ธารทิพย์ บทที่ 41

กระทู้สนทนา
ธารทิพย์

โดย อัศวรักษ์


ธารทิพย์ บทที่ 40 http://ppantip.com/topic/33340183

            “การเดินทางไปวะสะธารานั่นก็ยากแล้ว ยากตรงที่เราไม่สามารถคิดอะไรได้เองเลย” ลุงไกรพูด

                “ในฐานะของมนุษย์ เมื่อเราไม่รู้ว่าสถานที่นั้นอยู่ที่ไหน จะเดินไปหนทางไหน นั่นคือความกดดัน” ลุงไกรพูดต่อ

                “แค่ลุงจะไปบอกกล่าวขอขมาลอยา ยังจินตนาการไม่ออกเลยว่าจะทำอย่างไร”

                “กลับมีบุพกรรมในชาติภพอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย” ลุงไกรพูดแล้วมองหน้าทุกคนที่ตั้งใจฟังอยู่

                “แล้วทีนี้จะคิดอย่างไรต่อไปล่ะ ยากขึ้นอีกหลายเท่า” ลุงไกรพูด

                “ลุงสัมผัสได้ว่า ลอยามีเวรกรรมผูกกับท่านแม่ทัพพยัคฆราชไว้แต่ปางก่อน”

                “ไหนจะลูกสร้อยแก้ว พระนางจันทร์สุดา แล้วอีกคนที่ต้องไม่ลืม”

                “คุณยายแก่ที่ให้ดาบคู่ ก้อนแร่สีเทา แหวนสองวงแล้วก็แท่งไม้สีน้ำเงินกับลุงมา ท่านเป็นใคร”

                “คำพูดที่ให้ลุงสัญญาว่า นำความรักแห่งข้า อีกทั้งเมตตาแห่งเจ้าไปมอบให้ลูกข้า” ท่านไกรศักดิ์พูดจบ

                “น่าจะเป็นท่านแม่ของท่านแม่ทัพพยัคฆราชหรือเปล่าคะ” เหมียวพูด

                “คงใช่ ท่านถึงมอบดาบคู่มาให้ แล้วก็คำว่า มอบความรักแห่งข้าให้ลูก” ลุงไกรศักดิ์พูด

                “และเมตตาแห่งเจ้า”

                “คำนี้ลุงคิดไม่ออก ว่าลุงจะมอบความเมตตาของลุงให้ท่านแม่ทัพพยัคฆราชได้อย่างไร” ลุงไกรพูด

                “เพลาเยี่ยงนี้นายพีกับนายโจพึงหมั่นเพียรกรรมฐานเถอะจ้ะ” พรานโละพูดเบาๆ

                ทั้งหมดหันไปมองหน้าพรานโละซึ่งโดยปกติจะไม่ค่อยพูดออกความเห็นอะไร

                “โละพูดถูก” ท่านลุงพูด

                “จริงอย่างพี่โละพูด อีกอย่าง” พีพูดยิ้มแล้วจับมือพรานโละที่นั่งอยู่ใกล้ๆ

                “พี่โละเรียกชื่อผมสองคนเฉยๆเถอะ อย่าเรียกนายพีนายโจเลย” พีพูด

                “ผมสองคนถือพี่โละเป็นญาติผู้ใหญ่ในครอบครัวนะ” โจพูด

                “นายหญิงด้วย เลิกเรียกได้แล้วนะจ๊ะ เรียกเหมียวเฉยๆ” เหมียวยิ้มพูดกับพรานโละ

                “จ้ะ” พรานโละพูดยิ้มตอบทั้งสามคน

                ดวงอาทิตย์ขึ้นและตกที่ปลายขอบฟ้ามาสามครั้งแล้วจากการหมุนรอบตัวเองของโลกใบนี้ หกชีวิตยังถูกกักอยู่ในถ้ำทิพย์เช่นเดิม เวลาแห่งการรอคอยถูกใช้ไปในการสนทนาทั้งประเมินสถานการณ์และพูดคุยเรื่องเฮฮาเบาๆให้ผ่อนคลาย เล่นน้ำดำน้ำสำรวจเพื่อหวังจะได้พบสัญญาณที่คืบหน้า แต่พวกเขายังหาทางออกไม่พบอยู่จนถึงเวลานี้

                ท่านลุงไกรศักดิ์ พีและโจอยู่ในกรรมฐานอย่างมุ่งมั่น สภาวะจิตที่นิ่งสงบเท่านั้นจึงจะสัมผัสกับสิ่งที่เป็นทิพย์ได้ ลุงไกรบอกชายหนุ่มทั้งสองเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ ดังเช่นกลางดึกคืนนี้ตามเวลาการหมุนของโลก

                เหมียวเอนตัวนอนไขว้สองแขนรองหัวอยู่บนเป้หลังที่ใช้แทนหมอน ปล่อยความคิดให้ล่องลอยออกไป ตามองอยู่ที่ด้านหลังของโจซึ่งนั่งขัดสมาธินิ่งหันหน้าเข้าหาริมแอ่งน้ำ ความรู้สึกของหญิงสาวเวลานี้ถ้านอกจากเรื่องพ่อแม่ที่อยู่ที่โพรว๊องซ์ฝรั่งเศสแล้ว เธอคิดว่าลิขิตได้ชักนำให้เธอเดินมาถูกทางแล้วในชีวิต บุรุษที่นั่งหันหลังให้ผู้นี้ต่างจากหนุ่มหล่อสำอางที่ตามจีบเธอตั้งแต่ยุโรปยันประเทศไทยโดยสิ้นเชิง เขามีสาระของชีวิต มีความมุ่งมั่นอยู่ในตัว และที่หญิงสาวนิยมชมชอบที่สุดคือเขาไม่เคยวางหรือมีมาดของลูกเศรษฐีหมื่นล้านที่ทำตัวไร้สาระปรากฏให้เห็นเลย เธอมั่นใจตั้งแต่นาทีแรกที่ตัดสินใจร่วมทางมา ว่าสิ่งมีค่าทั้งหลายในโลกนั้นจะไม่มีวันหยิบฉวยมาครอบครองได้โดยง่าย โดยเฉพาะเมื่อสิ่งมีค่านั้นคือมนุษย์ มิตรจิตต้องแลกมาด้วยมิตรใจ อยากได้ความรักต้องแลกด้วยความรัก อยากได้หัวใจก็ต้องเอาหัวใจเข้าแลก และเธอก็พร้อมจะพิสูจน์ให้ชายหนุ่มเห็นว่า เธอคืออัญมณีเม็ดงามที่เขาควรไขว่คว้ามาประดับชีวิตเช่นกัน

                “เหมียวรักคุณมากนะ รู้หรือเปล่า” คำที่หญิงสาวคิดในใจถึงเขาแล้วอมยิ้มหลับตาพริ้มลง
    
            สร้อยแก้วอีกสาวหนึ่งก็เช่นเดียวกัน เธอนอนมองร่างที่เธอเชื่อสนิทใจว่าเขาคือแม่ทัพหน้าพยัคฆราช บุรุษผู้เป็นความรักของพระนางจันทร์สุดาในอดีตชาติ คำพูดของท่านพ่อไกรศักดิ์ในสิ่งที่ท่านปู่ผาบอกกล่าวทำให้เธอแน่แก่ใจว่า ที่เธอนุ่งซิ่นของนางกษัตริย์ในความฝันเดียวกันกับเขานั้น บอกกล่าวถึงการเป็นคู่รักที่ข้ามภพชาติมาเกิด หญิงสาวนอนตะแคงตัวหนุนแขนมองเขาอยู่จนผล็อยหลับไป

                พรานโละเมื่อดูแลทุกอย่างเสร็จแล้วจึงเอนกายลงพักผ่อน พรานป่ามองท่านไกรศักดิ์ที่นั่งสงบนิ่งอยู่ในกรรมฐาน ความคิดของเขาย้อนไปยังอดีตที่จอมพยัคฆแห่งพงไพรผู้นี้ได้ช่วยชีวิตเขากับลอยาน้องสาวหอบหิ้วกันมา ทั้งย้อนคิดถึงคำสอนของพ่อครูพรานผาที่เคยสั่งสอนให้เริ่มฝึกสมาธิจิต พรานป่านอนถามตัวเองว่านี่ถึงเวลาที่เขาควรปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพ่อครูแล้วหรือไม่เพื่อท่านผู้มีพระคุณ เพื่อครอบครัวทั้งหมด และเพื่อตนเองด้วย พรานโละขยับตัวลุกขึ้นด้วยแรงบันดาลใจดังกล่าว เขารวบรวมความทรงจำถึงสิ่งที่พ่อครูพรานผาสอนสั่งในการฝึกกรรมฐานแล้วนั่งขัดสมาธิสงบจิตลง

                ดึกสงัดแล้ว โพรงถ้ำใหญ่สงบปราศจากเสียงใดๆอีกครั้งเมื่อสี่มนุษย์ผู้ชายนั่งนิ่งอยู่ในกรรมฐาน กับอีกสองมนุษย์ผู้หญิงหลับนิ่งอยู่ในความฝัน
    ท่ามกลางความเงียบสงัดนั้น เสียงที่ฟังคุ้นหูเป็นเสียงของวัตถุสองชิ้นกระทบผิวน้ำก็ดังขึ้น ปลุกท่านลุงไกรศักดิ์และโจให้ลืมตาขึ้นจากกรรมฐาน รวมทั้งสาวเหมียวด้วย เธอลืมตาตื่นทันทีแล้วลุกขึ้นนั่งเงี่ยหูฟังเสียงนั้น พีและพรานโละยังนั่งสงบ สร้อยแก้วก็ยังหลับนิ่งอยู่เช่นเดิม

                ทั้งท่านลุงไกรศักดิ์ โจและเหมียวขมวดคิ้วมองจ้องไปบนผิวน้ำของแอ่งที่ยังคงเรียบสนิท ไม่มีการกระเพื่อมใดๆเกิดขึ้นบนผิวน้ำที่ควรจะสอดคล้องกับเสียงที่ได้ยิน ไม่ถึงอึดใจสิ่งแปลกประหลาดอันเป็นที่มาของเสียงนั้นก็ปรากฏขึ้น

                วัตถุสองชิ้นค่อยๆลอยขึ้นจากส่วนลึกของก้นแอ่งช้าๆ มองเห็นได้อย่างเลือนรางด้วยความลึกแล้วค่อยๆชัดขึ้นชัดขึ้นเมื่อใกล้จะถึงผิวน้ำ เหมียวรีบลุกขึ้นขยับมายืนมองที่ริมแอ่งน้ำ ท่านลุงไกรศักดิ์และโจก็ขยับจากท่านั่งขัดสมาธิลุกขึ้นยืนมองด้วย พวกเขาขนลุกเกลียวทั้งตัวเมื่อวัตถุสองชิ้นนั้นลอยมาถึงผิวน้ำ มันผ่านผิวน้ำโดยไม่มีการกระเพื่อมแล้วลอยขึ้นช้าๆจนไปติดนิ่งอยู่บนเพดานถ้ำ

                อึดใจใหญ่ๆที่ทั้งสามคนยืนแข็งทื่อจ้องมองวัตถุสองชิ้นบนเพดานถ้ำอยู่นั้น ท่านลุงไกรศักดิ์จึงพูดขึ้นเบาๆ

                “ปลุกทุกคน” ท่านลุงไกรศักดิ์สั่ง แหงนหน้ามองนิ่งอยู่ที่วัตถุสองชิ้นนั้น
    
            โจรีบเดินไปแตะเบาๆที่แขนพีและพรานโละให้รู้สึกตัวออกจากกรรมฐาน เหมียวก็ปลุกสร้อยแก้วเบาๆให้ตื่นขึ้นด้วย ทั้งสามคนรู้สึกตัวกลับสู่สามัญสำนึกแล้วและเริ่มรับรู้ว่าถูกปลุกเพราะมีความไม่ปกติเกิดขึ้นด้วยการพยักหน้าพูดบอกเบาๆให้ตามมาที่ริมแอ่งน้ำพร้อมกัน

                ครอบครัวทั้งหกคนแหงนหน้าตะลึงมองด้วยกันที่เพดานถ้ำ สิ่งที่ลอยขึ้นไปติดอยู่นั้นคือดาบสองเล่มที่ยังอยู่ในฝักดาบ และเหตุที่พวกเขาต้องตะลึงอยู่อย่างนั้นเพราะมันเหมือนกันกับดาบคู่ที่ลุงไกรได้มาจากหญิงชราซึ่งมอบให้พีผู้เป็นทัพหน้าสะพายมาตลอดทาง

                พีหันไปมองดาบคู่ของเขาซึ่งยังคงวางอยู่ที่เดิมแล้วพูดขึ้น

                “ดาบคู่ของผมยังอยู่ตรงนั้น แล้วดาบคู่นั่นล่ะ” พีพูดเบาๆ ทั้งห้าคนหันไปมองดาบของพีที่วางอยู่พร้อมกัน

                “มาจากไหนครับ” พีพูดต่อ

                “กำลังนั่งกรรมฐานอยู่ รู้สึกตัวเพราะมีเสียงของตกน้ำเลยลืมตาขึ้น” ท่านลุงไกรศักดิ์พูด

                “พอลืมตาขึ้นมาเห็นผิวน้ำยังนิ่งอยู่เลยนั่งคอยมอง” โจพูด

                “แล้วดาบสองเล่มบนนั้นก็ลอยขึ้นมาจากก้นแอ่ง ผ่านผิวน้ำโดยไม่กระเพื่อม”

                “แล้วก็ลอยขึ้นไปติดอยู่บนเพดานถ้ำนั่นล่ะ” โจพูดจบ
    
            สามคนที่ถูกปลุกขึ้นมาทีหลังฟังแล้วขนลุกเกลียวตามไปด้วย

                “โอ้โห…” พีอุทานยาวเบาๆแล้วก้มลงยิ้มส่ายหน้าให้กับความรู้สึกลึกลับที่เกิดขึ้นใหม่

                “ลำพังปริศนาเดิมก็ยังคิดไม่ตกอยู่แล้วนะ แล้วนี่อะไรอีก” พีบ่นพึมพำเบาๆ

                “บนเส้นทางนี้ แค่ความดี อุตสาหะและศรัทธาไม่พอค่ะ ต้องมีปัญญาด้วย”เหมียวพูดขึ้น

                “นี่อาจจะเป็นทางออกของพวกเราก็ได้”

                “นั่งลงช่วยกันไตร่ตรองให้ดี” หญิงสาวพูด

                ทั้งหกคนนั่งลงที่ริมแอ่งน้ำด้วยกัน มองลงไปในน้ำสลับกับแหงนมองดาบที่ติดอยู่ข้างบนสลับกันไปมา นานครู่ใหญ่ที่พวกเขายังงุนงงกับปรากฏการณ์ประหลาด แม้จะครุ่นคิดตีความอย่างไรก็ยังไขปริศนาไม่ออก

                พีลุกขึ้นไปหยิบเอากล้องส่องทางไกลและดาบคู่ของเขากลับมานั่งลงริมแอ่งน้ำ เขาส่องมองรายละเอียดของดาบคู่ที่ติดอยู่บนเพดานถ้ำเทียบกับดาบคู่ของเขาแบบเทียบกันทุกตารางนิ้ว

                “ดาบคู่เดียวกัน เหมือนกันทุกอย่าง” พีพูดแล้วเหลือบตามองทุกคน

                “จะว่ามีท่านใดส่งมาให้ก็ไม่ใช่แน่” พีพูดต่อ

                “ทำไมคิดว่าไม่ใช่” โจถาม

                “ถ้ามีพระองค์ใดส่งมา ดาบที่ติดอยู่บนเพดานแบบนั้น เราจะขึ้นไปเอามายังไง” พีพูดสีหน้าครุ่นคิด

                “แล้วถ้าไม่ใช่ดาบคู่เดียวกันแต่คนที่ทำจงใจจะทำให้เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วล่ะ” โจพูด

                “คำถามแบบนั้นเลิกกัน ไม่ต้องหาคำตอบ หยุดคิดได้เลยคิดไม่ออกหรอก” พีตอบ

                “นั่นซิคะ” เหมียวเห็นด้วยกับพี

                “เอาใหม่นะคะ” เหมียวพูด

                “ถ้าเป็นดาบคู่แฝด นั่นเราหยุดคิดเลยอย่างพี่พีพูด เหมียวเห็นด้วย”

                “ถ้าเป็นดาบคู่เดียวกัน คู่หนึ่งอยู่ในมือพี่พี อีกคู่หนึ่งลอยขึ้นจากน้ำไปติดอยู่บนเพดาน”

                “ทำไมถึงมาปรากฏอยู่ในสถานที่เดียวกันได้” เหมียวแหงนมองเพดานอย่างครุ่นคิด

                “เพลาเยี่ยงนี้เรายังติดกักในถ้ำนะจ๊ะ เรามิพึงหาทางปลดออกสู่ภายนอกรึไรจ๊ะ” สร้อยแก้วพูดทักท้วง

                “ถูกของน้องสร้อยแก้ว เราลืมเรื่องดาบคู่บนนั้นแล้วหาทางออกกันต่อดีมั้ย” โจพูด

                “ในกรรมฐานท่านพ่ออีกทั้งท่านพี่ทั้งสองมิพบสิ่งใดรึจ๊ะ” สร้อยแก้วถาม

                “ไม่สัมผัสอะไรเลย” ท่านพ่อไกรศักดิ์ตอบลูก

                “ผมก็สงบ ไม่พบอะไรเหมือนกัน” โจพูด

                “เอ็งล่ะ เห็นอะไรบ้างมั้ย” โจหันมาถามเพื่อน
    
            พีส่ายหน้าไม่พูดอะไร

                “มาทำไม มายังไง มาเพื่ออะไร” พีพูดเหมือนบ่น ชายหนุ่มกำมือใช้ฟันกัดเบาๆที่นิ้วหัวแม่มือ ตามองจ้องลงไปในน้ำสีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก

                สาวเหมียวก็เช่นกัน เธอกลั่นทุกเซลสมองออกมาใช้เวลานี้เพื่อจะตีความปรากฏการณ์นี้ให้แตกให้ได้ ปริศนานั้นยากเข็ญนักสำหรับมนุษย์ผู้ไม่สามารถที่จะมองเห็นสิ่งที่เป็นทิพย์ได้ด้วยตาเนื้อตาหนังของตนเอง หลายครั้งของความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เริ่มก้าวเท้าไปถ้ำตโมหรเพื่อพบกับพรานผาจนถึงวันนี้ เกือบทุกครั้งท่านลุงไกรศักดิ์จะเป็นผู้ที่สื่อได้และบอกกล่าวให้เป็นประโยชน์ แต่วันนี้ วันที่หกชีวิตติดกับอยู่ในถ้ำทิพย์ไม่มีทางออก ทั้งท่านลุงไกรศักดิ์ โจ พีและพรานโละผู้อยู่ในกรรมฐานกลับบอกอะไรไม่ได้เลย

                “มหาเทพฯผู้ทรงฤทธิ์” เหมียวรำพึงออกมาเบาๆจ้องมองผิวน้ำ

                อีกห้าคนหันมามองหน้ารอฟังเธอพูด

                “พระองค์ทดสอบความอุตสาหะให้เราเดินมาในถ้ำที่ไร้จุดหมายอย่างทุกข์ยาก”

                “พระองค์ทดสอบจิตใจมนุษย์ ว่ายอมตายแทนผู้อื่นได้จริงมั้ย”

                “และตอนนี้ พระองค์กำลังทดสอบปัญญาของมนุษย์ ว่าจะมีมากน้อยแค่ไหน”

                “เพราะปัญญานั้นจะมีมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับบุญทานบารมีที่สร้างสมมา”

                “เพราะฉะนั้น เวลานี้เราควรใคร่ครวญด้วยปัญญาอย่างเดียว”

                “หยุดคิดเรื่องดาบไว้ก่อน เราติดกับ สิ่งนี้พระองค์กำลังบอกอะไรเรา” เหมียวพูดจบแล้วมองจ้องหน้าทุกคน

                ท่านลุงไกรศักดิ์เอื้อมมือมาจับไหล่เธอยิ้มให้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่