⚡️💦⚡️ หลงกาล Episode-31 ท่องไอยคุปต์ ภาค 2/6 (ปฐมกาลไอยคุปต์ ตอนที่ 6) ⚡️💦⚡️

กระทู้คำถาม


ออเรร่า ได้รับการรักษาพยาบาลจากสาวจอยและสาวเล็กเป็นอย่างดี ทั้งสองสาวช่วยรักษาบาดแผลฉกรรจ์ทั้งบนไหล่ขวาและบริเวณหลังของนาง ฉีดยาฆ่าเชื้อ และตรวจสอบพบว่านางมีร่องรอยการถูกข่มขืน จึงทำการตรวจสอบการตั้งครรภ์ด้วย

และพบว่า นางเริ่มตั้งครรภ์แล้ว!

"เอายังไงดีคะ กัปตัน ?" จอยถามกัปตันวันชนะ "จะปล่อยให้นางตั้งครรภ์ต่อไปดี หรือว่า จะกำจัดดี ? "

กัปตันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงให้คำตอบ

"รอนางฟื้นขึ้นมาก่อนดีกว่าครับ แล้วคุณจอยลองสอบถามดู ว่าที่ผ่านมา นางเจอกับอะไรมา แล้วค่อยตัดสินใจ บางทีนางอาจจะตั้งครรภ์มาก่อนแล้วก็ได้"

"แต่ ผลจากการตรวจสอบบอกว่า การตั้งครรภ์เพิ่งเริ่มเมื่อไม่นานมานี้เองนะคะ ไม่ถึง 24 ชั่วโมงด้วยซ้ำ" สาวเล็กแย้ง

"นั่นแหละครับ มันก็ยังอาจเป็นไปได้ว่านางอาจจะเพิ่งหลับนอนกับคนรักหรือสามีมา ก่อนหน้าที่จะพบกับเหตุร้ายก็อาจเป็นได้ ใจเย็นๆ รอถามนางเมื่อนางฟื้นตื่นขึ้นมา จะชัดเจนที่สุด"

"อืม...โอเคค่ะ" จอยพยักหน้า

"แล้วนาง ติดเชื่ออะไรอย่างอื่นอีกไหมครับ ?" แซมถามขึ้นมาอีกคน

"มีเชื้อแปลกๆเหมือนกันค่ะ จากบาดแผลที่ไหล่ซึ่งเหมือนถูกกัด" จอยตอบหนุ่มคนรัก "จอยฉีดยาฆ่าเชื้อให้นางแล้ว และเก็บตัวอย่างเชื้อไว้ด้วย"

"น่าแปลกนะ ทันทีที่นางมองเห็นข้า นางก็มีอาการหวาดกลัวทันที จนกรีดร้องหมดสติไป มันเพราะเหตุใดกัน ?" ฟาโรห์คูฟูทรงแสดงความสงสัย

จอยแปลพระดำรัสนั้นให้ทุกคนฟัง

กัปตันวันชนะใช้ความคิดอีกครั้ง แล้วนึกขึ้นมาได้ จึงกราบทูลต่อฟาโรห์ และสนทนากันผ่านจอยผู้เป็นล่ามแปลได้โดยสมบูรณ์จากการระลึกชาติได้โดยความช่วยเหลือจากพระองค์

"ฝ่าบาท ข้าพระองค์นึกขึ้นได้เรื่องหนึ่งที่พระองค์เคยตรัสบอก นั่นคือ ขณะนี้ มีฟาโรห์ตัวปลอม อยู่ในพระราชวัง"

"ถูกต้อง สหายผู้เป็นหัวหน้า" ฟาโรห์ทรงพยักพระพักตร แล้วตรัสถาม "ท่านคิดเช่นไร เกี่ยวกับเรื่องนี้หรือ ?"

"ข้าพระองค์คิดว่า บางที นางอาจจะได้พบกับฟาโรห์ตัวปลอม และหวาดกลัวมาก ฟาโรห์ตัวปลอมนั้นอาจทำร้ายนางด้วย ดังนั้นนางจึงตกใจกลัวเมื่อเห็นพระองค์"

ฟาโรห์ทรงนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วจึงตรัสต่อไป

"การคาดการณ์ของท่าน อาจจะถูกต้อง ถ้าเช่นนั้น นางก็ถูกมันทำร้าย แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าเหตุใดมันจึงต้องทำร้ายหญิงชาวอียิปต์ธรรมดาสามัญ ?"

"หม่อมฉัน ได้ตรวจร่างกายของนางแล้ว พบว่า นางถูกขืนใจด้วยเพคะ ฝ่าบาท" จอยทูลบอกเพิ่มเติม

"อย่างนั้นหรือ ?"

"เพคะ ฝ่าบาท"

ฟาโรห์ทรงนิ่งอึ้งไปอีกครั้ง แล้วทรงคาดคะเน

"จริงด้วยสิ! ช่วงเวลานี้ เป็นช่วงแห่งการเฉลิมฉลองสิบปีแห่งการครองราชของข้า ซึ่งมันสวมรอยเป็นข้าอยู่ มันอาจจะเรียกหญิงงามหลายคนในเมืองหลวงให้เข้าไปถวายตัวรับใช้มัน และนางคงจะเป็นหนึ่งในนั้น" ทรงขบพระทนต์กรอด "ถ้าเป็นเช่นนั้น จะปล่อยให้มันสวมรอยเป็นข้านานต่อไปไม่ได้แล้ว มันจะต้องทำกับหญิงสาวอีกหลายคนเป็นแน่!"

"มีเรื่องหนึ่ง ที่ข้าพระองค์ไม่เข้าใจพระเจ้าข้า" กัปตันเอ่ยขึ้นมาอีกเรื่อง

"เรื่องใดหรือ สหายผู้เป็นหัวหน้า ท่านถามมาเถิด ข้าตอบได้ก็จะตอบ ไม่ปิดบังท่านดอก"

"หลังจากที่ เอ้อ...เทพเลวเหล่านั้น จับพระองค์ได้แล้ว เหตุใดจึงไม่ปลงพระชนม์พระองค์เสียเลย ไยต้องเก็บพระองค์ไว้ในโลงแก้วด้วย ?"

องค์ฟาโรห์ทรงแค่นแย้มสรวลก่อนจะตรัส

"พวกมัน ต้องการรู้ที่เก็บร่างของสุดยอดวิศวกรอัจฉริยะ อิมโฮเทป ซึ่งข้าคือผู้เดียวที่ทราบ"

"อิมโฮเทป!" กัปตันและสาวจอยอุทานพร้อมกัน โดยที่กัปตันนั้นเคยได้ยินกิตติศัพท์ความเก่งของเขามาก่อนบ้างเล็กน้อย ส่วนสาวจอย ในฐานะของ อามุนต้า นั้น เคยทราบเรื่องจากคำเล่าขานของบรรพบุรุษมานานแล้ว

"ท่านจอมเทพแห่งการช่าง ตายไปแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ที่ฝังศพของท่าน บางคนก็เล่าว่า ท่านเป็นเทพจากฟากฟ้า กลับสู่ฟากฟ้าไปแล้วก็มีนี่เพคะ นี่หมายความว่า ร่างของท่านยังถูกเก็บซ่อนอยู่หรือเพคะ ?"

"ถูกต้องแล้ว อามุนต้า" ฟาโรห์ทรงพยักพระพักตร "และร่างของเขา ต่อให้เป็นศพ ก็เป็นศพซึ่งมีคุณค่ามหาศาล เพราะเราอาจทำให้เขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อีกครั้ง!!"

ทุกคนตะลึงกับพระดำรัสนั้น!

"พระองค์ตรัสว่า 'อาจทำให้เขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อีกครั้ง' อย่างนั้นหรือพระเจ้าข้า ?" กัปตันวันชนะถามด้วยความทึ่ง

"ถูกต้องแล้ว สหายผู้เป็นหัวหน้า"

"ตรัสเรียกข้าพระองค์ว่า วันชนะ เถิดพระเจ้าข้า"

"ตกลง....ใช่แล้ว ท่านวันชนะ เรา อาจทำให้อิมโฮเทป ฟื้นขึ้นมาได้อีกครั้ง"

"ฝ่าบาท....ข้าพระองค์ทราบว่า การทำมัมมี่ของอียิปต์นั้น เขาควักเอาอวัยวะภายในต่างๆออกมาหมด และใส่อวัยวะภายในเหล่านั้นแยกกันไว้ในหม้อดินหรือภาชนะอื่นๆแต่ละใบๆ มิใช่หรือพระเจ้าข้า"

"ท่านเข้าใจถูกต้องแล้ว"

"ถ้าเช่นนั้น มันเป็นไปไม่ได้เลยนะพระเจ้าข้า ที่จะทำให้เจ้าของมัมมี่นั้นฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้!!"

ฟาโรห์ทรงแย้มสรวล ก่อนจะทรงอธิบาย

"ถ้าหากว่า ตราบใดที่อวัยวะต่างๆเหล่านั้นถูกแยกกันใส่ไว้ในภาชนะแต่ละใบๆอยู่อย่างนั้น เจ้าของมัมมี่ ไม่ว่าใคร ก็ไม่อาจฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ดอก!"

"อ้าว!" กัปตันเผลออุทาน "ถ้าอย่างนั้น การฟื้นคืนชีพ จะเป็นไปได้โดยวิธีใดเล่าพระเจ้าข้า ?"

"นั่นแหละคือวิทยาการความรู้ซึ่งน้อยคนจะรู้!!"

"แล้ว....พระองค์ ทรงทราบหรือพระเจ้าข้า ?"

"ข้าก็ไม่รู้ดอก! แต่ว่า บรรพชนในยุคอิมโฮเทป คือสมัยฟาโรห์นาเมอร์ ซึ่งเริ่มมีการสร้างปิรามิดโดยท่านอิมโฮเทปเป็นวิศวกรและสถาปนิกควบคุมการออกแบบและก่อสร้าง ได้ถ่ายทอดเป็นความลับต่อฟาโรห์ลูกหลานถัดจากพระองค์ว่า ความลับต่างๆจะอยู่กับอิมโฮเทป ถ้าหาร่างของเขาพบ ก็จะพบความลับต่างๆซึ่งก็คือวิทยาการอันล้ำเลิศของเขาด้วย...มันอาจจะเป็น บันทึกปาปิรุสสักฉบับหนึ่ง ข้างกายเขาในโลงศพ ก็อาจเป็นได้!"

"และพระองค์ ทรงทราบ ที่เก็บซ่อนร่างของท่านอิมโฮเทป อย่างนั้นหรือพระเจ้าข้า ?"

"ถูกต้องแล้ว ท่านวันชนะ ข้ารู้!"

กัปตันวันชนะถอนใจ

"เวลาผ่านมาสามสี่ร้อยปี ก่อนจะมาถึงรัชสมัยของพระองค์ ป่านนี้ร่างของท่านอิมโฮเทป คงเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกแล้ว"

"ก็ไม่แน่นักนะ!" ฟาโรห์ตรัสด้วยการทรงแย้มสรวลเป็นนัยๆ

"หมายความว่าอย่างไรพระเจ้าข้า ?"

"หมายความว่า เราอาจได้พบเขา ในสภาพซึ่งดีกว่าที่คิด เหนือความคาดหมาย ก็เป็นได้!"

กัปตันวันชนะ จ้องมองพระพักตรของฟาโรห์ ซึ่งก็ยังคงแย้มสรวลอยู่นิดๆ อย่างเป็นปริศนา

"ท่านไม่ต้องฉงนไปให้มากนักดอก ท่านวันชนะ ถึงเวลาที่ข้าจะพาพวกท่านไปพบเขา ก็จะประจักษ์เอง! ตอนนี้ เราต้องวางแผนเข้าเมือง เพื่อกระชากหน้ากากฟาโรห์ตัวปลอม โค่นมันลงจากบัลลังก์ให้ได้ หาไม่แล้ว ภัยอันตรายจะเกิดแก่ประชาชนชาวอียิปต์ และอาจลามออกไปถึงชาวโลกด้วย!"

ทุกคนจึงปรึกษากันเรื่องการวางแผน แล้วก็ได้ข้อสรุป

"เรารอให้หญิงสาวชาวอียิปต์คนนั้นฟื้นขึ้นมาเสียก่อนดีกว่าพระเจ้าข้า" กัปตันทูลต่อฟาโรห์ "พูดจากับนาง ทำให้นางเข้าใจเสียก่อนว่าพระองค์คือฟาโรห์องค์จริง นางจะได้หายหวาดกลัว แล้วค่อยมาสรุปแผนการ บางทีนางอาจเป็นประโยชน์กับเราด้วยก็เป็นได้พระเจ้าข้า"

"ตกลง! ถ้าเช่นนั้น พวกท่านไปพูดจากับนางก่อนเถิด ข้าขอพักผ่อนสักหน่อย"

"โปรดทรงพักผ่อนตามพระอัธยาศัยให้ทรงพระเกษมสำราญเถิดพระเจ้าข้า"

ฟาโรห์ทรงพยักพระพักตร แล้วจึงทรงเอนพระปริษฎางค์ลงบนพระแท่นซึ่งเป็นเตียงพยาบาล ทรงหลับพระเนตรลง

กัปตันวันชนะและคณะ โน้มตัวถวายความเคารพ แล้วถอยออกมา จากนั้นจึงเข้าไปหาออเรร่าซึ่งยังคงนอนหลับอยู่

"นางยังไม่ตื่นเลย หลับสนิทมาก คงจะเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียมากทีเดียว" สาวจอยมองดูนางด้วยความรู้สึกสงสาร

"เติมเลือดให้นางไปมากไหมครับ ?" กัปตันถาม

"สองถุงค่ะ กัปตัน"

"ใครเป็นคนบริจาคเลือดให้ครับ ?"

"คุณแซมค่ะ เค้าเลือดกรุ๊บโอเหมือนกัน และแซมเป็นคนแข็งแรงสมบูรณ์ดีด้วย"

"ดีมาก!" กัปตันกล่าวชม และหันไปหาแซมอีกคน "ขอบใจแทนนางด้วยนะแซม"

"ด้วยความยินดีครับผม" เขากล่าวยิ้มๆ

สักครู่หนึ่ง ออเรร่าก็รู้สึกตัวตื่น ส่งเสียงร้องอื้อออกมา จากนั้นจึงค่อยๆลืมตาขึ้น มองไปข้างบนเพดาน แล้วมองไปทางซ้ายและขวา เมื่อเห็นคนแปลกหน้าหลายคนล้อมรอบตัวอยู่ นางก็ทำตาโต อุทานขึ้นมาคำหนึ่ง

สาวจอยเอานิ้วชี้พาดปากของนางไว้ แล้วส่งเสียง "จุ๊ๆ" เบาๆ ยิ้มปลอบขวัญนาง ทำให้นางอุ่นใจขึ้น จากนั้นจึงเริ่มพูดคุยกับนางด้วยภาษาอียิปต์โบราณซึ่งตนเองระลึกได้แล้วโดยสมบูรณ์

"น้องสาว เจ้าชื่ออะไร ?"

ออเรร่ามองหน้าจอยด้วยความฉงนแล้วถาม "ท่าน เป็นชาวไอยคุปต์หรือ ?" แล้วก็ลุกขึ้นมานั่ง

"อืม...ข้าเคยเป็นจ้ะ!" จอยตอบยิ้มๆ

"หมายความว่าอย่างไร เคยเป็น ? แล้วบัดนี้เล่า ?" ออเรร่าถามอย่างงงๆ

"เอาเป็นว่า ข้าก็ยังเป็นอยู่ก็แล้วกัน เจ้าอย่าคิดอะไรมากเลย บอกมาสิ เจ้าชื่ออะไร ?"

"ออเรร่า เจ้าค่ะ"

"ชื่อไพเราะมาก"

"พี่สาวเล่า ชื่ออะไรหรือ ?"

"อามุนต้า...แต่เรียกข้าว่า จอย ก็ได้"

"อามุนต้า....ชื่อของท่านก็ไพเราะ ฟังดูมีมนต์ขลัง แต่ชื่อจอย ฟังดูแปลกพิกล ไม่เหมือนภาษาไอยคุปต์เลย"

"ก็ไม่ใช่น่ะสิจ๊ะ" จอยยิ้มให้กับความซื่อของนาง "เจ้ารู้หรือ ว่าชื่อข้าหมายถึงอะไร ?"

"พระจันทร์...ธิดาแห่งพระจันทร์"

"เก่งจัง....น่ารักมากด้วย"

"ขอบคุณเจ้าค่ะ พี่สาว ท่านพูดภาษาไอยคุปต์บนชัดเจนมากเลย ท่านคงมีครอบครัวอยู่ทางนั้นกระมัง ?"

จอยทำตาเหม่อลอยอยู่แว่บหนึ่ง และพยักหน้าตอบ "ใช่จ้ะ"

"ข้ามาจากไอยคุปต์ล่าง ยังไม่เคยไปไอยคุปต์บนมาก่อนเลย"

"ไม่สนุกหรอกจ้ะ เวลาน้ำท่วม วุ่นวายมาก ท่วมนานด้วย เจ้าโชคดีแล้วที่มีบ้านเกิดอยู่ไอยคุปต์ล่าง ต้นแม่น้ำไนล์อยู่ที่นั่น คงจะน่าอยู่กว่า"

"อย่างนั้นหรือเจ้าคะ ?"

"ใช่...น่าจะเป็นอย่างนั้น, แล้ว...เจ้า เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า เจ้าถึงได้มาทางนี้ จนมาพบกับสหายของข้า ?"

ออเรร่านึกทบทวนเหตุการณ์ แล้วก็ตัวสั่น ทำหน้าซีดเผือดเมื่อนึกได้ถึงเหตุการณ์ตอนที่ฟาโรห์เปลี่ยนร่าง

จอยส่งเสียงจุ๊ปากถี่ๆ ปลอบใจนาง พร้อมกับดึงตัวนางเข้ามาโอบกอด

"ไม่ต้องกลัวๆ ไม่ต้องกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว เจ้าปลอดภัยแล้ว ออเรร่า"

"แต่ว่า ข้ายังเห็น..." นางเงยหน้าขึ้นมากล่าวแย้ง

"เห็น องค์ฟาโรห์ ใช่ไหม ?" จอยถามยิ้มๆ

"ใช่เจ้าค่ะ ฟาโรห์ แต่ มันไม่ใช่ฟาโรห์!!" ออเรร่าเริ่มเสียงดังขึ้น

"ใจเย็นๆ ออเรร่า ....แล้วไม่ต้องกลัว ฟังข้าให้ดี เชื่อข้านะ" จอยพยายามพูดปลอบประโลมนางอย่างนุ่มนวลที่สุด

"เจ้าค่ะ พี่สาว"

"คนที่เจ้าได้พบเจอมานั้นน่ะ หาใช่องค์ฟาโรห์ไม่ แต่ คนที่เจ้าได้เห็น ในที่นี้ คือฟาโรห์องค์จริง ฟาโรห์คูฟูจริงๆจ้ะ!"

"อย่างนั้นหรือเจ้าคะ ?" นางถามย้ำอย่างหวาดๆ

"ใช่จ้ะ ขณะนี้ องค์ฟาโรห์ที่แท้จริง ทรงอยู่กับพวกเราทุกคน เจ้าลองหันไปดูบนเตียงโน้นสิ" พูดพลางชี้มือไปยังเตียงพระแท่นซึ่งฟาโรห์กำลังทรงบรรทมสนิทอยู่

ออเรร่ามองตามอย่างตื่นตะลึงแกมหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย แล้วหันมามองจอยหรืออามุนต้าอีกครั้ง จากนั้นก็หันไปมองคนอื่นๆแต่ละคนๆ

"พี่ชายคนนั้น" นางชี้มือไปที่แอนดี้ "เหตุไฉน จึงบินได้ เหาะไปในอากาศได้เล่า ? เขาคือเทพองค์หนึ่งหรือเจ้าคะ ?"

จอยยิ้มกับคำถามอันใสซื่อนั้น บอกคำแปลประโยคที่ออเรร่าพูดให้กับตันฟังแล้วถาม "จะให้จอยตอบเค้าว่าไงดีล่ะคะเนี่ย กัปตัน ?"

"อืมม...." กัปตันยกมือกุมปลายคาง ก่อนจะตอบโดยแนะนำยิ้มๆ "บอกเค้าไปว่า แอนดี้เป็น กึ่งมนุษย์กึ่งเทพ ก็แล้วกัน เหมือนอย่าง เฮอคิวลิสน่ะครับ!"

"แหม...เข้าใจคิดจังนะคะ กัปตัน" จอยตอบกัปตันและยิ้มขำๆ แล้วหันมาบอกสาวอียิปต์ "เขาเป็นมนุษย์ครึ่งหนึ่ง เทพครึ่งหนึ่งจ้ะ"

"มีมนุษย์ครึ่งเทพด้วยหรือเจ้าคะ พี่สาว ?" ออเรร่าถามอย่างฉงน

"มีสิจ๊ะน้องสาว"

"แปลกประหลาดจริง! ข้าไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนเลย แล้ว เทพองค์ไหนคือบิดาของเขาเจ้าคะ ?"

จอยแอบขำในใจ พลางนึก แม่คุณนี่ช่างซักช่างถามมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว!

"เอ่อ...เทพ ฮอรัส มั้ง เพราะเขาฉลาดมาก เก่งมาก"

"อ้อ...เจ้าค่ะ! ข้ารู้สึกปลื้มใจจริงๆที่เขาไปพบข้ากลางป่าและช่วยพาข้ามาที่นี่" พูดพลางนางก็ลองเอื้อมมือลูบคลำที่ไหล่ขวาและบริเวณกลางหลังของตนเอง จึงพบว่ามีผ้าปิดแผลไว้อย่างดี และไม่เจ็บแล้ว

(ต่อครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่