สวัสดีค่ะ ...
ปีนี้เจอกันอีกแล้ว เป็นครั้งแรกที่ยู้เขียนเกินหนึ่งกระทู้ในปีนี้
จากกระทู้ล่าสุด ที่เคยเขียนถึง 70.3 Ironman หรือ 70.3 Challenge Triathlon ว่ายน้ำ 1900 เมตร ปั่น 90 กิโลเมตร วิ่ง 21 กิโลเมตร >>>
https://ppantip.com/topic/36699132
คิดว่าจะสูงสุดที่คิดว่าทำได้แล้ว เพราะเพิ่งว่ายน้ำเป็นได้ปีเดียว
แต่แล้ว ... การป้ายยาของรุ่นพี่นักไตรก็เกิดขึ้น
ทำให้ตัดสินใจลงสมัคร ไตรกีฬาระยะ Ironman Korea Gurye 2017 (ว่ายน้ำ 3800 เมตร ปั่นจักรยาน 180 กิโลเมตร และวิ่ง 42.195 กิโลเมตร)
บ้ามากๆ ใช่ค่ะบ้ามากๆ เลย #บ้าเลือด
สมัครไปก็ว่ากังวลมากแล้ว แต่ของจริงเกิดขึ้น หลังจากนั้น ที่เริ่มเข้าตารางซ้อม ....
ในชีวิตจริง ++ ยู้พบว่า... มันไม่ง่ายเลย ที่คนทำงานเยอะๆ จะจัดสรรเวลาซ้อม ทั้งงานและชีวิตส่วนตัว และ เตรียมตัว ทั้งร่างกายจิตใจ เพื่อพร้อมสู่การแข่งขัน ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
มีอารมณ์ท้อ และซ้อมไม่ได้ตามตารางบ่อยครั้ง จนเครียดเกินไป ทำให้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง ตั้งแต่ช่วงการซ้อมแล้ว
ไม่ว่าจะการให้ความสำคัญกับเวลา แบ่งเวลาให้คนรอบข้างและงานต้องไม่เสีย ความมีระเบียบวินัยในชีวิต การเรียนรู้ร่างกายตัวเอง ดูแลร่างกายตัวเองเพื่อให้ซ้อมได้เกือบทุกวันแบบไม่ใช่คนปกติธรรมดาเลย
ช่วงที่ท้อในใจเพียงคิดว่า
ตั้งแต่วิ่งมินิมาราธอนแรก (การวิ่ง 10 กิโลเมตร) ก็ไม่เคยมั่นใจว่าตัวเองจะทำได้หรอก
"แค่ลองทำดู"
คำนี้แหละมั้ง ที่ทำให้ตัวเองก้าวเดินต่อมาเรื่อยๆ
แม้แต่สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้สำหรับตัวเอง "ไตรกีฬา"
คำที่ว่า "ลองพยายามดูสักครั้ง"
คำนี้อีกนั่นแหละ ที่ทำให้เดินมาได้ไกล
ถึงตอนนี้ก็ไม่รู้ตัวเองจะทำได้ยังไงเลย ironman
เนี่ย ว่ายน้ำ 3800 m. ปั่น 180 KM วิ่ง 42 KM
มันโหดไปไหม เร็วไปสำหรับมือใหม่ ที่หัดไตรได้แค่ปีเดียว
แค่คิดว่า ไม่สำเร็จ ก็ไม่เป็นไรนี่
***เราได้ **กำไร ตั้งแต่ตอนซ้อมแล้ว**
จิตใจก็เบิกบานทุกวัน ร่างกายก็ดีขึ้น
คิดแบบนั้นได้ ยู้จึงเปลี่ยนวิธีซ้อมให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ตัวเองค่ะ
เป็นคนชอบแฟชั่น เที่ยว ก็เลยแต่งตัวไปซ้อม ไปแข่ง คั่น กับการซ้อมอยู่ที่เดิมๆ เช่นวิ่งหลังออฟฟิศ และการปั่นเทรนเนอร์
เสาร์ อาทิตย์ ก็วางแผนไปซ้อม ต่างจังหวัด ว่ายในทะเล มันจึงสนุกขึ้น เวลาผ่านไปเร็วมากๆ
ช่วงที่หนักที่สุด ของการไปซ้อม ironman คือ การซ้อม "back to back" มันเป็นการซ้อมที่โหดที่สุด หนักที่สุด ในช่วง ก่อนวันแข่ง 3 สัปดาห์ เป็นการซ้อมเพื่อไต่ระยะของตัวเอง สายไกล endurance
โดยปกติเราจะไม่ซ้อมเต็มระยะที่แข่งกัน เพราะ จะเสี่ยงต่อการบาดเจ็บก่อนแข่งได้
การซ้อม back to back เป็นการใช้กล้ามเนื้อต่อเนื่องภายใน 24 ชม. โดยมากจะซ้อมติดกันสองวัน ยู้ปั่นวันแรก 170 KM และอีกวันวิ่ง 25 KM
บอกตรงๆ ว่าทำรวดเดียวง่ายกว่า เพราะอาการล้ามันยังมาไม่ถึงค่ะ
#วันนั้นเหนื่อยล้าสลบทีเดียว
หลังจากนั้น ยู้ก็พลาดค่ะ ดูแลตัวเองไม่ดีในวันที่ร่างกายอ่อนแอหลังซ้อมหนัก ช่วงนั้นหวัดระบาด เป็นไข้ จึงต้องงดซ้อมทุกอย่าง
เป็นกังวลมากๆ พอสัปดาห์นึงผ่านไป เริ่มหาย จึงตั้งใจไปปั่นยาว 100 KM ตามตารางซ้อม (วันที่เป็นไข้ข้ามไปหมดเลย)
วันนั้นตัดสินใจไปซ้อมที่บางพระ ออกแต่เช้ามืด พอใกล้ๆ ถึง ฝนตกตกลงมา แต่ตัดสินใจไปนั่งทานข้าวรอที่จุดเริ่มปั่น
เพราะอยากซ้อมมาก เป็นกังวลที่หยุดมานาน หลังจากฝนหยุดตก จึงตัดสินใจไปปั่น
และแล้ว .....
เรื่องที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย
ปั่นไปได้ 20 KM มีต้นไม้มาขวาง ยู้จึงหักหลบ ไปโดนเส้นกั้นถนนสีขาว ที่ทาไว้ค่อนข้างใหญ่กว่าปกติ ทำให้ล้มแบบไม่ทันตั้งตัว กระแทกลงไปเต็มๆ เสียงดังมาก
ทั้งเจ็บและเสียใจค่ะ
ไม่น่าพลาดเลย ใกล้แข่งแล้วแท้ๆ ซ้อมมาตั้งนาน
รีบเดินทางไปโรงพยาบาลทันที โชคดีที่กระดูกไม่เป็นอะไรมาก แต่แผลถลอก 7 ที่
ตอนนั้นท้อมาก แผลแบบนี้ลงน้ำไม่ได้แน่ แห้งไม่ทันแน่นอน ถ้าลงน้ำไปว่าย 4 กิโล ติดเชื้อแน่นอน
ยังไม่รวมสะโพกที่ช้ำปูดมีเลือดคั่ง
คิดไว้ว่าไม่ได้ลงแข่งแน่ๆ
หลังจากที่เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ รับทราบทาง facebook ก็ได้รับกำลังใจอย่างล้นหลาม โทรมาให้คำปรึกษา วิธีทำให้แผลแห้งเร็ว ใช้ฟองน้ำชนิดพิเศษที่ดูดหนองได้ไว และการทำความสะอาดแผล ยาลดบวม สารพัด ที่สังคมนักไตรช่างอบอุ่นและมีแต่คนช่วยเหลือกันและกัน
ตอนนั้นได้มิตรภาพดีๆ เพิ่มขึ้นมาเยอะมาก จนมีกำลังใจที่ดีขึ้น
เหมือนยังมีความหวังนิดๆ เหลืออยู่
เลยตั้งใจไป รพ. ล้างแผล ทุกวัน
กำลังใจ แรงเชียร์จากพี่น้อง อีกทั้งเราจองตั๋วเครื่องบินและจ่ายทุกอย่างไว้แล้ว
จึงตั้งใจว่าจะไป งานแข่งที่เกาหลี ถ้าเราลงแข่งไม่ได้จริงๆ และเป็นไปได้สูงเพราะ อุปสรรค มันเยอะจริงๆ
1.การว่ายน้ำที่อุณหภูมิ ต่ำกว่า 22 องศา เค้าจะให้ใส่ wetsuit ซึ่งมันรัดแผลทั้งที่สะโพกที่ปูดออกมา และไหล่ที่เป็นแผลใหญ่ เราจะเคลื่อนไหวลำบากกว่าปกติ
2.ไหล่ที่เป็นแผลใหญ่สุด เป็นอุปสรรคต่อการว่ายน้ำไกลๆ
3.ไม่ได้ลงน้ำเลยมา 1 เดือน ความชินกับน้ำมันหายไปเยอะเลย
4.สะโพกที่บาดเจ็บไม่มั่นใจว่าจะใช้กล้ามเนื้อระยะไกลได้ โดยเฉพาะการปั่นจักรยาน ที่ใช้เวลาถึง 6-7 ชม. แถมมีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขา
5.เพิ่งล้มจักรยานมา จะมีอาการแหยงๆ กลัว และล้มมาปุ๊ป ไม่มีเวลาไปทำใจ ลงสนามจริงเลย ค่อนข้างกลัว
6.เวลาแข่งเวลา cutoff ก็ค่อนข้างบีบค่ะ ว่ายน้ำรวมจักรยาน 10:30 ชม.
7.มีประจำเดือนวันแข่งพอดี ต้องทานยาเลื่อน ซึ่งมันจะมีอาการหน่วงๆ หน่อย
เพราะอุปสรรคเยอะแบบนี้ กลายเป็นว่าเราไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้แล้วล่ะ
ลองดู cutoff ก็ถือซะว่ามาซ้อม มาเที่ยว เพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคนก็ให้กำลังใจแบบนี้ค่ะ
ยู้เดินทางไปสนามแข่งล่วงหน้า 3 วัน เพื่อปรับสภาพทั้งเรื่องเวลาที่เร็วกว่าไทย 2 ชม. และสภาพภูมิอากาศ
เดินทางไปรับ bib ก่อนในวันศุกร์ค่ะ
เค้าจะจัดทุกอย่างใส่กระเป๋า Ironman ให้ กระเป๋างานนี้สวยและเท่ห์มากๆ เลยค่ะ ใช้เป็นกระเป๋าไตรได้เลย
ผู้สมัครทุกคนจะมีชื่ออยู่ในนี้ค่ะ
หาเร็วๆ ....
เจอแล้วค่า
วันก่อนแข่งทางงานจะมีให้ลงซ้อมว่ายในสนามจริง ในตอนเช้าวันเสาร์ค่ะ
ยู้ต้องแปะแผลใส่ชุดทับ แบบนี้ ไม่ค่อยมั่นใจเลย
หลังจากนั้นช่วงบ่ายๆ เราต้องเตรียมของไปไว้ใน transition พร้อมทั้งจักรยาน วางแผนการใส่อาหาร และอุปกรณ์ใน transition แต่ละจุด ช่วงเปลี่ยนจากว่ายไปปั่น และจากปั่นไปวิ่ง และยังเพิ่มจากการแข่งไตรกีฬาระยะทั่วไป ตรง special bag bike และ special bag run ระหว่างปั่นและวิ่ง เนื่องจากระยะมันไกลมากค่ะ ก็นำจักรยานเข้า transition กัน ที่นี่จัดงานดีค่ะ มีระเบียบชัดเจน
พอนำเข้าไปเรียบร้อย ก็ต้องรีบกลับมาพักผ่อนและโหลดเข้าไปเยอะเลยค่ะ
ยอมรับว่านอนไม่หลับคืนก่อนแข่ง โชคดีที่นอนตุนไว้ก่อน วันเสาร์ เพราะตื่นเต้นแถมตื่นเช้ามากๆ ค่ะ
ตื่นตีสี่ที่โน่น เวลาก็ตีสองบ้านเรา
นอน นอน นอน ( เดี๋ยวมาเล่าต่อ) .......
[SR] ในที่สุดก็ทำได้... กีฬาของคนเหล็ก "ไตรกีฬาไอรอนแมน" 140.6 IRONMAN (Swim3.8K Bike180K Run42K แบบต่อเนื่อง)
ปีนี้เจอกันอีกแล้ว เป็นครั้งแรกที่ยู้เขียนเกินหนึ่งกระทู้ในปีนี้
จากกระทู้ล่าสุด ที่เคยเขียนถึง 70.3 Ironman หรือ 70.3 Challenge Triathlon ว่ายน้ำ 1900 เมตร ปั่น 90 กิโลเมตร วิ่ง 21 กิโลเมตร >>> https://ppantip.com/topic/36699132
คิดว่าจะสูงสุดที่คิดว่าทำได้แล้ว เพราะเพิ่งว่ายน้ำเป็นได้ปีเดียว
แต่แล้ว ... การป้ายยาของรุ่นพี่นักไตรก็เกิดขึ้น
ทำให้ตัดสินใจลงสมัคร ไตรกีฬาระยะ Ironman Korea Gurye 2017 (ว่ายน้ำ 3800 เมตร ปั่นจักรยาน 180 กิโลเมตร และวิ่ง 42.195 กิโลเมตร)
บ้ามากๆ ใช่ค่ะบ้ามากๆ เลย #บ้าเลือด
สมัครไปก็ว่ากังวลมากแล้ว แต่ของจริงเกิดขึ้น หลังจากนั้น ที่เริ่มเข้าตารางซ้อม ....
ในชีวิตจริง ++ ยู้พบว่า... มันไม่ง่ายเลย ที่คนทำงานเยอะๆ จะจัดสรรเวลาซ้อม ทั้งงานและชีวิตส่วนตัว และ เตรียมตัว ทั้งร่างกายจิตใจ เพื่อพร้อมสู่การแข่งขัน ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
มีอารมณ์ท้อ และซ้อมไม่ได้ตามตารางบ่อยครั้ง จนเครียดเกินไป ทำให้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง ตั้งแต่ช่วงการซ้อมแล้ว
ไม่ว่าจะการให้ความสำคัญกับเวลา แบ่งเวลาให้คนรอบข้างและงานต้องไม่เสีย ความมีระเบียบวินัยในชีวิต การเรียนรู้ร่างกายตัวเอง ดูแลร่างกายตัวเองเพื่อให้ซ้อมได้เกือบทุกวันแบบไม่ใช่คนปกติธรรมดาเลย
ช่วงที่ท้อในใจเพียงคิดว่า
ตั้งแต่วิ่งมินิมาราธอนแรก (การวิ่ง 10 กิโลเมตร) ก็ไม่เคยมั่นใจว่าตัวเองจะทำได้หรอก
"แค่ลองทำดู"
คำนี้แหละมั้ง ที่ทำให้ตัวเองก้าวเดินต่อมาเรื่อยๆ
แม้แต่สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้สำหรับตัวเอง "ไตรกีฬา"
คำที่ว่า "ลองพยายามดูสักครั้ง"
คำนี้อีกนั่นแหละ ที่ทำให้เดินมาได้ไกล
ถึงตอนนี้ก็ไม่รู้ตัวเองจะทำได้ยังไงเลย ironman
เนี่ย ว่ายน้ำ 3800 m. ปั่น 180 KM วิ่ง 42 KM
มันโหดไปไหม เร็วไปสำหรับมือใหม่ ที่หัดไตรได้แค่ปีเดียว
แค่คิดว่า ไม่สำเร็จ ก็ไม่เป็นไรนี่
***เราได้ **กำไร ตั้งแต่ตอนซ้อมแล้ว**
จิตใจก็เบิกบานทุกวัน ร่างกายก็ดีขึ้น
คิดแบบนั้นได้ ยู้จึงเปลี่ยนวิธีซ้อมให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ตัวเองค่ะ
เป็นคนชอบแฟชั่น เที่ยว ก็เลยแต่งตัวไปซ้อม ไปแข่ง คั่น กับการซ้อมอยู่ที่เดิมๆ เช่นวิ่งหลังออฟฟิศ และการปั่นเทรนเนอร์
เสาร์ อาทิตย์ ก็วางแผนไปซ้อม ต่างจังหวัด ว่ายในทะเล มันจึงสนุกขึ้น เวลาผ่านไปเร็วมากๆ
ช่วงที่หนักที่สุด ของการไปซ้อม ironman คือ การซ้อม "back to back" มันเป็นการซ้อมที่โหดที่สุด หนักที่สุด ในช่วง ก่อนวันแข่ง 3 สัปดาห์ เป็นการซ้อมเพื่อไต่ระยะของตัวเอง สายไกล endurance
โดยปกติเราจะไม่ซ้อมเต็มระยะที่แข่งกัน เพราะ จะเสี่ยงต่อการบาดเจ็บก่อนแข่งได้
การซ้อม back to back เป็นการใช้กล้ามเนื้อต่อเนื่องภายใน 24 ชม. โดยมากจะซ้อมติดกันสองวัน ยู้ปั่นวันแรก 170 KM และอีกวันวิ่ง 25 KM
บอกตรงๆ ว่าทำรวดเดียวง่ายกว่า เพราะอาการล้ามันยังมาไม่ถึงค่ะ
#วันนั้นเหนื่อยล้าสลบทีเดียว
หลังจากนั้น ยู้ก็พลาดค่ะ ดูแลตัวเองไม่ดีในวันที่ร่างกายอ่อนแอหลังซ้อมหนัก ช่วงนั้นหวัดระบาด เป็นไข้ จึงต้องงดซ้อมทุกอย่าง
เป็นกังวลมากๆ พอสัปดาห์นึงผ่านไป เริ่มหาย จึงตั้งใจไปปั่นยาว 100 KM ตามตารางซ้อม (วันที่เป็นไข้ข้ามไปหมดเลย)
วันนั้นตัดสินใจไปซ้อมที่บางพระ ออกแต่เช้ามืด พอใกล้ๆ ถึง ฝนตกตกลงมา แต่ตัดสินใจไปนั่งทานข้าวรอที่จุดเริ่มปั่น
เพราะอยากซ้อมมาก เป็นกังวลที่หยุดมานาน หลังจากฝนหยุดตก จึงตัดสินใจไปปั่น
และแล้ว .....
เรื่องที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย
ปั่นไปได้ 20 KM มีต้นไม้มาขวาง ยู้จึงหักหลบ ไปโดนเส้นกั้นถนนสีขาว ที่ทาไว้ค่อนข้างใหญ่กว่าปกติ ทำให้ล้มแบบไม่ทันตั้งตัว กระแทกลงไปเต็มๆ เสียงดังมาก
ทั้งเจ็บและเสียใจค่ะ
ไม่น่าพลาดเลย ใกล้แข่งแล้วแท้ๆ ซ้อมมาตั้งนาน
รีบเดินทางไปโรงพยาบาลทันที โชคดีที่กระดูกไม่เป็นอะไรมาก แต่แผลถลอก 7 ที่
ตอนนั้นท้อมาก แผลแบบนี้ลงน้ำไม่ได้แน่ แห้งไม่ทันแน่นอน ถ้าลงน้ำไปว่าย 4 กิโล ติดเชื้อแน่นอน
ยังไม่รวมสะโพกที่ช้ำปูดมีเลือดคั่ง
คิดไว้ว่าไม่ได้ลงแข่งแน่ๆ
หลังจากที่เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ รับทราบทาง facebook ก็ได้รับกำลังใจอย่างล้นหลาม โทรมาให้คำปรึกษา วิธีทำให้แผลแห้งเร็ว ใช้ฟองน้ำชนิดพิเศษที่ดูดหนองได้ไว และการทำความสะอาดแผล ยาลดบวม สารพัด ที่สังคมนักไตรช่างอบอุ่นและมีแต่คนช่วยเหลือกันและกัน
ตอนนั้นได้มิตรภาพดีๆ เพิ่มขึ้นมาเยอะมาก จนมีกำลังใจที่ดีขึ้น
เหมือนยังมีความหวังนิดๆ เหลืออยู่
เลยตั้งใจไป รพ. ล้างแผล ทุกวัน
กำลังใจ แรงเชียร์จากพี่น้อง อีกทั้งเราจองตั๋วเครื่องบินและจ่ายทุกอย่างไว้แล้ว
จึงตั้งใจว่าจะไป งานแข่งที่เกาหลี ถ้าเราลงแข่งไม่ได้จริงๆ และเป็นไปได้สูงเพราะ อุปสรรค มันเยอะจริงๆ
1.การว่ายน้ำที่อุณหภูมิ ต่ำกว่า 22 องศา เค้าจะให้ใส่ wetsuit ซึ่งมันรัดแผลทั้งที่สะโพกที่ปูดออกมา และไหล่ที่เป็นแผลใหญ่ เราจะเคลื่อนไหวลำบากกว่าปกติ
2.ไหล่ที่เป็นแผลใหญ่สุด เป็นอุปสรรคต่อการว่ายน้ำไกลๆ
3.ไม่ได้ลงน้ำเลยมา 1 เดือน ความชินกับน้ำมันหายไปเยอะเลย
4.สะโพกที่บาดเจ็บไม่มั่นใจว่าจะใช้กล้ามเนื้อระยะไกลได้ โดยเฉพาะการปั่นจักรยาน ที่ใช้เวลาถึง 6-7 ชม. แถมมีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขา
5.เพิ่งล้มจักรยานมา จะมีอาการแหยงๆ กลัว และล้มมาปุ๊ป ไม่มีเวลาไปทำใจ ลงสนามจริงเลย ค่อนข้างกลัว
6.เวลาแข่งเวลา cutoff ก็ค่อนข้างบีบค่ะ ว่ายน้ำรวมจักรยาน 10:30 ชม.
7.มีประจำเดือนวันแข่งพอดี ต้องทานยาเลื่อน ซึ่งมันจะมีอาการหน่วงๆ หน่อย
เพราะอุปสรรคเยอะแบบนี้ กลายเป็นว่าเราไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้แล้วล่ะ
ลองดู cutoff ก็ถือซะว่ามาซ้อม มาเที่ยว เพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคนก็ให้กำลังใจแบบนี้ค่ะ
ยู้เดินทางไปสนามแข่งล่วงหน้า 3 วัน เพื่อปรับสภาพทั้งเรื่องเวลาที่เร็วกว่าไทย 2 ชม. และสภาพภูมิอากาศ
เดินทางไปรับ bib ก่อนในวันศุกร์ค่ะ
เค้าจะจัดทุกอย่างใส่กระเป๋า Ironman ให้ กระเป๋างานนี้สวยและเท่ห์มากๆ เลยค่ะ ใช้เป็นกระเป๋าไตรได้เลย
ผู้สมัครทุกคนจะมีชื่ออยู่ในนี้ค่ะ
หาเร็วๆ ....
เจอแล้วค่า
วันก่อนแข่งทางงานจะมีให้ลงซ้อมว่ายในสนามจริง ในตอนเช้าวันเสาร์ค่ะ
ยู้ต้องแปะแผลใส่ชุดทับ แบบนี้ ไม่ค่อยมั่นใจเลย
หลังจากนั้นช่วงบ่ายๆ เราต้องเตรียมของไปไว้ใน transition พร้อมทั้งจักรยาน วางแผนการใส่อาหาร และอุปกรณ์ใน transition แต่ละจุด ช่วงเปลี่ยนจากว่ายไปปั่น และจากปั่นไปวิ่ง และยังเพิ่มจากการแข่งไตรกีฬาระยะทั่วไป ตรง special bag bike และ special bag run ระหว่างปั่นและวิ่ง เนื่องจากระยะมันไกลมากค่ะ ก็นำจักรยานเข้า transition กัน ที่นี่จัดงานดีค่ะ มีระเบียบชัดเจน
พอนำเข้าไปเรียบร้อย ก็ต้องรีบกลับมาพักผ่อนและโหลดเข้าไปเยอะเลยค่ะ
ยอมรับว่านอนไม่หลับคืนก่อนแข่ง โชคดีที่นอนตุนไว้ก่อน วันเสาร์ เพราะตื่นเต้นแถมตื่นเช้ามากๆ ค่ะ
ตื่นตีสี่ที่โน่น เวลาก็ตีสองบ้านเรา
นอน นอน นอน ( เดี๋ยวมาเล่าต่อ) .......