ธารทิพย์
โดย อัศวรักษ์
ธารทิพย์บทที่ 34
http://ppantip.com/topic/3325574
สี่พันก้าวตามอัตราเฉลี่ยระยะการเดินเท้าของมนุษย์ ครอบครัวหกชีวิตจึงมาหยุดยืนอยู่ที่ริมโตรกเหวลึก พวกเขามองไปยังจุดเดียวกัน ณ หน้าผาใหญ่เบื้องหน้า โพรงถ้ำต่ำกว่าระดับที่ยืนอยู่ไม่มาก แลลึกเข้าไปในขุนเขานั้นมีสายน้ำไหลรินสายเล็กๆออกมาแล้วตกลงสู่สายธารเชี่ยวกรากเบื้องล่างความชื้นที่เกิดจากน้ำนั้นหล่อเลี้ยงให้ต้นไม้ป่าเจริญเติบโตแผ่กิ่งก้านอยู่ต้นหนึ่งที่ปากถ้ำ เกาะรากฝังเข้าไปภายในแล้วเลื้อยรัดออกมาด้านนอกฝังพันกับหน้าผาไว้แน่นหนา
พีกับโจหย่อนก้นนั่งชันเข่ามองไปยังปากถ้ำ สร้อยแก้วกับเหมียวจึงนั่งลงข้างๆตามไปด้วยที่ริมโตรกเหว ท่านไกรศักดิ์กับพรานโละนั่งลงพักบนขอนไม้ล้มห่างออกมา บททดสอบความอุตสาหะบทแรกสำหรับพวกเขาคือท้องที่เริ่มร้องด้วยยังไม่มีอะไรตกลงไปถึง มองรอบกายก็ปราศจากสิ่งที่มนุษย์จะกินได้
“หิวเหรอครับ” โจหันไปยิ้มถามเหมียวเมื่อได้ยินเสียงท้องเธอร้อง
“จะพูดทำไม” เธอยิ้มอายๆตอบแล้วเอียงหัวซบที่ไหล่ชายหนุ่ม
“เราโรยตัวลงไปแทงปลาข้างล่างกันดีมั้ย” พีพูดมองลงไปยังสายน้ำเบื้องล่าง
“น้ำเชี่ยวขนาดนั้นปลาที่ไหนมีวะ” โจพูด
“มีซิวะ มันอยู่ริมตลิ่งนั่นล่ะ” พีเถียง
“เอ็งจะมีแรงปีนกลับขึ้นมามั้ย ถ้าได้ปลา” โจพูด
“โธ่ไอ้บ้า จับได้ก็กินมันดิบๆก่อนเลย ไม่เคยกินซาซิมิรึไง” พีพูดหัวเราะ
“ห่วงแต่กิน” เหมียวยิ้มแกล้งหันไปต่อว่าสองหนุ่ม
“อ้าว นี่ก็หูอื้อกันทุกคนแล้วนะคุณ” โจพูด
“ที่นั่งมองกันอยู่นี่ก็คิดจะเข้าถ้ำนั่นไปใช่มั้ยล่ะ” โจพูดต่อ
“แล้วคิดว่าเดินเข้าไปแล้วจะเจอร้านก๋วยเตี๋ยวรึยังไง” โจพูดขำๆ
“อืม ก็จริงนะ” เหมียวพูด
“ต้องวางแผนให้ดีเชียวก่อนจะเข้าไป” พีพูด
“ไป เราไปหาอาหารกินให้ได้ก่อน แล้วค่อยเข้าไป” ท่านไกรศักดิ์พูดขึ้น
“ถ้ำนั่นน่าจะลึกแบบคาดไม่ถึงทีเดียว ขืนท้องหิวเข้าไปคงได้ตายกันบ้างล่ะ” เขาพูดต่อ
ทั้งสี่คนหนุ่มสาวลุกขึ้นเดินตามท่านไกรศักดิ์กับพรานโละออกไปเพื่อช่วยกันมองหาอาหาร วนเวียนอยู่บริเวณใกล้ๆนั้นพักใหญ่จึงหอบเห็ดป่าและผลไม้กลับมายังขอบเหวตรงข้ามปากถ้ำอีกครั้ง
เห็ดป่าที่ย่างไฟจนสุกแล้วถูกแจกจ่ายออกไป ผลไม้ป่าหลายชนิดที่หามาได้ถูกแบ่งส่วนเก็บสำรองไว้มื้อหน้า ที่เหลือนำมากินกันเสริมกับเห็ดย่างจนพอได้อิ่มมีเรี่ยวแรงขึ้นบ้าง
“นี่ทานเสร็จแล้วเราจะข้ามเหวกันเลยรึเปล่าคะคุณลุง” เหมียวถามลุงไกร
“ใจเย็นๆ นั่งดูลาดเลาไปก่อน เผื่อมีอะไรโผล่ออกมา หรือมีอาหารผ่านมาให้เราเก็บตุนไว้” ลุงไกรตอบ
“เมื่อเพลาก่อนฉันเห็นไก่กับกระต่ายป่า แต่ฉันมิปลงใจกล้ายิงจ้ะ” พรานโละบอก กินผลไม้ไปด้วย
“ดีแล้วโละ กินมังสะกันสักพักก่อน” ไกรศักดิ์พูด
“เป็นผมก็ไม่กล้ายิงเหมือนกันพี่โละ ป่าแบบนี้” พีสนับสนุน
“ใครคิดอะไรออกว่าจะเตรียมอะไรได้อีกก็ช่วยกันคิด บ่ายๆค่อยเข้าไป” ท่านไกรศักดิ์พูด
“จะทันตะวันพลบไหมจ๊ะท่านพ่อ” สร้อยแก้วเอ่ยถาม
“ในนั้นคงไม่ต่างกันนักหรอกลูก กลางวันกับกลางคืน” ท่านพ่อตอบ
“คุณลุงมีแผนยังไงบ้างครับ ในนั้น” โจถามลุง
“ไม่มี ดันเข้าไป โผล่ที่ไหนค่อยว่ากัน” ลุงไกรศักดิ์ตอบ ตาจ้องมองไปที่ปากถ้ำ
“สำรองอาหารให้มากที่สุด เตรียมสู้ความหนาว เรามีเทียนกับพลุที่เตรียมมา”
“หากสองวันที่อยู่ในนั้นยังคลำไม่เจออะไร เราต้องถอยกลับออกมา” เขาพูดจบ
เมื่ออิ่มกันดีแล้ว ทั้งหมดจึงออกเดินหาอาหารเพิ่ม เห็ดป่าถูกหามาจากทุกซอกทุกมุมกองรวมไว้ให้สร้อยแก้วกับเหมียวช่วยกันย่างจนสุกแห้งเพื่อเก็บสำรองไว้ กล้วยป่าอีกเครือที่ท่านไกรศักดิ์พบห่างออกไปอีก สองสาวก็ฉีกออกเป็นลูกๆแยกเก็บใส่เป้หลังทุกใบ
ตะวันเริ่มบ่าย เวลาของการสำรองอาหารหมดลง ทั้งหกรวมตัวพร้อมที่ริมโตรกเหวเตรียมข้ามไป
“นอกจากถ้ำที่เป็นโพรงลึกเข้าไปนั่นแล้ว พวกเราก็ไม่เห็นจุดอื่นแล้วนะ” ท่านไกรศักดิ์พูดย้ำครั้งสุดท้าย
“ไม่เห็นมีอย่างอื่นแล้วครับคุณลุง” พีตอบ
คนอื่นพยักหน้าตามเห็นด้วย โจจึงปลดเครื่องยิงสลิงลงจากไหล่
“รู้ได้ยังไงครับคุณลุงว่าต้องถือมาใช้ข้ามเหวนี้” โจยิ้มถามลุงไกร
“ไม่รู้หรอก แค่ว่าเดินป่ามันคงต้องใช้” ลุงไกรศักดิ์ตอบหลาน
“มา ลุงยิงเอง” ลุงไกรศักดิ์พูดแล้วรับเครื่องยิงมาถือเอาไว้
ท่านไกรศักดิ์ยกเครื่องขึ้นตรวจดูรอกสลิงและหัวฉมวกอีกครั้งว่ามันจะปักยึดกับต้นไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถรับน้ำหนักคนแรกที่จะโหนข้ามเหวลึกไปได้อย่างปลอดภัย เขาเล็งเครื่องยิงไปยังต้นไม้นั้นกะเป้าหมายที่ระยะความสูงเหนือกว่าความสูงของคนเล็กน้อย
หัวฉมวกพุ่งเข้าเป้าหมายที่เล็งไว้ ฝังลึกเข้าไปในเนื้อไม้ด้วยแรงส่งของเครื่องยิง ท่านไกรศักดิ์ พีและโจทดสอบโดยการช่วยกันดึงสายสลิงจนแน่ใจว่าสามารถรับน้ำหนักคนแรกที่จะโหนไปได้ แล้วจึงผ่อนสายสลิงลากมาพันกับต้นไม้ใหญ่ริมโตรกเหว ดึงสลิงจนตึงให้น้ำหนักคนตกบนสลิงที่พันกับต้นไม้สองสามรอบ พรานโละจับเครื่องยิงล็อคกับสายไว้ไม่ให้คลายตัว
“คนแรก” ท่านไกรศักดิ์พูดเป็นเชิงถาม
“ผมเอง” “ผมเอง” พีและโจพูดพร้อมกัน
“ทัพหน้าไปเอง เอ็งถอยไป” พีพูดจริงจัง
เชือกสองขดถูกคลี่ออกต่อกันได้ความยาวกว่าสามสิบเมตร พีผูกปลายด้านหนึ่งไว้ใต้รักแร้พอหลวมด้วยเงื่อนตายสามทบให้แน่ใจว่าจะไม่คลายปมออก ปลายอีกด้านพันไว้รอบต้นไม้ต้นเดิมแน่นหนา โจกับท่านลุงไกรศักดิ์ช่วยตรวจทุกปมเชือกว่าหากปลายฉมวกที่ยิงไปติดต้นไม้ฝั่งตรงข้ามถอนตัวออกเพราะรับน้ำหนักไม่ไหว เชือกเส้นนี้จะต้องแน่ใจว่าสามารถดึงร่างพีเอาไว้ได้ไม่ร่วงหล่นลงไปยังลำธารที่ก้นเหว
ทัพหน้าพร้อมแล้วที่จะโหนสลิงไปยังปากถ้ำฝั่งตรงข้าม เป้หลังและอุปกรณ์อื่นของเขาปลดลงวางไว้เพื่อลดน้ำหนัก มีดาบสองเล่มที่ไขว้สะพายหลังอยู่กับไรเฟิลสงครามสะพายไหล่และขวานคมเดินป่าห้อยไว้กับเข็มขัดสนาม พีใช้สองมือเหนี่ยวดึงสายสลิงลงสองสามครั้งแล้วโหนตัวขึ้นใช้สองขาเกี่ยวเพื่อช่วยกันรับน้ำหนัก เขาหยุดอยู่อึดใจดูว่าปลายฉมวกยังติดนิ่งกับต้นไม้แล้วจึงเริ่มขยับสองมือสองขาเคลื่อนตัวออกไป
พรานโละคุมเครื่องยิงที่ล็อคกับสายสลิงไว้ไม่ให้เคลื่อนตัว ท่านลุงไกรศักดิ์ โจกับสร้อยแก้วตั้งท่าจับเชือกช่วยชีวิตไว้มั่นเตรียมรับน้ำหนักของพีไว้ไม่ให้หล่นกระแทกก้นเหวหากปลายฉมวกหลุด เหมียวรับหน้าที่นั่งประทับไรเฟิลติดกล้องเล็งดึงลูกเลื่อนบรรจุกระสุนเข้ารังเพลิง หรี่ตาผ่านกล้องเล็งไปยังปากถ้ำ เธอตั้งสติมั่นพร้อมแล้วที่จะลั่นไกระเบิดกระสุนใส่ทุกสิ่งที่จะโผล่ออกมาทำร้ายคนในครอบครัวของเธอ
พีไต่สลิงที่โยกไหวโอนเอนไปมา อีกห้าคนเฝ้ามองอยู่ด้วยใจระทึกจนที่สุดเขาก็วางเท้าลงบนพื้นหน้าปากถ้ำ
พีปลดไรเฟิลสงครามประทับพร้อมยิงเอี้ยวตัวบังหลังต้นไม้คุมเชิงอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงดึงไฟฉายที่เหน็บเอวออกมาสาดลำแสงเข้าไปภายในถ้ำ เมื่อทุกสิ่งในนั้นยังนิ่งสงบไม่มีความเคลื่อนไหวชายหนุ่มจึงปิดไฟฉายในมือลงตะโกนกลับมา
“ยังไม่มีอะไรเคลื่อนไหว” พีตะโกนบอก
“เหมียวคุ้มกันไว้ก่อนนะ ผมจะจัดการกับปลายฉมวก” เขาตะโกนบอกต่อ
“จ้ะพี่พี เหมียวพร้อม” หญิงสาวตะโกนตอบ
พรานโละปล่อยมือจากเครื่องยิงสลิงหยิบปืนขึ้นหันกลับไประวังภัยด้านหลัง อีกสามคนปล่อยเชือกช่วยชีวิตที่จับอยู่ ท่านไกรศักดิ์คว้าไรเฟิลสงครามขึ้นประทับช่วยเหมียวคุ้มกันให้พีอีกกระบอกหนึ่ง โจก็เช่นกันเขาคว้าปืนหันกลับไปช่วยพรานโละด้านหลังส่วนสร้อยแก้ว เธอได้แต่ยืนมองพีอยู่ด้วยความห่วงใย
พีเมื่อเห็นลุงไกรศักดิ์กับสาวเหมียวคุ้มกันให้แล้วเขาจึงเก็บปืนสะพายไหล่ ดึงขวานเดินป่าออกมาฟันลำต้นไปมาเพื่อจะถอนปลายฉมวกออก ใช้เวลาไม่นานคมขวานก็ฉีกเนื้อไม้ให้พีดึงปลายฉมวกออกมา
“หลุดแล้ว ผ่อนสลิงมา” พีตะโกนบอก
พรานโละละจากการคุมหลังทิ้งหน้าที่ไว้ให้โจ เขาปลดเครื่องยิงที่ล็อคกับสายสลิงออกเพื่อผ่อนสายสลิงไปให้พี พีดึงสลิงที่ผ่อนมาให้แล้วพันโอบรอบต้นไม้ไว้สามรอบ จากนั้นจึงใช้เงี่ยงของปลายฉมวกเกี่ยวสายสลิงขัดล็อคเอาไว้ดึงกระชากแรงๆให้แน่ใจว่าล็อคเรียบร้อยแล้ว
“เรียบร้อย ดึงกลับไป” พีตะโกนบอกอีกครั้ง
“เหมียวลูกคุมไว้นะ” ท่านลุงไกรบอกเหมียวแล้วผละออกไป
ท่านไกรศักดิ์กลับมาช่วยพรานโละดึงสายสลิงกลับมาให้ตึงอีกครั้ง สร้อยแก้วหันมาช่วยท่านพ่ออีกแรง เมื่อตึงได้ที่ดีแล้วจึงพันสามรอบต้นไม้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ท่านไกรศักดิ์ไม่ต้องให้พรานโละจับไว้ เขาใช้วิธีผูกเครื่องยิงติดไว้กับสายสลิงด้วยเชือกยาวเส้นเล็ก ผูกเป็นเงื่อนกระตุกเพื่อจะใช้สำหรับดึงปลายปลดเงื่อนให้เครื่องยิงหลุดออกจากกันซึ่งจะสามารถทำได้จากฝั่งตรงข้ามแล้วกู้เครื่องยิงดึงกลับไปเมื่อเสร็จภารกิจ
“เอาล่ะ เรียบร้อย ทางนี้พร้อม” ท่านไกรศักดิ์ตะโกนบอกพี เมื่อลองเหนี่ยวสายสลิงดู
พีเหนี่ยวดูทางด้านของเขา เหลือบมองเงี่ยงฉมวกที่ล็อคสายไว้แล้วตะโกนกลับ
“ทางนี้ก็เรียบร้อยครับ” พีตะโกนบอกลุง
เชือกช่วยชีวิตถูกลากกลับไปผูกรอบตัวใต้รักแร้สร้อยแก้ว หญิงสาวไม่ต้องรั้งรอ เธอโหนสายสลิงท่าเดียวกับพีเคลื่อนตัวข้ามโตรกเหวไปทันทีโดยมีท่านพ่อไกรศักดิ์กับพ่อพรานโละตั้งหลักเตรียมดึงเชือกช่วยชีวิตเอาไว้
สร้อยแก้วข้ามมาถึงแล้ว เธอปล่อยสองขาที่เกี่ยวสลิงไว้ห้อยตัวด้วยสองมือ พีกอดเอวและแผ่นหลังเพื่อช่วยประคองให้ปล่อยมือจากสลิง หญิงสาวปล่อยมือแล้วโอบกอดรัดชายหนุ่มไว้แน่น
“สร้อยแก้วเป็นห่วงท่านพี่” เธอรีบบอก
“ไม่เป็นไรแล้ว หลบไปข้างๆนะให้พ้นแนวปืนพี่เหมียวเขาด้วย” พีพูดลูบแก้มลูบหน้าผากแล้วผลักให้เธอหลบไปอีกด้าน
“เรียบร้อยครับ คนต่อไป” พีตะโกน
“เหมียวลูก” ท่านลุงไกรศักดิ์หันไปพยักหน้าบอกเหมียวแล้วกลับไปตะโกนบอกพี
“เหมียวจะไป พี คุ้มกันปากถ้ำไว้ก่อน” ท่านลุงตะโกนบอก
“ครับผม” พีตะโกนกลับ
พีปลดปืนลงจากไหล่ขึ้นประทับเตรียมยิง หันกลับมาทำหน้าที่คุ้มกันภายในถ้ำ
“พร้อมครับ” พีร้องบอก
เหมียวผูกเชือกช่วยชีวิตเสร็จจึงโหนตัวออกไปทันทีอย่างรวดเร็วกว่าใคร ด้วยความเชี่ยวชาญในการอยู่บนเชือกของครูสอนโยคะฟลาย
สร้อยแก้วช่วยประคองพี่เหมียวของเธอให้ลงยืนบนพื้นเมื่อเธอไปถึง
“ขอบใจจ้ะ สร้อยแก้วคอยดูไว้นะ พี่เหมียวจะช่วยพี่พีคุ้มกัน”
เธอพูดขณะรีบปลดไรเฟิลลงจากไหล่ ขยับตัวไปหลบด้านหนึ่งของปากถ้ำประทับปืนเล็งเตรียมพร้อม พรานโละมาถึงปากถ้ำเป็นคนต่อมา แต่เที่ยวนี้ใต้รักแร้รอบลำตัวพรานโละมีเชือกช่วยชีวิตติดมาสองเส้น เขาปลดเชือกทั้งสองเส้นออกเมื่อมาถึง พรานโละพันเชือกเส้นหนึ่งรอบต้นไม้แล้วผูกไว้แน่นหนา อีกเส้นหนึ่งเขาพันสามรอบแล้วทิ้งปลายเชือกไว้
“คุณลุงไปก่อนเถอะครับ” โจพูด
“ลูกไปก่อนโจ ลุงต้องดูความเรียบร้อยสุดท้าย” ท่านลุงบอก
“เส้นไหนโละ” ลุงไกรศักดิ์ตะโกนถามพรานโละ
“เส้นนี้จ้ะ” พรานโละตะโกนตอบพลางเขย่าเส้นเชือกที่ไม่ได้ผูกปลายกับต้นไม้ไว้ให้ท่านไกรศักดิ์เห็น
เวลานี้มีเชือกช่วยชีวิตสองเส้นผูกโยงกันอยู่ระหว่างต้นไม้ทั้งสองฝั่ง เส้นหนึ่งสำหรับโจ เส้นหนึ่งของลุงไกรศักดิ์
ธารทิพย์ บทที่ 35
ธารทิพย์บทที่ 34 http://ppantip.com/topic/3325574
สี่พันก้าวตามอัตราเฉลี่ยระยะการเดินเท้าของมนุษย์ ครอบครัวหกชีวิตจึงมาหยุดยืนอยู่ที่ริมโตรกเหวลึก พวกเขามองไปยังจุดเดียวกัน ณ หน้าผาใหญ่เบื้องหน้า โพรงถ้ำต่ำกว่าระดับที่ยืนอยู่ไม่มาก แลลึกเข้าไปในขุนเขานั้นมีสายน้ำไหลรินสายเล็กๆออกมาแล้วตกลงสู่สายธารเชี่ยวกรากเบื้องล่างความชื้นที่เกิดจากน้ำนั้นหล่อเลี้ยงให้ต้นไม้ป่าเจริญเติบโตแผ่กิ่งก้านอยู่ต้นหนึ่งที่ปากถ้ำ เกาะรากฝังเข้าไปภายในแล้วเลื้อยรัดออกมาด้านนอกฝังพันกับหน้าผาไว้แน่นหนา
พีกับโจหย่อนก้นนั่งชันเข่ามองไปยังปากถ้ำ สร้อยแก้วกับเหมียวจึงนั่งลงข้างๆตามไปด้วยที่ริมโตรกเหว ท่านไกรศักดิ์กับพรานโละนั่งลงพักบนขอนไม้ล้มห่างออกมา บททดสอบความอุตสาหะบทแรกสำหรับพวกเขาคือท้องที่เริ่มร้องด้วยยังไม่มีอะไรตกลงไปถึง มองรอบกายก็ปราศจากสิ่งที่มนุษย์จะกินได้
“หิวเหรอครับ” โจหันไปยิ้มถามเหมียวเมื่อได้ยินเสียงท้องเธอร้อง
“จะพูดทำไม” เธอยิ้มอายๆตอบแล้วเอียงหัวซบที่ไหล่ชายหนุ่ม
“เราโรยตัวลงไปแทงปลาข้างล่างกันดีมั้ย” พีพูดมองลงไปยังสายน้ำเบื้องล่าง
“น้ำเชี่ยวขนาดนั้นปลาที่ไหนมีวะ” โจพูด
“มีซิวะ มันอยู่ริมตลิ่งนั่นล่ะ” พีเถียง
“เอ็งจะมีแรงปีนกลับขึ้นมามั้ย ถ้าได้ปลา” โจพูด
“โธ่ไอ้บ้า จับได้ก็กินมันดิบๆก่อนเลย ไม่เคยกินซาซิมิรึไง” พีพูดหัวเราะ
“ห่วงแต่กิน” เหมียวยิ้มแกล้งหันไปต่อว่าสองหนุ่ม
“อ้าว นี่ก็หูอื้อกันทุกคนแล้วนะคุณ” โจพูด
“ที่นั่งมองกันอยู่นี่ก็คิดจะเข้าถ้ำนั่นไปใช่มั้ยล่ะ” โจพูดต่อ
“แล้วคิดว่าเดินเข้าไปแล้วจะเจอร้านก๋วยเตี๋ยวรึยังไง” โจพูดขำๆ
“อืม ก็จริงนะ” เหมียวพูด
“ต้องวางแผนให้ดีเชียวก่อนจะเข้าไป” พีพูด
“ไป เราไปหาอาหารกินให้ได้ก่อน แล้วค่อยเข้าไป” ท่านไกรศักดิ์พูดขึ้น
“ถ้ำนั่นน่าจะลึกแบบคาดไม่ถึงทีเดียว ขืนท้องหิวเข้าไปคงได้ตายกันบ้างล่ะ” เขาพูดต่อ
ทั้งสี่คนหนุ่มสาวลุกขึ้นเดินตามท่านไกรศักดิ์กับพรานโละออกไปเพื่อช่วยกันมองหาอาหาร วนเวียนอยู่บริเวณใกล้ๆนั้นพักใหญ่จึงหอบเห็ดป่าและผลไม้กลับมายังขอบเหวตรงข้ามปากถ้ำอีกครั้ง
เห็ดป่าที่ย่างไฟจนสุกแล้วถูกแจกจ่ายออกไป ผลไม้ป่าหลายชนิดที่หามาได้ถูกแบ่งส่วนเก็บสำรองไว้มื้อหน้า ที่เหลือนำมากินกันเสริมกับเห็ดย่างจนพอได้อิ่มมีเรี่ยวแรงขึ้นบ้าง
“นี่ทานเสร็จแล้วเราจะข้ามเหวกันเลยรึเปล่าคะคุณลุง” เหมียวถามลุงไกร
“ใจเย็นๆ นั่งดูลาดเลาไปก่อน เผื่อมีอะไรโผล่ออกมา หรือมีอาหารผ่านมาให้เราเก็บตุนไว้” ลุงไกรตอบ
“เมื่อเพลาก่อนฉันเห็นไก่กับกระต่ายป่า แต่ฉันมิปลงใจกล้ายิงจ้ะ” พรานโละบอก กินผลไม้ไปด้วย
“ดีแล้วโละ กินมังสะกันสักพักก่อน” ไกรศักดิ์พูด
“เป็นผมก็ไม่กล้ายิงเหมือนกันพี่โละ ป่าแบบนี้” พีสนับสนุน
“ใครคิดอะไรออกว่าจะเตรียมอะไรได้อีกก็ช่วยกันคิด บ่ายๆค่อยเข้าไป” ท่านไกรศักดิ์พูด
“จะทันตะวันพลบไหมจ๊ะท่านพ่อ” สร้อยแก้วเอ่ยถาม
“ในนั้นคงไม่ต่างกันนักหรอกลูก กลางวันกับกลางคืน” ท่านพ่อตอบ
“คุณลุงมีแผนยังไงบ้างครับ ในนั้น” โจถามลุง
“ไม่มี ดันเข้าไป โผล่ที่ไหนค่อยว่ากัน” ลุงไกรศักดิ์ตอบ ตาจ้องมองไปที่ปากถ้ำ
“สำรองอาหารให้มากที่สุด เตรียมสู้ความหนาว เรามีเทียนกับพลุที่เตรียมมา”
“หากสองวันที่อยู่ในนั้นยังคลำไม่เจออะไร เราต้องถอยกลับออกมา” เขาพูดจบ
เมื่ออิ่มกันดีแล้ว ทั้งหมดจึงออกเดินหาอาหารเพิ่ม เห็ดป่าถูกหามาจากทุกซอกทุกมุมกองรวมไว้ให้สร้อยแก้วกับเหมียวช่วยกันย่างจนสุกแห้งเพื่อเก็บสำรองไว้ กล้วยป่าอีกเครือที่ท่านไกรศักดิ์พบห่างออกไปอีก สองสาวก็ฉีกออกเป็นลูกๆแยกเก็บใส่เป้หลังทุกใบ
ตะวันเริ่มบ่าย เวลาของการสำรองอาหารหมดลง ทั้งหกรวมตัวพร้อมที่ริมโตรกเหวเตรียมข้ามไป
“นอกจากถ้ำที่เป็นโพรงลึกเข้าไปนั่นแล้ว พวกเราก็ไม่เห็นจุดอื่นแล้วนะ” ท่านไกรศักดิ์พูดย้ำครั้งสุดท้าย
“ไม่เห็นมีอย่างอื่นแล้วครับคุณลุง” พีตอบ
คนอื่นพยักหน้าตามเห็นด้วย โจจึงปลดเครื่องยิงสลิงลงจากไหล่
“รู้ได้ยังไงครับคุณลุงว่าต้องถือมาใช้ข้ามเหวนี้” โจยิ้มถามลุงไกร
“ไม่รู้หรอก แค่ว่าเดินป่ามันคงต้องใช้” ลุงไกรศักดิ์ตอบหลาน
“มา ลุงยิงเอง” ลุงไกรศักดิ์พูดแล้วรับเครื่องยิงมาถือเอาไว้
ท่านไกรศักดิ์ยกเครื่องขึ้นตรวจดูรอกสลิงและหัวฉมวกอีกครั้งว่ามันจะปักยึดกับต้นไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถรับน้ำหนักคนแรกที่จะโหนข้ามเหวลึกไปได้อย่างปลอดภัย เขาเล็งเครื่องยิงไปยังต้นไม้นั้นกะเป้าหมายที่ระยะความสูงเหนือกว่าความสูงของคนเล็กน้อย
หัวฉมวกพุ่งเข้าเป้าหมายที่เล็งไว้ ฝังลึกเข้าไปในเนื้อไม้ด้วยแรงส่งของเครื่องยิง ท่านไกรศักดิ์ พีและโจทดสอบโดยการช่วยกันดึงสายสลิงจนแน่ใจว่าสามารถรับน้ำหนักคนแรกที่จะโหนไปได้ แล้วจึงผ่อนสายสลิงลากมาพันกับต้นไม้ใหญ่ริมโตรกเหว ดึงสลิงจนตึงให้น้ำหนักคนตกบนสลิงที่พันกับต้นไม้สองสามรอบ พรานโละจับเครื่องยิงล็อคกับสายไว้ไม่ให้คลายตัว
“คนแรก” ท่านไกรศักดิ์พูดเป็นเชิงถาม
“ผมเอง” “ผมเอง” พีและโจพูดพร้อมกัน
“ทัพหน้าไปเอง เอ็งถอยไป” พีพูดจริงจัง
เชือกสองขดถูกคลี่ออกต่อกันได้ความยาวกว่าสามสิบเมตร พีผูกปลายด้านหนึ่งไว้ใต้รักแร้พอหลวมด้วยเงื่อนตายสามทบให้แน่ใจว่าจะไม่คลายปมออก ปลายอีกด้านพันไว้รอบต้นไม้ต้นเดิมแน่นหนา โจกับท่านลุงไกรศักดิ์ช่วยตรวจทุกปมเชือกว่าหากปลายฉมวกที่ยิงไปติดต้นไม้ฝั่งตรงข้ามถอนตัวออกเพราะรับน้ำหนักไม่ไหว เชือกเส้นนี้จะต้องแน่ใจว่าสามารถดึงร่างพีเอาไว้ได้ไม่ร่วงหล่นลงไปยังลำธารที่ก้นเหว
ทัพหน้าพร้อมแล้วที่จะโหนสลิงไปยังปากถ้ำฝั่งตรงข้าม เป้หลังและอุปกรณ์อื่นของเขาปลดลงวางไว้เพื่อลดน้ำหนัก มีดาบสองเล่มที่ไขว้สะพายหลังอยู่กับไรเฟิลสงครามสะพายไหล่และขวานคมเดินป่าห้อยไว้กับเข็มขัดสนาม พีใช้สองมือเหนี่ยวดึงสายสลิงลงสองสามครั้งแล้วโหนตัวขึ้นใช้สองขาเกี่ยวเพื่อช่วยกันรับน้ำหนัก เขาหยุดอยู่อึดใจดูว่าปลายฉมวกยังติดนิ่งกับต้นไม้แล้วจึงเริ่มขยับสองมือสองขาเคลื่อนตัวออกไป
พรานโละคุมเครื่องยิงที่ล็อคกับสายสลิงไว้ไม่ให้เคลื่อนตัว ท่านลุงไกรศักดิ์ โจกับสร้อยแก้วตั้งท่าจับเชือกช่วยชีวิตไว้มั่นเตรียมรับน้ำหนักของพีไว้ไม่ให้หล่นกระแทกก้นเหวหากปลายฉมวกหลุด เหมียวรับหน้าที่นั่งประทับไรเฟิลติดกล้องเล็งดึงลูกเลื่อนบรรจุกระสุนเข้ารังเพลิง หรี่ตาผ่านกล้องเล็งไปยังปากถ้ำ เธอตั้งสติมั่นพร้อมแล้วที่จะลั่นไกระเบิดกระสุนใส่ทุกสิ่งที่จะโผล่ออกมาทำร้ายคนในครอบครัวของเธอ
พีไต่สลิงที่โยกไหวโอนเอนไปมา อีกห้าคนเฝ้ามองอยู่ด้วยใจระทึกจนที่สุดเขาก็วางเท้าลงบนพื้นหน้าปากถ้ำ
พีปลดไรเฟิลสงครามประทับพร้อมยิงเอี้ยวตัวบังหลังต้นไม้คุมเชิงอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงดึงไฟฉายที่เหน็บเอวออกมาสาดลำแสงเข้าไปภายในถ้ำ เมื่อทุกสิ่งในนั้นยังนิ่งสงบไม่มีความเคลื่อนไหวชายหนุ่มจึงปิดไฟฉายในมือลงตะโกนกลับมา
“ยังไม่มีอะไรเคลื่อนไหว” พีตะโกนบอก
“เหมียวคุ้มกันไว้ก่อนนะ ผมจะจัดการกับปลายฉมวก” เขาตะโกนบอกต่อ
“จ้ะพี่พี เหมียวพร้อม” หญิงสาวตะโกนตอบ
พรานโละปล่อยมือจากเครื่องยิงสลิงหยิบปืนขึ้นหันกลับไประวังภัยด้านหลัง อีกสามคนปล่อยเชือกช่วยชีวิตที่จับอยู่ ท่านไกรศักดิ์คว้าไรเฟิลสงครามขึ้นประทับช่วยเหมียวคุ้มกันให้พีอีกกระบอกหนึ่ง โจก็เช่นกันเขาคว้าปืนหันกลับไปช่วยพรานโละด้านหลังส่วนสร้อยแก้ว เธอได้แต่ยืนมองพีอยู่ด้วยความห่วงใย
พีเมื่อเห็นลุงไกรศักดิ์กับสาวเหมียวคุ้มกันให้แล้วเขาจึงเก็บปืนสะพายไหล่ ดึงขวานเดินป่าออกมาฟันลำต้นไปมาเพื่อจะถอนปลายฉมวกออก ใช้เวลาไม่นานคมขวานก็ฉีกเนื้อไม้ให้พีดึงปลายฉมวกออกมา
“หลุดแล้ว ผ่อนสลิงมา” พีตะโกนบอก
พรานโละละจากการคุมหลังทิ้งหน้าที่ไว้ให้โจ เขาปลดเครื่องยิงที่ล็อคกับสายสลิงออกเพื่อผ่อนสายสลิงไปให้พี พีดึงสลิงที่ผ่อนมาให้แล้วพันโอบรอบต้นไม้ไว้สามรอบ จากนั้นจึงใช้เงี่ยงของปลายฉมวกเกี่ยวสายสลิงขัดล็อคเอาไว้ดึงกระชากแรงๆให้แน่ใจว่าล็อคเรียบร้อยแล้ว
“เรียบร้อย ดึงกลับไป” พีตะโกนบอกอีกครั้ง
“เหมียวลูกคุมไว้นะ” ท่านลุงไกรบอกเหมียวแล้วผละออกไป
ท่านไกรศักดิ์กลับมาช่วยพรานโละดึงสายสลิงกลับมาให้ตึงอีกครั้ง สร้อยแก้วหันมาช่วยท่านพ่ออีกแรง เมื่อตึงได้ที่ดีแล้วจึงพันสามรอบต้นไม้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ท่านไกรศักดิ์ไม่ต้องให้พรานโละจับไว้ เขาใช้วิธีผูกเครื่องยิงติดไว้กับสายสลิงด้วยเชือกยาวเส้นเล็ก ผูกเป็นเงื่อนกระตุกเพื่อจะใช้สำหรับดึงปลายปลดเงื่อนให้เครื่องยิงหลุดออกจากกันซึ่งจะสามารถทำได้จากฝั่งตรงข้ามแล้วกู้เครื่องยิงดึงกลับไปเมื่อเสร็จภารกิจ
“เอาล่ะ เรียบร้อย ทางนี้พร้อม” ท่านไกรศักดิ์ตะโกนบอกพี เมื่อลองเหนี่ยวสายสลิงดู
พีเหนี่ยวดูทางด้านของเขา เหลือบมองเงี่ยงฉมวกที่ล็อคสายไว้แล้วตะโกนกลับ
“ทางนี้ก็เรียบร้อยครับ” พีตะโกนบอกลุง
เชือกช่วยชีวิตถูกลากกลับไปผูกรอบตัวใต้รักแร้สร้อยแก้ว หญิงสาวไม่ต้องรั้งรอ เธอโหนสายสลิงท่าเดียวกับพีเคลื่อนตัวข้ามโตรกเหวไปทันทีโดยมีท่านพ่อไกรศักดิ์กับพ่อพรานโละตั้งหลักเตรียมดึงเชือกช่วยชีวิตเอาไว้
สร้อยแก้วข้ามมาถึงแล้ว เธอปล่อยสองขาที่เกี่ยวสลิงไว้ห้อยตัวด้วยสองมือ พีกอดเอวและแผ่นหลังเพื่อช่วยประคองให้ปล่อยมือจากสลิง หญิงสาวปล่อยมือแล้วโอบกอดรัดชายหนุ่มไว้แน่น
“สร้อยแก้วเป็นห่วงท่านพี่” เธอรีบบอก
“ไม่เป็นไรแล้ว หลบไปข้างๆนะให้พ้นแนวปืนพี่เหมียวเขาด้วย” พีพูดลูบแก้มลูบหน้าผากแล้วผลักให้เธอหลบไปอีกด้าน
“เรียบร้อยครับ คนต่อไป” พีตะโกน
“เหมียวลูก” ท่านลุงไกรศักดิ์หันไปพยักหน้าบอกเหมียวแล้วกลับไปตะโกนบอกพี
“เหมียวจะไป พี คุ้มกันปากถ้ำไว้ก่อน” ท่านลุงตะโกนบอก
“ครับผม” พีตะโกนกลับ
พีปลดปืนลงจากไหล่ขึ้นประทับเตรียมยิง หันกลับมาทำหน้าที่คุ้มกันภายในถ้ำ
“พร้อมครับ” พีร้องบอก
เหมียวผูกเชือกช่วยชีวิตเสร็จจึงโหนตัวออกไปทันทีอย่างรวดเร็วกว่าใคร ด้วยความเชี่ยวชาญในการอยู่บนเชือกของครูสอนโยคะฟลาย
สร้อยแก้วช่วยประคองพี่เหมียวของเธอให้ลงยืนบนพื้นเมื่อเธอไปถึง
“ขอบใจจ้ะ สร้อยแก้วคอยดูไว้นะ พี่เหมียวจะช่วยพี่พีคุ้มกัน”
เธอพูดขณะรีบปลดไรเฟิลลงจากไหล่ ขยับตัวไปหลบด้านหนึ่งของปากถ้ำประทับปืนเล็งเตรียมพร้อม พรานโละมาถึงปากถ้ำเป็นคนต่อมา แต่เที่ยวนี้ใต้รักแร้รอบลำตัวพรานโละมีเชือกช่วยชีวิตติดมาสองเส้น เขาปลดเชือกทั้งสองเส้นออกเมื่อมาถึง พรานโละพันเชือกเส้นหนึ่งรอบต้นไม้แล้วผูกไว้แน่นหนา อีกเส้นหนึ่งเขาพันสามรอบแล้วทิ้งปลายเชือกไว้
“คุณลุงไปก่อนเถอะครับ” โจพูด
“ลูกไปก่อนโจ ลุงต้องดูความเรียบร้อยสุดท้าย” ท่านลุงบอก
“เส้นไหนโละ” ลุงไกรศักดิ์ตะโกนถามพรานโละ
“เส้นนี้จ้ะ” พรานโละตะโกนตอบพลางเขย่าเส้นเชือกที่ไม่ได้ผูกปลายกับต้นไม้ไว้ให้ท่านไกรศักดิ์เห็น
เวลานี้มีเชือกช่วยชีวิตสองเส้นผูกโยงกันอยู่ระหว่างต้นไม้ทั้งสองฝั่ง เส้นหนึ่งสำหรับโจ เส้นหนึ่งของลุงไกรศักดิ์