หนึ่งราตรี ก่อนหน้าที่ภัยพิบัติจะมาถึง...
ในจักรวรรดิแอตแลนติสใต้ ณ นิวาสถานลับของเทพพยากรณ์ออเรเคิล ค่ำคืนนี้ เทพพยากรณ์ลงมือประกอบพิธีกรรมตามวิชามนต์ดำซึ่งนางเคยร่ำเรียนมา เพื่อใช้กับจักรพรรดิเนรอส!
เป็นวิชาที่เปรียบเทียบได้กับการ
"ฝังรูปฝังรอย" หรือ การทำเสน่ห์ขั้นสูง !!
ออเรเคิลใช้ให้บริวารไปหารากไม้ชนิดหนึ่งมา สองท่อน แล้วแกะสลักรากไม้ทั้งสองนั้นเป็นหุ่นรูปคน บุรุษ และสตรี...
ครั้นแกะสลักเป็นรูปร่างที่ตนพอใจแล้ว จึงเรียกช่างศิลป์ผู้ชำนาญมาสองคน ให้คนหนึ่ง แกะสลักรูปใบหน้าหุ่นแห่งบุรุษให้เหมือนพระพักตรของจักรพรรดิเนรอส อีกคนหนึ่งให้แกะสลักรูปใบหน้าหุ่นแห่งสตรี ให้เหมือนใบหน้าของตนเอง!
ซึ่งการที่จะให้แกะสลักให้เหมือนใบหน้าของตนเองนั้น นางจำเป็นที่จะต้องชำระล้างใบหน้าของนาง ซึ่งปกติถูกเคลือบหรือปกปิดด้วยเครื่องสำอางค์ต่างๆ ทั้งแป้งและน้ำมันหรือ "โลชั่น" หนาเตอะ สีแดงซึ่งเกิดจากการแต่งแต้มบนริมฝีปาก สีที่ขอบตา และเปลือกตา ขนตาซึ่งตกแต่งเพิ่ม มากมายทั่วทั้งใบหน้า ออกให้หมด แล้วชำระล้างใบหน้าให้สะอาดหมดจด
หลังจากชำระล้างหมดจดดีแล้ว นางจึงมานั่งอยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่ จ้องมองดูใบหน้าตนเองซึ่งแลดูเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง ดูผิดแปลกไปเป็นคนละคน เมื่อเปรียบเทียบกับใบหน้าหลังการ "เมคอัพ" โดยสิ้นเชิง!!
"หึ!" ออเรเคิลแค่นหัวเราะให้กับใบหน้าตามธรรมชาติของตัวเอง
"ยายเพิ้งเอ๊ย!"
แต่แล้ว แว่บหนึ่งของความคิด...
นางรู้สึกว่า ใบหน้าของคนในกระจกเงาต่อหน้าตัวเองในยามนี้ มันดูละม้าย คล้ายคลึงใบหน้าของใครบางคน! และเป็นใครบางคน ซึ่งนางเคยเห็นมาก่อนเสียด้วย !!
"สตรีนางใดกัน ? ที่มีใบหน้าแบบนี้ ???"
นางครุ่นคิดอยู่เงียบๆ ขณะที่นั่งนิ่ง ปล่อยให้ช่างแกะสลักรูปสตรี แกะสลักใบหน้าตามใบหน้าของตนไปเรื่อยๆ ส่วนรูปบุรุษนั้นแกะเสร็จไปก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว
ไม่นานนัก รูปแกะสลักเป็นตัวแทนของนางก็เสร็จสมบูรณ์
"เสร็จเรียบร้อยแล้วขอรับ ท่านเทพพยากรณ์" นายช่างนั้นบอก
"ดีมาก!" นางกล่าวชมเขาแล้วยื่นถุงบรรจุเหรียญทองคำขนาดย่อมให้เขาไปถุงหนึ่ง หลังจากเขากล่าวขอบคุณ นางจึงลองถาม
"นายช่าง! ข้าขอถามอะไรหน่อยสิ"
"ได้ขอรับ ท่านเทพพยากรณ์ มีคำถามอันใดขอรับ ?"
"เจ้าว่า ใบหน้าข้าเยี่ยงนี้ กับตอนที่ข้าตกแต่งแล้วด้วยเครื่องสำอางค์ อย่างไหน ดูสวยกว่ากัน ?"
"เอ้อ..." นายช่างอ้ำอึ้ง คาดไม่ถึงว่าจะถูกนางถามแบบนี้ "...ตอบ ค่อนข้างยากขอรับ แหะๆ" ว่าแล้วก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นเกาหัว
"มันอย่างไรกันเล่า ลองว่ามาซิ ไม่ต้องเกรงใจ! ว่ามาตรงๆ ข้ารับรอง จะไม่ถือโทษโกรธเคืองเจ้าดอก!"
"อ่า...ถ้าเช่นนั้น ข้าน้อย ขอบังอาจวิจารณ์..."
"ว่าไปเลย เร็วๆ ข้าอยากฟัง อยากรู้!"
"ขอรับ...คือว่า ทั้งสองแบบ ล้วนเป็นใบหน้าซึ่งเลอโฉม งดงาม ทั้งคู่ ขอรับ" เขาตอบอย่างระมัดระวัง
"อย่างนั้นรึ ? ถ้ากระนั้น มันต่างกันตรงไหน ??"
"เอ้อ...ในยามที่ท่านยังมิได้ชำระล้างเครื่องสำอางค์ หรือเครื่องประทินผิวต่างๆ นั้น ท่านสวยงดงามเลิศเป็นที่หนึ่ง ไม่มีสตรีใดเทียมเท่าแม้เศษเสี้ยวแห่งร้อย ขอรับ!"
"ชะ! นายช่าง...ช่างประจบนักเชียวนะ!"
"หามิได้เลยขอรับ ข้าน้อย กล่าวออกมาจากใจจริง หาได้แกล้งตกแต่งถ้อยคำประจบสอพลอไม่!" นายช่างกล่าวและทำหน้าตาขึงขัง ซึ่งสร้างความตลกขบขันให้แก่เทพพยากรณ์เสียอย่างนั้น!
"เอาละๆ ช่างเถอะ!" นางโบกไม้โบกมือ "เอาเป็นว่า ข้ายอมเชื่อในความจริงใจของเจ้าก็แล้วกัน! แล้ว ในอีกยามหนึ่ง อย่างเช่นตอนนี้เล่า ?"
"โอ้!..." นายช่างอุทานพลางถอนลมหายใจยาว "...ในยามปกติเช่นนี้ ความสวยเลอโฉมของท่าน เป็นความสวยงามอย่างธรรมชาติ อันสดใส และดูบริสุทธิ์ ผุดผ่อง เหลือพรรณนาขอรับ!!"
"ขนาดนั้นเทียวรึ ??" นางถามยิ้มๆ
"แน่นอนขอรับ มันสวยงามไปคนละแบบขอรับ"
"แล้ว...เจ้าชอบแบบไหน มากกว่ากัน ? สมมติว่า เจ้าเป็นสามี หรือคนรักของข้า เจ้าชมชอบจะให้ข้าแต่งหน้า หรือไม่ต้องแต่ง ?"
"อ่า..." นายช่างอึกอักอีกรอบ ก่อนจะตอบอย่างระมัดระวังยิ่งขึ้นอีก
"มันก็...ขึ้นอยู่กับเวลา และโอกาส หรือสถานที่ กระมังขอรับ"
"อย่างไรกันเล่า ?"
"คือว่า...หากเป็นยามที่ท่านอยู่ต่อหน้าผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อเบื้องพระพักตรองค์จักรพรรดิ ท่านมิอาจไม่ตกแต่งอย่างแน่นอน เด็ดขาดเลยขอรับ !
เพราะหากในยามนั้น ใบหน้าของท่านเป็นใบหน้าใสซื่อบริสุทธิ์เยี่ยงในยามนี้แล้วไซร้ ท่านจะมองดูไร้รัศมีแห่งอำนาจขอรับ! ความน่ายำเกรงของท่านจะดูลดลงไปมากทีเดียว และแน่นอนว่า ทุกคนเคยชินกับรูปลักษณ์ของท่านซึ่งงามสง่าน่าเกรงขามกันทั้งสิ้น ขอรับ!!"
"อื้มม........" นางส่งเสียงจากลำคอพลางเอาสองนิ้วเคาะปลายคางตัวเองเล่น "เจ้ากล่าวได้อย่างมีเหตุผลยิ่ง! แล้ว ยามใดเล่า ที่ข้า ควรชำระล้างเครื่องสำอางค์ออกให้หมด ล้างหน้าให้สะอาดเอี่ยม และปล่อยเส้นผมไปตามสบายๆ เยี่ยงขณะนี้ ?"
"ต้องเป็น...อ่า...ในยามที่ท่าน อยู่คนเดียว หรือ อยู่กับบุรุษผู้คู่ควรกับท่าน! บุรุษนั้น จะหลงใหลในตัวท่านอย่างหัวปักหัวปำเลยทีเดียวขอรับ!"
"แหม...ถึงปานนั้นเทียว ? แล้วใครเล่า จะเป็นบุรุษผู้นั้น ??" นางแกล้งถาม
"อพิโธ่.....จะมีผู้ใดเสียอีกขอรับ! นอกจาก องค์จักรพรรดิ!"
คำพูดนั้นทำให้นางยิ้มแป้น
"และ...ข้าน้อย มองเห็นสายพระเนตรของพระองค์ซึ่งทรงจ้องมองท่านออกนะขอรับ ?"
"มองออกอย่างไรรึ เจ้า ?"
"อ่า...ในฐานะที่เป็นบุรุษเช่นเดียวกัน บุรุษย่อมมองมองบุรุษด้วยกันออกอย่างทะลุปรุโปร่งเลยขอรับ!"
"เจ้ามองออกว่า...???"
"ข้าน้อย มองออกว่า พระองค์ ปรารถนา ที่จะได้ตัวท่าน อย่างยิ่งทีเดียว ขอรับ!"
"พระองค์ก็คงทรงวางแผนที่จะทรงอภิเษกสมรสกับข้า ข้าเคยได้ยินคนในวังพูดกัน ก็ไม่แปลกนี่นา ?" นางแกล้งพูดบ่ายเบี่ยงความหมายที่แท้จริง
"ข้าน้อย มิได้หมายถึงความหมายนี้ดอกขอรับ ข้อนี้ทุกคนทราบกันดีขอรับ!" นายช่างกล่าว สายตาเริ่มระรื่นออกแนวทะเล้น
"แล้วหมายถึงความหมายอันใดยะ ?"
"ก็..." นายช่างกล่าวเบาๆ แล้วขยับเข้ามาใกล้เทพพยากรณ์อีกนิด ก่อนกระซิบ
"หมายถึงว่า พระองค์ ทรงปรารถนา ความบริสุทธิ์ ของท่าน นั่นเองแหละขอรับ!"
ออเรเคิลหัวเราะชอบใจ ก่อนขับไล่เขาออกไปจากห้อง
"รู้ดีจริงนะเจ้า! และชักจะรู้มากไปแล้ว รู้ความจริงมากไป อาจมีภัยถึงตายได้นะขอบอก!" พูดถึงตรงนี้แล้วนางแกล้งตีสีหน้าเคร่งขรึมพลางโบกไม้โบกมือไล่ "ไปๆ ไปได้แล้ว และอย่าปากมากนักนะเจ้า!"
"รับประกันว่า ข้าน้อยจะเงียบ และสงบเสงี่ยมที่สุดขอรับ ขอบพระคุณสำหรับค่าจ้างแกะสลักเป็นอย่างยิ่งขอรับ ข้าน้อยลาละขอรับ!"
หลังจากนายช่างออกไปจากห้อง ออเรเคิลจึงเดินไปปิดประตูลั่นดาล แล้วเดินไปยังมุมหนึ่งของห้องซึ่งขีดเขียนรูปสัญลักษณ์ต่างๆ อันเกี่ยวข้องกับมนต์ดำ เพื่อจะเริ่มประกอบพิธีทำเสน่ห์ตามลำพัง
ตรงกึ่งกลางบริเวณนั้น ขีดวงกลมไว้ มีรูปใบหน้าปีศาจวาดไว้ชัดเจนดูน่าสะพรึงกลัว
เจ้าแมวดำโรคจิต "นีลา" สัตว์เลี้ยงแสนรักของนาง เดินตามมาต้อยๆ
"นั่งหรือนอนอยู่นอกวงกลมนั่นแหละลูก" นางสั่ง และมันก็ยอบตัวลงนอนนอกวงกลมรูปปีศาจอย่างว่าง่าย ส่งเสียง "แง๊ว" เบาๆ
ออเรเคิล จุดธูปและเทียนหลายเล่ม ท่องคาถาบูชาปีศาจ แล้วหยิบหุ่นบุรุษและสตรีแกะสลักขึ้นมา หันหน้าเข้าหากัน นำประกบกัน แล้วเอาสายเชือกสีขาวเหมือนอย่างสายสิญจน์พันรอบตัวหุ่นทั้งสองตัว มัดแน่นแล้วชโลมด้วยน้ำมันหอมกลิ่นแรง จากนั้นมือหนึ่งถือหุ่นสองตัวนั้นไว้ ให้สตรีอยู่ข้างบนบุรุษ แล้วมืออีกข้างหนึ่งหยิบเทียนไขอีกเล่มต่อไฟจากเล่มที่จุดไว้แล้วซึ่งอยู่ใกล้ตัวที่สุด ต่อไฟแล้วยกเทียนเล่มนั้นขึ้น จ่อปลายเทียนไว้เหนือใบหน้าหุ่นบุรุษซึ่งขณะนี้หงายอยู่เบื้องล่าง ให้น้ำตาเทียนหยดลงไป พลางท่องคาถากำกับ ซึ่งมีความหมายว่า
"โอ...เนรอส ท่านจงอยู่ใต้อำนาจข้า มิใช่เหนือกว่าข้า มิใช่ควบคุมข้า ข้า ออเรเคิล เหนือกว่าท่าน ข้าคือผู้ควบคุมท่าน ไม่มีผู้ใดเหนือกว่าข้า !!!"
น้ำตาเทียนสามหยด หยดลงไปอาบใบหน้าหุ่นบุรุษซึ่งถูกแกะสลักใบหน้าเหมือนจักรพรรดิเนรอส จบด้วยการกรีดเลือดจากฝ่ามือของตนลงไปบนตัวหุ่น และวางหุ่นทั้งสองไว้บนใบหน้าปีศาจกลางวงกลม
"เนรอส! คราวนี้แหละ ท่านจะต้องร้อนรุ่ม ฮ่าๆๆๆ"
นางระเบิดเสียงหัวเราะ ก่อนจะลุกจากกลางวงกลม เดินออกมาแล้วไปที่ประตู เปิดประตู แล้วเดินไปตามทางเดินอันจะนำขึ้นไปชั้นบน จากนั้นขึ้นไปบนดาดฟ้าแห่งคฤหาสน์ ยืนสูดอากาศบริสุทธิ์อย่างสบายใจ รับลมเย็นๆ ในยามราตรีอันดึกดื่น
บัดดลนั้น นางก็แปลกใจ เมื่อมองเห็นดวงไฟขนาดใหญ่ เปล่งแสงสีขาวสว่างจ้ามาจากทิศเหนืออย่างช้าๆ แล้วเร่งความเร็วขึ้นจนพลันมาอยู่เหนือศีรษะของนาง
พออยู่ในระยะใกล้ นางจึงพบว่า นั่นคือยานบินทรงกลมเหมือนจานขนาดยักษ์สีดำสนิท! มันใหญ่โตมากจนเงาของมันทอดลงมาบดบังทั่วทั้งคฤหาสน์ และเงียบกริบ!!
ออเรเคิลเริ่มรู้สึกตื่นตระหนก รู้ชัดว่านี่มิใช่อากาศยานของจักรวรรดิ และก็ไม่น่าจะใช่ของฝ่ายสหพันธรัฐด้วย!
แล้วก็สงสัยต่อไปว่า มันเป็นของพวกไหน มาจากไหน !!
ยังไม่ทันจะตั้งตัว นางก็รู้สึกว่าพื้นบริเวณที่ตนเองยืนเหยียบอยู่นั้น ไร้ซึ่งแรงโน้มถ่วงเอาดื้อๆ! แล้วร่างของนาง ก็ถูกดูดผ่านใต้ท้องยานนั้นเข้าไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับสติสัมปชัญญะของนางก็ดับวูบลง ก่อนร่างจะขึ้นไปถึงบนยานนั้นเสียด้วยซ้ำ และจากนั้น ยานลึกลับลำนั้น ก็กะพริบไฟทั่วยานสองสามครั้ง แล้วไฟก็ดับ พร้อมกับตัวยานทั้งลำ หายวับไปทันที ราวกับปีศาจราตรีฉะนั้น!!
******************************************************************************************************************************************
ท้องฟ้ามืดครึ้ม...พายุโหมกระหน่ำ.........
กองทัพมหาคลื่นน้ำทะเล จากมหาสมุทรทางฝั่งตะวันตกของทวีปทั้งทวีป บุกเข้าโจมตีฝั่งทะเลของทวีปด้านดังกล่าวตั้งแต่เหนือจรดใต้ ด้วยมหาพลานุภาพซึ่งไม่มีใครเคยพบเห็นมาก่อนชั่วชีวิต สิ่งปลูกสร้าง อาคารสถานบ้านเรือน ต้นไม้ ยานพาหนะทั้งทางบกและทางน้ำ กับทั้งอากาศยานซึ่งเจ้าของหรือผู้มีหน้าที่ขับขี่ขึ้นขับหนีไม่ทัน ถูกมวลปริมาณแห่งน้ำมากมายเกินคณนากวาดลอยไปตามกระแสเชี่ยวเกรี้ยวกราด เสียงผู้คนมหาศาลหวีดร้องระงม
สิบกว่าแว่นแคว้นทางฝั่งตะวันตกของจักรวรรดิแอตแลนติสใต้ กับอีกสิบกว่าแว่นแคว้นทางฝั่งตะวันตกของสหพันธรัฐแอตแลนติสเหนือ รวมแล้วราวๆ สามสิบเศษๆ ของแว่นแคว้นต่างๆ ล้วนถูกคลื่นสึนามิเข้าโหมกระหน่ำทั้งสิ้น ทางการของทั้งสองอาณาจักรส่งยานบินกู้ภัยขนาดปานกลางถึงขนาดใหญ่จากมหานครวงแหวนของตนออกไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยกันอย่างเร่งด่วน
กลางสมุทรแห่งแคว้นหนึ่งทางฝั่งตะวันตกของจักรวรรดิแอตแลนติสใต้ ในขณะที่ประชาชนจำนวนนับหมื่นนับแสนกำลังตะเกียกตะกายว่ายน้ำหนีตายกันอย่างจ้าละหวั่นและมีจำนวนมากซึ่งว่ายน้ำไม่เป็นทยอยกันจมลงสู่ก้นสมุทรกันอย่างไม่ขาดระยะอยู่นั้น ปรากฏร่างของบุรุษหนึ่ง สูงใหญ่ กำยำล่ำสัน แต่งกายด้วยเครื่องทรงประดับอัญมณีสีทองเป็นปลอกแขน กำไลข้อมือ โดยเปลือยกายท่อนบน โชว์ให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ โผล่พ้นขึ้นมาจากกลางทะเล !
แต่...ท่ามกลางสายตาของผู้คนจำนวนมากที่กำลังจ้องมองอย่างตื่นตะลึงอยู่นั้น บุรุษนั้นถืออาวุธประหลาดชนิดหนึ่งในมือขวา เป็นหอกซึ่งปลายเป็นสามง่ามซึ่งเรียกกันในภายหลังว่า "ตรีศูร" ซึ่งบริเวณง่ามทั้งสามนั้นมีประกายไฟฟ้าแลบแปลบปลาบส่งสะเก็ดไฟแตกดังเปรี๊ยะๆ อยู่ตลอดเวลา...และการปรากฏกายของเขานั้นอลังการเกินคนธรรมดา เพราะร่างกายนั้นสูงใหญ่กว่ามนุษย์ธรรมดามากกว่าสิบเท่า!!
ผู้คนมากมายร้องตะโกนเสียงดังโหวกเหวก แล้วก็มีเสียงชายผู้หนึ่งเอ่ยนามบุรุษร่างยักษ์นั้นออกมา
"โพเซดอน! สมุทรเทพโพเซดอน !!!"
ผู้คนส่งเสียงฮือฮากันไปทั่วเมื่อรู้ว่าขณะนี้พวกตนกำลังเผชิญหน้ากับ "เทพเจ้า" ตัวเป็นๆ ต่อหน้าต่อตา
(ต่อครับ) ^^
💫🕛💫🚀 แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 29 🚀💫🕛💫
ในจักรวรรดิแอตแลนติสใต้ ณ นิวาสถานลับของเทพพยากรณ์ออเรเคิล ค่ำคืนนี้ เทพพยากรณ์ลงมือประกอบพิธีกรรมตามวิชามนต์ดำซึ่งนางเคยร่ำเรียนมา เพื่อใช้กับจักรพรรดิเนรอส!
เป็นวิชาที่เปรียบเทียบได้กับการ "ฝังรูปฝังรอย" หรือ การทำเสน่ห์ขั้นสูง !!
ออเรเคิลใช้ให้บริวารไปหารากไม้ชนิดหนึ่งมา สองท่อน แล้วแกะสลักรากไม้ทั้งสองนั้นเป็นหุ่นรูปคน บุรุษ และสตรี...
ครั้นแกะสลักเป็นรูปร่างที่ตนพอใจแล้ว จึงเรียกช่างศิลป์ผู้ชำนาญมาสองคน ให้คนหนึ่ง แกะสลักรูปใบหน้าหุ่นแห่งบุรุษให้เหมือนพระพักตรของจักรพรรดิเนรอส อีกคนหนึ่งให้แกะสลักรูปใบหน้าหุ่นแห่งสตรี ให้เหมือนใบหน้าของตนเอง!
ซึ่งการที่จะให้แกะสลักให้เหมือนใบหน้าของตนเองนั้น นางจำเป็นที่จะต้องชำระล้างใบหน้าของนาง ซึ่งปกติถูกเคลือบหรือปกปิดด้วยเครื่องสำอางค์ต่างๆ ทั้งแป้งและน้ำมันหรือ "โลชั่น" หนาเตอะ สีแดงซึ่งเกิดจากการแต่งแต้มบนริมฝีปาก สีที่ขอบตา และเปลือกตา ขนตาซึ่งตกแต่งเพิ่ม มากมายทั่วทั้งใบหน้า ออกให้หมด แล้วชำระล้างใบหน้าให้สะอาดหมดจด
หลังจากชำระล้างหมดจดดีแล้ว นางจึงมานั่งอยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่ จ้องมองดูใบหน้าตนเองซึ่งแลดูเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง ดูผิดแปลกไปเป็นคนละคน เมื่อเปรียบเทียบกับใบหน้าหลังการ "เมคอัพ" โดยสิ้นเชิง!!
"หึ!" ออเรเคิลแค่นหัวเราะให้กับใบหน้าตามธรรมชาติของตัวเอง "ยายเพิ้งเอ๊ย!"
แต่แล้ว แว่บหนึ่งของความคิด...
นางรู้สึกว่า ใบหน้าของคนในกระจกเงาต่อหน้าตัวเองในยามนี้ มันดูละม้าย คล้ายคลึงใบหน้าของใครบางคน! และเป็นใครบางคน ซึ่งนางเคยเห็นมาก่อนเสียด้วย !!
"สตรีนางใดกัน ? ที่มีใบหน้าแบบนี้ ???"
นางครุ่นคิดอยู่เงียบๆ ขณะที่นั่งนิ่ง ปล่อยให้ช่างแกะสลักรูปสตรี แกะสลักใบหน้าตามใบหน้าของตนไปเรื่อยๆ ส่วนรูปบุรุษนั้นแกะเสร็จไปก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว
ไม่นานนัก รูปแกะสลักเป็นตัวแทนของนางก็เสร็จสมบูรณ์
"เสร็จเรียบร้อยแล้วขอรับ ท่านเทพพยากรณ์" นายช่างนั้นบอก
"ดีมาก!" นางกล่าวชมเขาแล้วยื่นถุงบรรจุเหรียญทองคำขนาดย่อมให้เขาไปถุงหนึ่ง หลังจากเขากล่าวขอบคุณ นางจึงลองถาม
"นายช่าง! ข้าขอถามอะไรหน่อยสิ"
"ได้ขอรับ ท่านเทพพยากรณ์ มีคำถามอันใดขอรับ ?"
"เจ้าว่า ใบหน้าข้าเยี่ยงนี้ กับตอนที่ข้าตกแต่งแล้วด้วยเครื่องสำอางค์ อย่างไหน ดูสวยกว่ากัน ?"
"เอ้อ..." นายช่างอ้ำอึ้ง คาดไม่ถึงว่าจะถูกนางถามแบบนี้ "...ตอบ ค่อนข้างยากขอรับ แหะๆ" ว่าแล้วก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นเกาหัว
"มันอย่างไรกันเล่า ลองว่ามาซิ ไม่ต้องเกรงใจ! ว่ามาตรงๆ ข้ารับรอง จะไม่ถือโทษโกรธเคืองเจ้าดอก!"
"อ่า...ถ้าเช่นนั้น ข้าน้อย ขอบังอาจวิจารณ์..."
"ว่าไปเลย เร็วๆ ข้าอยากฟัง อยากรู้!"
"ขอรับ...คือว่า ทั้งสองแบบ ล้วนเป็นใบหน้าซึ่งเลอโฉม งดงาม ทั้งคู่ ขอรับ" เขาตอบอย่างระมัดระวัง
"อย่างนั้นรึ ? ถ้ากระนั้น มันต่างกันตรงไหน ??"
"เอ้อ...ในยามที่ท่านยังมิได้ชำระล้างเครื่องสำอางค์ หรือเครื่องประทินผิวต่างๆ นั้น ท่านสวยงดงามเลิศเป็นที่หนึ่ง ไม่มีสตรีใดเทียมเท่าแม้เศษเสี้ยวแห่งร้อย ขอรับ!"
"ชะ! นายช่าง...ช่างประจบนักเชียวนะ!"
"หามิได้เลยขอรับ ข้าน้อย กล่าวออกมาจากใจจริง หาได้แกล้งตกแต่งถ้อยคำประจบสอพลอไม่!" นายช่างกล่าวและทำหน้าตาขึงขัง ซึ่งสร้างความตลกขบขันให้แก่เทพพยากรณ์เสียอย่างนั้น!
"เอาละๆ ช่างเถอะ!" นางโบกไม้โบกมือ "เอาเป็นว่า ข้ายอมเชื่อในความจริงใจของเจ้าก็แล้วกัน! แล้ว ในอีกยามหนึ่ง อย่างเช่นตอนนี้เล่า ?"
"โอ้!..." นายช่างอุทานพลางถอนลมหายใจยาว "...ในยามปกติเช่นนี้ ความสวยเลอโฉมของท่าน เป็นความสวยงามอย่างธรรมชาติ อันสดใส และดูบริสุทธิ์ ผุดผ่อง เหลือพรรณนาขอรับ!!"
"ขนาดนั้นเทียวรึ ??" นางถามยิ้มๆ
"แน่นอนขอรับ มันสวยงามไปคนละแบบขอรับ"
"แล้ว...เจ้าชอบแบบไหน มากกว่ากัน ? สมมติว่า เจ้าเป็นสามี หรือคนรักของข้า เจ้าชมชอบจะให้ข้าแต่งหน้า หรือไม่ต้องแต่ง ?"
"อ่า..." นายช่างอึกอักอีกรอบ ก่อนจะตอบอย่างระมัดระวังยิ่งขึ้นอีก "มันก็...ขึ้นอยู่กับเวลา และโอกาส หรือสถานที่ กระมังขอรับ"
"อย่างไรกันเล่า ?"
"คือว่า...หากเป็นยามที่ท่านอยู่ต่อหน้าผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อเบื้องพระพักตรองค์จักรพรรดิ ท่านมิอาจไม่ตกแต่งอย่างแน่นอน เด็ดขาดเลยขอรับ ! เพราะหากในยามนั้น ใบหน้าของท่านเป็นใบหน้าใสซื่อบริสุทธิ์เยี่ยงในยามนี้แล้วไซร้ ท่านจะมองดูไร้รัศมีแห่งอำนาจขอรับ! ความน่ายำเกรงของท่านจะดูลดลงไปมากทีเดียว และแน่นอนว่า ทุกคนเคยชินกับรูปลักษณ์ของท่านซึ่งงามสง่าน่าเกรงขามกันทั้งสิ้น ขอรับ!!"
"อื้มม........" นางส่งเสียงจากลำคอพลางเอาสองนิ้วเคาะปลายคางตัวเองเล่น "เจ้ากล่าวได้อย่างมีเหตุผลยิ่ง! แล้ว ยามใดเล่า ที่ข้า ควรชำระล้างเครื่องสำอางค์ออกให้หมด ล้างหน้าให้สะอาดเอี่ยม และปล่อยเส้นผมไปตามสบายๆ เยี่ยงขณะนี้ ?"
"ต้องเป็น...อ่า...ในยามที่ท่าน อยู่คนเดียว หรือ อยู่กับบุรุษผู้คู่ควรกับท่าน! บุรุษนั้น จะหลงใหลในตัวท่านอย่างหัวปักหัวปำเลยทีเดียวขอรับ!"
"แหม...ถึงปานนั้นเทียว ? แล้วใครเล่า จะเป็นบุรุษผู้นั้น ??" นางแกล้งถาม
"อพิโธ่.....จะมีผู้ใดเสียอีกขอรับ! นอกจาก องค์จักรพรรดิ!"
คำพูดนั้นทำให้นางยิ้มแป้น
"และ...ข้าน้อย มองเห็นสายพระเนตรของพระองค์ซึ่งทรงจ้องมองท่านออกนะขอรับ ?"
"มองออกอย่างไรรึ เจ้า ?"
"อ่า...ในฐานะที่เป็นบุรุษเช่นเดียวกัน บุรุษย่อมมองมองบุรุษด้วยกันออกอย่างทะลุปรุโปร่งเลยขอรับ!"
"เจ้ามองออกว่า...???"
"ข้าน้อย มองออกว่า พระองค์ ปรารถนา ที่จะได้ตัวท่าน อย่างยิ่งทีเดียว ขอรับ!"
"พระองค์ก็คงทรงวางแผนที่จะทรงอภิเษกสมรสกับข้า ข้าเคยได้ยินคนในวังพูดกัน ก็ไม่แปลกนี่นา ?" นางแกล้งพูดบ่ายเบี่ยงความหมายที่แท้จริง
"ข้าน้อย มิได้หมายถึงความหมายนี้ดอกขอรับ ข้อนี้ทุกคนทราบกันดีขอรับ!" นายช่างกล่าว สายตาเริ่มระรื่นออกแนวทะเล้น
"แล้วหมายถึงความหมายอันใดยะ ?"
"ก็..." นายช่างกล่าวเบาๆ แล้วขยับเข้ามาใกล้เทพพยากรณ์อีกนิด ก่อนกระซิบ "หมายถึงว่า พระองค์ ทรงปรารถนา ความบริสุทธิ์ ของท่าน นั่นเองแหละขอรับ!"
ออเรเคิลหัวเราะชอบใจ ก่อนขับไล่เขาออกไปจากห้อง
"รู้ดีจริงนะเจ้า! และชักจะรู้มากไปแล้ว รู้ความจริงมากไป อาจมีภัยถึงตายได้นะขอบอก!" พูดถึงตรงนี้แล้วนางแกล้งตีสีหน้าเคร่งขรึมพลางโบกไม้โบกมือไล่ "ไปๆ ไปได้แล้ว และอย่าปากมากนักนะเจ้า!"
"รับประกันว่า ข้าน้อยจะเงียบ และสงบเสงี่ยมที่สุดขอรับ ขอบพระคุณสำหรับค่าจ้างแกะสลักเป็นอย่างยิ่งขอรับ ข้าน้อยลาละขอรับ!"
หลังจากนายช่างออกไปจากห้อง ออเรเคิลจึงเดินไปปิดประตูลั่นดาล แล้วเดินไปยังมุมหนึ่งของห้องซึ่งขีดเขียนรูปสัญลักษณ์ต่างๆ อันเกี่ยวข้องกับมนต์ดำ เพื่อจะเริ่มประกอบพิธีทำเสน่ห์ตามลำพัง
ตรงกึ่งกลางบริเวณนั้น ขีดวงกลมไว้ มีรูปใบหน้าปีศาจวาดไว้ชัดเจนดูน่าสะพรึงกลัว
เจ้าแมวดำโรคจิต "นีลา" สัตว์เลี้ยงแสนรักของนาง เดินตามมาต้อยๆ
"นั่งหรือนอนอยู่นอกวงกลมนั่นแหละลูก" นางสั่ง และมันก็ยอบตัวลงนอนนอกวงกลมรูปปีศาจอย่างว่าง่าย ส่งเสียง "แง๊ว" เบาๆ
ออเรเคิล จุดธูปและเทียนหลายเล่ม ท่องคาถาบูชาปีศาจ แล้วหยิบหุ่นบุรุษและสตรีแกะสลักขึ้นมา หันหน้าเข้าหากัน นำประกบกัน แล้วเอาสายเชือกสีขาวเหมือนอย่างสายสิญจน์พันรอบตัวหุ่นทั้งสองตัว มัดแน่นแล้วชโลมด้วยน้ำมันหอมกลิ่นแรง จากนั้นมือหนึ่งถือหุ่นสองตัวนั้นไว้ ให้สตรีอยู่ข้างบนบุรุษ แล้วมืออีกข้างหนึ่งหยิบเทียนไขอีกเล่มต่อไฟจากเล่มที่จุดไว้แล้วซึ่งอยู่ใกล้ตัวที่สุด ต่อไฟแล้วยกเทียนเล่มนั้นขึ้น จ่อปลายเทียนไว้เหนือใบหน้าหุ่นบุรุษซึ่งขณะนี้หงายอยู่เบื้องล่าง ให้น้ำตาเทียนหยดลงไป พลางท่องคาถากำกับ ซึ่งมีความหมายว่า "โอ...เนรอส ท่านจงอยู่ใต้อำนาจข้า มิใช่เหนือกว่าข้า มิใช่ควบคุมข้า ข้า ออเรเคิล เหนือกว่าท่าน ข้าคือผู้ควบคุมท่าน ไม่มีผู้ใดเหนือกว่าข้า !!!"
น้ำตาเทียนสามหยด หยดลงไปอาบใบหน้าหุ่นบุรุษซึ่งถูกแกะสลักใบหน้าเหมือนจักรพรรดิเนรอส จบด้วยการกรีดเลือดจากฝ่ามือของตนลงไปบนตัวหุ่น และวางหุ่นทั้งสองไว้บนใบหน้าปีศาจกลางวงกลม
"เนรอส! คราวนี้แหละ ท่านจะต้องร้อนรุ่ม ฮ่าๆๆๆ"
นางระเบิดเสียงหัวเราะ ก่อนจะลุกจากกลางวงกลม เดินออกมาแล้วไปที่ประตู เปิดประตู แล้วเดินไปตามทางเดินอันจะนำขึ้นไปชั้นบน จากนั้นขึ้นไปบนดาดฟ้าแห่งคฤหาสน์ ยืนสูดอากาศบริสุทธิ์อย่างสบายใจ รับลมเย็นๆ ในยามราตรีอันดึกดื่น
บัดดลนั้น นางก็แปลกใจ เมื่อมองเห็นดวงไฟขนาดใหญ่ เปล่งแสงสีขาวสว่างจ้ามาจากทิศเหนืออย่างช้าๆ แล้วเร่งความเร็วขึ้นจนพลันมาอยู่เหนือศีรษะของนาง
พออยู่ในระยะใกล้ นางจึงพบว่า นั่นคือยานบินทรงกลมเหมือนจานขนาดยักษ์สีดำสนิท! มันใหญ่โตมากจนเงาของมันทอดลงมาบดบังทั่วทั้งคฤหาสน์ และเงียบกริบ!!
ออเรเคิลเริ่มรู้สึกตื่นตระหนก รู้ชัดว่านี่มิใช่อากาศยานของจักรวรรดิ และก็ไม่น่าจะใช่ของฝ่ายสหพันธรัฐด้วย!
แล้วก็สงสัยต่อไปว่า มันเป็นของพวกไหน มาจากไหน !!
ยังไม่ทันจะตั้งตัว นางก็รู้สึกว่าพื้นบริเวณที่ตนเองยืนเหยียบอยู่นั้น ไร้ซึ่งแรงโน้มถ่วงเอาดื้อๆ! แล้วร่างของนาง ก็ถูกดูดผ่านใต้ท้องยานนั้นเข้าไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับสติสัมปชัญญะของนางก็ดับวูบลง ก่อนร่างจะขึ้นไปถึงบนยานนั้นเสียด้วยซ้ำ และจากนั้น ยานลึกลับลำนั้น ก็กะพริบไฟทั่วยานสองสามครั้ง แล้วไฟก็ดับ พร้อมกับตัวยานทั้งลำ หายวับไปทันที ราวกับปีศาจราตรีฉะนั้น!!
******************************************************************************************************************************************
ท้องฟ้ามืดครึ้ม...พายุโหมกระหน่ำ.........
กองทัพมหาคลื่นน้ำทะเล จากมหาสมุทรทางฝั่งตะวันตกของทวีปทั้งทวีป บุกเข้าโจมตีฝั่งทะเลของทวีปด้านดังกล่าวตั้งแต่เหนือจรดใต้ ด้วยมหาพลานุภาพซึ่งไม่มีใครเคยพบเห็นมาก่อนชั่วชีวิต สิ่งปลูกสร้าง อาคารสถานบ้านเรือน ต้นไม้ ยานพาหนะทั้งทางบกและทางน้ำ กับทั้งอากาศยานซึ่งเจ้าของหรือผู้มีหน้าที่ขับขี่ขึ้นขับหนีไม่ทัน ถูกมวลปริมาณแห่งน้ำมากมายเกินคณนากวาดลอยไปตามกระแสเชี่ยวเกรี้ยวกราด เสียงผู้คนมหาศาลหวีดร้องระงม
สิบกว่าแว่นแคว้นทางฝั่งตะวันตกของจักรวรรดิแอตแลนติสใต้ กับอีกสิบกว่าแว่นแคว้นทางฝั่งตะวันตกของสหพันธรัฐแอตแลนติสเหนือ รวมแล้วราวๆ สามสิบเศษๆ ของแว่นแคว้นต่างๆ ล้วนถูกคลื่นสึนามิเข้าโหมกระหน่ำทั้งสิ้น ทางการของทั้งสองอาณาจักรส่งยานบินกู้ภัยขนาดปานกลางถึงขนาดใหญ่จากมหานครวงแหวนของตนออกไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยกันอย่างเร่งด่วน
กลางสมุทรแห่งแคว้นหนึ่งทางฝั่งตะวันตกของจักรวรรดิแอตแลนติสใต้ ในขณะที่ประชาชนจำนวนนับหมื่นนับแสนกำลังตะเกียกตะกายว่ายน้ำหนีตายกันอย่างจ้าละหวั่นและมีจำนวนมากซึ่งว่ายน้ำไม่เป็นทยอยกันจมลงสู่ก้นสมุทรกันอย่างไม่ขาดระยะอยู่นั้น ปรากฏร่างของบุรุษหนึ่ง สูงใหญ่ กำยำล่ำสัน แต่งกายด้วยเครื่องทรงประดับอัญมณีสีทองเป็นปลอกแขน กำไลข้อมือ โดยเปลือยกายท่อนบน โชว์ให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ โผล่พ้นขึ้นมาจากกลางทะเล !
แต่...ท่ามกลางสายตาของผู้คนจำนวนมากที่กำลังจ้องมองอย่างตื่นตะลึงอยู่นั้น บุรุษนั้นถืออาวุธประหลาดชนิดหนึ่งในมือขวา เป็นหอกซึ่งปลายเป็นสามง่ามซึ่งเรียกกันในภายหลังว่า "ตรีศูร" ซึ่งบริเวณง่ามทั้งสามนั้นมีประกายไฟฟ้าแลบแปลบปลาบส่งสะเก็ดไฟแตกดังเปรี๊ยะๆ อยู่ตลอดเวลา...และการปรากฏกายของเขานั้นอลังการเกินคนธรรมดา เพราะร่างกายนั้นสูงใหญ่กว่ามนุษย์ธรรมดามากกว่าสิบเท่า!!
ผู้คนมากมายร้องตะโกนเสียงดังโหวกเหวก แล้วก็มีเสียงชายผู้หนึ่งเอ่ยนามบุรุษร่างยักษ์นั้นออกมา
"โพเซดอน! สมุทรเทพโพเซดอน !!!"
ผู้คนส่งเสียงฮือฮากันไปทั่วเมื่อรู้ว่าขณะนี้พวกตนกำลังเผชิญหน้ากับ "เทพเจ้า" ตัวเป็นๆ ต่อหน้าต่อตา
(ต่อครับ) ^^