ธารทิพย์ บทที่ 68 ( อวสาน )

กระทู้สนทนา
ธารทิพย์

โดย อัศวรักษ์


ธารทิพย์ บทที่ 67 http://ppantip.com/topic/33896846

            ผ่านไปเกือบหนึ่งเดือนแล้ว สำหรับเวลาที่กดดันชายหนุ่มคนหนึ่งให้ครุ่นคิดถึงอยู่แต่ใครบางคนที่ยังไม่พบหน้า แต่ละชั่วโมงแต่ละนาทีนั้น ทุกลมหายใจเข้าออกมีแต่เธอผู้มีดวงตาสีเขียวสดใสคู่นั้น ท่ามกลางผู้คนมากมายที่มารวมตัวกันอยู่ที่ประตูทางออกผู้โดยสารขาเข้าเพื่อรอรับเพื่อนฝูงญาติพี่น้องและนักท่องเที่ยวต่างพูดจาสนทนากันเซ็งแซ่ แต่เสียงเหล่านั้นไม่ได้ผ่านเข้าไปในโสตประสาทของชายหนุ่มเลย เขายังอยู่แต่กับความคิดของตัวเอง สับสน เดียวดาย หวาดหวั่น ว่าผลจะเป็นเช่นไรเมื่อพบหน้า และหากผลที่ออกมาเป็นกิริยาอาการที่ลืมสิ้นทุกสิ่ง เขาจะทำอย่างไรกับตัวเอง

                เพื่อนรักเพื่อนร่วมตายของชายหนุ่มแอบมองความรู้สึกของเพื่อนอยู่ด้วยความห่วงใย ในใจนั้นไม่ต่างจากเพื่อนผู้เฝ้าคอยเลยแม้แต่น้อย อึดอัด หวั่นไหวจนแข้งขาสั่นไปด้วย เขาต้องเอื้อมมือมาวางพาดบนไหล่เพื่อน ทั้งสองมองสบตากันและกันนิ่งเพื่อสื่อบอกความอาทรนั้น

                น้องสาวผู้อยู่ในฐานะคู่หมั้นคู่หมายของเพื่อนรักหันมาอมยิ้มยั่วเย้าพี่ชาย

                “แหม เจอกันไม่กี่วัน รักเค้าขนาดทำท่าจะร้องไห้เชียวเหรอพี่โจ” น้องสาวพูดเสียงทะเล้น

                “ไอ้บ้า” พี่ชายสบถเสียงเขียวใส่น้องสาวแล้วหันหลังเดินออกไปทันที

                “โธ่ น้องเงาะ” พีหันมาตำหนิคู่หมั้นสาวด้วยสายตาแล้วเดินตามออกไป

                นัทธิกายืนมองตามพี่ชายกับคู่หมั้นของเธออย่างงุนงง หญิงสาวไม่รู้หรอก คำว่า เจอกันไม่กี่วัน ที่เธอเพียงพูดเย้าแหย่เล่นนั้น มันเสียบเข้าไปถึงขั้วหัวใจพี่ชายและส่งผลกระทบรุนแรงเพียงใด

                โจพี่ชายรีบเดินห่างผู้คนออกมาเพื่อซ่อนน้ำตาที่กำลังจะไหลไม่ให้มีใครเห็น คำถามใหม่ที่ร้าวรานผุดขึ้นในใจของเขาทันที ว่าหากเธอคนนั้นไม่มีหลงเหลือความทรงจำบนเส้นทางสู่ลำธารทิพย์แล้ว สัมพันธภาพที่เพิ่งจะเริ่มต้นได้เพียงไม่กี่วันตามที่น้องสาวพูด คืออาหารมื้อค่ำบนดาดฟ้าโรงแรมหรูกับปิกนิกที่เล้าเป็ดน้ำพร้อมครอบครัวใหญ่นั้นจะพัฒนาต่อไปได้หรือไม่  การหลับไปอย่างไม่รู้สาเหตุของเขาที่ผ่านมา เธอผู้เป็นดวงใจทุกชาติภพก็ไม่ได้ส่งความมาถามไถ่ ถึงตอนนี้เขาทำได้แต่เพียงปลอบใจตัวเองด้วยเหตุผลว่าบิดาของเธอก็ป่วยถึงขั้นผ่าตัดหัวใจเช่นกัน ชายหนุ่มได้แต่ภาวนา

                “อย่าโกรธน้องเงาะเลยนะ เธอพูดเล่นเพราะเธอไม่รู้เรื่องราวอะไร” พีเดินตามมาพูดเบาๆขอโทษแทน

                โจยืนสองมือล้วงกระเป๋ากางเกงเงยหน้ามองไปด้านบนแล้วพยักหน้ารับ

                “ข้าไม่ได้โกรธมันหรอก” โจพูด

                “เออ ข้าเข้าใจความรู้สึกเอ็ง” พีพูดด้วยสายตาร่วมทุกข์

                นัทธิการีบเดินตามเข้ามาเกาะไหล่ทำทีอ้อนพี่ชาย

                “เงาะขอโทษนะคะพี่โจ ไม่ได้ตั้งใจ” น้องสาวพูดทำเสียงออดอ้อน

                “ช่างเถอะ พี่ไม่เป็นอะไร” โจตัดบท ยิ้มแล้วบีบแขนน้องสาวเบาๆ

                พวงล้อฐานหลักสองข้างของเครื่องบินใหญ่วางล้อทั้งสิบสองล้ออย่างนุ่มนวลแตะพื้นทางวิ่ง จากนั้นล้อรับหัวจึงค่อยๆลดระดับแตะตาม นักบินผู้เชี่ยวชาญของรักคุณเท่าฟ้า สายการบินแห่งชาติที่บินอวดธงประเทศไทยมากว่าห้าสิบปี ได้นำผู้โดยสารและลูกเรือกว่าสามร้อยชีวิตทะยานขึ้นจากสนามบินชาลส์ เดอโกล ของกรุงปารีส และเข้าจอดยังสะพานเทียบของสนามบินประเทศไทยอย่างปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว

                แผงอีเล็คทรอนิคขนาดใหญ่ซึ่งแสดงข้อมูลเที่ยวบินขาเข้าให้ผู้ที่มารอได้ทราบว่าเที่ยวบินจากฝรั่งเศสลงจอดแล้ว สองชายหนุ่มเพื่อนคู่หูรู้สึกเหมือนมีแรงบางอย่างกดทับจนแน่นอก ทั้งสองกำสองมือของตัวเองไว้มั่นเพื่อเรียกสติไว้ ต่างกับหญิงสาว เธอลิงโลดดีใจที่คนสำคัญของเธอในฐานะเพื่อนเจ้าสาวกำลังจะผ่านประตูออกมา

                “นั่นนั่นมาแล้ว พี่เหมียวพี่เหมียว” นัทธิกายิ้มเต็มหน้าร้องเรียกกระโดดโบกไม้โบกมือ

                ดวงหน้างดงามของสาวลูกครึ่งไทยปารีเซียงปรากฏพร้อมกับดวงตาสีเขียวคู่นั้น ตรึงชายหนุ่มทั้งสองให้หยุดนิ่งหยุดหายใจไปชั่วขณะ ความรู้สึกของชายหนึ่งคือเธอผู้เป็นที่สุดของหัวใจ คู่บารมีทุกชาติภพ ส่วนอีกหนึ่งชายเพื่อนคู่หูนั้น เธอคือผู้ร่วมบากบั่นไปบนเส้นทางอันทุกข์ยากด้วยกัน  

                หญิงสาวผู้เดินทางมาไกลเปิดยิ้มให้นัทธิกาเพื่อนรุ่นน้องโดยไม่แสดงท่าทีสนใจผู้อื่นรอบๆตัวของเธอเลย

                “เงาะเงาะ ดีใจจังเลย” เหมียวส่งเสียงมาสดใส

                “พี่เหมียว” นัทธิกาฉีกยิ้มเรียกแล้วโผเข้าไปกอด

                “ดีใจจังที่พี่เหมียวมาได้ แล้วคุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะพี่” เงาะพูดขณะยังโอบเอวกันอยู่

                “ปลอดภัยแล้วจ้ะ เกือบปกติทุกอย่างแล้ว พี่ขอโทษนะที่ไม่ได้ส่งข่าวมาเลย ยุ่งๆอยู่” เหมียวยิ้มตอบ

                “เงาะสิต้องกราบขอโทษพี่เหมียวที่ไม่ได้บินไปเยี่ยมคุณพ่อที่โพรว๊องซ์” นัทธิกาพูด

                “ทางนี้ก็ยุ่งอยู่เรื่องพี่โจเหมือนกัน”

                “เออนั่นสิ แล้วพี่โจเป็นยังไงบ้าง” สาวเหมียวถามเสียงปกติที่สุด เธอไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าเขายืนมองเธออยู่

                “นี่ไง พี่โจพี่พีมารับด้วย” นัทธิกายิ้มพูดแล้วหันมาหาสองหนุ่มที่อยู่ไม่ห่าง

                “อ้าวพี่พีพีโจ สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้ทักทาย

                “ขอบคุณค่ะพี่ที่อุตส่าห์มารับด้วย”

                “ไม่เป็นไรครับเหมียว ยินดีอยู่แล้ว” พียิ้มน้อยๆพูดรับไหว้

                ถึงเวลานี้พีเหมือนมีภูเขาทั้งลูกถล่มทับที่กลางกระหม่อม ท่าทีของหญิงสาวที่แสดงออกมานั้น เขารู้ได้ทันทีว่าเพื่อนรักเพื่อนตายของเขากำลังหัวใจแตกเป็นเสี่ยง

                “พี่โจ ไม่พูดไม่จาเหมือนเคยนะคะ” สาวเหมียวส่งยิ้มพูดทักทายมาอีกครั้ง

                ประสาทสัมผัสของชายหนุ่มเวลานี้มีเพียงภาพริมฝีปากเรียวสวยและไรฟันขาวสะอาดเท่านั้นที่ขยับไหวอยู่ โสตของเขาดับนิ่งไม่ยอมรับรู้รับฟัง ด้วยมิอาจทนคำพูดและกิริยาที่เธอแสดงออกด้วยมรรยาทเพียงคนรู้จักได้ จนเพื่อนรักของเขาซึ่งเฝ้ามองและเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนดีอยู่แล้วรีบเข้าช่วยเหลือ

                “โจมันยังมีปัญหาอยู่เล็กน้อยน่ะครับเหมียว อย่าถือสาเลยนะ” พีพูดโอบไหล่เพื่อนช่วยประคองไว้

                “ครับ..ขอ..อภัยครับ” โจฝืนเค้นคำพูดออกมา

                “ไม่เป็นไรค่ะ เหมียวเองก็ขออภัยที่ไม่ได้มาเยี่ยมพี่โจนะคะ” หญิงสาวพูดอย่างปกติ

                “ไปค่ะ ไปคุยกันต่อที่บ้านดีกว่า พี่เหมียวเหนื่อยแล้ว” นัทธิกาตัดบท

                สองสาวเดินนำหน้าพูดคุยกันสองคนอย่างสนิทสนมโดยมีคนขับรถเข็นกระเป๋าตามไป สองคนพีกับโจเดินตามไปห่างๆด้วยท่าทีและสีหน้าหมดเรี่ยวแรง

                “เอ็งไหวมั้ย” พีพูดขึ้นโดยไม่อยากหันไปเห็นสีหน้าเพื่อนรัก

                “ไหว” โจตอบสั้นๆ

                “ข้าเตรียมใจมาก่อนแล้วล่ะ ว่าข้าควรทำยังไงกับตัวเอง” เขาพูดโดยไม่หันมองเพื่อนเช่นกัน

                “ไม่ไหวต้องบอกนะ เอ็งทุกข์ข้าก็ทุกข์ จำไว้ด้วย” พีพูดหนักแน่น

                “เอ็งต้องมีความสุขสิ ไม่งั้นเงาะมันก็แย่ไปด้วย ข้าไม่เป็นอะไรจริงๆ” โจหันไปพูด

                “เชื่อเถอะ ข้าไม่เป็นอะไร เอ็งไม่ต้องกังวล เมื่อกี้มันก็แค่…เข้าใจนะ”

                พีหันมามองหน้าแล้วเอื้อมมือไปดึงเพื่อนมากอดคอกันเดินต่อไป

                รถตู้หรูหราของคฤหาสน์ธำรงสัตย์พาเจ้านายสี่คนหนุ่มสาวแล่นไปบนทางด่วนพิเศษมุ่งหน้ากลับคฤหาสน์

                “เดี๋ยวพี่เหมียวขอแวะดูที่บ้านนิดหนึ่งนะ แล้วจะไปนอนกับเงาะด้วย” สาวลูกครึ่งพูดกับนัทธิกา

                “เงาะให้เค้าเตรียมห้องไว้ให้พี่เหมียวแล้วค่ะ” นัทธิกาตอบ

                “ขอรบกวนหน่อยนะคะพี่โจ” เหมียวหันมาพูดยิ้มเสียงใส

                “ครับ เอ่อ เชิญครับ ยินดีครับ” โจตอบอึกอัก

                “เสร็จจากดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์แล้วเราไปเที่ยวเล้าเป็ดน้ำกันอีกนะคะเงาะ” เหมียวหันไปพูดกับเงาะ

                “ไปค่ะไป พี่เหมียวจะได้แสดงบัลเล่ต์บนเส้นเชือกให้ดูอีก” เงาะยิ้มรับคำ

                โจหันมองหน้าน้องสาวกับเธอผู้ที่ได้แต่แอบรักอยู่เวลานี้นิ่ง สิ่งที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเขาและเธอในโรงเก็บคุณเป็ดน้ำเพียงสองคนในวันนั้น บัดนี้เขารู้ทันทีว่ามันเปลี่ยนไป

                “เคยได้ดูเหรอเงาะ” เขาถามน้องสาว

                “อ้าว เคยสิพี่โจ” น้องสาวตอบ

                “ที่พี่เหมียวเล่นบัลเล่ต์บนเชือกในโรงเก็บเรือบินน่ะนะ ก็ดูอยู่ด้วยกัน พี่พีก็อยู่ น้องสร้อยกับณิชาก็อยู่”

                คำพูดของน้องสาวทำลายความหวังพังครืนลงทันทีในใจของโจ เขาได้แต่แอบหวังว่าถ้าหญิงสาวไม่มีความทรงจำใดๆที่วะสะธาราแล้ว สัมพันธภาพจากจูบแรกในโรงเก็บวันนั้นคงจะช่วยให้เขาสานต่อได้ แต่นี่คำพูดของน้องสาวที่พูดออกมานั้น แสดงให้เห็นว่า ในลิขิตใหม่ของครอบครัว เหตุการณ์นั้นไม่เคยเกิดขึ้น นั่นหมายความถึงเธอและเขายังไม่เคยเริ่มต้นสิ่งใดเลย และนั่นคือที่มาของความสัมพันธ์เพียงแค่คนรู้จักในเวลานี้

                ชายหนุ่มเหลือบมองสองสาวที่เลิกคิ้วจ้องหน้าเขาอยู่ด้วยสีหน้าสงสัย

                “เอ่อ..เอ่อ ขอโทษนะ ลืมไป” โจพูดสีหน้าเศร้า

                “ไม่เป็นไรค่ะ จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร” หญิงสาวหันมาพูดกับเขา

                รถตู้เข้าจอดเทียบหน้าคฤหาสน์ธำรงสัตย์แล้ว หลังจากพาสาวเหมียวไปแวะดูบ้านของเธอเรียบร้อย คนรับใช้เปิดประตูข้างให้เจ้านายสองสาวก้าวลงมาก่อนแล้วขึ้นบันไดหน้าคฤหาสน์นำไป พีกับโจก้าวตามลงมา พีนำหน้า โจตามหลัง เพียงสองสามก้าวบนบันไดใหญ่ ชายหนุ่มชะงักเท้าแล้วหันหลังกลับทำท่าจะขึ้นรถ

                “อ้าวพี่โจ จะไปไหนคะ” เสียงนัทธิกะร้องทัก

                พีหันขวับไปมองเพื่อนแล้วรีบตามกลับลงมา

                “เอ็งจะไปไหน” พีถาม

                “ไม่ต้องห่วง ข้าจะไปหาลุงไกร” โจตอบวางมือบนไหล่เพื่อนรัก

                “ข้าไม่เป็นอะไร เชื่อเถอะ เอ็งต้องอยู่ดูแล ส่วนข้ายังอยู่ไม่ได้ตอนนี้ เอ็งเข้าใจนะ ข้าจะอยู่กับลุงไกร”

                “อืม เข้าใจ” พีรับคำด้วยแววตากังวล

                “ไป พาไปส่งบ้านลุงไกรหน่อยนะ” โจพูดกับคนรถแล้วก้าวขึ้นไปนั่งปิดประตู

                พีเดินกลับขึ้นมาบอกสองสาวที่ยืนรออยู่

                “โจมันมีธุระกับคุณลุงไกรศักดิ์หน่อยครับ” เขาพูดเพียงเท่านั้น

                แล้วทั้งสามจึงเดินเข้าไปภายในคฤหาสน์โดยมีดวงตาคู่หนึ่งเหลือบมองกลับมายังรถตู้ที่แล่นออกไปนั้น

                หลายวันต่อมา


                จิตในกรรมฐานสงบนิ่งผ่องพิสุทธิ์ รักเกลียดชอบชังสุขทุกข์ในใจถูกพินิจจนถ่องแท้ด้วยปัญญา กายหยาบของชายหนุ่มผู้เลือกทางดับทุกข์ตนเองด้วยกรรมฐานเสมอมาเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ ภายในห้องพระบนชั้นสองของเรือนเก่า อันเป็นมรดกตกทอดจากปู่ย่าถึงลุงไกรศักดิ์ เรือนที่ลุงอนุรักษ์ดูแลไว้ใกล้กันกับเรือนไม้ทรงไทยหลังใหญ่

                ชายหนุ่มเหลือบซ้ายไปสบสายตาที่มองมาก่อนแล้วของท่านลุงไกรศักดิ์ ผู้สวมใส่ชุดขาวนั่งขัดสมาธิอยู่

                “มองเห็นอะไรบ้างในปัญญา” ท่านลุงยิ้มละไมถามมาเบาๆ

                “สุขก็ไม่จีรัง ทุกข์ก็ไม่จีรังครับ” หลานชายขยับตัวคลายออกเล็กน้อยแล้วตอบกลับเบาๆ

                “เราหลีกหนีทุกข์ที่มันไม่คงอยู่จีรัง แล้วเราก็ไขว่คว้าหาสุข ที่มันก็ไม่จีรังอีก” เขาพูดต่อ

                “สติ ให้ปัญญาที่จะมองมันอย่างเข้าใจครับ”

                “ดีแล้ว เจ้าต้องคงมั่นอยู่กับสติในสายกลางตลอดเวลานะ” ท่านลุงบอกกล่าว

                “แล้วทุกข์จากความรักที่เจ้าคิดว่ามันหลุดลอยไปแล้วล่ะ” ท่านลุงถามต่อ

                “ผมจะยังคงมั่นในศรัทธา ต่อความรักที่บริสุทธิ์งดงาม” ชายหนุ่มตอบจากหัวใจของบุรุษ

                “ความรักที่งดงามควรวางไว้บนพื้นฐานของการให้ ไม่ใช่การเรียกร้องเอาครับ”

                “ผมยังจำสิ่งที่เธอพูด ที่ริมฝั่งลำธารทิพย์วะสะธาราได้ ว่าเธอจะกลับมารอทุกชาติภพ”

                “แม้ว่าชาติภพนี้จะไม่ได้ครองคู่กัน ผมก็จะคงมั่นรอคอยทุกชาติภพเช่นเดียวกันกับเธอ”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่