวดร้าวซึ่งได้รับจากองค์จักรพรรดิ แต่นั่นก็ทำให้นางสุขสมเมื่อราตรีที่ผ่านมามิใช่น้อย!
"อูยย....เจ็บเนื้อเจ็บตัวไปหมดเลย เฮ่อ!"
ธิดาใหญ่แห่งหัวหน้าผู้พิพากษาตุลาการศาลทวีปลุกขึ้นนั่ง มองซ้ายมองขวา มองดูนาฬิกาแขวนเรือนทองบนผนังด้านหนึ่ง เข็มชี้บอกเวลาเป็นยามที่ 24 ครึ่งอันเป็นยามสุดท้าย อีกครึ่งชั่วยามก็จะเป็นวันใหม่ ดวงอาทิตย์กำลังจะขึ้น
เซฟิย่าลุกขึ้นยืน เดินไปมองตัวเองหน้ากระจกเงาบานใหญ่แล้วทำตาโต ยกมือข้างหนึ่งปิดปากตัวเองด้วยเกรงว่าจะเผลอร้องอุทานออกมา...
นางเห็นรอยเขียวฟกช้ำ และรอยจิกอันเกิดจากเล็บ รอยดูดบริเวณลำคอ และรอยกัดก็ยังมี เดชะบุญที่เนรอสมิได้กัดนางจนจมเขี้ยวกระมัง ? ไม่อย่างนั้นนางคงได้หลั่งเลือดชะโลมกายบ้างเป็นแน่ แต่เท่าที่เห็นอยู่ตอนนี้ก็เลือดซิบๆ อยู่เหมือนกัน!!
"โอยย....ถ้าเราเป็นนางสนมแต่เพียงผู้เดียวของจักรพรรดิไปทุกค่ำคืน คงไม่ไหวกระมังนี่!! เห็นทีต้องให้นางในคนอื่นแบ่งเบาภาระเสียบ้าง!"
นางบ่นพึมพำขณะเดินไปเปิดประตูด้านหลังเพื่อเข้าห้องอาบน้ำ มีนางผู้รับใช้รออยู่แล้วหน้าห้องสองคน ทั้งสองน้อมกายถวายความเคารพทันทีที่เห็นนางเปิดประตูเดินตรงเข้าไปหา
"ถวายบังคมพระสนมเพคะ" สองนางนั้นเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
"อืมม..." เซฟิย่าพยักหน้าอันแสดงความอิดโรย "ข้าจะอาบน้ำอุ่นหน่อย อ่อนเพลียเหลือเกิน"
"เราสองคนเตรียมน้ำอุ่นไว้ในอ่างแล้ว ทรงสนานได้เลยเพคะ พระสนม" หนึ่งในสองนั้นกล่าว หลังจากนั้นสตรีทั้งสามก็พากันเข้า "ห้องสรง" อันโอ่อ่าใหญ่โตรโหฐาน
สองสาวชาววังผู้รับใช้นั้นเตรียมน้ำอุ่นผสมน้ำหอมไว้อย่างดี ตลอดเวลาที่ทั้งสองช่วยกันขัดสีฉวีวรรณ หลายครั้งที่เซฟิย่าต้องคอยบอกให้เบามือ ในยามที่มือของสองนางไปโดนแผลหรือรอยต่างๆ บนเรือนร่าง
"อูยยย....เบามือหน่อยจ้ะ เจ้าสองคนปกติมือหนัก วันนี้ต้องเบาๆ นะ โดยเฉพาะเจ้า โรซ่า" นางกล่าวกับหนึ่งในสองสาวผิวสีคล้ำ ผมดำ นัยน์ตาคมเข้ม
"โอ! พระสนมเพคะ...ดูท่าทางเมื่อคืน คงกรำศึกมาไม่น้อยเลย คิคิ" โรซ่าสัพยอกแล้วนางกับหญิงสหายก็พากันหัวเราะคิกคัก
"ข้าแทบจะขาดใจตาย!" เซฟิย่าทำปากเบะ "กระดูกกระเดี้ยวแทบหักเป็นท่อนๆ แล้วรู้ไหม พวกเจ้า"
"เอ...พระสนมก็อยู่กับองค์จักรพรรดิมาแรมเดือนแล้ว ยังไม่ชินอีกหรือเพคะ ?" อีกนางหนึ่งถามยิ้มๆ
"ชินอะไรกันเล่า ลิลลี่!" เซฟิย่าตอบนางผู้รับใช้คนที่สองผู้มีผิวขาว ผมสีน้ำตาล รูปร่างพอๆ กันกับโรซ่า " เมื่อคืนนี้พระองค์ทรงกระทำกับข้าอย่างรุนแรงมากเลย ราวกับว่าทรงตายอดตายอยากมานมนานฉะนั้น!"
"อืม....ข้าน้อยว่าไม่น่าแปลกนะเพคะ เพราะองค์จักรพรรดิทรงหายไปไหนก็ไม่รู้มาตั้งหลายวัน" โรซ่าเดา
"ใช่ๆ เพคะ ตลอดหลายวันที่ผ่านมา พระองค์คงไม่ได้เสพสมกับสตรีใดๆ เลยเป็นแม่นมั่น!" ลิลลี่พยักหน้าเห็นด้วย แล้วทำตาโตเมื่อมองเห็นรอยกัดรอยหนึ่งเหนือถันด้านซ้าย
"อู๊ยย....ค่อยๆ ใช้ฟองน้ำถูเบาๆ นะลิลลี่ ตรงนี้น่ะ!" เซฟิย่าสะดุ้งเฮือก กายสะท้านและสูดปากเมื่อถูกลิลลี่แตะถูกรอยที่ว่า
"อื้อหืมมม...แสดงว่าพระองค์ทรงพึงพอพระทัยเป็นอันมากเลยนะเพคะเนี่ย" ลิลลี่ว่าพลางใช้ฟองน้ำถูให้อย่างแผ่วเบา
"ก็คงจะอย่างนั้นกระมัง..." เซฟิย่ากล่าวแล้วแยกเขี้ยวอีกที แล้วถามผู้รับใช้ทั้งสองนาง "นี่ โรซ่า ลิลลี่ ถามหน่อยสิ! องค์จักรพรรดิเคยใช้บริการจากพวกเจ้ามาก่อนหรือไม่ ?"
ทั้งสองนางมองหน้าคนถาม จากนั้นก็มองหน้ากันและกันแล้วหัวเราะคิกคัก แล้วโรซ่าจึงย้อนถามคำถามหนึ่งแทนที่จะตอบคำถามพระสนม
"พระสนมเพคะ พระสนมว่า สาวๆ ในวังหลวง มีใครคนไหนหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่บ้างไหมเล่าเพคะ ?"
"อึ๊!!" เซฟิย่าสั่นศีรษะ "สวยกันทุกคน ไม่เห็นมีนางใดขี้เหร่นี่นา สตรีขี้เหร่หรืออัปลักษณ์ จะได้เข้ามาเป็นสาวชาววังได้อย่างไรกันเล่า"
"เพคะ แล้วพระสนมทราบไหมเพคะ ว่าแต่ละคนต้องผ่านการคัดเลือกขั้นสุดท้ายเช่นไร จึงจะได้เป็นนางใน ?" ลิลลี่ถามแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม
"เจ้า...หมายความว่า..." พอหยุดพูด เซฟิย่าก็ทำตาโต
"ช่ายย...เพคะ" สองสาวพยักหน้าและกล่าวพร้อมกัน
"โห......" เซฟิย่าอุทาน "...แล้วเคยมีใครโดน...เหมือนอย่างข้า เมื่อคืนนี้ แบบนี้ไหมนี่ ??"
"ฮืมมม...." สองนางนั้นทำท่าครุ่นคิด แล้วลิลลี่ก็ตอบก่อน "คิดว่าไม่นะเพคะ ตอนที่ข้าน้อยได้ถวายตัว พระองค์ก็ทรงกระทำกับข้าน้อย อย่างนุ่มนวล..."
"ใช่ๆๆๆ ข้าน้อยก็เหมือนกัน" โรซ่าพยักหน้ารัวๆ ตอบตามเพื่อน "พระองค์ทรงนุ่มนวล ละเมียดละไมมาก...จะทรงรุนแรงบ้าง ก็ตอนที่กำลังทรงบรรลุถึงที่สุดแห่งความหฤหรรษเท่านั้น...แต่ก็ไม่ทรงรุนแรงถึงขนาดที่พระสนมได้รับมาเยี่ยงนี้ดอกเพคะ"
"อืมม...แปลกจริง!" เซฟิย่าทำหน้าสงสัย
"อย่าคิดมากไปเลยเพคะ พระสนม" ลิลลี่ว่า "พระองค์คงจะทรง 'กระหาย' มาหลายวัน ก็เลยหนักหน่วงไปหน่อยสำหรับเมื่อคืนนี้"
"ต่อๆ ไป ก็คงจะทรงเพลามือลงบ้างแหละเพคะ พระสนม" โรซ่ากล่าวตามมา
"ขอให้เป็นอย่างนั้นเถิด!" เซฟิย่ากล่าวแล้วทำตาลอย "ขืนโดนแบบเมื่อคืนนี้ทุกคืน ข้าคงตายแน่สักวัน!"
"ถ้าวันไหน ราตรีไหน ไม่ไหว ก็ทูลบอกว่าพระสนมไม่สบาย เจ็บป่วยไข้ แล้วให้เราคนใดคนหนึ่งถวายการรับใช้แทนได้นะเพคะ!" ลิลลี่พูดหน้าตาเฉย
"หรือม่ายอย่างนั้นก็ พร้อมกันสองคนเลย ฮิฮิ" โรซ่าผสมโรงแล้วหัวเราะ
"แหม...พวกเจ้าสองคนนี่!" เซฟิย่าว่าแล้วตีแขนทั้งสองนางคนละเผียะ แล้วทำหน้าสงสัยขึ้นมาอีก ก่อนจะถาม "เอ๊ะ ? พระองค์เคยทรงเรียกใช้นางในสองนางขึ้นไปพร้อมกันไหม ?"
"เคยเพคะ พระสนม!" ลิลลี่ตอบ "ข้าน้อยเคยได้ยินว่า ช่วงแรกๆ เข้าสู่วัยฉกรรจ์ และช่วงหลังจากทรงจักรพรรดิราชาภิเษกใหม่ๆ เคยทรงเลือกนางในสองนางบ้าง สามนางบ้างก็มีเพคะ!"
"เหรอ ??" เซฟิย่าทำตาโตอีกรอบ แล้วพยักหน้าหงึกๆ "อืมม...งั้นก็คงเป็นไปได้ ที่จะทรงมีความรุนแรงเป็นพิเศษบ้าง!"
"ใช่เพคะ เพราะฉะนั้น พระสนมอย่าคิดมากเลยเพคะ" โรซ่าพูดแล้วยิ้มแป้น
หลังจากได้อาบน้ำ ขัดสีฉวีวรรณพลางพูดคุยกับสองสาวผู้รับใช้ประจำตัวนานจนหนำใจแล้ว เซฟิย่าจึงบอกลาสองสาว กลับเข้าห้องบรรทม สวมอาภรณ์ชุดใหม่แล้วนั่งเล่นอยู่บนเตียง รอการกลับมาของเนรอส
ในช่วงเวลาที่นางกำลังเพลิดเพลินอยู่กับลิลลี่และโรซ่าในห้องสนานนั้น อีกด้านหนึ่ง บนดาดฟ้าเหนือพระตำหนัก เนรอสยืนนิ่งอยู่กับคนสองคน ในบรรยากาศซึ่งยังคงมืดอยู่เป็นส่วนใหญ่ ฟ้าสางจับที่ขอบฟ้าเพียงน้อยนิด ทำให้มองเห็นร่างนั้นเป็นเหมือนเงาดำทมึน สูงใหญ่กว่าตัวของเนรอส สองร่าง เท่านั้น ไม่เห็นรายละเอียดอื่นใดเพราะความมืดสลัว
สองร่างนั้นคุยกันอยู่...
"เจ้าทำได้ดีมาก! ขอบใจมาก ที่หาคนมาให้ข้าได้ปลดเปลื้องสมความอยาก บนนี้!"
"ไม่เป็นไร...แต่ท่านก็ต้องระมัดระวังตัวหน่อย อย่าเผลอตัวเผลอใจ จนสันดานดิบของตัวเองหลุดออกมาจนควบคุมไม่ได้ ! พยายามกลมกลืน เนียนสนิทเข้าไว้ ชนเหล่านี้มีความเจริญศิวิไลซ์ มีอารยธรรม มิใช่คนป่าหรืออนารยชน วิทยาการของพวกเขาก็เจริญมาก ฉะนั้น อย่าให้เสียการ! จะให้พวกเขารู้ตัวตนของท่านมิได้เป็นอันขาดทีเดียว! เพราะหากพวกเขารู้ และไม่ยอมอยู่ใต้การปกครองของท่านแล้วไซร้ ก็จะนำไปสู่สงคราม! ลำพังเฉพาะพวกเขาก็หนักหนามิใช่น้อยอยู่แล้วด้วยสรรพวิทยาการที่พวกเขามีอยู่!
แต่ถ้ารบกัน พวกเขายังมี 'บรรพบุรุษ' ซึ่งอาจกลับมาหาพวกเขาได้ทุกเมื่อ และพวกเราย่อมไม่ต้องการทำสงครามกับชนเหล่านั้น!"
"ข้าเข้าใจแล้ว..."
"ดี!" บุรุษลึกลับกล่าว "เอาละ ท่านจง
กลับเข้าร่างได้แล้ว และรีบกลับลงไปเสียเถิด ไม่ควรหายตัวจากพระตำหนักนานนัก ที่ผ่านมาสามสี่วันก็มีคนสงสัยแล้วนะ ฉะนั้นวางตัวให้ดี! อ้อ...
พยายามพูดภาษาของชนเหล่านี้ให้ชัดเจน อย่าเพี้ยน! คำไหนที่ยังไม่คล่อง ก็ฝึกพูดให้บ่อยๆ "
"รู้แล้วน่า.....ท่านไปเถิด"
"ตกลง แล้วค่อยพบกันใหม่เมื่อถึงคราวจำเป็น!"
พูดจบ บุรุษลึกลับนั้นก็แหงนหน้าขึ้น ทันใดนั้นก็มีดวงไฟกลมใหญ่ปรากฏสว่างจ้าเหนือศีรษะสูงขึ้นไปหายช่วงตัว แล้วร่างของบุรุษลึกลับนั้นก็พลันสลายหายวับไป !
ขณะเดียวกัน อีกร่างหนึ่งก็เข้าโอบกอดร่างของเนรอส แล้วปรากฏประหนึ่งว่าถูกร่างของเนรอสดูดกลืนหายเข้าไปในกายจนหมดสิ้น! จากนั้น เนรอสซึ่งยืนนิ่งอยู่นาน ก็ขยับแขนขา แล้วก้าวเดินไปตามทางเดินบนดาดฟ้า ลงไปสู่ขั้นบันไดซึ่งทอดยาวลงไปยังทวารลับ เข้าสู่ห้องบรรทม...
*********************************************************************
ทางด้านของเทพพยากรณ์ ออเรเคิล กับบริวารที่เหลือ ซึ่งประกอบด้วย เลโอนีดาส ศิษย์ของนาง ผู้ใกล้ชิดที่สุด และเหล่านักพลังจิตที่เหลือ ต่างก็เร่งมือกันทำงาน โดยออเรเคิลสั่งให้เหล่านักพลังจิต นำโดยกาดิซ เที่ยวเลือกเฟ้นหาตัวนักพลังจิตมาเพิ่มแทนที่คนที่สูญเสียไป กับทั้งพยายามสืบความเคลื่อนไหวต่างๆ ของทั้งสองฝั่งอาณาจักร คือทั้งฝั่งสหพันธรัฐซึ่งเงียบไป ไร้ความเคลื่อนไหวใดๆ แต่เป็นที่เข้าใจว่ากำลังอยู่ในช่วงเตรียมการต่อสู้คดีความในชั้นศาลอุทธรณ์ และอีกฝั่งหนึ่งก็คือฝั่งของตัวเอง ซึ่งหมายถึงความเป็นไปต่างๆ ในราชสำนักด้วย
"ข้าสังเกตเห็นได้ว่า ช่วงนี้ องค์จักรพรรดิ ทรงเปลี่ยนไปจากเดิม!" เทพพยากรณ์กล่าวกับเหล่าบริวารในห้องประชุม ในสถานที่พำนักลับใต้ดินของตน
"พระองค์ทรงเปลี่ยนไปอย่างไรหรือขอรับ ท่านหัวหน้า ?" กาดิซถาม
"อืม...ข้าก็บอกไม่ถูก..." ออเรเคิลกล่าวพลางขมวดคิ้ว สีหน้าแววตาแสดงความสงสัย "...เสมือนหนึ่งพระองค์ทรงมีความแข็งกระด้างขึ้น จริงจัง มุ่งมั่น อย่างไรชอบกลอยู่ สายพระเนตรซึ่งทรงจ้องมองข้า ก็ไม่อ่อนโยนอย่างที่ทรงเคยเป็น!"
"ท่านอาจารย์ขอรับ" เลโอนีดาสยกมือขึ้นเป็นทำนองขออนุญาตแสดงความคิดเห็น
"ว่าไง เลโอนีดาส เจ้ามีความเห็นประการใดรึ ?"
"ข้าคิดว่า การที่องค์จักรพรรดิทรงหายตัวไปหลายวันที่ผ่านมานั้น ต้องมีเหตุการณ์พิเศษบางอย่างเกิดขึ้นกับพระองค์ แล้วทำให้พระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิม...ขอรับ ท่านอาจารย์"
"ข้าก็สงสัยเรื่องการหายตัวไปนั่นเหมือนกัน" นางพยักหน้าตอบลูกศิษย์ "แต่นั่น...ก็ยิ่งทำให้ข้ามึนงงหนักขึ้น เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ก็หมายความว่าพระองค์ถูกครอบงำโดยใครสักคน! ซึ่งข้ามองไม่เห็นเลยว่า ทั่วแผ่นดินนี้ นอกจากข้าแล้วจะมีใครผู้ใดอื่นอีก ที่จะสามารถเกาะกุมหรือครอบงำจิตใจของพระองค์ได้จนถึงกับทำให้พระองค์แปรเปลี่ยนไปอย่างนั้น..."
"ทั่วแผ่นดินแห่งจักรวรรดิ ท่านคือผู้เป็นหนึ่งขอรับ ท่านหัวหน้า" กาดิซน้อมกายกล่าว
"เจ็บใจจริงๆ..." ออเรเคิลขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าวต่อไปอย่างไม่สบอารมณ์ "...ข้าน่าจะยึดครองพระทัยของพระองค์ ควบคุม ครอบงำพระองค์เสียเองเสียแต่เนิ่นๆ ถ้าข้าจัดการเสียแต่แรก ก็คงไม่ต้องมานั่งปวดหัวว่าจะมีใครที่ไหนกล้าบังอาจมาลองดีเช่นนี้! อยากรู้จริงๆ"
"ลองใช้วิชาของท่านอาจารย์ ดึงพระองค์กลับมาอยู่ใต้อำนาจดูทีหรือขอรับ" เลโอนีดาสเสนอแนะ
"ข้าก็คิดอยู่นะ เลโอนีดาส!" นางพยักหน้าเห็นด้วย "และข้าจะลองดูในคืนนี้ แต่ช่วงเวลากลางวันของวันนี้ ข้าจะลองไปขอเข้าเฝ้าดูก่อน เพื่อตรวจดูอากัปกิริยาต่างๆ ของพระองค์ดู งานนี้ข้าต้องลงมือเอง! ส่วนเจ้าก็เร่งการผลิตสร้างยานต่อไปให้ครบและให้พร้อมใช้งานได้โดยเร็วที่สุด เพื่อการศึกสงครามในวันข้างหน้า คงอีกไม่นานดอก! ข้าเชื่อว่าอย่างไรเสีย พวกเราต้องสู้รบกับพวกสหพันธรัฐทางเหนืออีกครั้ง! มันเป็นชะตาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้!"
"โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าศาลอุทธรณ์พิพากษาให้พวกเขาชนะคดีอีก! เราก็จะสูญเสียแคสสิโอเปียเป็นการถาวร" กาดิซกล่าว
"นั่นแหละ! จะเป็นสิ่งที่เรายอมไม่ได้!!" ออเรเคิลกัดฟันพูด "เพราะฉะนั้น กองกำลังของพวกเราต้องสมบูรณ์เพียบพร้อม เพื่อโค่นล้มสหพันธรัฐแล้วผนวกดินแดน รวมแอตแลนติสเป็นจักรวรรดิหนึ่งเดียวยิ่งใหญ่เกรียงไกรเหนือกว่าทุกดินแดนในโลกนี้!!"
(ต่อครับ)
💫🕛💫🚀 แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 28 🚀💫🕛💫
พระสนมเซฟิย่า นอนบิดกายอันเปล่าเปลือยซึ่งห่มคลุมลวกๆ บนเตียงไปมา หลังจากรู้สึกตัวตื่นและพบว่าตัวเองนอนอยู่คนเดียว ส่วนเนรอสพระสวามีเสด็จออกจากห้องไปไหนแล้วก็ไม่รู้ นางสูดปาก หน้าตาเหยเก ร้องคราง แยกเขี้ยวด้วยความรู้สึกระบม เจ็บปวดรวดร้าวซึ่งได้รับจากองค์จักรพรรดิ แต่นั่นก็ทำให้นางสุขสมเมื่อราตรีที่ผ่านมามิใช่น้อย!
"อูยย....เจ็บเนื้อเจ็บตัวไปหมดเลย เฮ่อ!"
ธิดาใหญ่แห่งหัวหน้าผู้พิพากษาตุลาการศาลทวีปลุกขึ้นนั่ง มองซ้ายมองขวา มองดูนาฬิกาแขวนเรือนทองบนผนังด้านหนึ่ง เข็มชี้บอกเวลาเป็นยามที่ 24 ครึ่งอันเป็นยามสุดท้าย อีกครึ่งชั่วยามก็จะเป็นวันใหม่ ดวงอาทิตย์กำลังจะขึ้น
เซฟิย่าลุกขึ้นยืน เดินไปมองตัวเองหน้ากระจกเงาบานใหญ่แล้วทำตาโต ยกมือข้างหนึ่งปิดปากตัวเองด้วยเกรงว่าจะเผลอร้องอุทานออกมา...
นางเห็นรอยเขียวฟกช้ำ และรอยจิกอันเกิดจากเล็บ รอยดูดบริเวณลำคอ และรอยกัดก็ยังมี เดชะบุญที่เนรอสมิได้กัดนางจนจมเขี้ยวกระมัง ? ไม่อย่างนั้นนางคงได้หลั่งเลือดชะโลมกายบ้างเป็นแน่ แต่เท่าที่เห็นอยู่ตอนนี้ก็เลือดซิบๆ อยู่เหมือนกัน!!
"โอยย....ถ้าเราเป็นนางสนมแต่เพียงผู้เดียวของจักรพรรดิไปทุกค่ำคืน คงไม่ไหวกระมังนี่!! เห็นทีต้องให้นางในคนอื่นแบ่งเบาภาระเสียบ้าง!"
นางบ่นพึมพำขณะเดินไปเปิดประตูด้านหลังเพื่อเข้าห้องอาบน้ำ มีนางผู้รับใช้รออยู่แล้วหน้าห้องสองคน ทั้งสองน้อมกายถวายความเคารพทันทีที่เห็นนางเปิดประตูเดินตรงเข้าไปหา
"ถวายบังคมพระสนมเพคะ" สองนางนั้นเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
"อืมม..." เซฟิย่าพยักหน้าอันแสดงความอิดโรย "ข้าจะอาบน้ำอุ่นหน่อย อ่อนเพลียเหลือเกิน"
"เราสองคนเตรียมน้ำอุ่นไว้ในอ่างแล้ว ทรงสนานได้เลยเพคะ พระสนม" หนึ่งในสองนั้นกล่าว หลังจากนั้นสตรีทั้งสามก็พากันเข้า "ห้องสรง" อันโอ่อ่าใหญ่โตรโหฐาน
สองสาวชาววังผู้รับใช้นั้นเตรียมน้ำอุ่นผสมน้ำหอมไว้อย่างดี ตลอดเวลาที่ทั้งสองช่วยกันขัดสีฉวีวรรณ หลายครั้งที่เซฟิย่าต้องคอยบอกให้เบามือ ในยามที่มือของสองนางไปโดนแผลหรือรอยต่างๆ บนเรือนร่าง
"อูยยย....เบามือหน่อยจ้ะ เจ้าสองคนปกติมือหนัก วันนี้ต้องเบาๆ นะ โดยเฉพาะเจ้า โรซ่า" นางกล่าวกับหนึ่งในสองสาวผิวสีคล้ำ ผมดำ นัยน์ตาคมเข้ม
"โอ! พระสนมเพคะ...ดูท่าทางเมื่อคืน คงกรำศึกมาไม่น้อยเลย คิคิ" โรซ่าสัพยอกแล้วนางกับหญิงสหายก็พากันหัวเราะคิกคัก
"ข้าแทบจะขาดใจตาย!" เซฟิย่าทำปากเบะ "กระดูกกระเดี้ยวแทบหักเป็นท่อนๆ แล้วรู้ไหม พวกเจ้า"
"เอ...พระสนมก็อยู่กับองค์จักรพรรดิมาแรมเดือนแล้ว ยังไม่ชินอีกหรือเพคะ ?" อีกนางหนึ่งถามยิ้มๆ
"ชินอะไรกันเล่า ลิลลี่!" เซฟิย่าตอบนางผู้รับใช้คนที่สองผู้มีผิวขาว ผมสีน้ำตาล รูปร่างพอๆ กันกับโรซ่า " เมื่อคืนนี้พระองค์ทรงกระทำกับข้าอย่างรุนแรงมากเลย ราวกับว่าทรงตายอดตายอยากมานมนานฉะนั้น!"
"อืม....ข้าน้อยว่าไม่น่าแปลกนะเพคะ เพราะองค์จักรพรรดิทรงหายไปไหนก็ไม่รู้มาตั้งหลายวัน" โรซ่าเดา
"ใช่ๆ เพคะ ตลอดหลายวันที่ผ่านมา พระองค์คงไม่ได้เสพสมกับสตรีใดๆ เลยเป็นแม่นมั่น!" ลิลลี่พยักหน้าเห็นด้วย แล้วทำตาโตเมื่อมองเห็นรอยกัดรอยหนึ่งเหนือถันด้านซ้าย
"อู๊ยย....ค่อยๆ ใช้ฟองน้ำถูเบาๆ นะลิลลี่ ตรงนี้น่ะ!" เซฟิย่าสะดุ้งเฮือก กายสะท้านและสูดปากเมื่อถูกลิลลี่แตะถูกรอยที่ว่า
"อื้อหืมมม...แสดงว่าพระองค์ทรงพึงพอพระทัยเป็นอันมากเลยนะเพคะเนี่ย" ลิลลี่ว่าพลางใช้ฟองน้ำถูให้อย่างแผ่วเบา
"ก็คงจะอย่างนั้นกระมัง..." เซฟิย่ากล่าวแล้วแยกเขี้ยวอีกที แล้วถามผู้รับใช้ทั้งสองนาง "นี่ โรซ่า ลิลลี่ ถามหน่อยสิ! องค์จักรพรรดิเคยใช้บริการจากพวกเจ้ามาก่อนหรือไม่ ?"
ทั้งสองนางมองหน้าคนถาม จากนั้นก็มองหน้ากันและกันแล้วหัวเราะคิกคัก แล้วโรซ่าจึงย้อนถามคำถามหนึ่งแทนที่จะตอบคำถามพระสนม
"พระสนมเพคะ พระสนมว่า สาวๆ ในวังหลวง มีใครคนไหนหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่บ้างไหมเล่าเพคะ ?"
"อึ๊!!" เซฟิย่าสั่นศีรษะ "สวยกันทุกคน ไม่เห็นมีนางใดขี้เหร่นี่นา สตรีขี้เหร่หรืออัปลักษณ์ จะได้เข้ามาเป็นสาวชาววังได้อย่างไรกันเล่า"
"เพคะ แล้วพระสนมทราบไหมเพคะ ว่าแต่ละคนต้องผ่านการคัดเลือกขั้นสุดท้ายเช่นไร จึงจะได้เป็นนางใน ?" ลิลลี่ถามแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม
"เจ้า...หมายความว่า..." พอหยุดพูด เซฟิย่าก็ทำตาโต
"ช่ายย...เพคะ" สองสาวพยักหน้าและกล่าวพร้อมกัน
"โห......" เซฟิย่าอุทาน "...แล้วเคยมีใครโดน...เหมือนอย่างข้า เมื่อคืนนี้ แบบนี้ไหมนี่ ??"
"ฮืมมม...." สองนางนั้นทำท่าครุ่นคิด แล้วลิลลี่ก็ตอบก่อน "คิดว่าไม่นะเพคะ ตอนที่ข้าน้อยได้ถวายตัว พระองค์ก็ทรงกระทำกับข้าน้อย อย่างนุ่มนวล..."
"ใช่ๆๆๆ ข้าน้อยก็เหมือนกัน" โรซ่าพยักหน้ารัวๆ ตอบตามเพื่อน "พระองค์ทรงนุ่มนวล ละเมียดละไมมาก...จะทรงรุนแรงบ้าง ก็ตอนที่กำลังทรงบรรลุถึงที่สุดแห่งความหฤหรรษเท่านั้น...แต่ก็ไม่ทรงรุนแรงถึงขนาดที่พระสนมได้รับมาเยี่ยงนี้ดอกเพคะ"
"อืมม...แปลกจริง!" เซฟิย่าทำหน้าสงสัย
"อย่าคิดมากไปเลยเพคะ พระสนม" ลิลลี่ว่า "พระองค์คงจะทรง 'กระหาย' มาหลายวัน ก็เลยหนักหน่วงไปหน่อยสำหรับเมื่อคืนนี้"
"ต่อๆ ไป ก็คงจะทรงเพลามือลงบ้างแหละเพคะ พระสนม" โรซ่ากล่าวตามมา
"ขอให้เป็นอย่างนั้นเถิด!" เซฟิย่ากล่าวแล้วทำตาลอย "ขืนโดนแบบเมื่อคืนนี้ทุกคืน ข้าคงตายแน่สักวัน!"
"ถ้าวันไหน ราตรีไหน ไม่ไหว ก็ทูลบอกว่าพระสนมไม่สบาย เจ็บป่วยไข้ แล้วให้เราคนใดคนหนึ่งถวายการรับใช้แทนได้นะเพคะ!" ลิลลี่พูดหน้าตาเฉย
"หรือม่ายอย่างนั้นก็ พร้อมกันสองคนเลย ฮิฮิ" โรซ่าผสมโรงแล้วหัวเราะ
"แหม...พวกเจ้าสองคนนี่!" เซฟิย่าว่าแล้วตีแขนทั้งสองนางคนละเผียะ แล้วทำหน้าสงสัยขึ้นมาอีก ก่อนจะถาม "เอ๊ะ ? พระองค์เคยทรงเรียกใช้นางในสองนางขึ้นไปพร้อมกันไหม ?"
"เคยเพคะ พระสนม!" ลิลลี่ตอบ "ข้าน้อยเคยได้ยินว่า ช่วงแรกๆ เข้าสู่วัยฉกรรจ์ และช่วงหลังจากทรงจักรพรรดิราชาภิเษกใหม่ๆ เคยทรงเลือกนางในสองนางบ้าง สามนางบ้างก็มีเพคะ!"
"เหรอ ??" เซฟิย่าทำตาโตอีกรอบ แล้วพยักหน้าหงึกๆ "อืมม...งั้นก็คงเป็นไปได้ ที่จะทรงมีความรุนแรงเป็นพิเศษบ้าง!"
"ใช่เพคะ เพราะฉะนั้น พระสนมอย่าคิดมากเลยเพคะ" โรซ่าพูดแล้วยิ้มแป้น
หลังจากได้อาบน้ำ ขัดสีฉวีวรรณพลางพูดคุยกับสองสาวผู้รับใช้ประจำตัวนานจนหนำใจแล้ว เซฟิย่าจึงบอกลาสองสาว กลับเข้าห้องบรรทม สวมอาภรณ์ชุดใหม่แล้วนั่งเล่นอยู่บนเตียง รอการกลับมาของเนรอส
ในช่วงเวลาที่นางกำลังเพลิดเพลินอยู่กับลิลลี่และโรซ่าในห้องสนานนั้น อีกด้านหนึ่ง บนดาดฟ้าเหนือพระตำหนัก เนรอสยืนนิ่งอยู่กับคนสองคน ในบรรยากาศซึ่งยังคงมืดอยู่เป็นส่วนใหญ่ ฟ้าสางจับที่ขอบฟ้าเพียงน้อยนิด ทำให้มองเห็นร่างนั้นเป็นเหมือนเงาดำทมึน สูงใหญ่กว่าตัวของเนรอส สองร่าง เท่านั้น ไม่เห็นรายละเอียดอื่นใดเพราะความมืดสลัว
สองร่างนั้นคุยกันอยู่...
"เจ้าทำได้ดีมาก! ขอบใจมาก ที่หาคนมาให้ข้าได้ปลดเปลื้องสมความอยาก บนนี้!"
"ไม่เป็นไร...แต่ท่านก็ต้องระมัดระวังตัวหน่อย อย่าเผลอตัวเผลอใจ จนสันดานดิบของตัวเองหลุดออกมาจนควบคุมไม่ได้ ! พยายามกลมกลืน เนียนสนิทเข้าไว้ ชนเหล่านี้มีความเจริญศิวิไลซ์ มีอารยธรรม มิใช่คนป่าหรืออนารยชน วิทยาการของพวกเขาก็เจริญมาก ฉะนั้น อย่าให้เสียการ! จะให้พวกเขารู้ตัวตนของท่านมิได้เป็นอันขาดทีเดียว! เพราะหากพวกเขารู้ และไม่ยอมอยู่ใต้การปกครองของท่านแล้วไซร้ ก็จะนำไปสู่สงคราม! ลำพังเฉพาะพวกเขาก็หนักหนามิใช่น้อยอยู่แล้วด้วยสรรพวิทยาการที่พวกเขามีอยู่! แต่ถ้ารบกัน พวกเขายังมี 'บรรพบุรุษ' ซึ่งอาจกลับมาหาพวกเขาได้ทุกเมื่อ และพวกเราย่อมไม่ต้องการทำสงครามกับชนเหล่านั้น!"
"ข้าเข้าใจแล้ว..."
"ดี!" บุรุษลึกลับกล่าว "เอาละ ท่านจงกลับเข้าร่างได้แล้ว และรีบกลับลงไปเสียเถิด ไม่ควรหายตัวจากพระตำหนักนานนัก ที่ผ่านมาสามสี่วันก็มีคนสงสัยแล้วนะ ฉะนั้นวางตัวให้ดี! อ้อ...พยายามพูดภาษาของชนเหล่านี้ให้ชัดเจน อย่าเพี้ยน! คำไหนที่ยังไม่คล่อง ก็ฝึกพูดให้บ่อยๆ "
"รู้แล้วน่า.....ท่านไปเถิด"
"ตกลง แล้วค่อยพบกันใหม่เมื่อถึงคราวจำเป็น!"
พูดจบ บุรุษลึกลับนั้นก็แหงนหน้าขึ้น ทันใดนั้นก็มีดวงไฟกลมใหญ่ปรากฏสว่างจ้าเหนือศีรษะสูงขึ้นไปหายช่วงตัว แล้วร่างของบุรุษลึกลับนั้นก็พลันสลายหายวับไป !
ขณะเดียวกัน อีกร่างหนึ่งก็เข้าโอบกอดร่างของเนรอส แล้วปรากฏประหนึ่งว่าถูกร่างของเนรอสดูดกลืนหายเข้าไปในกายจนหมดสิ้น! จากนั้น เนรอสซึ่งยืนนิ่งอยู่นาน ก็ขยับแขนขา แล้วก้าวเดินไปตามทางเดินบนดาดฟ้า ลงไปสู่ขั้นบันไดซึ่งทอดยาวลงไปยังทวารลับ เข้าสู่ห้องบรรทม...
*********************************************************************
ทางด้านของเทพพยากรณ์ ออเรเคิล กับบริวารที่เหลือ ซึ่งประกอบด้วย เลโอนีดาส ศิษย์ของนาง ผู้ใกล้ชิดที่สุด และเหล่านักพลังจิตที่เหลือ ต่างก็เร่งมือกันทำงาน โดยออเรเคิลสั่งให้เหล่านักพลังจิต นำโดยกาดิซ เที่ยวเลือกเฟ้นหาตัวนักพลังจิตมาเพิ่มแทนที่คนที่สูญเสียไป กับทั้งพยายามสืบความเคลื่อนไหวต่างๆ ของทั้งสองฝั่งอาณาจักร คือทั้งฝั่งสหพันธรัฐซึ่งเงียบไป ไร้ความเคลื่อนไหวใดๆ แต่เป็นที่เข้าใจว่ากำลังอยู่ในช่วงเตรียมการต่อสู้คดีความในชั้นศาลอุทธรณ์ และอีกฝั่งหนึ่งก็คือฝั่งของตัวเอง ซึ่งหมายถึงความเป็นไปต่างๆ ในราชสำนักด้วย
"ข้าสังเกตเห็นได้ว่า ช่วงนี้ องค์จักรพรรดิ ทรงเปลี่ยนไปจากเดิม!" เทพพยากรณ์กล่าวกับเหล่าบริวารในห้องประชุม ในสถานที่พำนักลับใต้ดินของตน
"พระองค์ทรงเปลี่ยนไปอย่างไรหรือขอรับ ท่านหัวหน้า ?" กาดิซถาม
"อืม...ข้าก็บอกไม่ถูก..." ออเรเคิลกล่าวพลางขมวดคิ้ว สีหน้าแววตาแสดงความสงสัย "...เสมือนหนึ่งพระองค์ทรงมีความแข็งกระด้างขึ้น จริงจัง มุ่งมั่น อย่างไรชอบกลอยู่ สายพระเนตรซึ่งทรงจ้องมองข้า ก็ไม่อ่อนโยนอย่างที่ทรงเคยเป็น!"
"ท่านอาจารย์ขอรับ" เลโอนีดาสยกมือขึ้นเป็นทำนองขออนุญาตแสดงความคิดเห็น
"ว่าไง เลโอนีดาส เจ้ามีความเห็นประการใดรึ ?"
"ข้าคิดว่า การที่องค์จักรพรรดิทรงหายตัวไปหลายวันที่ผ่านมานั้น ต้องมีเหตุการณ์พิเศษบางอย่างเกิดขึ้นกับพระองค์ แล้วทำให้พระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิม...ขอรับ ท่านอาจารย์"
"ข้าก็สงสัยเรื่องการหายตัวไปนั่นเหมือนกัน" นางพยักหน้าตอบลูกศิษย์ "แต่นั่น...ก็ยิ่งทำให้ข้ามึนงงหนักขึ้น เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ก็หมายความว่าพระองค์ถูกครอบงำโดยใครสักคน! ซึ่งข้ามองไม่เห็นเลยว่า ทั่วแผ่นดินนี้ นอกจากข้าแล้วจะมีใครผู้ใดอื่นอีก ที่จะสามารถเกาะกุมหรือครอบงำจิตใจของพระองค์ได้จนถึงกับทำให้พระองค์แปรเปลี่ยนไปอย่างนั้น..."
"ทั่วแผ่นดินแห่งจักรวรรดิ ท่านคือผู้เป็นหนึ่งขอรับ ท่านหัวหน้า" กาดิซน้อมกายกล่าว
"เจ็บใจจริงๆ..." ออเรเคิลขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าวต่อไปอย่างไม่สบอารมณ์ "...ข้าน่าจะยึดครองพระทัยของพระองค์ ควบคุม ครอบงำพระองค์เสียเองเสียแต่เนิ่นๆ ถ้าข้าจัดการเสียแต่แรก ก็คงไม่ต้องมานั่งปวดหัวว่าจะมีใครที่ไหนกล้าบังอาจมาลองดีเช่นนี้! อยากรู้จริงๆ"
"ลองใช้วิชาของท่านอาจารย์ ดึงพระองค์กลับมาอยู่ใต้อำนาจดูทีหรือขอรับ" เลโอนีดาสเสนอแนะ
"ข้าก็คิดอยู่นะ เลโอนีดาส!" นางพยักหน้าเห็นด้วย "และข้าจะลองดูในคืนนี้ แต่ช่วงเวลากลางวันของวันนี้ ข้าจะลองไปขอเข้าเฝ้าดูก่อน เพื่อตรวจดูอากัปกิริยาต่างๆ ของพระองค์ดู งานนี้ข้าต้องลงมือเอง! ส่วนเจ้าก็เร่งการผลิตสร้างยานต่อไปให้ครบและให้พร้อมใช้งานได้โดยเร็วที่สุด เพื่อการศึกสงครามในวันข้างหน้า คงอีกไม่นานดอก! ข้าเชื่อว่าอย่างไรเสีย พวกเราต้องสู้รบกับพวกสหพันธรัฐทางเหนืออีกครั้ง! มันเป็นชะตาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้!"
"โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าศาลอุทธรณ์พิพากษาให้พวกเขาชนะคดีอีก! เราก็จะสูญเสียแคสสิโอเปียเป็นการถาวร" กาดิซกล่าว
"นั่นแหละ! จะเป็นสิ่งที่เรายอมไม่ได้!!" ออเรเคิลกัดฟันพูด "เพราะฉะนั้น กองกำลังของพวกเราต้องสมบูรณ์เพียบพร้อม เพื่อโค่นล้มสหพันธรัฐแล้วผนวกดินแดน รวมแอตแลนติสเป็นจักรวรรดิหนึ่งเดียวยิ่งใหญ่เกรียงไกรเหนือกว่าทุกดินแดนในโลกนี้!!"
(ต่อครับ)