⚡️💦⚡️ หลงกาล Episode-36 ท่องไอยคุปต์ ภาค 2/11 (ปฐมกาลไอยคุปต์ ตอนจบ) ⚡️💦⚡️

กระทู้คำถาม


อาทิตย์อัสดง...

ภายในพระราชวัง ฟาโรห์คูฟู ทรงจัดให้มีการเลี้ยงส่งเหล่าอาคันตุกะ ทั้งชาวดาวเนโอโซรอส ผู้มาจากกลุ่มดาวนายพราน และอีกพวกหนึ่งคือ กัปตันวันชนะและคณะ ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่ามีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีกสองคน คือเอ็มม่าและลูกสาวแอนนา ทั้งสองได้รับการอนุมัติจากผู้บัญชาการยานแม่จากดาวเนโอโซรอสเป็นกรณีพิเศษให้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับกัปตันวันชนะต่อไป

บรรยากาศในงานเลี้ยง มีทั้งความสุขและความเศร้าเจือปนกัน และยิ่งเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ก็ดูเหมือนว่าความรู้สึกอย่างหลังจะเพิ่มพูนขึ้น ด้วยว่าเวลาเหลือน้อยลงไปทุกขณะ เที่ยงคืน คือเวลาที่กำหนด ยานแม่ของชาวดาวเนโอโซรอสจะมารับอิมโฮเทปและผู้ติดตามของเอ็มม่าอีกสองคน หลังจากนั้น กัปตันวันชนะและคณะก็จะพายาน The Fugitive จากไปเป็นคณะที่สอง

เจ้าหญิงออเรร่า อดีตสาวงามสามัญชนซึ่งรอดตายจากเร็พไทเลี่ยนกระหายสวาทและสุดท้ายได้เป็นพระกนิษฐาองค์เล็กแห่งองค์ฟาโรห์ อยากจะเดินทางไปกับกัปตันวันชนะและคณะ แต่ฟาโรห์ทรงอ้อนวอนนางไว้

"พระพี่นางของเจ้าก็ต้องไปจากข้าพร้อมกับอนุชาเขย ข้าก็เหลือแต่เจ้าเพียงผู้เดียว หากเจ้าไปเสียอีกคนหนึ่ง เห็นทีข้าคงต้องเงียบเหงาเดียวดายนัก อย่าไปเลย น้องสาวของข้า อยู่เป็นเพื่อนพี่ชายของเจ้าคนนี้เถิด"

ออเรร่าจึงจนด้วยเกล้า ยอมจำนนด้วยเหตุผลของฟาโรห์ จึงตกลงใจที่จะอยู่กับพระองค์ต่อไป

สาวจอย หรือพระพี่นางอามุนต้า เข้ามาเกาะกุมมือน้องสาวต่างกาลเวลา ยิ้มปลอบใจนางแล้วกล่าว "ดีแล้วที่เธออยู่กับเจ้าพี่ เจ้าพี่จะได้ไม่ทรงเหงา ส่วนพี่กับคณะ คงมีสักวันที่จะต้องกลับมาหาเจ้าพี่และเธออีกครั้งอย่างแน่นอน พี่สัญญา!"

"เพคะ พระพี่นาง น้องจะรอคอยอยู่เสมอ"

แล้วทั้งสองก็สวมกอดกันโดยอดหลั่งน้ำตามิได้

เรื่องที่น่ายินดีอีกหนึ่งเรื่องซึ่งไม่มีใครคาดฝันมาก่อน บังเกิดขึ้นโดยฉับพลันท่ามกลางงานเลี้ยง ซึ่งเป็นพระประสงค์ของฟาโรห์ซึ่งตั้งพระทัยจะให้ทุกๆคนได้ "เซอร์ไพร้ส์" กัน

"ท่านทั้งหลาย โปรดสดับวาจาข้า" ทรงลุกขึ้นประทับยืน เปล่งพระสุรเสียงดังก้องกังวาน

ทุกคนหันไปมองพระองค์และเงียบกริบ รอฟังพระดำรัสต่อไป

ฟาโรห์ทรงแย้มสรวล แล้วทรงร้องเรียก "ฮาลิน่า !"

สาวเล็กหูผึ่ง ทำตาโต รีบลุกขึ้นขานรับ "พะ เพคะ ?" พลางนึกสงสัย พระองค์ทรงทราบชื่อที่พวกสาวชาววังตั้งให้ตนตั้งแต่เมื่อไร

"เจ้ามานี่ทีสิ มายืนอยู่ทางซ้ายมือข้า"

"เพคะ ฝ่าบาท"

ทูลตอบรับแล้วหล่อนก็รีบก้าวออกไปจากโต๊ะอาหารซึ่งนั่งดื่มกินอยู่กับกัปตันและคณะ ยืนอยู่ทางซ้ายเบื้องพระหัตถ์

"เจ้าหนุ่มแอนดี้!" ฟาโรห์ตรัสร้องเรียกอีกคน

"พระเจ้าข้า" แอนดรอยด์อัจฉริยะลุกขึ้นแล้วทูลตอบ

"เจ้าอีกคนหนึ่ง จงมายืนทางขวามือข้า"

"พระเจ้าข้า" เขาทูลรับ แล้วเดินออกไปยืนตามพระบัญชา

เมื่อทั้งสองมายืนตามพระประสงค์เรียบร้อยแล้ว ฟาโรห์จึงทรงยื่นพระหัตถ์เบื้องซ้าย จับข้อมือซ้ายของสาวเล็ก พระหัตถ์เบื้องขวาจับข้อมือขวาของแอนดี้แล้วทรงประกาศ และพระดำรัสประกาศนั้นยังความปีติยินดีให้เกิดกับทุกคน

"ข้าได้มองเห็นความรักความผูกพันอันสวยงามเกิดขึ้นระหว่างชายหญิงคู่นี้ และข้ายังได้มองเห็นว่าพวกเขาทั้งสองเหมาะสมกันโดยยิ่งแท้ ดังนั้น ข้า ฟาโรห์คูฟู ขอประกาศต่อฟ้าสวรรค์และทวยเทพ ทั้งต่อพวกท่านทั้งหลายว่า นับแต่นี้เป็นต้นไป ข้าขอประกาศให้ หนุ่มแอนดี้ บุรุษผู้มากไปด้วยความสามารถประดุจเทพ และ ฮาลิน่า พระสหายหญิงของอามุนต้าน้องสาวข้า เป็นสามีภรรยากัน ตราบชั่วนิจนิรันดร์!!"

แอนดี้ยิ้ม ส่วนสาวเล็กขนลุกซู่ ในขณะที่คนอื่นๆ ต่างพากันปลาบปลื้ม กัปตันและคณะทุกคนลุกขึ้นยืนพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

จากนั้น ฟาโรห์ทรงหยิบพระธำมรงค์วงหนึ่ง เป็นแหวนเพชรสีน้ำเงินแกะสลักรูป "อังค์" ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยเพชรเม็ดเล็กๆ สะท้อนแสงไฟวูบวาบงดงามยิ่ง พระราชทานให้แก่แอนดี้แล้วตรัส "จงมอบให้ภรรยาของเจ้าสวม ณ บัดนี้เถิด"

แอนดี้คุกเข่าลง แบสองมือรับพระธำมรงค์แล้วกราบทูล "เป็นพระมหากรุณาธิคุณพระเจ้าข้า" แล้วค่อยๆลุกขึ้นยืน จับมือซ้ายของสาวเล็กไว้ ก่อนจะสวมพระธำมรงค์พระราชทานเข้าที่นิ้วนางของหล่อน

มันเข้ากับนิ้วนางของหล่อนพอดิบพอดี!

สาวเล็กปากคอสั่นด้วยความปลื้มปีติ รีบทำท่าถอนสายบัว ทั้งทรุดตัวลงกราบแทบพระบาทแล้วกราบทูล "เป็นพระมหากรุณาธิคุณเพคะ หม่อมฉันจะไม่มีวันลืมวันนี้เลย ชั่วชีวิต"

"ลุกขึ้นเถิด สหายแห่งน้องสาวข้า" ฟาโรห์ตรัสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

ครั้นหล่อนลุกขึ้นยืนแล้ว ฟาโรห์จึงตรัสกับแอนดี้

"จุมพิตภรรยาของเจ้าสิ ต่อหน้าทุกคนซึ่งเป็นสักขีพยาน ณ บัดนี้"

แอนดี้ได้แต่ยิ้ม แล้วดึงตัวสาวเล็กเข้ามาในอ้อมกอด ประทับจูบลงไปบนริมฝีปากหล่อนอย่างดูดดื่ม

เสียงปรบมือดังเกรียวมาจากโต๊ะกัปตันวันชนะและคณะก่อน แล้วทุกคนในงานเลี้ยงส่งก็ทำตาม ทำให้เสียงปรบมือนั้นดังกึกก้องยาวนานระคนกับเสียงโห่ร้องแสดงความยินดี

"เฮ้อ.......ในที่สุดก็เป็นฝั่งเป็นฝาจนได้นะ คุณเล็ก" กัปตันวันชนะพึมพำ

"แอนดี้ก็เหมือนคนมากๆเลยนะครับตอนนี้" แซมกล่าว

"ใช่ แซม เหมือนมาก! บางครั้งกวนโอ๊ยด้วย!" กัปตันพูดแล้วหัวเราะหึหึ

"พวกต่างดาวอัพเกรดได้ร้ายกาจจริงๆ" เอกกล่าวขึ้นอีกคน

"คุณเอกคะ" สาวจอยร้องเรียก

"ครับ คุณจอย ?"

"แอนดี้กับเล็กเป็นคู่ตุนาหงันกันไปแล้ว จอยก็มีแซม กัปตันก็มีคุณเอ็มม่า เหลือคุณเอกเป็นโสดอยู่คนเดียวแล้วน๊า..."

"นั่นสินะ เมื่อไรจะมีกับเขาเสียที" กัปตันถามยิ้มๆ ส่วนเจ้าตัวหัวเราะ

"มันไม่ปิ๊งใครเลยสักคนน่ะครับ กัปตัน คุณจอย" เอกพูดและส่ายหัวให้กับตัวเอง "ขนาดตอนไปอยู่ในพุทธกาล นึกว่าจะได้หลงรักสาวชาวชมพูทวีปสักนางหนึ่งแล้ว แต่ก็ไม่มี"

"จอยว่า มีสาวๆบางคน แอบเหล่คุณเอกอยู่เหมือนกันนะคะ"

"เหรอครับ ? ผมมองไม่เห็นเลย" พูดแล้วก็หัวเราะอีกที "สงสัย ผมอาจจะเป็นคนโสดหนึ่งเดียวในคณะของเราก็เป็นได้นะครับ"

"บุพเพมันยังไม่อาละวาดมากกว่าน่ะ!" กัปตันวันชนะกล่าวกลั้วเสียงหัวเราะ "มันต้องเจอเข้าจนได้สักวันแหละครับ!"

"เอาไปปล่อยในสมัยพุทธกาลอีกที ให้อยู่กับท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีซักปีนึง ดีไหมคะกัปตัน ? จอยว่าไม่รอดแน่! กิกิ"

"โฮ้ยย.....ไม่เอ๊า! สาบกลิ่นนมเนยแรงเกิ๊น!" เอกร้องห้ามเสียงหลง แล้วทุกคนก็หัวเราะครืน

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ใกล้เวลาเที่ยงคืนเข้ามาแล้ว เหลืออีกประมาณครึ่งชั่วโมง.......

ทุกคนพากันออกมายืนอยู่หน้าพระราชวัง อิมโฮเทปและชาวดาวเนโอโซรอสสองคนถือกล่องเครื่องมือบางอย่างไว้ในมือ

"พวกเขาถือกล่องอะไรอยู่ครับ ?" กัปตันวันชนะถามภรรยาซึ่งยืนอยู่เคียงข้างพร้อมกับสาวน้อยแอนนา

"เครื่องส่งสัญญาณ ที่พวกคุณเรียกกันว่า รีโมท น่ะค่ะ"

"ส่งสัญญาณไปไหน ? เรียกยานแม่หรือครับ ?"

"ไม่ใช่ค่ะ พวกเขาจะส่งสัญญาณไปที่อุปกรณ์ซึ่งติดตั้งไว้ภายในปิรามิดทั้งสามองค์ เพื่อให้อุปกรณ์เหล่านั้นเริ่มทำงานส่งสัญญาณและอนุภาคที่ทำให้เปิดช่องมิติอวกาศ ยิงขึ้นไปในอวกาศจากยอดปิรามิด หลังจากนั้น ช่องมิติอวกาศก็จะเปิด แล้วยานแม่ก็จะเข้ามาค่ะ"

"ว้าว...." สาวจอยอุทาน "ต้องน่าตื่นตาตื่นใจสุดๆแน่เลยค่ะ"

"คุณพ่อ อยากไปเที่ยวดาวเนโอโซรอส บ้านเกิดคุณแม่ไหมคะ ?" แอนนาถามผู้เป็นพ่อ

กัปตันลูบศีรษะลูกน้อยด้วยความรักใคร่และตอบ "ถ้าไปเที่ยวแล้วกลับมา พ่อก็อยากไปจ้ะ แต่พ่อมีงานสำคัญต้องทำ ถ้างานของพ่อสำเร็จ เราค่อยไปเที่ยวกันนะคะ"

"โอเคค่ะ!" หนูน้อยจีบปากจีบคอพูด

และแล้ว ก็ถึงเวลา เที่ยงคืนตรง!

"ได้เวลาแล้ว" อิมโฮเทปบอกกับชาวเนโอโซรอสทั้งสอง "ส่งสัญญาณไปที่ปิรามิดได้ ณ บัดนี้!"

ทั้งสามคน กดปุ่มสามสี่ปุ่มบนแผงบังคับบนกล่องควบคุมซึ่งแต่ละคนถืออยู่ แล้วชี้กล่องนั้นไปยังปิรามิดคนละองค์ โดยอิมโฮเทปชี้กล่องไปที่มหาปิรามิด

เสียงสัญญาณดัง ตี๊ด...ตี๊ด...ตี๊ด...

ทันใดนั้น ทุกคนก็มองเห็นลำแสงสีขาวพุ่งออกจากยอดปิรามิดทั้งสามขึ้นไปบนท้องฟ้าอันมืดมิด มีแต่แสงดาวระยิบระยับ จากนั้น ณ เบื้องบนอันสูงลิบ ปรากฏวงแหวนซึ่งปล่อยกลุ่มควันสีขาวออกมาโดยรอบ แล้ววงแหวนนั้นก็ขยายกว้างออก กว้างออก จนกลายเป็นวงแหวนขนาดยักษ์ซึ่งมองดูแล้วราวกับว่าจะดูดกลืนเมืองได้ทั้งเมือง! แสงฟ้าแลบแปลบปลาบกระจายไปทั่วในระหว่างกลางวงแหวนซึ่งมืดดำในตอนแรก แล้วค่อยๆเปลี่ยนสีเป็นสีส้มแดงเจิดจ้า ทำให้ท้องฟ้าเหนือนครเมมฟิศเปลี่ยนเป็นสีเดียวกันไปด้วย ดุจมีคบเพลิงขนาดมหึมาจุดขึ้นแล้วลุกโพลงอยู่กลางฟ้า ส่องแสงสว่างไสวไปทั้งเมือง! เสียงฟ้าคำรนดังครืนครั่นอยู่ตลอดเวลา

แล้วยานอวกาศขนาดยักษ์ รูปทรงกลมแบนลำหนึ่ง ก็ค่อยๆลอดออกมาจากกลางวงแหวน!

"ทุกๆท่าน" อิมโฮเทปกลับหลังหันมากล่าว "บัดนี้ ได้เวลาที่ข้า และสหายสองคนนี้ ต้องจากลาพวกท่านแล้ว เพื่อกลับสู่ดวงดาวแห่งมาตุภูมิ ขอฟาโรห์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน แผ่นดินไอยคุปต์จงเจริญรุ่งเรืองตลอดกาลนานเทอญ"

"ข้า ฟาโรห์คูฟู ในนามของตัวแทนชาวไอยคุปต์ทั้งมวล ขอขอบคุณท่านวิทยาเทพ ที่ได้สร้างสรรค์และถ่ายทอดความเจริญก้าวหน้าทั้งหลายทั้งปวงให้แก่แผ่นดินไอยคุปต์ พวกเราจะนับถือท่านว่าคือเทพองค์หนึ่งตลอดกาล ขอทุกท่านจงเดินทางกลับสู่มาตุภูมิโดยความสวัสดีเถิด"

"ลาก่อน"

"ลาก่อน"

สิ้นคำอำลานั้น ยานบินลำเล็กลำหนึ่งได้บินออกมาจากยานแม่ แล้วตรงมายังบริเวณลานกว้างข้างหน้าอิมโฮเทปและชาวเนโอโซรอสทั้งสอง

วิทยาเทพและสหายทั้งสองกลับหลังหัน เดินไปข้างหน้าพร้อมกันแล้วหยุดยืนบริเวณลานกว้าง ยานบินลำนั้นมาอยู่เหนือทั้งสามคน แล้วปล่อยแสงพร้อมกับพลังต้านแรงโน้มถ่วงของโลก ดึงทั้งสามคนขึ้นไปบนยาน แล้วไฟใต้ยานก็ดับวูบ จากนั้นยานนั้นก็บินจากไป ตรงไปยังยานแม่แล้วก็กลับเข้าสู่ยานแม่ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ามันเป็นร้อยเท่า!

หลังจากนั้น ยานแม่ก็ค่อยๆ ถอยตัวออกไป กลับเข้าไปภายในวงแหวน ค่อยๆหายเข้าไปทีละน้อยๆ จนหายเข้าไปหมดทั้งลำ วงแหวนขนาดยักษ์เริ่มสลายตัวกระจายออกไปจนหมดสิ้น พร้อมกับลำแสงที่พุ่งขึ้นจากยอดปิรามิดทั้งสามก็ดับวูบลง!

"ไปกันแล้ว..." สาวน้อยแอนนาเอ่ยขึ้น

"จ้ะลูก พวกเขาไปกันแล้ว กลับบ้านกันแล้ว" เอ็มม่าพูดกับลูก "วันหน้า เราค่อยไปเที่ยวกันนะจ๊ะ"

"ค่าา..."

กัปตันวันชนะอุ้มลูกสาวขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน

"ต่อไป ก็ถึงเวลาของพวกท่านแล้วสินะ" ฟาโรห์คูฟูตรัส

"เพคะ ฝ่าบาท" เอ็มม่าทูลตอบ "อีกสักครู่ แอนดี้ก็จะขับยานมารับพวกหม่อมฉันไปแล้วหละเพคะ"

ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ยาน The Fugitive ก็บินมาลอยลำอยู่เหนือลานกว้างแห่งนั้น

"พระพี่นาง!" เจ้าหญิงออเรร่าสุดจะกลั้นอารมณ์ไว้ต่อไปได้ นางร้องเรียกสาวจอยแล้ววิ่งออกมาสวมกอดผู้ซึ่งนางถือเป็นเสมือนพี่สาวแท้ๆ

"อย่าไปนานนักนะเพคะ กลับมาหาน้องให้ได้นะเพคะ" นางกล่าวทั้งน้ำตาในอ้อมกอดของพี่สาว

"พี่สาวจะกลับมาหาเธอแน่ๆจ้ะ น้องรัก" สาวจอยพยายามข่มความรู้สึกไม่ให้ตนเองร้องไห้ตามนาง แต่ก็อดน้ำตาไหลออกมาหยาดหนึ่งไม่ได้ หล่อนสวมกอดออเรร่าอยู่เนิ่นนานก่อนจะบอกให้นางกลับไปหาฟาโรห์

กัปตันวันชนะ และคณะทุกคน พากันยืนเรียงแถวหน้ากระดาน แล้วเอ็มม่า สาวจอย และสาวเล็ก ก้มลงกราบบนพื้น ส่วนฝ่ายชายคือกัปตันวันชนะ แซม และเอก ทำความเคารพองค์ฟาโรห์ด้วยวันทยาหัตถ์ แล้วทุกคนเปล่งเสียงพร้อมเพรียงกัน

"ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน พวกข้าพระองค์/หม่อมฉันขอทูลลา!"

"ขอทุกท่านจงเดินทางด้วยความสวัสดีและมีชัย บรรลุความประสงค์ทุกประการเถิด" ฟาโรห์ตรัสตอบ

"ลาก่อน!"

"ลาก่อนทุกท่าน!"

จากนั้น กัปตันและคณะ พากันเดินไปใต้ท้องยาน The Fugitive แล้วแอนดี้ซึ่งอยู่บนยาน ก็บังคับยานให้ดึงทุกคนขึ้นยาน แล้วยาน The Fugitive ก็ทะยานขึ้นสู่ฟ้าเบื้องบน จนกระทั่งลับสายพระเนตรองค์ฟาโรห์ และสายตาของทุกคนซึ่งยืนดูอยู่

ฟาโรห์ทรงทอดถอนใจ แล้วทรงหันมาตรัสกับเจ้าหญิงออเรร่าซึ่งกำลังยืนมองท้องฟ้าด้วยทั้งน้ำตา

"น้องพี่...เรากลับเข้าวังกันเถิด สักวันหนึ่ง พวกเขาต้องกลับมาหาเรา ตามที่พี่สาวเจ้าสัญญา อย่าร้องไห้อีกเลย"

แล้วพระองค์ก็ค่อยๆทรงประคองนางเดินกลับเข้าสู่ในพระราชฐาน

(ต่อครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่