💫🕛💫🚀 แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 24 🚀💫🕛💫

กระทู้คำถาม

พระราชวังฤดูร้อน กลางพระอุทยานหนึ่งในอุทยาน 4 ฤดูของจักรพรรดิเนรอส ในจักรวรรดิแอตแลนติสใต้ ช่วงเวลาประมาณยามที่หนึ่ง   แห่งวันพิพากษา...

สมาชิกในครอบครัวของหัวหน้าผู้พิพากษา ประกอบด้วย ภริยา ลูกชาย 1 คน ลูกสาว 2 คน กับคนรับใช้อีก 3 คน ถูกเชิญให้มาพักผ่อนรวมกันในพระราชวังแห่งนี้ ซึ่งอันที่จริงเป็นการ "กักบริเวณ" พวกเขานั่นเอง เพื่อทำให้พวกเขาเป็นตัวประกัน บีบบังคับให้หัวหน้าผู้พิพากษาตัดสินให้ฝ่ายจักรวรรดิชนะคดี และก็เกือบจะสำเร็จอยู่แล้ว!

คนทั้ง 7 ไม่รู้เรื่องราวความเป็นไปใดๆ จากภายนอกทั้งสิ้น พวกเขารู้เพียงว่าพวกตนมาอยู่ที่นี่ในฐานะ "ราชอาคันตุกะ" ของจักรพรรดิเนรอส และสำหรับหัวหน้าผู้พิพากษาผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวของพวกเขานั้น กำลังทำงานสำคัญรับใช้เบื้องพระยุคลบาทองค์จักรพรรดิอยู่ ถ้างานสำเร็จ เขาจะได้รับการปูนบำเหน็จอย่างงาม จะได้คฤหาสน์หลังใหญ่พักอาศัยในมหานครวงแหวนแห่งจักรวรรดิ

นั่นคือ ทั้งหมดที่พวกเขารู้ ! และตั้งความหวังกันอยู่ในขณะนี้...

ทุกๆ วันที่ผ่านพ้นไป พวกเขาอาศัยอยู่ในพระราชวังฤดูร้อนอย่างมีความสุข รับประทานอาหารและเครื่องดื่มชั้นเลิศจากทางพระราชวัง และบางครั้ง จักรพรรดิเนรอสถึงกับเสด็จมาร่วมโต๊ะพระกระยาหารด้วย สร้างความปลาบปลื้มปีติเป็นล้นพ้นแก่พวกเขา

และวันนี้ เป็นวันพิเศษสุด! เลโอนีดาส ศิษย์ของเทพพยากรณ์ได้เดินทางมาพบพวกเขา และบอกว่า หัวหน้าผู้พิพากษากำลังจะทำงานสำคัญสำเร็จลุล่วง และทันทีที่เสร็จภาระกิจ เขาจะเดินทางมาพบกับทุกคนที่นี่! ดังนั้น ทุกคนจึงรอคอยฟังข่าวดีกันอย่างใจจดใจจ่อ

ครอบครัวนี้ มีความเห็นเกี่ยวกับการเมืองการปกครองแอตแลนติสแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย ภริยาหัวหน้าผู้พิพากษา และลูกสาวคนโต เห็นดีเห็นงามกับความเป็นจักรวรรดินิยมของแอตแลนติสใต้ ในขณะที่ลูกสาวคนเล็ก และลูกชายคนรองเห็นว่าการเป็นสหพันธรัฐอย่างแอตแลนติสเหนือน่าจะดีกว่า แต่ก็มิได้มีความขัดแย้งอะไรกันมากนัก ต่างฝ่ายต่างก็ยอมรับใน "ข้อดี" ของอีกฝ่ายหนึ่ง เหมือนอยู่ด้วยกันแบบถนอมน้ำใจกันไปเรื่อยๆ

สิ่งที่พวกเขาเห็นตรงกันก็คือ ทั้งสองอาณาจักร ไม่ควรทำสงครามกัน ต่างฝ่ายต่างอยู่ ดีแล้ว!

อนึ่ง ทุกครั้งที่จักรพรรดิเนรอสเสด็จมาเยี่ยม และร่วมโต๊ะเสวย ทุกคนมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าองค์จักรพรรดิทรงพึงพอใจในตัวของ "เซฟียา" ลูกสาวคนโต ตั้งแต่วันแรกที่เสด็จมาพบ และช่วงหลังๆ มานี้ ก็ทรงชักชวนนางพูดคุยด้วยอยู่บ่อยๆ ซึ่งนางและมารดาต่างก็ปลื้มปีติ แต่ "ฟิลิปป้า" กับ "เซฟินา" ลูกชายคนรองและลูกสาวคนเล็กไม่ปลื้มไปด้วยกับมารดาและพี่สาวคนโต

"เซฟียา! พี่อย่าหลงเสน่ห์และเชื่อคำพูดเนรอสมากนักนะ!" ฟิลิปป้ากล่าวกับพี่สาวที่โต๊ะอาหารเย็นในเย็นวันหนึ่ง โดยมีเซฟินาน้องสาวคนเล็กและมารดาร่วมฟังด้วย

"เหตุใด เจ้าจึงกล่าวเช่นนี้เล่า ฟิลิปป้า ?" พี่สาวคนโตย้อนถาม

"จักรพรรดินะ! พี่ใหญ่!" เซฟินาร่วมผสมโรงด้วย "นางสนมของเขามีมากมายเป็นร้อยเป็นพัน พี่อยากจะเป็นคนต่อจากนางเหล่านั้นหรือ ?"

"เป็นนางสนมแห่งองค์จักรพรรดิ มีอันใดเสียหายเล่า เซฟินา ? หรือว่าเจ้าไม่อยากเป็น ??"

"เฮอะ! ให้ข้าตายไปเสีย ยังประเสริฐกว่าไปเป็นนางสนมบำเรอกามของเขา!!" เซฟิน่าพูดพลางทำจมูกย่น

"จักรพรรดิเป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดินของเขาเอง การมีนางสนมไว้รับใช้ ก็เป็นเรื่องธรรมดานี่จ๊ะลูก" มารดากล่าวค้านขึ้นบ้าง

"โอ! ท่านแม่......ข้าไม่อยากเชื่อเลย ว่าท่านเห็นคล้อยตามพี่เซฟิย่า!" ลูกสาวคนเล็กพูดแล้วเบะปาก

"เจ้านี่ ไม่รู้อะไร!" พี่สาวคนโตแย้งน้องเล็กต่อ "การเป็นนางสนมขององค์จักรพรรดิ คือเส้นทางที่จะนำไปสู่ความเป็นใหญ่ในอนาคตนะจ๊ะ! เพราะพระองค์จะต้องทรงเลือกบรรดานางสนมทั้งหลาย ผู้ที่พระองค์ทรงพอพระทัยเป็นพิเศษ เพื่อทรงแต่งตั้งให้เป็นพระสนมรอง พระสนมเอก หรือแม้กระทั่งถึงตำแหน่งจักรพรรดินีเลยก็ได้ ในท้ายที่สุด!"

"โอ้วว! พี่สาวของข้า !!" เซฟิน่าร้องอุทานด้วยความแปลกใจในความคิดของพี่สาว "ท่านหวังสูงถึงปานนั้นเทียว ?"

"ก็ไม่ถึงขั้นนั้นดอก น้องข้า..." เซฟิย่ากล่าวพลางยิ้ม ทำแววตาเหม่อลอยวาดฝัน "...แค่ได้เป็นหนึ่งในนางสนมแห่งองค์จักรพรรดิ ข้าก็พึงพอใจ!"

เซฟิน่าอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก

"ดูท่าทาง ความปรารถนาของเจ้า ไม่น่าจะยากลำบากนัก!" มารดากล่าวยิ้มๆ

"แน่ละซี่.........มีท่านแม่สนับสนุนด้วยเยี่ยงนี้!" ฟิลิปป้าเอ่ยขึ้นบ้าง ฝืนยิ้ม และส่ายหัว

"อ้าว! เจ้าอีกคนหนึ่งหรือนี่ ที่คัดค้าน ??" เซฟิย่าหันมาทำเสียงเขียวใส่น้องชาย

"ข้า เกรงว่า พี่สาวของข้า จะเสียใจภายหลังน่ะสิ!" ลูกชายคนเดียวของครอบครัวเผยความรู้สึก "ข้าไม่ไว้ใจเนรอส บุรุษผู้มีอิสตรีมากมายไว้เป็นนางบำเรอ จะมีความรักจริงใจให้หญิงใดได้! อย่าว่าแต่...การที่เขาเป็นจักรพรรดิ ข้าก็ไม่ชอบใจอยู่แล้ว"

"โธ่เอ๋ย...น้องชายและน้องสาวข้า...พวกเจ้านี่นะ..."  เซฟิย่าพูดพลางส่ายหน้า "...จะอย่างไรเสีย หากมีโอกาส ข้าก็ขอคว้าเอาไว้ก่อนแน่นอน! ใครจะไปรู้ ถึงบัดนี้ องค์จักรพรรดิก็ยังมิได้มีพิธีอภิเษกสมรสกับหญิงใดเลยแม้แต่นางเดียว แล้วมองหน้าข้าสิ!"

"มองเพื่ออันใด ??" น้องทั้งสองถามสวนกลับพร้อมกัน

"มองให้ดีเถิด! น้องข้า...แล้วจงหันไปมองท่านแม่!!" พี่สาวใหญ่กล่าวยิ้มๆ สองพี่น้องคนรองและคนเล็กหันไปมองผู้เป็นมารดาอย่างงุนงง และมึนงงมากยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเห็นมารดายิ้ม

"ไม่เห็นจะเข้าใจเลย ให้มองท่านแล้วมองท่านแม่เพราะเหตุใดกัน ?" เซฟิน่าทำหน้างง ในขณะที่ฟิลิปป้ายกมือขวาขึ้นเกาหัว

"พี่สาวใหญ่ของพวกเจ้า กำลังบอกว่า นางสวยเหมือนแม่น่ะจ้ะ!" ผู้เป็นมารดากล่าวอย่างภาคภูมิ เล่นเอาสองพี่น้องคนรองและคนเล็กอึ้ง

"ฮะๆๆๆ" เซฟิย่าหัวเราะชอบใจพลางปรบมือ "ท่านแม่อยู่ข้างข้า ถ้าท่านพ่ออยู่ด้วยตอนนี้ ก็คงจะเป็นเช่นเดียวกัน เพราะท่านพ่อเคยบอกว่า ข้าสวยมาก.....สวยเหมือนท่านแม่ในสมัยที่ยังสาว!"

"แม่ว่า เจ้าอาจมีวาสนา ถึงขั้นได้ตำแหน่งหนึ่งในสามยอดสตรีแห่งแผ่นดิน! พระสนมรอง พระสนมเอก และ จักรพรรดินี!" ผู้เป็นมารดาอวยลูกสาวคนโตอย่างสุดๆ เล่นเอาเจ้าตัวถึงกับยิ้มแป้น ส่วนน้องรองและน้องเล็กต่างมองหน้ากันแล้วส่ายหน้าอีกรอบ

นั่นคือเหตุการณ์การสนทนาระหว่างแม่และลูกทั้งสามที่เคยเกิดขึ้น!

และวันนี้ เลโอนีดาสได้มาเยี่ยมพวกเขา หลังจากบอกให้พวกเขาเตรียมตัวฟัง "ข่าวดี" ซึ่งจะมีมาในไม่ช้าแล้ว ศิษย์เจ้าเล่ห์ของเทพพยากรณ์ยังได้ทำให้ทุกคนเซอร์ไพรซ์ยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเขาบอกว่า...

"นอกจากนี้แล้ว พวกท่าน จงเตรียมทำความสะอาดห้องบรรทมที่ชั้นสามให้เรียบร้อยด้วย!"

"ห้องบรรทม ???" ผู้เป็นมารดาของลูกๆ ทั้งสามกล่าวทวนคำ และเบิกตากว้าง ในขณะที่สามพี่น้องต่างก็ทำหน้าตื่นๆ

"เพราะเหตุใด พวกเรา จึงต้องทำความสะอาดห้องบรรทมเจ้าคะ ??" เซฟิย่าถาม

"องค์จักรพรรดิ จะทรงประทับอยู่กับพวกท่าน ที่นี่ ในคืนนี้!!" เลโอนีดาสกล่าว พลางแอบมองเรือนร่างของสาวสองพี่น้องด้วยแววตาหื่นกระหาย โดยเฉพาะพี่สาวคนโต ซึ่งโตเป็นสาวเต็มที่ ! แต่พอเหลือบไปเห็นสายตาที่จ้องมองอย่างดุดันเอาเรื่องของฟิลิปป้าและเซฟิน่าเข้าก็รีบหลบ

อันที่จริง เลโอนีดาสหาได้หวั่นเกรงสองพี่น้องนั้นไม่ หากแต่ยังนึกขึ้นมาได้ว่า นางผู้เป็นพี่สาวคนโตนั้นเป็นที่ต้องพระเนตรต้องพระทัยองค์จักรพรรดิอยู่ด้วย! ความหวาดกลัวราชอาญาจึงเข้าครอบงำ...

ห้องบรรทมของจักรพรรดิเนรอสซึ่งอยู่บนชั้นสามอันเป็นชั้นบนสุดของพระราชวังฤดูร้อนแห่งนี้ โดยปกติจะปิดไว้เสมอ ไม่ให้ผู้ใดเข้าพักโดยเด็ดขาด ถือเป็นเขตหวงห้าม วันนี้ "พระราชอาคันตุกะ" ทุกคน จึงมีโอกาสได้เข้าไปชม และทำความสะอาดกันเพื่อเตรียมต้อนรับการเสด็จมาแห่งองค์จักรพรรดิ

เนรอส มาถึง "ซัมเมอร์ พาเลซ" ราวๆ "ยามที่ 3 ครึ่ง" ด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส โดยมีราชองครักษ์ตามเสด็จจำนวนนับร้อย

ภายในห้องบรรทมบนชั้นสาม ถูกจัดการทำความสะอาดและจัดเป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นอย่างดี เนรอสเข้าไปในห้องหลังจากไต่ถามสารทุกข์สุกดิบกับทุกคนในครอบครัวของหัวหน้าผู้พิพากษาไปพอสมควร โดยสั่งให้นำน้ำจัณฑ์เข้าไปถวายด้วย และผู้ที่ถูกเลือกให้ถวายการรับใช้ก็คือ ลูกสาวคนโตแห่งครอบครัว !

"เจ้าก็คอยอยู่ปรนนิบัติข้า ช่วยรินเหล้าให้ข้าด้วยนะ เซฟิย่า!" ตรัสกับนางและแย้มยิ้ม ดวงเนตรฉายแววเสน่หา

"ได้เพคะ ฝ่าบาท" เซฟิย่ายิ้มตอบและย่อกายถวายความเคารพ มารดาของนางยืนมองอยู่ห่างๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแป้น ในขณะที่ฟิลิปป้าลูกชายคนรองยืนมองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และเซฟิน่าแอบค้อนประหลับประเหลือกหลายครั้งด้วยความหมั่นไส้พี่สาวของนาง

ห้องบรรทมนั้นกว้างใหญ่ เตียงของเนรอสออกแบบเป็นรูปทรงวงรีผ่าครึ่งบนออกเหมือนไข่ที่ถูกแบ่งครึ่ง แสงไฟสีขาวอมชมพูส่องลงมาจากเพดานสี่ห้าดวงโดยส่องผ่านเพดานลงมา มองไม่เห็นดวงไฟหรือโคมไฟใดๆ ให้เป็นที่ระเกะระกะสายตา ความสว่างไม่มากนัก ข้างเตียงรูปทรงไข่ตั้งโต๊ะโลหะขนาดยาว มีเหยือกทองคำขนาดใหญ่ตั้งไว้พร้อมจอกทองคำทรงสูงสองใบ แน่นอนว่าภายในเหยือกอันงดงามวิจิตรนั้นบรรจุน้ำจัณฑ์พร้อมให้องค์จักรพรรดิเสวย พร้อมกับอาหารและผลไม้ไว้สำหรับเป็นกับแกล้มชั้นดี

ห่างจากเตียงซึ่งถูกออกแบบมาเป็นพิเศษนั้นไป ประมาณสิบสองย่างก้าว จอภาพขนาดใหญ่ถูกติดตั้งไว้ มันคือเครื่องรับสัญญาณการถ่ายทอดสดจากภายนอกนั่นเอง ซึ่งเนรอสสามารถเลือกชมสถานที่ต่างๆ ได้มากมาย เช่น ภายในรัฐสภา หรือศาล ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี หรือองคมนตรีเป็นต้น แต่หากต้องการความบันเทิง ก็สามารถเลือกเปิดชมคีตนาฏศิลป์ได้ตามที่ปรารถนา

และขณะนี้ จอภาพนั้น กำลังรับสัญญาณถ่ายทอดสดมาจากที่ทำการศาลทวีป!

เซฟิย่า ขณะนี้อยู่ถวายการรับใช้องค์จักรพรรดิแต่เพียงผู้เดียว ข้างนอกมีทหารราชองค์รักษ์ยืนรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา ไม่มีผู้ใดสามารถเข้ามารบกวนพระเกษมสำราญได้โดยเด็ดขาด เว้นเสียแต่จะได้รับสัญญาณเป็นวิทยุสั่งการออกมาจากข้างในโดยเนรอสเองเท่านั้น!

ลูกสาวคนโตของหัวหน้าผู้พิพากษา นั่งคุกเข่าข้างเตียงและโต๊ะเสวยนั้น รินน้ำจัณฑ์ถวายองค์จักพรรดิด้วยความตื่นเต้นและยินดีปรีดา นางมองไปยังจอภาพขนาดใหญ่นั้นบ่อยๆ ด้วยความแปลกใจ

"เจ้าคงไม่เคยเห็นเครื่องฉายภาพเช่นนี้มาก่อนละสิ เซฟิย่า ?" เนรอสถามยิ้มๆ หลังจากยกจอกน้ำจัณฑ์ขึ้นมาดื่มอีกจอกหนึ่ง

"ใช่เพคะ ฝ่าบาท มันน่ามหัศจรรย์จริงๆ ราวกับว่าอีกโลกหนึ่งตั้งอยู่ตรงหน้าเวลานี้" นางพยักหน้ารับ

"อีกไม่นาน เจ้าจะได้เห็นภาพบิดาของเจ้าปรากฏตัว นั่งบนบัลลังก์ว่าความ ตัดสินคดีสำคัญ" เนรอสมีสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อยเมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้

"หากท่านพ่อเสร็จงานครั้งนี้แล้ว เขาจะมาที่นี่ ใช่ไหมเพคะ ?"

"ถูกต้อง แน่นอน...เซฟิย่า..." คราวนี้เนรอสเปลี่ยนมาเป็นแย้มยิ้ม ตัดความเครียดเรื่องคดีออกไป "...และเขาต้องทำสำเร็จ ตามที่ข้าปรารถนา"

"หมายความว่า ฝ่าบาท ก็รอฟังผลแห่งคำพิพากษาด้วยหรือเพคะ ?"

"ถูกต้อง...เจ้าสนใจด้วยรึ ?" จักรพรรดิเหลือบมองตาของนางขณะเอื้อมหัตถ์รับจอกน้ำจัณฑ์จากมือนาง เป็นจอกที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้

"เอ้อ...หม่อมฉัน เพียงแต่ทูลถามไปอย่างนั้นเองเพคะ" เซฟิย่าตอบอย่างระมัดระวัง แล้วก้มหน้าลง ด้วยเกรงว่าจะเผลอพูดคำใดออกไปแล้วจะสร้างความขุ่นเคืองให้องค์จักรพรรดิ

"ไม่เป็นไร...เจ้าถามข้าได้ทุกอย่างที่เจ้าอยากรู้..." เนรอสตรัสด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ยื่นพระหัตถ์แตะคางของนางแล้วช้อนขึ้นมาเพื่อให้นางเงยหน้า

"เจ้ากลัวข้าหรือ เซฟิย่า ?"

"เอ้อ...เพคะ หม่อมฉัน ย่อมต้องหวั่นเกรงพระอาญา เฉกเช่นพสกนิกรทั่วไปของฝ่าบาท" นางตอบตามความจริง แต่ก็เจือด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

เนรอสหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะตรัสบอกนาง

"ไม่ต้องหวาดกลัวข้าดอกนะ ทำตัวตามสบาย"

"ขอบพระทัยเพคะ ฝ่าบาท"

"อื้ม...อ้อ! ข้าเห็นเจ้านั่งคุกเข่าข้างล่างอย่างนี้เรื่อยไปแล้ว ช่างขัดใจข้าเหลือเกินเทียว!"

"อ่า..." เซฟิย่าเงยหน้าขึ้นมองพระองค์ แล้วยิ้มขณะทูลถาม "เหตุไฉน จึงขัดพระทัยฝ่าบาทได้เล่าเพคะ ?"

(มีต่อครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่