อย่างแรกเลย คือ มันเป็นปลาคนละชนิดกัน
ปลาทั้งสองชนิดเป็นปลาน้ำเค็มขนาดเล็ก ที่อุดมไปด้วย Omega 3 (มันมีคุณสมบัติและความดีงามยังไงหาอ่านที่อื่นนะคะ page นี้สนใจแค่รสชาติ ตายเร็วตายช้าไม่เป็นไร ขอแค่ได้กินของอร่อย)
ปลาซาดีน(ภาพบน) ส่วนมากมักจะตัวใหญ่กว่าปลาแอนโชวี และสามารถพบได้ทั่วโลก เริ่มแรกเลยปลาทั้งสอง มีถิ่มกำเนิดจากทะเลเมติเตอร์เรเนียน และปลาซาดีนนั้นถูกพบ(หรือจับได้)ที่แถบเกาะ Sardinia ของประเทศอิตาลี ปลาซาดีนนั้นจะมีขนาดประมาณ 5-8 นิ้ว และที่เรา(และทั้งโลกส่วนใหญ่)เจอก็มักจะเป็นในรูปแบบที่อยู่ในกระป๋องแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในน้ำมัน หรือปรุงผสมซอสมาเสร็จ
แต่ถ้าทางฝั่งยุโรป(อิตาลี สเปน กรีก) นั้นเราจะได้เห็นเค้าทานแบบสด เอาไปย่าง หรืออบ กันบ้าง
จุดเด่นของปลาซาดีน คือ มีเนื้อที่ Oily (มัน) จะแปลไง? เป็นปลามีความมันสูง มีจำนวนมากและจับได้ง่าย
ที่เวนิสจะมีปลาซาดีนหมักตัวหนึ่งที่มีชื่อเสียง สามารถอ่านได้ที่
https://fovefood.wordpress.com/2014/05/05/เที่ยวอิตาลี-กินอะไร-ตอ/
ปลาแอนโชวี่ : เป็นปลาที่มีขนาดเล็กกว่า 6 นิ้ว ตัวเกล็ดจะเป็นสีเงินส่องประกายตามภาพด้านบน ปลาชนิดนี้มีจุดเด่นคือ เป็นปลาที่มีรสชาติและกลิ่นที่จัด เป็นเอกลักษณ์ ใครชอบก็ชอบเลย ใครไม่ชอบก็เรียกว่าเกลียดที่เดียว (เหมือน vegemite) แอนโชวี่ ที่เราจะเห็นและได้ทานบ่อยที่สุดคือที่หมักในน้ำมัน และมักจะถูกแล่มาเรียบร้อย (ส่วนใหญ่รสชาติจะเค็มมาก)
คนส่วนใหญ่ก็มักจะนิยมเอามาใส่สลัดเพื่อเพิ่มรสชาติความเค็ม แต่ถ้าจะพูดถึงรสชาติให้ถูกจริงๆน่าจะคือรส อุมามินะ (อุมามิ คือ รส meaty แปลว่า เนื้อๆ มั้ง)(รสชาติ 5 รส : เปรี้ยว หวาน เค็ม ขม อุมามิ)
ที่เห็นนอกเหนือจากนี้ก็จะเป็น แอนโชวี่บนหน้า Pizza และบางทีอิตาเลียนก็เอามาทานสดบ้าง หรือปรุงอาหารจานแปลกๆ (ก่อนหน้านี้เขียนว่าแอนโชวี่จับได้แต่แถบยุโรป ต้องขออภัย ก็ไม่แน่ใจจริงเท็จแค่ไหน แต่มีคนมา comment ด้านล่างว่า ของไทยเรียกว่า ปลาไส้ตัน ซึ่งก็ไม่รู้ว่ายังไงเหมือนกัน หน้าตาก็ไม่ค่อยเหมือนแอนโชวี่ที่เห็นที่โน้นเท่าไหร แต่เค้าบอกว่าตัวเดียวกัน ลองลงไปอ่านข้อความของเค้าข้างใต้ละกันนะคะ บอกตรงๆว่าไม่รู้ว่าจริงเท็จคืออะไร แต่ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองถูก 100%)
อีกตัวที่มีชื่อเสียง แต่คนรู้จักน้อยมาก เพราะเป็นอาหารทางแถบภูเขาทางตอนเหนือของอิตาลี เป็นอาหารที่ช่วยเพิ่มความอบอุ่นในหน้าหนาว ชื่อ Bagna Calda ที่เบนเคยทำวีดีโอเก็บไว้ ลองดูกันได้ค่ะ (แต่เป็นภาษาปะกิดนะ ที่ไม่ค่อยรู้เรื่อง)
https://www.youtube.com/watch?v=zAyKfxeNBb4
จบ
ซาดีน vs. แอนโชวี่
ปลาทั้งสองชนิดเป็นปลาน้ำเค็มขนาดเล็ก ที่อุดมไปด้วย Omega 3 (มันมีคุณสมบัติและความดีงามยังไงหาอ่านที่อื่นนะคะ page นี้สนใจแค่รสชาติ ตายเร็วตายช้าไม่เป็นไร ขอแค่ได้กินของอร่อย)
ปลาซาดีน(ภาพบน) ส่วนมากมักจะตัวใหญ่กว่าปลาแอนโชวี และสามารถพบได้ทั่วโลก เริ่มแรกเลยปลาทั้งสอง มีถิ่มกำเนิดจากทะเลเมติเตอร์เรเนียน และปลาซาดีนนั้นถูกพบ(หรือจับได้)ที่แถบเกาะ Sardinia ของประเทศอิตาลี ปลาซาดีนนั้นจะมีขนาดประมาณ 5-8 นิ้ว และที่เรา(และทั้งโลกส่วนใหญ่)เจอก็มักจะเป็นในรูปแบบที่อยู่ในกระป๋องแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในน้ำมัน หรือปรุงผสมซอสมาเสร็จ
แต่ถ้าทางฝั่งยุโรป(อิตาลี สเปน กรีก) นั้นเราจะได้เห็นเค้าทานแบบสด เอาไปย่าง หรืออบ กันบ้าง
จุดเด่นของปลาซาดีน คือ มีเนื้อที่ Oily (มัน) จะแปลไง? เป็นปลามีความมันสูง มีจำนวนมากและจับได้ง่าย
ที่เวนิสจะมีปลาซาดีนหมักตัวหนึ่งที่มีชื่อเสียง สามารถอ่านได้ที่ https://fovefood.wordpress.com/2014/05/05/เที่ยวอิตาลี-กินอะไร-ตอ/
ปลาแอนโชวี่ : เป็นปลาที่มีขนาดเล็กกว่า 6 นิ้ว ตัวเกล็ดจะเป็นสีเงินส่องประกายตามภาพด้านบน ปลาชนิดนี้มีจุดเด่นคือ เป็นปลาที่มีรสชาติและกลิ่นที่จัด เป็นเอกลักษณ์ ใครชอบก็ชอบเลย ใครไม่ชอบก็เรียกว่าเกลียดที่เดียว (เหมือน vegemite) แอนโชวี่ ที่เราจะเห็นและได้ทานบ่อยที่สุดคือที่หมักในน้ำมัน และมักจะถูกแล่มาเรียบร้อย (ส่วนใหญ่รสชาติจะเค็มมาก)
คนส่วนใหญ่ก็มักจะนิยมเอามาใส่สลัดเพื่อเพิ่มรสชาติความเค็ม แต่ถ้าจะพูดถึงรสชาติให้ถูกจริงๆน่าจะคือรส อุมามินะ (อุมามิ คือ รส meaty แปลว่า เนื้อๆ มั้ง)(รสชาติ 5 รส : เปรี้ยว หวาน เค็ม ขม อุมามิ)
ที่เห็นนอกเหนือจากนี้ก็จะเป็น แอนโชวี่บนหน้า Pizza และบางทีอิตาเลียนก็เอามาทานสดบ้าง หรือปรุงอาหารจานแปลกๆ (ก่อนหน้านี้เขียนว่าแอนโชวี่จับได้แต่แถบยุโรป ต้องขออภัย ก็ไม่แน่ใจจริงเท็จแค่ไหน แต่มีคนมา comment ด้านล่างว่า ของไทยเรียกว่า ปลาไส้ตัน ซึ่งก็ไม่รู้ว่ายังไงเหมือนกัน หน้าตาก็ไม่ค่อยเหมือนแอนโชวี่ที่เห็นที่โน้นเท่าไหร แต่เค้าบอกว่าตัวเดียวกัน ลองลงไปอ่านข้อความของเค้าข้างใต้ละกันนะคะ บอกตรงๆว่าไม่รู้ว่าจริงเท็จคืออะไร แต่ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองถูก 100%)
อีกตัวที่มีชื่อเสียง แต่คนรู้จักน้อยมาก เพราะเป็นอาหารทางแถบภูเขาทางตอนเหนือของอิตาลี เป็นอาหารที่ช่วยเพิ่มความอบอุ่นในหน้าหนาว ชื่อ Bagna Calda ที่เบนเคยทำวีดีโอเก็บไว้ ลองดูกันได้ค่ะ (แต่เป็นภาษาปะกิดนะ ที่ไม่ค่อยรู้เรื่อง)
https://www.youtube.com/watch?v=zAyKfxeNBb4
จบ