คำว่า "บิดา" เสมือนสายฟ้าฟาดเทพพยากรณ์แห่งจักรวรรดิแอตแลนติสใต้อย่างเต็มเหนี่ยว โดยโพเซดอนไม่ต้องใช้ตรีศูลในการปล่อยสายฟ้าฟาดเลย!
ออเรเคิลยืนตะลึงลาน ผสมกับความมึนอย่างหนัก ด้วยไม่เคยคิดไม่เคยฝัน ว่าจะมีโอกาสมารับรู้เรื่องราวอันสุดเหลือเชื่อนี้ในวันนี้!!
"เอ้อ..." นางอึกอักอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงซักถามอย่างเหม่อลอย "ไหน...ท่านลองบอกข้าหน่อยสิ ว่า มารดา...ผู้ให้กำเนิดข้านั้น เป็นสตรีเช่นไร ??"
โพเซดอนจ้องมองดูนางอย่างลึกซึ้ง ดวงตาฉายแววเศร้าสลด ก่อนตอบ "มารดาของพวกเจ้าทั้งสอง ก็คล้ายคลึงกับพวกเจ้านั่นแหละ พวกเจ้าทั้งสองคนละม้ายคล้ายกับนางมาก...นางเป็นคนสวย พวกเจ้าก็เช่นกัน ความสวยของพวกเจ้าทั้งสอง เป็นดุจถอดแบบพิมพ์มาจากมารดา นับว่าเชื้อของนางโดดเด่นจริงๆ มีที่เหมือนข้านิดหน่อยก็คือ เค้าโครงของใบหน้า นอกนั้น ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของคิ้ว ดวงตา จมูก ปาก เหมือนถอดแบบมาจากนางไม่มีผิด"
"นางป่วยหนัก จนแม้แต่ท่าน หรือสหายของท่านที่มาด้วยกัน มิอาจรักษาได้หรือ ?"
"ถูกต้อง เป็นเช่นนั้น"
"แล้วทำไม ต้องแยกเราสองพี่น้องไปอยู่กันคนละที่คนละกาลเวลาด้วย แทนที่จะให้อยู่ด้วยกัน ?"
"ก็อย่างที่ข้าได้บอกกับออเรร่า พี่สาวของเจ้า...ก่อนหน้านี้แล้ว"
"บอกนางเรื่องอะไร ??"
"เรา...ข้าหมายถึงข้าและสหายผู้เดินทางมาด้วยกัน ต้องการศึกษาพัฒนาการการดำเนินชีวิต รวมทั้งจิตวิทยาของชาวโลก จึงทำการทดลองการผสมข้ามสายพันธ์ขึ้นมา เพื่อจะติดตามดูว่าเด็กผู้ที่จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขระหว่างสองดวงดาว จะมีพัฒนาการเป็นเช่นไร จะฉลาดหลักแหลมแค่ไหน ความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันเป็นเช่นไร ดังนี้เป็นต้น เพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาการ"
"อ้อ! ถ้าอย่างนั้น ข้าและออเรร่า คือหนูทดลองของท่าน!" ออเรเคิลกล่าวพลางแค่นจมูกพรืด มองค้อนผู้เป็นบิดา
'โดนอีกจนได้นะเรา! หลังจากโดนคนพี่ว่ามาก่อน!' โพเซดอนนึกในใจและได้แต่ยิ้มอย่างประดักประเดิดชอบกล
"ยังมีหน้ามายิ้มอีก!! แค่นี้ใช่ไหม เหตุผลของท่านที่แยกข้ากับออเรร่าไปคนละที่คนละเวลา ??" ลูกสาวแฝดผู้น้องถามอีกด้วยอาการมึนตึง
"โอ้...ไม่..." ผู้เป็นบิดาส่ายหน้าช้าๆ ขณะตอบปฏิเสธ
"ไม่เหรอ ?" ออเรเคิลย้อนถามพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง "หมายความว่า ท่านมีเหตุผลอื่นอีก ?"
"ใช่...ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง...ซึ่งสำคัญมากๆ จนจำเป็นต้องให้พวกเจ้าทั้งสองแยกกันอยู่ คนละสถานที่ และต้องเป็นคนละกาลเวลาด้วย!"
"เหตุใด จึงจำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น ??" นางทำหน้าฉงนฉงายอย่างมากมาย
"มันเกี่ยวกับ เรื่องจิตวิญญาณของพวกเจ้าทั้งสอง"
"จิตวิญญาณของเราสองคนเป็นอย่างไร ? สำคัญเพียงใด ท่านจึงต้องพาเราสองคนมารับรู้ ??"
"พวกเจ้าทั้งสอง ถือครองวิญญาณร่วมกัน คนละครึ่ง! และการร่วมวิญญาณเดียวกันนี้ ทำให้พวกเจ้าทั้งสองตกอยู่ในอันตราย!!"
"อันตราย ??? ยังไง ???"
"อันตรายที่ว่านี้ก็คือ ถ้าพวกเจ้าทั้งสองอยู่ร่วมกันในกาลเวลาเดียวกัน ถึงแม้จะอยู่ห่างกันไกล เช่นเจ้าอยู่ทางใต้ ออเรร่าอยู่ทางเหนือ หรือแม้กระทั่งอยู่ในทวีปอื่นๆ นอกเหนือจากแอตแลนติสก็ตาม ความรู้สึกของคนหนึ่ง จะส่งผลกระทบไปถึงอีกคนหนึ่งอย่างมิอาจที่จะป้องกันหรือหลีกเลี่ยงได้ เช่น ถ้าเจ้าไม่สบาย ออเรร่าก็จะไม่สบายตามไปด้วย หรือในทางตรงกันข้าม ถ้าออเรร่าบาดเจ็บจากอะไรก็ตามแต่ เจ้าก็จะได้รับบาดเจ็บไปด้วย!"
ออเรเคิลรู้สึกเสียววูบ ความหวั่นวิตกฉายออกมาทางแววตาอย่างเห็นได้ชัด นางพูดต่อคำพูดของบิดาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
"นั่นหมายความว่า...ถ้านาง...ตาย! ข้า..ก็จะต้องตายเหมือนกัน !!"
จากนั้นนางหันขวับไปจ้องมองสบตาผู้เป็นบิดาแล้วเค้นถามเพื่อความมั่นใจว่าตัวเองเข้าใจไม่ผิด
"เป็นเช่นนั้นหรือ ???"
โพเซดอนพยักหน้า ดังนั้น นางจึงกล่าวสรุปด้วยตนเอง
"เพราะฉะนั้น ท่านก็เลยแยกเราสองคนไปคนละสถานที่และคนละกาลเวลา...ซึ่งห่างไกลกันมาก...ท่านบอกว่าท่านมาถึงแอตแลนติสและได้พบกับมารดาของข้า นานมาแล้ว กี่ปีนะ ?"
"ประมาณแสนปีก่อน...นั่นเป็นยุคแรกเริ่มของแอตแลนติส!"
"ท่านส่งข้ามานี่ และส่งออเรร่าสู่ห้วงเวลาห่างไกลนานออกไปอีก...จากยุคสมัยปัจจุบันของที่นี่..."
"ประมาณเจ็ดพันปี!"
ออเรเคิลทำตาโต เป่าลมออกจากปากดังฟิ้ว ก่อนจะพูดสรุปต่อ
"ด้วยกาลเวลาซึ่งห่างกันนานถึงเพียงนั้น จึงป้องกันข้าและนางให้อยู่รอดปลอดภัยมาได้จนถึงวันนี้..."
แล้วนางก็ทำตาโตอีกครั้ง เมื่อนึกถึงวันที่ยานของเหล่าอาคันตุกะจากอนาคตเดินทางมาถึงในวันแรก ก่อนจะหลุดปากโพล่งออกไปด่าพี่สาวฝาแฝด
"ยายบ้าเอ๊ย!! อยู่ที่อียิปต์ก็ดีอยู่แล้ว แถมห่างจากเวลาที่นี่ถึงเจ็ดพันปี ดันเศือกมากับเขาด้วยทำไม !! ทำให้ข้าต้องเดือดร้อนแล้วสิต่อไปนี้!!" กล่าวจบก็ทำท่ากระฟัดกระเฟียด "มิหนำซ้ำ มาแล้วยังไปเข้าพวกกับฝ่ายสหพันธรัฐอีก!! ทำอย่างไรดีล่ะข้า ทีนี้ !!!"
ออกอาการฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดอยู่สักพัก ก็หันมาถามบิดาอีก
"ถ้าต่อไป ข้ากับนางเจอกัน แล้วเกิดลงไม้ลงมือต่อสู้กันขึ้นมา ข้าจะฆ่านางก็ฆ่าไม่ได้สิ ??"
"และนางก็ฆ่าเจ้าไม่ได้เช่นเดียวกัน!!" โพเซดอนพูดเสริมทันที "ตอนนี้นางก็รู้ความจริงข้อนี้แล้ว เพราะฉะนั้น เจ้าวางใจเถิด ตราบใดที่เจ้าไม่ทำร้ายนาง อยู่ห่างๆ นางเข้าไว้ เจ้าก็จะปลอดภัย"
"ไม่ปลอดภัยเลย!!" ออเรเคิลเถียง "มิหนำซ้ำ ข้านี่แหละ เสียเปรียบนาง!!"
"เสียเปรียบยังไงกัน ??" โพเซดอนถามพลางขมวดคิ้ว "มันน่าจะเสมอทัดเทียมกันสิ!"
"โธ่เอ๊ยย.......ท่านนี่ ช่างไม่รู้ไม่เข้าใจอะไรเสียเลย !!" ถึงตอนนี้ออเรเคิลตวาดแว้ด "นางน่ะ อยากจะฆ่าข้าทุกวันคืนเลยนะจะบอกให้! ได้ข่าวว่านางได้เป็นศิษย์ตาเฒ่าไดโอเซนัสแล้วด้วย...แล้วดูท่าทางนางจะไม่กลัวตายเสียด้วย !! ในเมื่อรู้แล้วอย่างนี้ว่าถ้าข้าตายนางก็ตาย หรือถ้านางตายข้าก็ตาย ข้าเชื่อว่านางพร้อมแลกชีวิตแน่ๆ ทีเดียว!!"
"ก็เจ้าไปลงมือทำร้ายไดโอเซนัสผู้เป็นอาจารย์ของเจ้า แถมยังลงมือกับศิษย์พี่ของเจ้าอีกคนหนึ่งอีก..." โพเซดอนกล่าวพลางส่ายหัว
"ไม่ต้องมากล่าวย้ำความผิดข้าดอก!!" ออเรเคิลตวาดแว้ดอีกรอบ "แล้วก็อย่าคิดจะพยายามมาสั่งสอนข้าเสียให้ยาก! ข้ายังไม่เชื่อหมดใจว่าท่านคือบิดาผู้ให้กำเนิดข้าจริงๆ ถึงแม้ว่าท่านสามารถใช้พลังวิเศษกับข้าจนได้รู้เรื่องราวของข้าในอดีตที่ผ่านมาก็ตาม! ท่านทำอย่างนั้นได้ ก็อาจจะมีคนอื่น...อย่างเช่นสหายของท่านที่เดินทางมาด้วย สามารถทำอย่างที่ท่านทำได้ด้วยก็เป็นได้!!"
โพเซดอนจ้องมองนาง แล้วส่ายหน้าสองสามครั้ง ก่อนจะลองถาม
"ถึงขนาดนี้ เจ้ายังไม่เชื่ออีกกระนั้นหรือ ??"
"แน่นอน!! เพียงคำพูดออกจากปาก เล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ จะให้ข้าเชื่อหมดใจจนยอมร้องเรียกท่านว่า 'ท่านพ่อ' ตอนนี้เลย มิง่ายดายเกินไปหน่อยหรือ ?!!"
"ได้ !!!" โพเซดอนคำราม แล้วคว้าจับข้อมือขวาของนางขึ้นมาโดยพลัน!
"เอ๊ะ! นี่ท่านจะทำอะไรข้า ปล่อยนะ! ท่านมิอาจบังคับฝืนใจข้าได้ดอก!!"
"ข้าจะให้เจ้ามองเห็นภาพในอดีตบ้าง จะได้หายสงสัยเสียที! อย่าดิ้น! และหุบปากเสียด้วย ไม่อย่างนั้นกระดูกข้อมือหักนะจะบอกให้!!!"
ด้วยน้ำเสียงซึ่งดุดันและทรงพลังอำนาจ ทำให้ออเรเคิลรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาเหมือนกัน นางจึงยอมเงียบเสียง ยอมให้ผู้เป็นบิดาคว้าจับข้อมือแต่โดยดี แต่ก็ยังไม่วายค้อนประหลับประเหลือก
"หลับตาลง!!"
"ฮึ!!!" นางแค่นเสียงออกจมูก ก่อนจะยอมหลับตา ปล่อยให้ผู้เป็นบิดาจับมือต่อไป...
ไม่นานนัก ออเรเคิลก็สัมผัสพลังอันอบอุ่น แผ่ออกมาจากอุ้งมือของเขา แล้ววิ่งขึ้นไปสู่เส้นประสาทและสมองของนาง ผลคือทำให้นางตกอยู่ในสภาวะเคลิ้ม กับทั้งมองเห็นภาพเหตุการณ์ในอดีตของเขาแจ่มกระจ่างเหมือนกำลังชมภาพยนตร์สามมิติ แจ่มชัดทั้งภาพและเสียง!!
โพเซดอน ทำให้นางมองเห็นภาพเหตุการณ์ในอดีตแสนปีก่อน มองเห็นเขากับสตรีชาวชนบทนางหนึ่ง หน้าตาคล้ายกับนางและออเรร่าเป็นอันมาก ผิวพรรณก็สีเดียวกัน...
ในภาพนั้น สตรีนางนั้นถูกโพเซดอนอุ้มไว้ในวงแขน และนางมีหน้าตาท่าทางอ่อนระโหยโรยแรง...แต่ก็ยังจ้องมองเขาอยู่ด้วยแววตาเปี่ยมด้วยความรักอย่างลึกซึ้ง...แล้วออเรเคิลก็ได้ยินคนทั้งสองพูดคุยกัน
"ท่านพี่...ลูกๆ ของเรา เป็นอย่างไรบ้าง ?"
"ลูกๆ สบายดี...ออเรย์ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงดอก เจ้าต้องพักผ่อนให้มาก ข้าจะพาเจ้าไปนอน แล้วจะปรุงโอสถบำรุงกำลังให้เจ้า"
นางผู้มีนามว่า "ออเรย์" ยิ้มอย่างฝืนๆ และส่ายหน้า
"คงไม่ต้องกระมัง ท่านพี่ พาข้าไปนอนอย่างเดียวก็พอ ข้ารู้สึกเหน็ดเหนื่อยมาก และตะครั่นตะครอ ปวดเมื่อยไปทั้งตัว"
"อย่างนี้ยิ่งจำเป็นต้องดื่มโอสถ อย่าปฏิเสธเลย ออเรย์ ข้าขอร้อง..." น้ำเสียงของโพเซดอนบ่งถึงความวิตกกังวล
"ถ้าอย่างนั้น ก็สุดแท้แต่ท่านพี่เถิด"
เขาพานางเข้าห้องนอน วางนางลงบนเตียง ออกจากห้องนอนไปครู่หนึ่งก็กลับเข้ามาพร้อมกับถ้วยใบหนึ่งซึ่งปรุงยามาแล้ว
เขาวางถ้วยยาลงบนโต๊ะข้างเตียง ประคองผู้เป็นภรรยาให้ลุกขึ้น แล้วค่อยๆ ให้นางจิบยาถ้วยนั้น
"พยายามดื่มให้มากๆ จะได้หายเร็วๆ" เขากล่าวกับนางอย่างอ่อนโยน
นางพยักหน้า พยายขามฝืนใจดื่มยาถ้วยนั้นไปถึงครึ่งถ้วย ก่อนจะส่งถ้วยยาให้สามีและเอนหลังลงนอนต่อ และถามคำถามเขา
"ท่านพี่..."
"หืมม ??"
"ท่านตั้งชื่อให้ลูกๆ หรือยัง ?"
ออเรเคิลรู้สึกว่าตัวเองหูผึ่ง รอฟังต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ
"ยังเลยจ้ะ...เจ้าถามมาก็ดีแล้ว เรามาช่วยกันตั้งให้พวกนาง ดีไหม ?"
คำว่า
"พวกนาง" ยิ่งทำให้ออเรเคิลรู้สึกตื่นเต้น และรู้สึกว่าเรื่องราวมันเป็นจริงชัดเจนขึ้นมาอีกหลายเท่า!
"ดีเลย...ท่านพี่ ตั้งชื่อให้นางผู้เป็นพี่สาวก่อนสิ.."
"อืม....เอาชื่ออะไรดีหนอ..." ผู้เป็นสามีทำท่าครุ่นคิด ยกมือขึ้น เอานิ้วชี้เคาะขมับสองสามที พอนึกชื่อได้ก็ตอบภรรยา "เอาอย่างนี้เถิด...เจ้าชื่อ
ออเรย์ ก็ให้คนพี่ชื่อ
ออเรร่า หมายถึง
ผู้มีแสงสว่าง หรือ
รัศมี ดีไหม ?"
"ดีจ้ะ ท่านพี่ ไพเราะมากทีเดียว" นางตอบพร้อมด้วยยิ้มหวาน
"เอาละ ทีนี้ ถึงตาเจ้าบ้างแล้ว เจ้าตั้งชื่อให้นางผู้เป็นน้องเถิด"
"ถ้าเช่นนั้น ข้าขอตั้งชื่อนางว่า
ออเรเคิล หมายถึง
ผู้มีความอัศจรรย์ ท่านพี่เห็นว่ากระไรบ้าง ?"
"ช่างมีสำเนียงคล้องจองกันดีแท้เทียว คนพี่ ออเรร่า คนน้อง ออเรเคิล ความหมายก็ดีด้วยจ้ะ"
"ข้าอยากอุ้มออเรร่าและออเรเคิลเหลือเกิน เสียดาย...ที่ข้าป่วยหนักนัก ไม่อาจอุ้มทั้งสองคนในขณะนี้ได้ ขืนอุ้ม พวกนางก็ต้องติดเชื้อไข้..."
"ถ้าเช่นนั้น ให้เจ้าดูภาพของพวกนางก็แล้วกันนะ"
"ค่ะ ท่านพี่..."
ตลอดเวลาที่ออเรย์ผู้เป็นภรรยาพูด นางมีอาการไอเป็นระยะๆ
โพเซดอนหยิบเอา "ตรีศูล" ซึ่งวางพิงฝาผนังมา กดปุ่มๆ หนึ่งบริเวณใต้สามง่าม แสงสว่างเป็นลำๆหนึ่งพุ่งออกมาจากทรงกลมเล็กๆ เหมือนอัญมณี แล้วขยายใหญ่ขึ้นเป็นภาพสามมิติลอยกลางอากาศ
เด็กทารกน้อยสองคน เป็นฝาแฝด เพศหญิง นอนอยู่บนที่นอนสองที่ใกล้ๆ กัน กำลังหลับปุ๋ยอย่างสุขารมณ์ทั้งคู่ โดยมีสาวใช้สองคนคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ
"พวกนางดูเหมือนกันจริง ราวกับเป็นคนเดียวกัน..." ออเรย์กล่าวขณะนอนจ้องมองภาพสามมิติซึ่งลอยอยู่ต่อหน้า "...คนไหนนะ คือออเรร่า อ้อ! คนที่มีปานดำกลมๆ ที่ฝ่ามือขวานั่นเอง...ส่วนแม่หนูน้อย มีปานแบบเดียวกัน แต่อยู่ที่ฝ่ามือซ้าย คือ ออเรเคิล..ลูกเอ๋ย.."
ถึงตอนนี้ ออเรเคิลซึ่งยืนหลับตาอยู่ ก็น้ำตาร่วง!
ภาพตัดไป ณ เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ณ บริเวณลานกว้างแห่งหนึ่ง...
โพเซดอนยืนอุ้มร่างอันไร้วิญญาณของออเรย์อยู่ข้างหลุมฝังศพซึ่งเขาขุดเตรียมไว้แล้ว โดยมีสาวใช้สองคนช่วยกันอุ้มออเรร่าและออเรเคิล สองทารกหญิงซึ่งกำลังร้องไห้จ้า ราวกับว่าเด็กน้อยทั้งสองรู้แล้วว่ามารดาของตนได้จากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ มีชายอีกคนหนึ่งสวมชุดขาว โกนผม ลักษณะเหมือนนักบวช กล่าวถ้อยคำอะไรบางอย่างซึ่งเป็นพิธีทางศาสนา จบลงด้วยการที่โพเซดอนค่อยๆ บรรจงอุ้มสรีระร่างของภรรยาลงไปนอนในโลงศพซึ่งถูกจัดวางไว้ในหลุม จัดสองมือของนางวางซ้อนกันบริเวณหน้าท้อง กล่าวคำสุดท้ายกับนาง ก่อนจะปิดฝาโลง และลงมือกลบดินฝัง
(ต่อครับ) ^^
💫🕛💫🚀 แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 31 🚀💫🕛💫
ออเรเคิลยืนตะลึงลาน ผสมกับความมึนอย่างหนัก ด้วยไม่เคยคิดไม่เคยฝัน ว่าจะมีโอกาสมารับรู้เรื่องราวอันสุดเหลือเชื่อนี้ในวันนี้!!
"เอ้อ..." นางอึกอักอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงซักถามอย่างเหม่อลอย "ไหน...ท่านลองบอกข้าหน่อยสิ ว่า มารดา...ผู้ให้กำเนิดข้านั้น เป็นสตรีเช่นไร ??"
โพเซดอนจ้องมองดูนางอย่างลึกซึ้ง ดวงตาฉายแววเศร้าสลด ก่อนตอบ "มารดาของพวกเจ้าทั้งสอง ก็คล้ายคลึงกับพวกเจ้านั่นแหละ พวกเจ้าทั้งสองคนละม้ายคล้ายกับนางมาก...นางเป็นคนสวย พวกเจ้าก็เช่นกัน ความสวยของพวกเจ้าทั้งสอง เป็นดุจถอดแบบพิมพ์มาจากมารดา นับว่าเชื้อของนางโดดเด่นจริงๆ มีที่เหมือนข้านิดหน่อยก็คือ เค้าโครงของใบหน้า นอกนั้น ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของคิ้ว ดวงตา จมูก ปาก เหมือนถอดแบบมาจากนางไม่มีผิด"
"นางป่วยหนัก จนแม้แต่ท่าน หรือสหายของท่านที่มาด้วยกัน มิอาจรักษาได้หรือ ?"
"ถูกต้อง เป็นเช่นนั้น"
"แล้วทำไม ต้องแยกเราสองพี่น้องไปอยู่กันคนละที่คนละกาลเวลาด้วย แทนที่จะให้อยู่ด้วยกัน ?"
"ก็อย่างที่ข้าได้บอกกับออเรร่า พี่สาวของเจ้า...ก่อนหน้านี้แล้ว"
"บอกนางเรื่องอะไร ??"
"เรา...ข้าหมายถึงข้าและสหายผู้เดินทางมาด้วยกัน ต้องการศึกษาพัฒนาการการดำเนินชีวิต รวมทั้งจิตวิทยาของชาวโลก จึงทำการทดลองการผสมข้ามสายพันธ์ขึ้นมา เพื่อจะติดตามดูว่าเด็กผู้ที่จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขระหว่างสองดวงดาว จะมีพัฒนาการเป็นเช่นไร จะฉลาดหลักแหลมแค่ไหน ความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันเป็นเช่นไร ดังนี้เป็นต้น เพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาการ"
"อ้อ! ถ้าอย่างนั้น ข้าและออเรร่า คือหนูทดลองของท่าน!" ออเรเคิลกล่าวพลางแค่นจมูกพรืด มองค้อนผู้เป็นบิดา
'โดนอีกจนได้นะเรา! หลังจากโดนคนพี่ว่ามาก่อน!' โพเซดอนนึกในใจและได้แต่ยิ้มอย่างประดักประเดิดชอบกล
"ยังมีหน้ามายิ้มอีก!! แค่นี้ใช่ไหม เหตุผลของท่านที่แยกข้ากับออเรร่าไปคนละที่คนละเวลา ??" ลูกสาวแฝดผู้น้องถามอีกด้วยอาการมึนตึง
"โอ้...ไม่..." ผู้เป็นบิดาส่ายหน้าช้าๆ ขณะตอบปฏิเสธ
"ไม่เหรอ ?" ออเรเคิลย้อนถามพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง "หมายความว่า ท่านมีเหตุผลอื่นอีก ?"
"ใช่...ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง...ซึ่งสำคัญมากๆ จนจำเป็นต้องให้พวกเจ้าทั้งสองแยกกันอยู่ คนละสถานที่ และต้องเป็นคนละกาลเวลาด้วย!"
"เหตุใด จึงจำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น ??" นางทำหน้าฉงนฉงายอย่างมากมาย
"มันเกี่ยวกับ เรื่องจิตวิญญาณของพวกเจ้าทั้งสอง"
"จิตวิญญาณของเราสองคนเป็นอย่างไร ? สำคัญเพียงใด ท่านจึงต้องพาเราสองคนมารับรู้ ??"
"พวกเจ้าทั้งสอง ถือครองวิญญาณร่วมกัน คนละครึ่ง! และการร่วมวิญญาณเดียวกันนี้ ทำให้พวกเจ้าทั้งสองตกอยู่ในอันตราย!!"
"อันตราย ??? ยังไง ???"
"อันตรายที่ว่านี้ก็คือ ถ้าพวกเจ้าทั้งสองอยู่ร่วมกันในกาลเวลาเดียวกัน ถึงแม้จะอยู่ห่างกันไกล เช่นเจ้าอยู่ทางใต้ ออเรร่าอยู่ทางเหนือ หรือแม้กระทั่งอยู่ในทวีปอื่นๆ นอกเหนือจากแอตแลนติสก็ตาม ความรู้สึกของคนหนึ่ง จะส่งผลกระทบไปถึงอีกคนหนึ่งอย่างมิอาจที่จะป้องกันหรือหลีกเลี่ยงได้ เช่น ถ้าเจ้าไม่สบาย ออเรร่าก็จะไม่สบายตามไปด้วย หรือในทางตรงกันข้าม ถ้าออเรร่าบาดเจ็บจากอะไรก็ตามแต่ เจ้าก็จะได้รับบาดเจ็บไปด้วย!"
ออเรเคิลรู้สึกเสียววูบ ความหวั่นวิตกฉายออกมาทางแววตาอย่างเห็นได้ชัด นางพูดต่อคำพูดของบิดาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
"นั่นหมายความว่า...ถ้านาง...ตาย! ข้า..ก็จะต้องตายเหมือนกัน !!"
จากนั้นนางหันขวับไปจ้องมองสบตาผู้เป็นบิดาแล้วเค้นถามเพื่อความมั่นใจว่าตัวเองเข้าใจไม่ผิด
"เป็นเช่นนั้นหรือ ???"
โพเซดอนพยักหน้า ดังนั้น นางจึงกล่าวสรุปด้วยตนเอง
"เพราะฉะนั้น ท่านก็เลยแยกเราสองคนไปคนละสถานที่และคนละกาลเวลา...ซึ่งห่างไกลกันมาก...ท่านบอกว่าท่านมาถึงแอตแลนติสและได้พบกับมารดาของข้า นานมาแล้ว กี่ปีนะ ?"
"ประมาณแสนปีก่อน...นั่นเป็นยุคแรกเริ่มของแอตแลนติส!"
"ท่านส่งข้ามานี่ และส่งออเรร่าสู่ห้วงเวลาห่างไกลนานออกไปอีก...จากยุคสมัยปัจจุบันของที่นี่..."
"ประมาณเจ็ดพันปี!"
ออเรเคิลทำตาโต เป่าลมออกจากปากดังฟิ้ว ก่อนจะพูดสรุปต่อ
"ด้วยกาลเวลาซึ่งห่างกันนานถึงเพียงนั้น จึงป้องกันข้าและนางให้อยู่รอดปลอดภัยมาได้จนถึงวันนี้..."
แล้วนางก็ทำตาโตอีกครั้ง เมื่อนึกถึงวันที่ยานของเหล่าอาคันตุกะจากอนาคตเดินทางมาถึงในวันแรก ก่อนจะหลุดปากโพล่งออกไปด่าพี่สาวฝาแฝด
"ยายบ้าเอ๊ย!! อยู่ที่อียิปต์ก็ดีอยู่แล้ว แถมห่างจากเวลาที่นี่ถึงเจ็ดพันปี ดันเศือกมากับเขาด้วยทำไม !! ทำให้ข้าต้องเดือดร้อนแล้วสิต่อไปนี้!!" กล่าวจบก็ทำท่ากระฟัดกระเฟียด "มิหนำซ้ำ มาแล้วยังไปเข้าพวกกับฝ่ายสหพันธรัฐอีก!! ทำอย่างไรดีล่ะข้า ทีนี้ !!!"
ออกอาการฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดอยู่สักพัก ก็หันมาถามบิดาอีก
"ถ้าต่อไป ข้ากับนางเจอกัน แล้วเกิดลงไม้ลงมือต่อสู้กันขึ้นมา ข้าจะฆ่านางก็ฆ่าไม่ได้สิ ??"
"และนางก็ฆ่าเจ้าไม่ได้เช่นเดียวกัน!!" โพเซดอนพูดเสริมทันที "ตอนนี้นางก็รู้ความจริงข้อนี้แล้ว เพราะฉะนั้น เจ้าวางใจเถิด ตราบใดที่เจ้าไม่ทำร้ายนาง อยู่ห่างๆ นางเข้าไว้ เจ้าก็จะปลอดภัย"
"ไม่ปลอดภัยเลย!!" ออเรเคิลเถียง "มิหนำซ้ำ ข้านี่แหละ เสียเปรียบนาง!!"
"เสียเปรียบยังไงกัน ??" โพเซดอนถามพลางขมวดคิ้ว "มันน่าจะเสมอทัดเทียมกันสิ!"
"โธ่เอ๊ยย.......ท่านนี่ ช่างไม่รู้ไม่เข้าใจอะไรเสียเลย !!" ถึงตอนนี้ออเรเคิลตวาดแว้ด "นางน่ะ อยากจะฆ่าข้าทุกวันคืนเลยนะจะบอกให้! ได้ข่าวว่านางได้เป็นศิษย์ตาเฒ่าไดโอเซนัสแล้วด้วย...แล้วดูท่าทางนางจะไม่กลัวตายเสียด้วย !! ในเมื่อรู้แล้วอย่างนี้ว่าถ้าข้าตายนางก็ตาย หรือถ้านางตายข้าก็ตาย ข้าเชื่อว่านางพร้อมแลกชีวิตแน่ๆ ทีเดียว!!"
"ก็เจ้าไปลงมือทำร้ายไดโอเซนัสผู้เป็นอาจารย์ของเจ้า แถมยังลงมือกับศิษย์พี่ของเจ้าอีกคนหนึ่งอีก..." โพเซดอนกล่าวพลางส่ายหัว
"ไม่ต้องมากล่าวย้ำความผิดข้าดอก!!" ออเรเคิลตวาดแว้ดอีกรอบ "แล้วก็อย่าคิดจะพยายามมาสั่งสอนข้าเสียให้ยาก! ข้ายังไม่เชื่อหมดใจว่าท่านคือบิดาผู้ให้กำเนิดข้าจริงๆ ถึงแม้ว่าท่านสามารถใช้พลังวิเศษกับข้าจนได้รู้เรื่องราวของข้าในอดีตที่ผ่านมาก็ตาม! ท่านทำอย่างนั้นได้ ก็อาจจะมีคนอื่น...อย่างเช่นสหายของท่านที่เดินทางมาด้วย สามารถทำอย่างที่ท่านทำได้ด้วยก็เป็นได้!!"
โพเซดอนจ้องมองนาง แล้วส่ายหน้าสองสามครั้ง ก่อนจะลองถาม
"ถึงขนาดนี้ เจ้ายังไม่เชื่ออีกกระนั้นหรือ ??"
"แน่นอน!! เพียงคำพูดออกจากปาก เล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ จะให้ข้าเชื่อหมดใจจนยอมร้องเรียกท่านว่า 'ท่านพ่อ' ตอนนี้เลย มิง่ายดายเกินไปหน่อยหรือ ?!!"
"ได้ !!!" โพเซดอนคำราม แล้วคว้าจับข้อมือขวาของนางขึ้นมาโดยพลัน!
"เอ๊ะ! นี่ท่านจะทำอะไรข้า ปล่อยนะ! ท่านมิอาจบังคับฝืนใจข้าได้ดอก!!"
"ข้าจะให้เจ้ามองเห็นภาพในอดีตบ้าง จะได้หายสงสัยเสียที! อย่าดิ้น! และหุบปากเสียด้วย ไม่อย่างนั้นกระดูกข้อมือหักนะจะบอกให้!!!"
ด้วยน้ำเสียงซึ่งดุดันและทรงพลังอำนาจ ทำให้ออเรเคิลรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาเหมือนกัน นางจึงยอมเงียบเสียง ยอมให้ผู้เป็นบิดาคว้าจับข้อมือแต่โดยดี แต่ก็ยังไม่วายค้อนประหลับประเหลือก
"หลับตาลง!!"
"ฮึ!!!" นางแค่นเสียงออกจมูก ก่อนจะยอมหลับตา ปล่อยให้ผู้เป็นบิดาจับมือต่อไป...
ไม่นานนัก ออเรเคิลก็สัมผัสพลังอันอบอุ่น แผ่ออกมาจากอุ้งมือของเขา แล้ววิ่งขึ้นไปสู่เส้นประสาทและสมองของนาง ผลคือทำให้นางตกอยู่ในสภาวะเคลิ้ม กับทั้งมองเห็นภาพเหตุการณ์ในอดีตของเขาแจ่มกระจ่างเหมือนกำลังชมภาพยนตร์สามมิติ แจ่มชัดทั้งภาพและเสียง!!
โพเซดอน ทำให้นางมองเห็นภาพเหตุการณ์ในอดีตแสนปีก่อน มองเห็นเขากับสตรีชาวชนบทนางหนึ่ง หน้าตาคล้ายกับนางและออเรร่าเป็นอันมาก ผิวพรรณก็สีเดียวกัน...
ในภาพนั้น สตรีนางนั้นถูกโพเซดอนอุ้มไว้ในวงแขน และนางมีหน้าตาท่าทางอ่อนระโหยโรยแรง...แต่ก็ยังจ้องมองเขาอยู่ด้วยแววตาเปี่ยมด้วยความรักอย่างลึกซึ้ง...แล้วออเรเคิลก็ได้ยินคนทั้งสองพูดคุยกัน
"ท่านพี่...ลูกๆ ของเรา เป็นอย่างไรบ้าง ?"
"ลูกๆ สบายดี...ออเรย์ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงดอก เจ้าต้องพักผ่อนให้มาก ข้าจะพาเจ้าไปนอน แล้วจะปรุงโอสถบำรุงกำลังให้เจ้า"
นางผู้มีนามว่า "ออเรย์" ยิ้มอย่างฝืนๆ และส่ายหน้า
"คงไม่ต้องกระมัง ท่านพี่ พาข้าไปนอนอย่างเดียวก็พอ ข้ารู้สึกเหน็ดเหนื่อยมาก และตะครั่นตะครอ ปวดเมื่อยไปทั้งตัว"
"อย่างนี้ยิ่งจำเป็นต้องดื่มโอสถ อย่าปฏิเสธเลย ออเรย์ ข้าขอร้อง..." น้ำเสียงของโพเซดอนบ่งถึงความวิตกกังวล
"ถ้าอย่างนั้น ก็สุดแท้แต่ท่านพี่เถิด"
เขาพานางเข้าห้องนอน วางนางลงบนเตียง ออกจากห้องนอนไปครู่หนึ่งก็กลับเข้ามาพร้อมกับถ้วยใบหนึ่งซึ่งปรุงยามาแล้ว
เขาวางถ้วยยาลงบนโต๊ะข้างเตียง ประคองผู้เป็นภรรยาให้ลุกขึ้น แล้วค่อยๆ ให้นางจิบยาถ้วยนั้น
"พยายามดื่มให้มากๆ จะได้หายเร็วๆ" เขากล่าวกับนางอย่างอ่อนโยน
นางพยักหน้า พยายขามฝืนใจดื่มยาถ้วยนั้นไปถึงครึ่งถ้วย ก่อนจะส่งถ้วยยาให้สามีและเอนหลังลงนอนต่อ และถามคำถามเขา
"ท่านพี่..."
"หืมม ??"
"ท่านตั้งชื่อให้ลูกๆ หรือยัง ?"
ออเรเคิลรู้สึกว่าตัวเองหูผึ่ง รอฟังต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ
"ยังเลยจ้ะ...เจ้าถามมาก็ดีแล้ว เรามาช่วยกันตั้งให้พวกนาง ดีไหม ?"
คำว่า "พวกนาง" ยิ่งทำให้ออเรเคิลรู้สึกตื่นเต้น และรู้สึกว่าเรื่องราวมันเป็นจริงชัดเจนขึ้นมาอีกหลายเท่า!
"ดีเลย...ท่านพี่ ตั้งชื่อให้นางผู้เป็นพี่สาวก่อนสิ.."
"อืม....เอาชื่ออะไรดีหนอ..." ผู้เป็นสามีทำท่าครุ่นคิด ยกมือขึ้น เอานิ้วชี้เคาะขมับสองสามที พอนึกชื่อได้ก็ตอบภรรยา "เอาอย่างนี้เถิด...เจ้าชื่อ ออเรย์ ก็ให้คนพี่ชื่อ ออเรร่า หมายถึง ผู้มีแสงสว่าง หรือ รัศมี ดีไหม ?"
"ดีจ้ะ ท่านพี่ ไพเราะมากทีเดียว" นางตอบพร้อมด้วยยิ้มหวาน
"เอาละ ทีนี้ ถึงตาเจ้าบ้างแล้ว เจ้าตั้งชื่อให้นางผู้เป็นน้องเถิด"
"ถ้าเช่นนั้น ข้าขอตั้งชื่อนางว่า ออเรเคิล หมายถึง ผู้มีความอัศจรรย์ ท่านพี่เห็นว่ากระไรบ้าง ?"
"ช่างมีสำเนียงคล้องจองกันดีแท้เทียว คนพี่ ออเรร่า คนน้อง ออเรเคิล ความหมายก็ดีด้วยจ้ะ"
"ข้าอยากอุ้มออเรร่าและออเรเคิลเหลือเกิน เสียดาย...ที่ข้าป่วยหนักนัก ไม่อาจอุ้มทั้งสองคนในขณะนี้ได้ ขืนอุ้ม พวกนางก็ต้องติดเชื้อไข้..."
"ถ้าเช่นนั้น ให้เจ้าดูภาพของพวกนางก็แล้วกันนะ"
"ค่ะ ท่านพี่..."
ตลอดเวลาที่ออเรย์ผู้เป็นภรรยาพูด นางมีอาการไอเป็นระยะๆ
โพเซดอนหยิบเอา "ตรีศูล" ซึ่งวางพิงฝาผนังมา กดปุ่มๆ หนึ่งบริเวณใต้สามง่าม แสงสว่างเป็นลำๆหนึ่งพุ่งออกมาจากทรงกลมเล็กๆ เหมือนอัญมณี แล้วขยายใหญ่ขึ้นเป็นภาพสามมิติลอยกลางอากาศ
เด็กทารกน้อยสองคน เป็นฝาแฝด เพศหญิง นอนอยู่บนที่นอนสองที่ใกล้ๆ กัน กำลังหลับปุ๋ยอย่างสุขารมณ์ทั้งคู่ โดยมีสาวใช้สองคนคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ
"พวกนางดูเหมือนกันจริง ราวกับเป็นคนเดียวกัน..." ออเรย์กล่าวขณะนอนจ้องมองภาพสามมิติซึ่งลอยอยู่ต่อหน้า "...คนไหนนะ คือออเรร่า อ้อ! คนที่มีปานดำกลมๆ ที่ฝ่ามือขวานั่นเอง...ส่วนแม่หนูน้อย มีปานแบบเดียวกัน แต่อยู่ที่ฝ่ามือซ้าย คือ ออเรเคิล..ลูกเอ๋ย.."
ถึงตอนนี้ ออเรเคิลซึ่งยืนหลับตาอยู่ ก็น้ำตาร่วง!
ภาพตัดไป ณ เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ณ บริเวณลานกว้างแห่งหนึ่ง...
โพเซดอนยืนอุ้มร่างอันไร้วิญญาณของออเรย์อยู่ข้างหลุมฝังศพซึ่งเขาขุดเตรียมไว้แล้ว โดยมีสาวใช้สองคนช่วยกันอุ้มออเรร่าและออเรเคิล สองทารกหญิงซึ่งกำลังร้องไห้จ้า ราวกับว่าเด็กน้อยทั้งสองรู้แล้วว่ามารดาของตนได้จากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ มีชายอีกคนหนึ่งสวมชุดขาว โกนผม ลักษณะเหมือนนักบวช กล่าวถ้อยคำอะไรบางอย่างซึ่งเป็นพิธีทางศาสนา จบลงด้วยการที่โพเซดอนค่อยๆ บรรจงอุ้มสรีระร่างของภรรยาลงไปนอนในโลงศพซึ่งถูกจัดวางไว้ในหลุม จัดสองมือของนางวางซ้อนกันบริเวณหน้าท้อง กล่าวคำสุดท้ายกับนาง ก่อนจะปิดฝาโลง และลงมือกลบดินฝัง
(ต่อครับ) ^^