เจ้าอสูรกับหนูโจ ตอนใหม่มาแล้วค่ะ
สามารถติดตามอัพเดทข่าวสารของนิยาย พูดคุย และสั่งซื้อหนังสือได้ที่เพจ Minemomo นะคะ
https://www.facebook.com/Minemomo-241717489520199
PS: chapter ก่อนหน้านี่...
1
https://ppantip.com/topic/36962641
2
https://ppantip.com/topic/36967091
3&4
https://ppantip.com/topic/37011555
5
https://ppantip.com/topic/37027212
6
https://ppantip.com/topic/37042885
7
https://ppantip.com/topic/37057539
8
https://ppantip.com/topic/37141996
------------------------
~ 9 ~
โจชัวร์ตื่นแล้ว และกำลังรู้สึกสบายตัวจนคร้านจะลืมตาหรือลุกขึ้นจากที่นอน สิ่งที่ทำจะเรียกว่าฝันกลางวันก็คงไม่ผิดนัก เมื่อนึกย้อนไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนอยู่ในป่า สถานการณ์เล็กๆมากมายที่ชวนให้รู้สึกจั๊กจี้จนต้องพลิกตัวซุกหน้าลงกับหมอนเพื่อซ่อนยิ้ม และแม้ในยามหลับตา ภาพของร่างสูงใหญ่ที่ไม่เคยอยู่ห่างตัว คอยปกป้อง ให้ไออุ่น และประคับประคองในทุกย่างก้าวก็ชัดเจนจนลบความหวาดกลัวออกไปจากใจของเขาได้จนหมดสิ้น
“คุณโจ... ตื่นหรือยังคะ”
มีเสียงเรียกไม่ดังนักพร้อมกับแรงเขย่าเบาๆที่ปลายเท้า เขาเลยจำใจลุกขึ้นแล้วส่งยิ้มให้พลูมแมทที่คงมาเฝ้าอยู่นานแล้ว
“ถ้าหายเพลียก็ลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตา แล้วเดี๋ยวจะได้ลงไปทานมื้อค่ำเถอะค่ะ คุณไม่ได้ทานอะไรมาทั้งวันเดี๋ยวจะไม่สบายไปกันใหญ่นะคะ”
โจชัวร์รีบทำตามด้วยอาการกระฉับกระเฉงโดยมีเสียงของพลูมแมทช่วยให้ไม่เหงาหู กระทั่งมานั่งอยู่หน้ากระจก เธอก็ยังช่วยหวีผมให้เขาไปคุยจ้อไปไม่หยุดปาก
“... เมื่อคืนตอนเจ้าสโนว์กลับมาก็ยิ่งวุ่นวายกันใหญ่ นายท่านเห็นมันเท่านั้นก็ให้ดิฉันรีบขึ้นมาดูที่ห้อง พอไม่เจอคุณ ดิฉันนี่เข่าอ่อนแทบจะเป็นลมเชียว คุณอย่าแอบหนีออกไปแบบนี้อีกนะ เข้าป่าตอนกลางคืน ไหนจะไม่รู้ทาง จะไปเจอตัวอะไรน่ากลัวๆเข้า แล้วยังจะพายุอีก มีแต่อันตรายทั้งนั้น พวกเราทุกคนเป็นห่วงคุณมาก ไม่มีใครได้หลับได้นอนกันเลย...”
โจชัวร์โผเข้าไปกอดเธอด้วยความรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งใจอย่างที่สุด เมื่อตอนที่กลับมาถึง เขาอยู่ในอาการอ่อนเพลียจนถูกเจ้าอสูรอุ้มมาส่งถึงเตียงเลยไม่ทันได้บอกกับทุกคนว่า...
“ขอโทษที่ทำเรื่องโง่ๆ สัญญาว่าจะไม่ทำอีกแล้ว แล้วก็ขอบคุณมากที่เป็นห่วง ทุกคนดีกับข้ามากจนข้าไม่รู้จะตอบแทนได้ยังไง ขอบคุณมากจริงๆ”
“โธ่ คุณโจ...” พลูมแมทโอบแขนตอบ และลูบหลังให้เบาๆ
“ถึงแม้ว่าตอนแรกข้าจะกลัว แล้วก็ไม่ได้เต็มใจมาที่นี่เลยสักนิด แต่พอได้มาเจอทุกคนกลับกลายเป็นว่าข้าโชคดีเหลือเกินที่ได้มาเจอแต่คนดีๆ มีน้ำใจแล้วก็ใจดีกับข้ามาก เมื่อคืนข้าทำเรื่องบ้าๆไปโดยไม่คิดให้ดีก่อน ทำให้ทุกคนเดือดร้อนแต่ไม่มีใครโกรธหรือตำหนิสักคำ ข้าไม่รู้จะขอบคุณยังไงเลยจริงๆนะพลูมแมท”
พลูมแมทมองคนที่กำลังพูดไปป้ายหน้าเช็ดน้ำตาไปด้วยความเอ็นดู ส่วนตัวเธอเองก็ต้องสะกดกลั้นไม่ร้องไห้อย่างสุดกำลัง
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าหนีไปไหนอีกเลยนะคะ พวกเราทุกคนก็รักคุณ อยากให้คุณอยู่ที่นี่ด้วยกัน”
พลูมแมทยกมือของอีกฝ่ายขึ้นมากุมไว้ แปลกที่มือคู่นี้ปรากฏร่องรอยของคนทำงานหนักผิดวิสัยของคุณหนูลูกสาวพ่อค้าใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังจำภาพที่เกิดขึ้นได้ติดตา เมื่อรู้ว่าโจแอนหายไป นายท่านผู้ซึ่งไม่เคยมีสายตาให้สาวงามนางไหนกลับรีบบุกตะลุยไปชนิดที่ไม่มีใครตามทัน
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในป่า เกือบทั้งคืนและอีกครึ่งวันกว่าที่เขาจะกลับออกมาพร้อมกับคนที่ตามหา ทุกคนที่คฤหาสน์แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง บนหลังเจ้า สโนว์คือนายท่านที่ประคองกอดเธอไว้แนบอก แววตาอ่อนโยนทอดมอง ระวังในทุกจังหวะที่อาจทำให้เธอตกใจตื่น พอลงจากหลังม้าก็อุ้มขึ้นมาส่งถึงเตียง ตรวจดูอาการบาดเจ็บให้โดยไม่มีท่าทีรังเกียจ ทั้งยังคอยเฝ้าอยู่จนแน่ใจว่าเธอหลับสนิทแล้วจึงได้ยอมให้คุณคอกซ์เวิร์ธกับลูมิแยร์ช่วยกันลากไปดูแผลที่แขน
ฉะนั้นแล้ว สิ่งที่ทุกคนในคฤหาสน์ต้องการ และอยากจะร้องขอต่อหญิงสาวคนสำคัญคงไม่พ้น...
“คุณโจอยู่กับพวกเรา อยู่กับนายท่านตลอดไปเลยนะคะ”
โจชัวร์ยังอ้ำอึ้งกับคำขอเดิมๆที่ได้ฟังนับตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามาที่นี่ แม้ใจจะตอบตกลงไปกว่าครึ่งแล้ว แต่คงต้องอาศัยความกล้าอีกสักหน่อยเพื่อจะยอมรับออกมาได้อย่างเต็มปากเต็มคำ เขาจึงได้แต่ส่งยิ้มและจงใจถามถึงเจ้าอสูรเพื่อเปลี่ยนประเด็น
“นายท่านนอนพักอยู่ที่ห้อง คงจะลงไปพบคุณตอนมื้อค่ำเลยทีเดียว แต่ลูมิแยร์บอกว่าก็ยังไม่แน่ เพราะแผลที่แขนหนักเอาการอยู่ คุณคอกซ์เวิร์ธบอกว่าพอตัดแขนเสื้อออกยังตกใจว่าไปโดนอะไรมา แผลถึงได้ช้ำแล้วก็บวมมากขนาดนั้น ถามเท่าไหร่นายท่านก็ไม่ยอมปริปาก สั่งแต่ว่าให้ทำแผลแล้วก็ห้ามเอาเรื่องนี้มา... อุ๊ย... นี่ดิฉันเผลอหลุดปากเสียแล้ว!”
“เขาห้ามไม่ให้บอกข้าเหรอ” เขาแปลกใจและยิ่งซึ้งน้ำใจที่เจ้าอสูรไม่ถือโทษแล้วยังช่วยปิดบังความผิด เพราะหากทุกคนรู้ว่าเขาคือคนที่ทำร้ายเจ้านายจนสาหัสขนาดนั้นคงไม่ปล่อยเอาไว้แน่
“ค่ะ นายท่านสั่งไว้ว่าถ้าคุณถามก็ให้บอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แค่แผลเล็กน้อย ใส่ยาพันผ้าก็หาย แต่คุณคอกซ์เวิร์ธก็บอกแล้วว่าไม่ได้แย่ถึงขนาดรักษาไม่ได้ แค่อาจจะใช้เวลามากสักหน่อยกว่าแผลจะหายสนิทเท่านั้นเองค่ะ”
เมื่อรู้อย่างนี้ โจชัวร์จึงตัดสินใจบุกไปให้เห็นกับตา บรรยากาศของปีกขวาดูทึบทึมและเงียบสงัดกว่าส่วนอื่นของคฤหาสน์ เขามาหยุดอยู่หน้าประตูบานใหญ่ที่แย้มเปิดอยู่จึงไม่ได้เคาะให้สัญญาณเพราะเกรงจะรบกวนคนป่วย
เมื่อเข้ามาด้านในก็ต้องปรับสายตาให้เข้ากับความมืดสลัวของห้องอยู่สักพัก เตียงหลังใหญ่ไร้เงาเจ้าของห้องแต่มีร่องรอยการนอน เขาเลยเดินสำรวจจนออกมายังห้องเล็กติดกันที่มีลักษณะเหมือนห้องทำงาน กลางห้องมีโต๊ะตัวใหญ่ ผนังคือตู้กระจกซึ่งมีหนังสือจัดเก็บอยู่เต็ม และที่ชุดเก้าอี้ตรงมุมหนึ่งของห้องปรากฏร่างสูงใหญ่ที่เขากำลังตามหา
เจ้าอสูรเปลือยท่อนบน แต่มีแถบผ้าสีขาวพันทบตั้งแต่ช่วงไหล่จรดข้อศอกลามไปถึงครึ่งหนึ่งของแผงอก บาดแผลมีอาการบวมและคงเป็นสาเหตุให้เจ้าตัวกำลังหลับสนิท เขาทรุดตัวลงบนพื้นเพื่อจะได้มองคนตรงหน้าได้ถนัด ใบหน้ายามหลับไม่ต่างจากตอนอยู่ในถ้ำ เว้นก็แต่ร่องเล็กๆตรงหน้าผากที่บอกว่าอาจจะกำลังเจ็บหรือตกอยู่ในฝันร้าย เขาลองวางนิ้วลงไปเบาๆเพื่อคลายอาการขมวดคิ้ว ไม่นานใบหน้านั้นก็กลับมาดูสงบเหมือนคนนอนหลับสบาย
เขาไล่สายตาจากใบหน้าลงมาถึงไหล่กว้างและช่วงลำตัวที่ได้สัดส่วน ภายใต้เส้นขนยาวคือแนวกล้ามเนื้อเป็นมัดสวย และรอยแผลเป็นหลายแห่งซึ่งตอกย้ำชีวิตที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าเจ้าอสูรเคยผ่านอะไรมาบ้าง แม้จะเป็นนายท่านที่มีคฤหาสน์ใหญ่โต แต่รูปลักษณ์ผิดธรรมชาติย่อมไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปเห็นว่าปกติ สายตาหวาดกลัว คำพูดดูถูก หรือการขับไล่ไสส่ง เขาจะต้องใช้ความพยายามและอดทนมากมายแค่ไหนกันถึงจะผ่านวันเวลาเหล่านั้นมาได้ เทียบกันแล้ว ชีวิตลูกคนใช้ที่มีพี่สาวนิสัยแย่สองคนยังดูสบายกว่าหลายเท่านัก
“ขอบคุณ...” โจชัวร์ส่งเสียงกระซิบ เมื่อแน่ใจว่าคนฟังยังหลับสนิทจึงพูดต่อ “...สำหรับทุกสิ่งที่ท่านทำให้ข้า”
เจ้าอสูรขยับตัวเล็กน้อย มีเสียงครางเบาๆแล้วนิ่งไป มือใหญ่เลื่อนตกลงข้างลำตัว โจชัวร์รออยู่ชั่วอึดใจจึงทาบมือตัวเองลงไป ทั้งลักษณะและขนาดที่ต่างกันมากทำให้เขาแอบอมยิ้ม ฝ่ามือใหญ่มีผิวหนากร้าน ข้อนิ้วแข็ง แต่ให้ความรู้สึกอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“มีบางเรื่องที่ข้าอยากบอกท่าน... จริงๆควรเรียกว่าสารภาพมากกว่า...”
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกรวบรวมความกล้า ได้กลิ่นหอมคล้ายไอแดดในสายลมที่พัดผ่านทุ่งหญ้ายามเช้า ความคิดที่กำลังวุ่นวายถูกคัดกรอง ไตร่ตรอง เพื่อบอกเล่าถึงสิ่งที่อีกฝ่ายควรได้รู้
“ข้าไม่ใช่คนที่ท่านคิดว่าข้าเป็น... ข้าไม่ใช่ลูกสาวที่พ่อต้องส่งตัวมาแต่งงานกับท่าน ถ้าจะเอาให้ง่ายและตรงที่สุดก็คือ... ข้าเป็นผู้ชาย เป็นลูกชายคนเดียวของพ่อ ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่ทุกคนคิด”
นี่อาจเรียกว่าเป็นแค่การซ้อม ยังไม่ใช่การสารภาพความจริงต่อหน้า แต่เมื่อพูดออกมาแล้วก็เหมือนได้ระบายความอึดอัดออกไป ทำให้รู้สึกหายใจโล่งขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มาถึงที่นี่
“ข้ามีพี่สาวสามคน และคนที่ควรจะถูกส่งมาที่นี่จริงๆคือเบลล่า นางเป็นคนสวย นิสัยน่ารักแล้วก็ใจดีมาก ถ้าท่านได้พบจะต้องตกหลุมรักแน่ๆ แต่เบลล่ามีคู่หมั้นอยู่แล้ว ทั้งสองคนรักกันมาก และข้าเชื่อว่าผู้ชายคนนั้นจะรักและดูแลพี่สาวของข้าเป็นอย่างดี พวกเขาควรจะได้แต่งงาน มีลูกๆที่น่ารักและมีครอบครัวที่มีความสุข ส่วนเหตุผลว่าทำไมข้าถึงกลายเป็นคนที่มาแทนพี่สาวอีกสองคนมันก็ไม่สำคัญอะไรแล้วล่ะ เพราะถึงยังไงข้าก็ไม่ได้ถูกบังคับเสียทีเดียว อย่างน้อยข้าก็ได้มีโอกาสทำอะไรเพื่อครอบครัว ได้ทดแทนพระคุณของพ่อ หากจะมีอะไรที่ทำให้เสียใจก็คงเป็นเพราะต้องมาโกหกหลอกลวงท่านและทุกคนที่นี่ ข้าไม่รู้ว่าจะกล้าบอกความจริงกับท่านเมื่อไหร่ แต่ถ้าวันนั้นมาถึง ขอท่านได้โปรดให้อภัย หรือหากเห็นว่าความผิดของพวกเราร้ายแรงจนยกโทษให้ไม่ได้จริงๆก็ขอให้ลงโทษข้าคนเดียว ข้ายินดีรับผิดและจะชดใช้ให้ท่านทุกอย่าง โปรดเมตตาละเว้นพ่อกับพวกพี่ๆด้วยเถิด”
โจชัวร์ซบหน้าลงกับฝ่ามือใหญ่ หวังได้ไออุ่นช่วยปลอบประโลมความรู้สึกผิดที่เกาะกินใจ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาไม่ใช่คนเข้มแข็งอย่างที่ใครๆคิด เมื่อไม่เป็นที่ต้องการของครอบครัว เขาก็เลือกที่จะหนี หลบซ่อน พยายามทำตัวให้เล็กจนเสมือนไม่มีตัวตนในบ้าน
เมื่อต้องย้ายไปอยู่นอกเมือง เรื่องของแกสตันทำให้เขาไม่เป็นที่ต้อนรับ ถูกตราหน้าว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องวิปริต เขาก็ยิ่งหลีกหนีจากผู้คน วันๆใช้เวลาไปกับงานบ้าน อยู่แต่กับต้นไม้ พืชไร่และสัตว์เลี้ยง แต่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือ เขารู้สึกถึงความจริงใจ ได้รับการต้อนรับอันอบอุ่น และเป็นที่ต้องการของทุกคนอย่างแท้จริง ความรู้สึกเหล่านี้เหมือนของขวัญที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิต มันดีจนเขาหวงแหน และหวาดกลัวหากจะต้องสูญ...
อาการเคลื่อนไหวทำให้ความคิดหยุดชะงัก เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นดู โล่งอกที่เจ้าอสูรคงเพียงแค่ขยับตัว เลยถือโอกาสทบทวนความรู้สึกที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป ความประทับใจแรกที่เขามีต่อเจ้าอสูรเรียกได้ว่าติดลบ ภาพความโหดร้ายที่พ่อเล่าให้ฟังสอดคล้องกับรูปร่างหน้าตาประหลาด ยิ่งมาเจออาการอาละวาด น้ำเสียงอย่างกับตะคอก คำรามขู่แทบจะทุกคำพูด เขาก็ปักใจว่ากำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ป่าในร่างมนุษย์
ทว่าในความเป็นจริง...
ต่อด้านล่างค่ะ
Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast ... chapter 9 & 10
สามารถติดตามอัพเดทข่าวสารของนิยาย พูดคุย และสั่งซื้อหนังสือได้ที่เพจ Minemomo นะคะ
https://www.facebook.com/Minemomo-241717489520199
PS: chapter ก่อนหน้านี่...
1
https://ppantip.com/topic/36962641
2
https://ppantip.com/topic/36967091
3&4
https://ppantip.com/topic/37011555
5
https://ppantip.com/topic/37027212
6
https://ppantip.com/topic/37042885
7
https://ppantip.com/topic/37057539
8
https://ppantip.com/topic/37141996
------------------------
~ 9 ~
โจชัวร์ตื่นแล้ว และกำลังรู้สึกสบายตัวจนคร้านจะลืมตาหรือลุกขึ้นจากที่นอน สิ่งที่ทำจะเรียกว่าฝันกลางวันก็คงไม่ผิดนัก เมื่อนึกย้อนไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนอยู่ในป่า สถานการณ์เล็กๆมากมายที่ชวนให้รู้สึกจั๊กจี้จนต้องพลิกตัวซุกหน้าลงกับหมอนเพื่อซ่อนยิ้ม และแม้ในยามหลับตา ภาพของร่างสูงใหญ่ที่ไม่เคยอยู่ห่างตัว คอยปกป้อง ให้ไออุ่น และประคับประคองในทุกย่างก้าวก็ชัดเจนจนลบความหวาดกลัวออกไปจากใจของเขาได้จนหมดสิ้น
“คุณโจ... ตื่นหรือยังคะ”
มีเสียงเรียกไม่ดังนักพร้อมกับแรงเขย่าเบาๆที่ปลายเท้า เขาเลยจำใจลุกขึ้นแล้วส่งยิ้มให้พลูมแมทที่คงมาเฝ้าอยู่นานแล้ว
“ถ้าหายเพลียก็ลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตา แล้วเดี๋ยวจะได้ลงไปทานมื้อค่ำเถอะค่ะ คุณไม่ได้ทานอะไรมาทั้งวันเดี๋ยวจะไม่สบายไปกันใหญ่นะคะ”
โจชัวร์รีบทำตามด้วยอาการกระฉับกระเฉงโดยมีเสียงของพลูมแมทช่วยให้ไม่เหงาหู กระทั่งมานั่งอยู่หน้ากระจก เธอก็ยังช่วยหวีผมให้เขาไปคุยจ้อไปไม่หยุดปาก
“... เมื่อคืนตอนเจ้าสโนว์กลับมาก็ยิ่งวุ่นวายกันใหญ่ นายท่านเห็นมันเท่านั้นก็ให้ดิฉันรีบขึ้นมาดูที่ห้อง พอไม่เจอคุณ ดิฉันนี่เข่าอ่อนแทบจะเป็นลมเชียว คุณอย่าแอบหนีออกไปแบบนี้อีกนะ เข้าป่าตอนกลางคืน ไหนจะไม่รู้ทาง จะไปเจอตัวอะไรน่ากลัวๆเข้า แล้วยังจะพายุอีก มีแต่อันตรายทั้งนั้น พวกเราทุกคนเป็นห่วงคุณมาก ไม่มีใครได้หลับได้นอนกันเลย...”
โจชัวร์โผเข้าไปกอดเธอด้วยความรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งใจอย่างที่สุด เมื่อตอนที่กลับมาถึง เขาอยู่ในอาการอ่อนเพลียจนถูกเจ้าอสูรอุ้มมาส่งถึงเตียงเลยไม่ทันได้บอกกับทุกคนว่า...
“ขอโทษที่ทำเรื่องโง่ๆ สัญญาว่าจะไม่ทำอีกแล้ว แล้วก็ขอบคุณมากที่เป็นห่วง ทุกคนดีกับข้ามากจนข้าไม่รู้จะตอบแทนได้ยังไง ขอบคุณมากจริงๆ”
“โธ่ คุณโจ...” พลูมแมทโอบแขนตอบ และลูบหลังให้เบาๆ
“ถึงแม้ว่าตอนแรกข้าจะกลัว แล้วก็ไม่ได้เต็มใจมาที่นี่เลยสักนิด แต่พอได้มาเจอทุกคนกลับกลายเป็นว่าข้าโชคดีเหลือเกินที่ได้มาเจอแต่คนดีๆ มีน้ำใจแล้วก็ใจดีกับข้ามาก เมื่อคืนข้าทำเรื่องบ้าๆไปโดยไม่คิดให้ดีก่อน ทำให้ทุกคนเดือดร้อนแต่ไม่มีใครโกรธหรือตำหนิสักคำ ข้าไม่รู้จะขอบคุณยังไงเลยจริงๆนะพลูมแมท”
พลูมแมทมองคนที่กำลังพูดไปป้ายหน้าเช็ดน้ำตาไปด้วยความเอ็นดู ส่วนตัวเธอเองก็ต้องสะกดกลั้นไม่ร้องไห้อย่างสุดกำลัง
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าหนีไปไหนอีกเลยนะคะ พวกเราทุกคนก็รักคุณ อยากให้คุณอยู่ที่นี่ด้วยกัน”
พลูมแมทยกมือของอีกฝ่ายขึ้นมากุมไว้ แปลกที่มือคู่นี้ปรากฏร่องรอยของคนทำงานหนักผิดวิสัยของคุณหนูลูกสาวพ่อค้าใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังจำภาพที่เกิดขึ้นได้ติดตา เมื่อรู้ว่าโจแอนหายไป นายท่านผู้ซึ่งไม่เคยมีสายตาให้สาวงามนางไหนกลับรีบบุกตะลุยไปชนิดที่ไม่มีใครตามทัน
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในป่า เกือบทั้งคืนและอีกครึ่งวันกว่าที่เขาจะกลับออกมาพร้อมกับคนที่ตามหา ทุกคนที่คฤหาสน์แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง บนหลังเจ้า สโนว์คือนายท่านที่ประคองกอดเธอไว้แนบอก แววตาอ่อนโยนทอดมอง ระวังในทุกจังหวะที่อาจทำให้เธอตกใจตื่น พอลงจากหลังม้าก็อุ้มขึ้นมาส่งถึงเตียง ตรวจดูอาการบาดเจ็บให้โดยไม่มีท่าทีรังเกียจ ทั้งยังคอยเฝ้าอยู่จนแน่ใจว่าเธอหลับสนิทแล้วจึงได้ยอมให้คุณคอกซ์เวิร์ธกับลูมิแยร์ช่วยกันลากไปดูแผลที่แขน
ฉะนั้นแล้ว สิ่งที่ทุกคนในคฤหาสน์ต้องการ และอยากจะร้องขอต่อหญิงสาวคนสำคัญคงไม่พ้น...
“คุณโจอยู่กับพวกเรา อยู่กับนายท่านตลอดไปเลยนะคะ”
โจชัวร์ยังอ้ำอึ้งกับคำขอเดิมๆที่ได้ฟังนับตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามาที่นี่ แม้ใจจะตอบตกลงไปกว่าครึ่งแล้ว แต่คงต้องอาศัยความกล้าอีกสักหน่อยเพื่อจะยอมรับออกมาได้อย่างเต็มปากเต็มคำ เขาจึงได้แต่ส่งยิ้มและจงใจถามถึงเจ้าอสูรเพื่อเปลี่ยนประเด็น
“นายท่านนอนพักอยู่ที่ห้อง คงจะลงไปพบคุณตอนมื้อค่ำเลยทีเดียว แต่ลูมิแยร์บอกว่าก็ยังไม่แน่ เพราะแผลที่แขนหนักเอาการอยู่ คุณคอกซ์เวิร์ธบอกว่าพอตัดแขนเสื้อออกยังตกใจว่าไปโดนอะไรมา แผลถึงได้ช้ำแล้วก็บวมมากขนาดนั้น ถามเท่าไหร่นายท่านก็ไม่ยอมปริปาก สั่งแต่ว่าให้ทำแผลแล้วก็ห้ามเอาเรื่องนี้มา... อุ๊ย... นี่ดิฉันเผลอหลุดปากเสียแล้ว!”
“เขาห้ามไม่ให้บอกข้าเหรอ” เขาแปลกใจและยิ่งซึ้งน้ำใจที่เจ้าอสูรไม่ถือโทษแล้วยังช่วยปิดบังความผิด เพราะหากทุกคนรู้ว่าเขาคือคนที่ทำร้ายเจ้านายจนสาหัสขนาดนั้นคงไม่ปล่อยเอาไว้แน่
“ค่ะ นายท่านสั่งไว้ว่าถ้าคุณถามก็ให้บอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แค่แผลเล็กน้อย ใส่ยาพันผ้าก็หาย แต่คุณคอกซ์เวิร์ธก็บอกแล้วว่าไม่ได้แย่ถึงขนาดรักษาไม่ได้ แค่อาจจะใช้เวลามากสักหน่อยกว่าแผลจะหายสนิทเท่านั้นเองค่ะ”
เมื่อรู้อย่างนี้ โจชัวร์จึงตัดสินใจบุกไปให้เห็นกับตา บรรยากาศของปีกขวาดูทึบทึมและเงียบสงัดกว่าส่วนอื่นของคฤหาสน์ เขามาหยุดอยู่หน้าประตูบานใหญ่ที่แย้มเปิดอยู่จึงไม่ได้เคาะให้สัญญาณเพราะเกรงจะรบกวนคนป่วย
เมื่อเข้ามาด้านในก็ต้องปรับสายตาให้เข้ากับความมืดสลัวของห้องอยู่สักพัก เตียงหลังใหญ่ไร้เงาเจ้าของห้องแต่มีร่องรอยการนอน เขาเลยเดินสำรวจจนออกมายังห้องเล็กติดกันที่มีลักษณะเหมือนห้องทำงาน กลางห้องมีโต๊ะตัวใหญ่ ผนังคือตู้กระจกซึ่งมีหนังสือจัดเก็บอยู่เต็ม และที่ชุดเก้าอี้ตรงมุมหนึ่งของห้องปรากฏร่างสูงใหญ่ที่เขากำลังตามหา
เจ้าอสูรเปลือยท่อนบน แต่มีแถบผ้าสีขาวพันทบตั้งแต่ช่วงไหล่จรดข้อศอกลามไปถึงครึ่งหนึ่งของแผงอก บาดแผลมีอาการบวมและคงเป็นสาเหตุให้เจ้าตัวกำลังหลับสนิท เขาทรุดตัวลงบนพื้นเพื่อจะได้มองคนตรงหน้าได้ถนัด ใบหน้ายามหลับไม่ต่างจากตอนอยู่ในถ้ำ เว้นก็แต่ร่องเล็กๆตรงหน้าผากที่บอกว่าอาจจะกำลังเจ็บหรือตกอยู่ในฝันร้าย เขาลองวางนิ้วลงไปเบาๆเพื่อคลายอาการขมวดคิ้ว ไม่นานใบหน้านั้นก็กลับมาดูสงบเหมือนคนนอนหลับสบาย
เขาไล่สายตาจากใบหน้าลงมาถึงไหล่กว้างและช่วงลำตัวที่ได้สัดส่วน ภายใต้เส้นขนยาวคือแนวกล้ามเนื้อเป็นมัดสวย และรอยแผลเป็นหลายแห่งซึ่งตอกย้ำชีวิตที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าเจ้าอสูรเคยผ่านอะไรมาบ้าง แม้จะเป็นนายท่านที่มีคฤหาสน์ใหญ่โต แต่รูปลักษณ์ผิดธรรมชาติย่อมไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปเห็นว่าปกติ สายตาหวาดกลัว คำพูดดูถูก หรือการขับไล่ไสส่ง เขาจะต้องใช้ความพยายามและอดทนมากมายแค่ไหนกันถึงจะผ่านวันเวลาเหล่านั้นมาได้ เทียบกันแล้ว ชีวิตลูกคนใช้ที่มีพี่สาวนิสัยแย่สองคนยังดูสบายกว่าหลายเท่านัก
“ขอบคุณ...” โจชัวร์ส่งเสียงกระซิบ เมื่อแน่ใจว่าคนฟังยังหลับสนิทจึงพูดต่อ “...สำหรับทุกสิ่งที่ท่านทำให้ข้า”
เจ้าอสูรขยับตัวเล็กน้อย มีเสียงครางเบาๆแล้วนิ่งไป มือใหญ่เลื่อนตกลงข้างลำตัว โจชัวร์รออยู่ชั่วอึดใจจึงทาบมือตัวเองลงไป ทั้งลักษณะและขนาดที่ต่างกันมากทำให้เขาแอบอมยิ้ม ฝ่ามือใหญ่มีผิวหนากร้าน ข้อนิ้วแข็ง แต่ให้ความรู้สึกอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“มีบางเรื่องที่ข้าอยากบอกท่าน... จริงๆควรเรียกว่าสารภาพมากกว่า...”
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกรวบรวมความกล้า ได้กลิ่นหอมคล้ายไอแดดในสายลมที่พัดผ่านทุ่งหญ้ายามเช้า ความคิดที่กำลังวุ่นวายถูกคัดกรอง ไตร่ตรอง เพื่อบอกเล่าถึงสิ่งที่อีกฝ่ายควรได้รู้
“ข้าไม่ใช่คนที่ท่านคิดว่าข้าเป็น... ข้าไม่ใช่ลูกสาวที่พ่อต้องส่งตัวมาแต่งงานกับท่าน ถ้าจะเอาให้ง่ายและตรงที่สุดก็คือ... ข้าเป็นผู้ชาย เป็นลูกชายคนเดียวของพ่อ ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่ทุกคนคิด”
นี่อาจเรียกว่าเป็นแค่การซ้อม ยังไม่ใช่การสารภาพความจริงต่อหน้า แต่เมื่อพูดออกมาแล้วก็เหมือนได้ระบายความอึดอัดออกไป ทำให้รู้สึกหายใจโล่งขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มาถึงที่นี่
“ข้ามีพี่สาวสามคน และคนที่ควรจะถูกส่งมาที่นี่จริงๆคือเบลล่า นางเป็นคนสวย นิสัยน่ารักแล้วก็ใจดีมาก ถ้าท่านได้พบจะต้องตกหลุมรักแน่ๆ แต่เบลล่ามีคู่หมั้นอยู่แล้ว ทั้งสองคนรักกันมาก และข้าเชื่อว่าผู้ชายคนนั้นจะรักและดูแลพี่สาวของข้าเป็นอย่างดี พวกเขาควรจะได้แต่งงาน มีลูกๆที่น่ารักและมีครอบครัวที่มีความสุข ส่วนเหตุผลว่าทำไมข้าถึงกลายเป็นคนที่มาแทนพี่สาวอีกสองคนมันก็ไม่สำคัญอะไรแล้วล่ะ เพราะถึงยังไงข้าก็ไม่ได้ถูกบังคับเสียทีเดียว อย่างน้อยข้าก็ได้มีโอกาสทำอะไรเพื่อครอบครัว ได้ทดแทนพระคุณของพ่อ หากจะมีอะไรที่ทำให้เสียใจก็คงเป็นเพราะต้องมาโกหกหลอกลวงท่านและทุกคนที่นี่ ข้าไม่รู้ว่าจะกล้าบอกความจริงกับท่านเมื่อไหร่ แต่ถ้าวันนั้นมาถึง ขอท่านได้โปรดให้อภัย หรือหากเห็นว่าความผิดของพวกเราร้ายแรงจนยกโทษให้ไม่ได้จริงๆก็ขอให้ลงโทษข้าคนเดียว ข้ายินดีรับผิดและจะชดใช้ให้ท่านทุกอย่าง โปรดเมตตาละเว้นพ่อกับพวกพี่ๆด้วยเถิด”
โจชัวร์ซบหน้าลงกับฝ่ามือใหญ่ หวังได้ไออุ่นช่วยปลอบประโลมความรู้สึกผิดที่เกาะกินใจ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาไม่ใช่คนเข้มแข็งอย่างที่ใครๆคิด เมื่อไม่เป็นที่ต้องการของครอบครัว เขาก็เลือกที่จะหนี หลบซ่อน พยายามทำตัวให้เล็กจนเสมือนไม่มีตัวตนในบ้าน
เมื่อต้องย้ายไปอยู่นอกเมือง เรื่องของแกสตันทำให้เขาไม่เป็นที่ต้อนรับ ถูกตราหน้าว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องวิปริต เขาก็ยิ่งหลีกหนีจากผู้คน วันๆใช้เวลาไปกับงานบ้าน อยู่แต่กับต้นไม้ พืชไร่และสัตว์เลี้ยง แต่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือ เขารู้สึกถึงความจริงใจ ได้รับการต้อนรับอันอบอุ่น และเป็นที่ต้องการของทุกคนอย่างแท้จริง ความรู้สึกเหล่านี้เหมือนของขวัญที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิต มันดีจนเขาหวงแหน และหวาดกลัวหากจะต้องสูญ...
อาการเคลื่อนไหวทำให้ความคิดหยุดชะงัก เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นดู โล่งอกที่เจ้าอสูรคงเพียงแค่ขยับตัว เลยถือโอกาสทบทวนความรู้สึกที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป ความประทับใจแรกที่เขามีต่อเจ้าอสูรเรียกได้ว่าติดลบ ภาพความโหดร้ายที่พ่อเล่าให้ฟังสอดคล้องกับรูปร่างหน้าตาประหลาด ยิ่งมาเจออาการอาละวาด น้ำเสียงอย่างกับตะคอก คำรามขู่แทบจะทุกคำพูด เขาก็ปักใจว่ากำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ป่าในร่างมนุษย์
ทว่าในความเป็นจริง...
ต่อด้านล่างค่ะ