ผมยกมาแค่หนึ่งฉากเท่านั้น ไม่ได้ไล่ความเป็นมาเป็นไปนะครับ อยากให้วิจารณ์ในความเหมาะสมของการใช้คำ กับความลื่นไหลในการอ่านเป็นพิเศษครับ (เป็นแนวดาร์กแฟนตาซี)
“ทำไมถึงเรียกมันว่าอัศวินแห่งนอร์ธเทรช” เบลลาริคเอ่ยถาม หลังจากที่ซ่อนตัวในพุ่มไม้กลางป่ามาตั้งแต่โพล้เพล้ จนตอนนี้มืดสนิท
“หุบปากของเจ้าซะ” เกลมานตอบกลับอย่างไม่พอใจ “อย่าได้ส่งเสียงของเจ้าอีก เว้นแต่เจ้าอยากจะตายเป็นผีเฝ้าป่านอร์ธเดนวูด”
ชายหนุ่มมีท่าทีไม่พอใจหลังจากโดนติ เสียงสนทนาของทั้งสองที่ดังขึ้นในป่าเงียบสงัดนั้น ก็พอเป็นเหตุให้สัตว์เล็กน้อยรอบ ๆ ตระหนกตกใจจนเกิดเสียงฟุ่บฟับอยู่บ้าง แต่เสียงรบกวนเหล่านั้นก็ไม่ทำให้ชายวัยกลางคนในพุ่มไม้อย่างเกลมาน ละสายตาจากกระท่อมไม้ที่เขาจดจ้องอยู่ได้เลย
“ข้าไม่รอแล้ว” เบลลาริคลุกพรวดแล้วกระโจนออกจากพุ่มไม้
“เจ้าจะทำอะไร!” เกลมานร้องทัก
ชายหนุ่มเมินเฉยต่อเพื่อนร่วมสถานการณ์แล้วเดินตรงไปที่กระท่อม พร้อมชักเอาดาบที่เหน็บอยู่ข้างเอวออกมากวัดแกว่งไปตามอากาศ แสดงถึงความอ่อนหัดต่ออาวุธที่ถืออยู่ในมือ
เกลมานลุกตามไปอย่างไม่รีรอ พร้อมชักดาบออกมาถือมั่นอย่างทะมัดทะแมง บ่งบอกถึงความเชี่ยวชำนาญในการต่อสู้ เขาสูดลมหายใจเข้าและค่อยคลายออกอย่างช้า ๆ เพื่อให้สติทำงานได้ดี
ทั้งคู่เดินมาถึงหน้ากระท่อมไม้ซอมซ่อที่ตั้งอยู่กลางป่า มีแสงไฟจากตะเกียงข้างในส่องลอดผ่านซีกไม้ที่ผุพังอยู่ริบหรี่ ทันใดนั้นเอง เบลลาริคผู้ทะนงตัวก็ถีบยันประตูแล้วก้าวเข้าไป หวังจะเอาดาบในมือฟาดฟันชีวิตข้างในให้ม้วยมรณา
แต่สิ่งที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าของชายหนุ่ม กลับไม่มีวี่แววของมนุษย์คนใดเลย มีเพียงแต่ซากตัวหมูที่ถูกเชือดแล้วแขวนอยู่กับตะขอ ภาพตรงหน้าสร้างความประหลาดใจแก่ทั้งสองอย่างมากโดยเฉพาะเกลมาน
“ท่านดูผิดแล้ว” ชายหนุ่มผู้ทะนงตัวพูดออกมาแล้วค่อย ๆ เก็บดาบเข้าฝักด้วยท่าทีผ่อนคลาย และทันทีที่เสียงของฝักดาบกระทบกับด้าม ก็มีมือปริศนาพุ่งมาจากด้านหลังกำเข้าที่คอของเบลลาริค ราวกับเหยื่อที่ถูกสัตว์ร้ายกระโจนจับ
ชายร่างใหญ่สูงราว ๆ เจ็ดฟุตที่หลบอยู่หลังประตู ยกเบลลาริคลอยขึ้นเหนือจากพื้นด้วยมือเพียงข้างเดียว ชายหนุ่มดิ้นทุรนทุรายปานจะขาดใจ และเพียงเสี้ยววินาทีนั้นเอง ดาบในมือของเกลมานก็ฟาดลงที่ข้อมือของชายปริศนาอย่างเต็มแรง เพื่อหวังได้จะเห็นมืออันใหญ่ยักษ์ข้างนั้นขาดกระเด็น แต่ก็ไม่เป็นผล ทำได้เพียงช่วยชีวิตของชายหนุ่มเอาไว้ ความประหลาดใจเกิดขึ้นแก่เกลมานเป็นหนที่สอง เขาถอยร่นออกมานอกกระท่อมเพื่อขยายพื้นที่การเคลื่อนไหว สัตว์ร้ายตามไปอย่างไม่รีรอ
การที่ผู้ล่าละความสนใจ และปล่อยมือออกจากชายหนุ่ม ทำให้เขาได้กลับมารู้สึกถึงอากาศบริสุทธิ์อีกครั้ง
“ลุกขึ้น!” เกลมานร้องตะโกน “เอาหีบสมบัติแล้วหนีไปซะ”
เบลลาริคหวนคืนสู่สติ เขารีบมองหาหีบสมบัติที่เป็นเป้าหมายของเขาและเพื่อนแต่แรก แล้วก็ได้มา ทรัพย์สมบัติของอเล็กซ์แห่งอารยธรรมซาลาพิสโบราณ ที่ถูกบรรจุไว้ในหีบขนาดเท่าลูกหมูสามเดือน
ชายหนุ่มหอบหีบสมบัติอย่างทุลักทุเลออกจากระท่อม และได้พบกับภาพที่เขาจะจำไปจนวันตาย
ชายร่างยักษ์นั่งคร่อมอยู่บนตัวเกลมาน แล้วกระชากแขนทั้งสองข้างของเขาออกจนเลือดสาดกระจาย ผืนหิมะรอบ ๆ ถูกย้อมเป็นสีแดงฉาน เสียงกรีดร้องของชายฉกรรจ์ดังระงมไปทั่วป่า
*แก้1*
ขอคำวิจารณ์ฉากในนิยายของผมหน่อย
“ทำไมถึงเรียกมันว่าอัศวินแห่งนอร์ธเทรช” เบลลาริคเอ่ยถาม หลังจากที่ซ่อนตัวในพุ่มไม้กลางป่ามาตั้งแต่โพล้เพล้ จนตอนนี้มืดสนิท
“หุบปากของเจ้าซะ” เกลมานตอบกลับอย่างไม่พอใจ “อย่าได้ส่งเสียงของเจ้าอีก เว้นแต่เจ้าอยากจะตายเป็นผีเฝ้าป่านอร์ธเดนวูด”
ชายหนุ่มมีท่าทีไม่พอใจหลังจากโดนติ เสียงสนทนาของทั้งสองที่ดังขึ้นในป่าเงียบสงัดนั้น ก็พอเป็นเหตุให้สัตว์เล็กน้อยรอบ ๆ ตระหนกตกใจจนเกิดเสียงฟุ่บฟับอยู่บ้าง แต่เสียงรบกวนเหล่านั้นก็ไม่ทำให้ชายวัยกลางคนในพุ่มไม้อย่างเกลมาน ละสายตาจากกระท่อมไม้ที่เขาจดจ้องอยู่ได้เลย
“ข้าไม่รอแล้ว” เบลลาริคลุกพรวดแล้วกระโจนออกจากพุ่มไม้
“เจ้าจะทำอะไร!” เกลมานร้องทัก
ชายหนุ่มเมินเฉยต่อเพื่อนร่วมสถานการณ์แล้วเดินตรงไปที่กระท่อม พร้อมชักเอาดาบที่เหน็บอยู่ข้างเอวออกมากวัดแกว่งไปตามอากาศ แสดงถึงความอ่อนหัดต่ออาวุธที่ถืออยู่ในมือ
เกลมานลุกตามไปอย่างไม่รีรอ พร้อมชักดาบออกมาถือมั่นอย่างทะมัดทะแมง บ่งบอกถึงความเชี่ยวชำนาญในการต่อสู้ เขาสูดลมหายใจเข้าและค่อยคลายออกอย่างช้า ๆ เพื่อให้สติทำงานได้ดี
ทั้งคู่เดินมาถึงหน้ากระท่อมไม้ซอมซ่อที่ตั้งอยู่กลางป่า มีแสงไฟจากตะเกียงข้างในส่องลอดผ่านซีกไม้ที่ผุพังอยู่ริบหรี่ ทันใดนั้นเอง เบลลาริคผู้ทะนงตัวก็ถีบยันประตูแล้วก้าวเข้าไป หวังจะเอาดาบในมือฟาดฟันชีวิตข้างในให้ม้วยมรณา
แต่สิ่งที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าของชายหนุ่ม กลับไม่มีวี่แววของมนุษย์คนใดเลย มีเพียงแต่ซากตัวหมูที่ถูกเชือดแล้วแขวนอยู่กับตะขอ ภาพตรงหน้าสร้างความประหลาดใจแก่ทั้งสองอย่างมากโดยเฉพาะเกลมาน
“ท่านดูผิดแล้ว” ชายหนุ่มผู้ทะนงตัวพูดออกมาแล้วค่อย ๆ เก็บดาบเข้าฝักด้วยท่าทีผ่อนคลาย และทันทีที่เสียงของฝักดาบกระทบกับด้าม ก็มีมือปริศนาพุ่งมาจากด้านหลังกำเข้าที่คอของเบลลาริค ราวกับเหยื่อที่ถูกสัตว์ร้ายกระโจนจับ
ชายร่างใหญ่สูงราว ๆ เจ็ดฟุตที่หลบอยู่หลังประตู ยกเบลลาริคลอยขึ้นเหนือจากพื้นด้วยมือเพียงข้างเดียว ชายหนุ่มดิ้นทุรนทุรายปานจะขาดใจ และเพียงเสี้ยววินาทีนั้นเอง ดาบในมือของเกลมานก็ฟาดลงที่ข้อมือของชายปริศนาอย่างเต็มแรง เพื่อหวังได้จะเห็นมืออันใหญ่ยักษ์ข้างนั้นขาดกระเด็น แต่ก็ไม่เป็นผล ทำได้เพียงช่วยชีวิตของชายหนุ่มเอาไว้ ความประหลาดใจเกิดขึ้นแก่เกลมานเป็นหนที่สอง เขาถอยร่นออกมานอกกระท่อมเพื่อขยายพื้นที่การเคลื่อนไหว สัตว์ร้ายตามไปอย่างไม่รีรอ
การที่ผู้ล่าละความสนใจ และปล่อยมือออกจากชายหนุ่ม ทำให้เขาได้กลับมารู้สึกถึงอากาศบริสุทธิ์อีกครั้ง
“ลุกขึ้น!” เกลมานร้องตะโกน “เอาหีบสมบัติแล้วหนีไปซะ”
เบลลาริคหวนคืนสู่สติ เขารีบมองหาหีบสมบัติที่เป็นเป้าหมายของเขาและเพื่อนแต่แรก แล้วก็ได้มา ทรัพย์สมบัติของอเล็กซ์แห่งอารยธรรมซาลาพิสโบราณ ที่ถูกบรรจุไว้ในหีบขนาดเท่าลูกหมูสามเดือน
ชายหนุ่มหอบหีบสมบัติอย่างทุลักทุเลออกจากระท่อม และได้พบกับภาพที่เขาจะจำไปจนวันตาย
ชายร่างยักษ์นั่งคร่อมอยู่บนตัวเกลมาน แล้วกระชากแขนทั้งสองข้างของเขาออกจนเลือดสาดกระจาย ผืนหิมะรอบ ๆ ถูกย้อมเป็นสีแดงฉาน เสียงกรีดร้องของชายฉกรรจ์ดังระงมไปทั่วป่า
*แก้1*