สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านทุกคน จากกระทู้อวยแฟนคราวที่แล้ว >>>>>
https://ppantip.com/topic/38716248
กระทู้นี้เลยอยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์ ตามติดชีวิต IRONMAN ทั้งหลาย ในการเข้าร่วมแข่งขัน IRONMAN ที่เมือง Frankfurt, Germany ปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาค่ะ เผื่อว่าในอนาคตจะได้เป็นข้อมูลคร่าวๆให้ผู้แข่งขันหรือสำหรับไอรอนเมีย ไอรอนแฟนทั้งหลาย ได้มาเก็บข้อมูลเพื่อเตรียมตัวสำหรับการตามไปเชียร์ค่ะ ทั้งนี้ในกระทู้นี้เป็นแค่ประสบการณ์และความรู้สึกของเราเองนะคะ ผู้เข้าร่วมงานคนอื่นอาจจะมีความคิดและประสบการณ์ที่ได้เจอต่างกัน อันนี้แค่อยากให้ข้อมูลและเล่าประสบการณ์ของเราเองค่ะ ครั้งนี้เราไปในฐานะ
IRON FAN ไปเก็บบรรยากาศและตามเชียร์หนุ่มๆค่ะ
การแข่งขัน IRONMAN ณ เมือง Frankfurt ประเทศ Germany นั้นเป็นสนาม Championship ของทวีปยุโรปค่ะ จัดขึ้นทุกปีประมาณปลายเดือนมิถุนายนซึ่งจะเป็นช่วงหน้าร้อนของเยอรมัน ความยากของสนามนี้ที่ทุกคนรู้ดีคือ Cut-off Time ที่กำหนดเวลาเข้าเส้นชัยอยู่ที่ 15 ชม. แถมด้วยการบวกเส้นทางปั่นที่เพิ่มมาให้อีก 5 km. มันก็คงไม่ยากสำหรับนักกีฬาที่แข็งแกร่ง และสถิติส่วนใหญ่ต่ำกว่า 14 ชั่วโมง แต่สำหรับคนที่เคยแข่งในสนามอื่นมาและเวลาที่ทำได้มันคาบเส้น หรือมันเกิน15 ชั่วโมงมานิดหน่อย เราว่าสนามนี้เป็นสนามที่ท้าทายและน่ามาพิชิต เพราะมันหมายความว่า ถ้าอยากจบคุณต้องเตรียมตัวมาดี รวมถึงถ้ามีอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นระหว่างการแข่งขัน คุณก็ต้องหาทางแก้ไขให้เร็ว เพราะมีสิ่งที่กำลังเดินอยู่ตลอด แม้ตอนที่คุณกำลังหยุดคือ...เวลา
เราจะเริ่มแชร์ตั้งแต่วันแรกที่ไปถึงจนถึงวันสุดท้ายของการแข่งขันเลยนะคะ การแข่งขันทุกปีจะจัดขึ้นทุกวันอาทิตย์ แต่นักกีฬาจากไทยส่วนใหญ่เริ่มบินกันตั้งแต่คืนวันพุธค่ะ ไปถึงเช้าวันพฤหัสประมาณ 8 โมง การเดินทางโดยเครื่องบินที่มีจักรยานไปด้วยน่าเป็นกังวลอยู่นิดนึงว่าจักรยานของเราที่โหลดใต้เครื่องจะออกมาในสภาพสมบูรณ์รึป่าว แฟนเราเลือกใช้ Semi Hard Case ในการเดินทางค่ะ เพื่อความปลอดภัยของจักรยานที่รักและเป็นพาหนะคู่ใจในการแข่งขัน ข้อดีของ Hard Case แน่นอนว่ามันแข็งแรงและไม่ต้องกังวลมากหากกระเป๋าโดนโยน แต่ข้อเสียคือมันใหญ่และหนักมาก ถ้าบรรจุจักรยานลงไปก็หนักมากกว่า 15 กิโลกรัมแน่นอน และถ้าอยากจะไปเที่ยวไหนต่อมันจะเป็นภาระของเราค่ะ สิ่งที่เราอยากแนะนำคือกระเป๋าจักรยานควรบรรจุแค่จักยานค่ะ แม้ว่าตัวกระเป๋าจะใหญ่มีพื้นที่เหลือเยอะ แต่อย่าใส่อะไรไปให้มันหนักเกินไป เพราะเราเชื่อว่าคนขนกระเป๋าถ้ายกได้เค้าจะยก แต่ถ้ามันหนักจนยกไม่ได้เค้าจะเริ่ม ผลัก ลาก ถีบอะไรก็แล้วแต่ ถ้าของเยอะ แยกกระเป๋าออกมาเป็นหลายๆใบดีกว่าค่ะ
ครั้งนี้เราบินกับ Emirate แฟนเราไปแข่งเลยบินไปก่อนตั้งแต่คืนวันพุธค่ะ พวกเราเลือกที่พักกันที่ โรงแรม Mercure ใกล้ Haupbahnhof แค่ 150 เมตร ซึ่งเป็นสถานีรถไฟหลัก ซึ่งห่างจากบริเวณที่จัดงานประมาณ 1.5 km

3 วันก่อนการแข่งขัน : Gear Check

เมื่อไปถึงก็รีบเช็คจักรยานปรากฏว่าไม่มีปัญหาอะไรหนักๆ แต่เพื่อนในกลุ่มคนอื่นๆก็มีปัญหาใหญ่เล็กกันประปราย แต่ยังดีที่ไปก่อนวันแข่งหลายวัน มีเวลาซ่อมจักรยานและมีเวลาลองออกไปลองขี่เทส เช็คการทำงานของเกียร์และสภาพโดยรวม เมื่อเช็คจักรยานเสร็จเรียบร้อยก็ต้องไปสำรวจงาน Expo และบริเวณที่จัดการแข่งขัน

ตรงนี้เราขอย่อชื่องานนี้ว่า IMFF (Ironman Frankfurt ) นะคะ
IMFF จัดงาน Expo และ Transition จอดจักรยาน บริเวณ Romer ซึ่งเป็นจัตุรัสกลางเมือง Frankfurt Romer จะถูกยึดพื้นที่เป็นอัฒจันทร์ และ Finish Line (แอบสงสารนักท่องเที่ยวเหมือนกันเพราะถ้ามาวันก่อนแข่งก็จะไม่มีจุดให้ถ่ายรูปเลย)

เมื่อเดินไปริมแม่น้ำหันทางซ้ายจะเป็น Transition จุดที่จะเก็บจักรยานวันแข่งค่ะ ส่วนทางด้านขวาจะเป็น IRONMAN Village ที่ขายของที่ระลึกและ Sport Gear ทั้งหลาย มี Station Service จักรยาน อยากจะช้อปอะไรก็มีทั้งหมดอยู่ตรงนี้ค่ะ เราแนะนำให้ซื้อกระดิ่ง IM นะ
เอาไว้เชียร์นักกีฬาตอนเห็นเค้าเข้ามา เค้าจะได้หันมาทางเราค่ะ เพราะบางทีแค่เรียกมันจะไม่ได้ยินเพราะในงานเสียงดัง
ด้านหน้า Ironman Village จะมีซุ้มเจ้าหน้าที่อยู่ ซึ่งถ้ามีข้อสงสัยอะไรก็เข้าไปถามได้ตรงนี้เลยค่ะ เค้าใจดี พร้อมทำหน้าที่ค่ะ




2 วันก่อนการแข่งขัน : Swim Test
เนื่องจากจุด Transition 2 จุดห่างกันมากค่ะ คนละที่กันเลย การว่ายน้ำ จะจัดขึ้นที่ Langen See (คำว่า See = Lake) ซึ่งห่างออกไปประมาณ 13 km ผู้จัดจะเตรียมรถ IRONMAN Bus เพื่อไปส่ง ระหว่าง Lake และ Expo ค่ะ แต่เค้าจะเตรียมให้แค่ 2 วัน คือวันเสาร์ก่อนแข่ง 1 วันเพื่อให้ไปจัดของและเก็บจักรยาน และวันอาทิตย์คือวันแข่ง 
แต่ถ้าจะไป Lake ก่อนหน้านั้น เราต้องจับรถไฟไปค่ะ ลงสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ Zeppelinheim และต้องเดินเข้าไปอีก ประมาณ 3.4 km 
ด้วยความอยากลองสนามและที่สำคัญคือ การลองใส่ Wet Suit แหวกว่ายใน Lake ให้ชินกับอุณหภูมิน้ำในต่างประเทศค่ะ เราเลยจะไปที่ Lake วันนี้ เพื่อ Swim Test กัน แต่อย่างที่บอก การแข่งมันเกิดขึ้นในหน้าร้อน ตามปกติหน้าร้อนของเค้าตอนที่แดดยังไม่แรง มันก็หนาวนะคะ สำหรับชาวเมืองร้อนอย่างเรา ยิ่งในน้ำมันก็เย็นเข้าไปใหญ่ ทางผู้จัดเลยจัดให้สนามนี้เป็นสนามที่ต้องใส่ Wetsuit ค่ะ แต่อย่างที่บอกไป ถ้ามีอะไรไม่แน่นนอนเราเองก็ต้องพร้อมรับมือสำหรับการแข่งขัน

ปีนี้เป็นปีที่ Europe ต้องเจอกับคลื่นความร้อน และวันแข่งขันจะตรงกับวันที่เยอรมันจะมีอุณหภูมิสูงสุดคือประมาณ 40 องศา โอกาสที่จะได้ใส่ wet suit ว่ายแล้วตัวลอยๆ  ว่ายง่ายๆ ก็เริ่มจะไม่แน่นอน ถ้าอากาศร้อนมากก็จะไม่ได้ใส่ ซึ่งก็ต้องรอฟังประกาศจากผู้จัดงานกันอีกทีค่ะ

1 วันก่อนการแข่งขัน : Transition
ก่อนถึงวันแข่งนักกีฬาต้องเตรียมของ สำหรับจุด Transition 2 ที่ รวมถึง Special Need Bag ที่ทางผู้จัดจะไปวางให้ระหว่างทาง นำจักรยานไปเก็บที่ Transition 1 วิธีการไปก็คือนำจักรยานเดินไปต่อแถวรอขึ้น IRONMAN Bus ที่จอดจะอยู่หลัง Transition 2 ผู้ติดตามและครอบครัวก็สามารถไปด้วยกันได้นะค่ะ อันนี้แนะนำนิดนึงว่าควรรีบไป เพราะถ้าช้าแถวจะยาวมาก และหน้าร้อนบวก Heat Wave คือแดดแรงประมาณ Phuket Thailand ขึ้นรถได้ก็ยืนจับจักรยานกันไปราวๆ ครึ่งชั่วโมงค่ะ

ลืมบอกไปนิดนึงว่า ผู้เข้าแข่งขันจะได้ Wristband สีฟ้า ผู้ติดตามจะได้ Wristband สีขาว ซึ่งควรใส่ไว้ตลอดนะคะ ใช้สำหรับเข้าพื้นที่ ขึ้นรถบัส เนื่องจาก Langansee ปกติต้องจ่ายค่าเข้านะคะ แต่ถ้าเรามีแถบขาวก็เดินเข้าไปสวยๆได้ เดินไปรอที่ Lake นะคะ เข้าไปในเขต Transition ไม่ได้ เค้าให้เข้าเฉพาะนักกีฬาที่จะต้องไป Check-in เก็บจักรยาน  จะมีการตรวจ BIB ให้เขียนชื่อและเบอร์โทรหลัง BIB ให้เรียบร้อยนะคะ Lake ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวค่ะ มีวัยรุ่นมาว่ายน้ำ ปิกนิก เล่นวอลเล่ย์บอลกัน น่าสนุก แต่อากาศร้อนมากๆ ใครอยากลองลงไปว่ายดู ก็เตรียม Bikini มาได้เลย คนเล่นน้ำ พายเรือกันเยอะมากๆ

ตอนจะกลับก็ไปรอขึ้นรถบัสที่เดิมที่ลงมาเนี่ยแหละค่ะ รถมาก็ขึ้นได้เลย วันนั้นเราสำรวจเส้นทางการแข่งขันคร่าวๆ  ว่ายคือต้องว่ายไปประมาณ 1 .5 km  ขึ้นมาเดินผ่าน Sensor ครั้งนึงแล้วว่ายต่อ ยาวๆ อีก 2.3 km

จบแล้ววิ่งขึ้นมาเอาจักรยาน  ปั่นจะ Rolling ออกไป ตามชนบท ผ่านหมู่บ้านเล็กประมาณ 90 km โดยจะเป็นการปั่น 2 รอบ และสุดท้ายจะปั่นเข้ามาในเมืองเก็บจักรยานที่ Romer แล้วออกไปวิ่ง ส่วนวิ่งจะวิ่งในเมือง เรียบแม่น้ำ รอบละ 10.5 km ทั้งหมด 4 รอบ ก่อนจะเลี้ยวขวาเข้า Finish Line

คืนก่อนแข่งเข้านอนกันตั้งแต่ 2 ทุ่ม เพราะต้องตื่นเช้า ท้องฟ้ายังไม่มืดเพราะหน้าร้อนพระอาทิตย์ตกประมาณ 3ทุ่มครึ่ง ดีนะที่ผ้าม่านโรงแรมกันแสงได้เกือบหมด=_=

วันแข่งขัน Race Day 
ตื่นนอนตั้งแต่ตี 4 อาบน้ำเตรียมตัวไปขึ้นรถเพราะต้องไปเตรียมตัวและจัดของที่ Transition รถมีบริการตั้งแต่ตี 4 เลยค่ะ วันแข่งจุดจอดรถบัสมีเพิ่มอีกจุดนอกเหนือจากบริเวณ Expo ที่ขึ้นเมื่อวาน คือหน้าโรงแรม InterCon เดินไปจากโรงแรม Mercure ไม่ไกล แถวก็ไม่ยาว อากาศตอนเช้าไม่หนาวมากแค่มีลมพัดเย็นๆ เมื่อไปถึง Lake อากาศค่อนข้างเย็น เหล่านักกีฬาก็เข้าไปจัดของใน Transition จักรยาน ระหว่างนั้นเราก็ไปสำรวจพื้นที่ว่าควรจะยืนเชียร์อยู่จุดไหนยังไง เส้นทางวิ่งขึ้นมายังไง ลองไปแตะๆน้ำในทะเลสาบดูก็รู้สึกว่าน้ำในทะเลสาบอุ่นกว่าอากาศข้างบนเสียอีก

ซักพักเราก็มายืนรอ นักกีฬาก็เริ่มทยอยออกมา และทางผู้จัดก็ประกาศว่าการแข่งขันวันนี้ไม่อนุญาตให้ใส่ Wetsuit ในการว่ายน้ำ เนื่องจากว่าวัดอุณหภูมิน้ำได้มากกว่า 25 องศา (เหล่านักกีฬาเมืองร้อนหลายคนก็ ฝันสลายกันไป) ตอนที่ยืนรอนักกีฬา อากาศก็เย็นๆนะ แต่เห็นพี่ฝรั่งบางคน ใส่บิกินี่ตัวเดียวลงแข่ง เราเห็นแล้วหนาวแทนเลย แต่พี่เค้าคงชินกันแล้ว แถมไม่ต้องเสียเวลาที่Transition แต่งตัวนานด้วย 555 หลังจากนั้นเหล่านักกีฬาทั้งหลายก็ลงไปเทส ลองว่ายในสระ ปรากฏว่าพอขึ้นมาตัวสั่นกันเป็นแถว จริงๆแล้วนักกีฬาชาติอื่นเค้าก็ว่ายกันนะ หมายถึงฝรั่ง แต่คงไม่เหมาะกับคนเมืองร้อนอย่างเรา พอโดนน้ำแล้วขึ้นมาโดนลมทำให้หนาว ร่างกายไม่ได้อยู่ในอุณหภูมิที่พร้อมจะแข่ง บางคนเลยแนะนำว่าอย่าลงไป Test จะดีกว่าให้รอลงน้ำทีเดียวเลย

บรรยากาศก่อนการแข่งรู้สึกดีมากมาก นักกีฬาประมาณ 3000 คน สวมหมวกว่ายสีขาว ทุกคนดูมุ่งมั่น คนเชียร์ก็เยอะ พิธีกร บิ้วท์เก่ง ตอนปล่อยลงน้ำตัวเค้าจะปล่อยทีละ 5 คน พอทุกคนลงน้ำไป เรามองจากข้างบนภาพมันเหมือนสนามรบเลย นักกีฬาว่ายกันเป็นทางยาว เหมือนตอนนี้ทุกคนกำลังทำสงครามกันอยู่ในน้ำ ซึ่งได้ข่าวมาว่าในน้ำมันก้อคือสนามรบจริงๆเพราะต้องหลบ ปลาตีน ผลัก หนี กันวุ่นวายก่อนจะเจอพื้นที่และเพซของตัวเอง