💫🕛💫🚀 แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 43 🚀💫🕛💫

กระทู้คำถาม
ก่อนหน้านั้น.........

ขณะที่แอตลาส ผู้มีแต่จิตวิญญาณอันผนวกรวมกับจานบินขนาดยักษ์กำลังพาออเรร่าบินลัดฟ้ากลับสู่แอตแลนติส เพื่อจะให้นางไปหาออเรเคิลตามคำสั่งของโพเซดอนอยู่นั้น ระหว่างเส้นทางการบิน เกิดทัศนวิสัยแปรปรวน เมฆดำทะมึนกล่นเกลื่อนและรวมตัวกันหนาแน่น สายอสนียบาตปรากฏแลบแปลบปลาบ ฉับพลันก็ปรากฏอสนียบาตใหญ่สายหนึ่ง

แปล๊บบบบ.........

เปรี้ยงงง !!!

เสียงสนั่นลั่นสะท้านสะเทือนทั้งแผ่นฟ้าและผืนพสุธา ฉับพลันแสงสว่างวาบหนึ่งฉายไปทั่วนภากาศ และปรากฏร่างใหญ่ของบุรุษหนึ่ง ร่างกายกำยำล่ำสัน ผิวขาว ไว้หนวดเคราแต่พองาม แต่งกายในลักษณะรูปแบบคล้ายโพเซดอนในยามที่ปรากฏตัวกลางทะเลต่อหน้าชาวแอตแลนติส แต่ในมือถืออาวุธซึ่งต่างออกไปชูขึ้น มองดูเหมือนคธายาว แต่ปลายทั้งสองข้างปรากฏสายฟ้าเจิดจ้าพุ่งออกมาเป็นระยะๆ และแตกประกายเส้นสายน้อยใหญ่ออกไปมากมาย

แอตลาสหยุดยานกลางอากาศ มองดูบุรุษนั้น แล้วทักทายออกไป

"มาแล้วหรือ ท่านผู้ตรวจการ ?"

บุรุษนั้นพยักหน้าและยิ้มให้

"เขาคือผู้ใดกันเจ้าคะ ?" ออเรร่าถาม

"นั่นน่ะหรือ ? " แอตลาสซึ่งปรากฏร่างเดิมในรูปแบบเลเซอร์โฮโลแกรมสมบูรณ์แบบในยานเพื่อจะได้พูดคุยกับนางได้สะดวกกล่าวตอบยิ้มๆ "เขาก็คือ เทพอีกองค์หนึ่งในสายตาของชาวโลก เจ้าแห่งสายฟ้า เทพบิดร...สุริยเทพ.."

"ท่านหมายถึง เซอุส กระนั้นหรือเจ้าคะ ?" ออเรร่าถามด้วยความตื่นเต้นและทึ่ง

"ถูกต้องแล้ว สาวน้อย นั่นแหละคือ เซอุส!"

"เขา...ก็มายังโลกนี้ พร้อมกับพวกท่านหรือเจ้าคะ ?"

"ใช่..."

"ขอบใจ ที่ช่วยแนะนำข้า ให้กับบุตรีของโพเซดอน" ผู้ถูกกล่าวถึงเปล่งคำพูดสอดแทรกด้วยสุ้มเสียงดังกังวาน

"จู่ๆ ท่านก็ปรากฏตัว และขวางหน้าข้าเช่นนี้ คงต้องมีความต้องการอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นพิเศษเป็นแน่! ใช่หรือไม่ สหาย ?" แอตลาสถามออกไป

"มิผิด...เป็นเช่นนั้น!"  เซอุสตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

"ให้ข้าเดานะ...อย่าเพิ่งบอกเหตุผลการปรากฏตัวของท่านในขณะนี้..." แอตลาสเอ่ยดักคอสุริยเทพไว้ก่อน

"ได้...ลองว่ามาซิ" จอมเทพพยักหน้า

"ท่านคงต้องการให้นางช่วยเหลือใครอีกซักคน...คนที่เรารู้กัน ว่าคือใคร คนที่ท่านปล่อย..."

"พอแล้ว!!" เซอุสรีบเอ่ยห้ามมิให้แอตลาสกล่าวต่อ "ท่านอย่าเพิ่งทำให้ข้าได้รับความอับอายขายหน้าในยามนี้เลย! เรื่องที่เรารู้กันนั้น..ขอให้ข้าได้พูดเองก็แล้วกัน"

"ฮ่าๆๆ..." แอตลาสหัวเราะ "มาอีกหนึ่งรายแล้ว บิดาผู้ประเสริฐ..."

"ยังจะกล่าวต่ออีก ข้าบอกท่านว่าพอแล้วไงเล่า! ประเดี๋ยวก็ฟาดด้วยสายฟ้าในมือข้านี่เสียเลยนี่"

"โอ! นี่ถึงกับเอาสายฟ้ามาขู่เทียวฤๅ ? หวั่นกลัวชะมัดเลยนะนี่ ฮ่าๆๆ..."

แอตลาสโต้ตอบอย่างอารมณ์ดี สร้างความกังขาให้แก่ออเรร่าเป็นอย่างยิ่ง

"พวกท่านทั้งสองมีลับคมคมนัยอะไรกันแน่นี่ ? และท่านแอตลาส..." หันมาหาผู้เป็น 'สารถี' และจ้องเขาเขม็ง "...เมื่อสักครู่นี้ ท่านกล่าวคำว่า 'บิดาผู้ประเสริฐ' แสดงว่า นอกจาก โพเซดอนแล้ว ยังมีผู้ทำตามเยี่ยงอย่างเขาอีก กระนั้นรึ ?"

"ก็...คงจะคล้ายๆ กันนั่นแหละ สาวน้อย" แอตลาสตอบนาง แล้วหันหน้าไปหาจอมเทพโดยมองผ่านกระจกด้านหน้ายานออกไป "ท่านผู้ตรวจการ จะสนทนากันโดยลอยตัวอยู่กลางหาวเยี่ยงนั้นตลอดเวลาหรือไร ?"

"นี่คือคำเชื้อเชิญข้า ใช่ไหม ?" เซอุสถาม

"ระหว่างข้า กับท่าน ไม่จำต้องเชื้อเชิญดอก!"

"อย่างนั้น ข้าก็จะเข้าไปในยานละนะ!"

ครั้นพูดจบ ร่างของจอมเทพก็สลายหายไปต่อหน้าต่อตาออเรร่าผู้กำลังมองอยู่อย่างตื่นตะลึง และวินาทีเดียวหลังจากนั้นก็ปรากฏตัวภายในจานบินซึ่งเป็น 'ร่างกาย' ของแอตลาส

ออเรร่ามองเห็นว่า เซอุสตัวจริงนั้นก็มิได้มีร่างกายใหญ่โตอะไรมากมาย แต่แน่นอนว่าสูงใหญ่กว่าชาวโลก เหมือนกับโพเซดอนผู้เป็นบิดา

"เอาละ สหาย" แอตลาสเอ่ยขึ้นหลังจากจอมเทพเข้ามาอยู่ในยานแล้ว "ท่านมีประสงค์ใดจะฝากให้นางช่วยทำให้ ก็บอกนางไปเถิด"

"แค่เรื่องของข้าคนเดียว ข้าก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว" ออเรร่าบ่นกะปอดกะแปด "ยังจะมีเรื่องของท่านเพิ่มอีกหรือเนี่ย"

"มันมีความเกี่ยวข้องกัน...ข้าจึงต้องมาปรากฏตัวในครานี้ และจำเป็นต้องขอให้เจ้าช่วย" จอมเทพเริ่มอธิบาย

"เกี่ยวข้องกันอย่างไรเจ้าคะ ? " นางถามด้วยสีหน้ามึนงง เดาไม่ออกว่าเซอุสจะให้ช่วยอะไร

"การจะพูด จะกล่าวถ้อยคำอธิบาย มันยุ่งยากและเยิ่นเย้อ และจะทำให้เกิดคำถามแก่เจ้าอีกมากมาย..." จอมเทพกล่าวอารัมภบท "เพราะฉะนั้น ข้า จะให้เจ้ามองเห็นภาพ ด้วยตัวของเจ้าเองดีกว่านะ"

ออเรร่าฟังแล้วนึกถึงตอนที่ตนเองอยู่กับโพเซดอน 'จะทำแบบเดียวกับที่โพเซดอนทำกับเราหรือเปล่านี่ ?' นางนึกเดา ก่อนจะเอ่ยปากถาม "ท่านจะให้ข้ามองเห็นอะไร ? จะทำอย่างไรเจ้าคะ ?"

"เขาก็จะทำเหมือนอย่างที่เจ้าคาดเดาอยู่ในใจนั่นแหละ" แอตลาสเป็นฝ่ายตอบ สร้างความประหลาดใจแก่นางยิ่งขึ้นไปอีก

"นี่ท่าน...ท่าน อ่านใจข้าออกด้วยหรือเจ้าคะ ?"

"ข้าทราบวาระจิตของเจ้า อย่างกระจ่างชัดทีเดียว!" แอตลาสตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบและนุ่มนวล

ออเรร่าทึ่งเป็นล้นพ้น มองหน้าเขา แล้วหันไปมองจอมเทพผู้ยืนนิ่งอยู่ ซึ่งตอนนี้ในมือเขาไม่มีอาวุธสายฟ้าปรากฏให้เห็นแล้ว

"แล้วท่านล่ะเจ้าคะ ? เป็นเหมือนกับท่านเทพแอตลาสด้วยหรือเปล่า ?"

จอมเทพยิ้มนิดหนึ่งแทนคำตอบ

"โอ...." แฝดผู้พี่บุตรีของโพเซดอนอุทาน

"เข้าไปหาเขาใกล้ๆ เถิด สาวน้อย" แอตลาสกล่าวกระตุ้นนาง

"อืม... ได้เจ้าค่ะ!"

นางตัดสินใจพยักหน้าและตอบรับ แล้วเดินเข้าไปหาจอมเทพจนอยู่ในระยะประชิด

"หลับตาเสียเถิด...สักครู่...ปล่อยใจให้ว่างตามสบาย จนกว่าข้าจะเรียกและบอกให้ลืมตา" เซอุสกล่าวกับนาง

"เจ้าค่ะ" ออเรร่าตอบรับแต่โดยดี หลับตาลง ปล่อยให้จอมเทพยื่นมือข้างหนึ่งวางบนศรีษะของนาง

สัมผัสได้ถึงไออุ่น...ความอบอุ่น รู้สึกปลอดภัย เป็นสุข อย่างน่าประหลาด...แล้วนางก็รู้สึกเคลิ้ม เหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น

"ดวงตาภายนอกของเจ้าปิดอยู่ แต่ดวงตาภายในของเจ้าจะเปิด และเปิด ณ บัดนี้ !!"

ออเรร่าได้ยินเสียงอันราบเรียบและทุ้มนุ่มลึก แต่ก็แฝงไว้ด้วยความหนักแน่นแห่งพลังอำนาจด้วยเช่นกันจากจอมเทพ ฉับพลันนางรู้สึกเหมือนว่าผลอยหลับไปแล้วตื่นขึ้นมาพร้อมกับเปิดตากว้าง รู้สึกว่าตัวเองกำลังลืมตา แต่ไม่เห็นส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งร่างกายของตน!

ภาพเหตุการณ์หนึ่งปรากฏตรงหน้า เสมือนหนึ่งว่านางกำลังนั่งชมภาพยนตร์อยู่ในห้องนันทนาการภายในยาน THE FUGITIVE ของกัปตันวันชนะเหมือนกันไม่มีผิด!! ภาพชัดเจนกระจ่างราวกับเรื่องจริง...

แอตลาส โพเซดอน และเซอุส ยืนอยู่ด้วยกันสามคน บนโลก...เบื้องหลังของทั้งสามคือยานบินขนาดมหึมา เหมือนจานบินยักษ์ของแอตลาสนี่เองจอดอยู่บนพื้นดิน และในอ้อมอกของโพเซดอนกับเซอุส มีร่างของทารกน้อยอยู่ สิ่งที่แตกต่างกันคือ โพเซดอนอุ้มทารกหญิงฝาแฝดสองคน แต่เซอุสอุ้มทารกหญิงเพียงคนเดียว

"ท่านมีเป้าหมายที่จะส่งเด็กไปที่ไหน ?" เซอุสถามโพเซดอน

"ข้ามีสองคน...เป็นฝาแฝดกัน และมีจิตวิญญาณผูกมัดกัน หากมีเหตุเภทภัยใดๆ เกิดขึ้นแก่คนหนึ่ง อีกคนหนึ่งก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องให้พวกนางแยกกันอยู่"

"ส่งไปคนละสถานที่ แล้วให้ต่างคนต่างอยู่ไป อย่างนั้นหรือ ?" แอตลาสถาม

"จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้น สหายข้า..." โพเซดอนพยักหน้าขณะกำลังใช้อ้อมแขนแกว่งไกว กล่อมให้ทารกหญิงทั้งสองหลับ และสองทารกน้อยก็หลับปุ๋ยอย่างสุขสบายในอ้อมแขนของผู้เป็นบิดา

น้ำตาหยาดหนึ่งไหลลงอาบแก้มของออเรร่า เมื่อมองภาพเหตุการณ์นั้น...

"ข้าเห็นว่า นั่นยังมิใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง" เซอุสกล่าวค้าน

"เหตุไฉน ท่านจึงว่าอย่างนั้นเล่า ?" โพเซดอนหันไปถามเขาทันทีด้วยความกังขา

"ต่อให้ท่านแยกพวกนางให้อยู่กันคนละที่ แม้จะห่างไกลกันคนละด้านของดาวโลกใบนี้ก็ตาม จิตของพวกนางก็จะยังส่งความรู้สึกถึงกันได้ เมื่อความเจ็บไข้ หรือความเจ็บปวดอย่างหนึ่งอย่างใดเกิดขึ้นแก่คนหนึ่ง อีกคนหนึ่งก็จะเป็นเช่นนั้นตามไปด้วย และสิ่งที่เป็นอันตรายมากที่สุดก็คือ ความตาย! หากคนหนึ่งตาย อีกคนหนึ่งก็จะอยู่ไม่ได้ ต้องตายด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้น การแยกพวกนางไปคนละแห่ง จะไม่ช่วยอะไรเลย!!"

"จริงด้วยสินะ..." แอตลาสพยักหน้าเห็นด้วย

"แล้วท่านจะให้ข้าทำเช่นไรดีเล่า ?" โพเซดอนถามด้วยความสับสนและหงุดหงิด

"เอาอย่างนี้สิ!" เซอุสเสนอทางออกใหม่ "ในเมื่อจะให้อยู่บนดาวโลกนี้ต่อไปทั้งคู่ โดยมิให้พวกนางรับผลกระทบใดๆ แก่กันและกัน เราก็ให้พวกนาง แยกกาลเวลากันอยู่เสีย! ดีไหมเล่า ?"

แอตลาสดีดนิ้วดังเปาะ พยักหน้าหงึกอย่างเห็นด้วยเต็มที่

"เป็นทางออกที่สวยมาก!!" เขาว่า แล้วหันไปถามโพเซดอน "ท่านเห็นด้วยไหม โพเซดอน ? ในเมื่ออยู่บนดาวโลกนี้ร่วมกาลเวลาเดียวกันไม่ได้ ก็ให้พวกนางแยกกันไปคนกาลเวลา และให้ห่างกันมากๆ ด้วย อย่างน้อยๆ ซักห้าพันปีตามการคำนวณของชาวโลก"

"อืม...แบบนี้ ต้องแก้ปัญหาได้แน่นอน" โพเซดอนพยักหน้าช้าๆ ขณะกล่าวเห็นด้วย "อยู่กันคนละเวลา ก็ไม่สามารถส่งผ่านความรู้สึกอะไรใดๆ ถึงกันและกันได้ สมมติว่าคนพี่อยู่ในอนาคตกาลนับจากนี้...สัก 7 พันปี...คนน้อง ให้อยู่ในปัจจุบันนี้แหละ! ตราบจนสิ้นอายุขัยของนาง นางซึ่งเป็นน้องสาว ก็ต้องตายไปก่อนอยู่แล้ว โดยไม่มีผลกระทบต่อนางผู้เป็นพี่สาว ซึ่งอยู่ในอนาคตกาลข้างหน้าห่างออกไป 7 พันปีเลย งั้นตกลงตามนี้!!"

"ข้าก็เลยโชคร้าย...ถูกสัตว์ร้ายย่ำยีพรหมจรรย์จนเกือบตาย..." ออเรร่าพึมพำ แล้วหยาดน้ำตาแห่งความคั่งแค้นใจก็ไหลลงอาบแก้มอีกครั้ง "ทำไมต้องเป็นข้าด้วยเล่า ? ทำไมไม่เป็นนางมารร้ายนั่น!!"

แอตลาสผู้อยู่ในยานเหลือบมองออเรร่า แล้วก็ส่ายหน้าด้วยความสงสารและเห็นใจ โดยไม่รู้จะปลอบนางว่าอย่างไรดี

"แล้ว เด็กของท่านเล่า เซอุส ?" แอตลาสในอดีตเอ่ยถาม "ท่านจะให้นางไปอยู่ที่ไหน ?"

"ข้าไม่อยากให้ยุ่งยากอะไรมากนัก ให้นางอยู่ที่นี่เวลานี้แหละ"

"เด็กหญิงคนนั้นคือใครกันนะ ?" ออเรร่านึกสงสัย อยากรู้เป็นยิ่งนัก

"อืม...ก็ดีเหมือนกัน" แอตลาสว่า "บางที เด็กสองคนนี้ เมื่อเติบโตแล้ว อาจจะได้พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันก็เป็นได้"

"แต่ว่า...ตามโครงการทดลองของเรา ก็ต้องให้แยกกันอยู่คนละแห่ง ไม่ให้อยู่ด้วยกัน" โพเซดอนกล่าว "แล้วหลังจากนั้น ก็เฝ้าดูวิถีชีวิตของพวกนางไป ดูซิว่า แต่ละคนจะเอาตัวรอดกันได้หรือไม่"

"ผู้เป็นบิดา ก็ต้องเอาใจใส่ ติดตามชะตาชีวิตของผู้เป็นลูกบ้างนะ มิใช่ว่าปล่อยแล้วปล่อยเลย" แอตลาสกล่าวเตือน

"เอาน่า...ถ้าไม่มีอะไรที่หนักหนาสาหัส ก็ปล่อยให้พวกนางดำเนินชีวิตไป ถ้ามีภัยอันตรายใดๆ หรือเหตุจำเป็นอย่างยิ่งยวดจะเกิดขึ้นแก่พวกนาง ก็ค่อยยื่นมือออกไปช่วย"

"บางที ท่านอาจจะต้องใส่ใจเด็กของท่านเป็นพิเศษหน่อยนะ เซอุส" แอตลาสกล่าว

"ไม่ต้องห่วง ข้าจะคอยจับตาดูนางแน่"

"ถ้าอย่างนั้น ข้ากับแอตลาส ขอเดินทางไปส่งเด็กคนพี่ก่อน ฝากท่านช่วยดูแลเด็กคนน้องด้วย" โพเซดอนกล่าวกับเซอุส

"ได้ไม่มีปัญหา พวกท่านไปเถิด รีบไปแล้วก็รีบกลับมา พวกเรายังมีภารกิจที่ต้องทำร่วมกันอีก

"อย่างนั้น เราสองคนไปก่อนละนะ" แอตลาสว่าแล้วเดินไปขึ้นยานพร้อมกันกับโพเซดอน

ก่อนจะขึ้นยาน โพเซดอนหันกลับมาบอกเซอุส "นี่สุริยเทพ! อย่าลืมคิดชื่อตั้งให้เด็กของท่านด้วยล่ะ!"

"ข้าตั้งให้นางเรียบร้อยแล้ว" เซอุสตะโกนตอบ

"ชื่ออะไร ไหนบอกมาซิ ?"

คำตอบของเซอุสซึ่งตอบก่อนจะเข้าไปในยาน ทำให้ออเรร่าขนลุกขึ้นมาทันทีด้วยความตื่นเต้นและตกใจอย่างคาดไม่ถึง

"ลาลูน่า !!"

ภาพสุดท้ายของตอนนั้นคือ จานบินขนาดยักษ์ลำนั้นเหินบินขึ้นสู่ฟ้าเบื้องบน แล้วพุ่งไปทางทิศตะวันออก เกิดกลุ่มควันสีขาวเป็นวงกลมเล็กก่อนแล้วขยายวงใหญ่ขึ้นข้างหน้า เปิดช่องว่างตรงกลางให้ยานบินลอดเข้าไป...ครั้นยานบินลอดเข้าไปแล้ว วงกลมนั้นก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็วแล้วสลายหายไปกับอากาศโดยรอบ!

แล้วภาพเหตุการณ์ก็ดับวูบไป เห็นแต่ความมืดรอบตัว ชั่ววินาทีหนึ่งก็มีภาพเหตุการณ์ใหม่ปรากฏ

เป็นภาพของริมแม่น้ำในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในป่าใกล้ชายแดนในเขตสหพันธรัฐแอตแลนติสเหนือ ในยามเย็น

(มีต่อครับ) ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่