ธารทิพย์ บทที่ 25

กระทู้สนทนา
ธารทิพย์

โดย อัศวรักษ์


ธารทิพย์ บทที่ 24 http://ppantip.com/topic/33116847

            พรานผาก้าวออกจากราวป่าเดินตรงเข้ามานั่งอยู่ตรงข้าม พรานใหญ่สวมใส่ด้วยเสื้อและโจงกระเบนสีขาวดูสะอาดตา ใบหน้าอิ่มเอิบสดใสไร้ริ้วรอยที่เคยกร้านกรำมาทั้งชีวิต

                “สวัสดีท่านพี่” กายทิพย์เอ่ยทักทาย

                “ขออภัยที่ให้รอสองนาน” ท่านผาพูด

                “มิได้ท่านพี่ ฉันยินดีรอพบท่าน” กายทิพย์บอก

                “ท่านพี่คงสงบสุขดีสินะ”  

                “ก็คงควรแก่สิ่งที่ทำสั่งสมเอาไว้” ท่านผาบอก

                “ลิขิตปิดตามิให้ฉันได้เห็น ว่าลูกหลานอยู่แห่งหนใด” กายทิพย์พูด

                “ท่านมิต้องกริ่งเกรงว่ามีภัย” ท่านผาบอก

                “ฉันเองคิดเยี่ยงนั้น หากแต่ว่าฉันควรรู้รับบ้างว่าเป็นเยี่ยงไร” กายทิพย์บอกข้อไขที่คิดกังวล

                “ท่านปวดร้าวสินะเมื่อต้องเล่าความ” ท่านผาถามเพื่อเปลี่ยนบทสนทนา

                “คงมิเทียมแสนเท่าในคืนนั้นหรอกท่านพี่” กายทิพย์ตอบ

                “หน่อเนื้อที่หนุนนอนท่านอยู่นั้นน่าเวทนา” ท่านผาพูด

                “หากแต่ท่านมิพักต้องกังวล”

                “ใยมิพักต้องกังวลท่านพี่” กายทิพย์ถาม

                “หน่อเนื้อนั้นมีโลหิตแกร่งกล้าของท่านเวียนอยู่เต็มกาย” ท่านผาตอบ

                “อีกทั้งบุญญาบารมีที่บิดาแห่งนางและเราแผ่ให้เกื้อหนุนมาช้านาน”

                “นางจึ่งแข็งกล้ามั่นคงทั้งกายอีกทั้งสติ” ท่านผาพูด

                “ฉันจำมั่นคำของท่านพี่บอกกล่าว” กายทิพย์พูด

                “ว่าวะสะธาราจะเผยขึ้นได้เมื่อสุริยันจันทิมาอีกวาสนามาบรรจบ”

                “ท่านผู้แก่กล้าบารมีไขความเองได้” ท่านผายิ้มละไมบอก

                “ท่านลืมรึ ว่ารักและกำเนิดนั้นภายใต้แสงแห่งเทพโสมส่องเป็นประจักษ์”

                “ฉันมิเคยลืมดอกท่านพี่” กายทิพย์ยิ้มตอบ

                “แล้วอื่นใดจากนั้นขอพี่ท่านขานไขให้ฉันได้รู้รับไว้บ้าง”

                ท่านพรานผายืนขึ้นส่ายหน้าช้าๆ

                “ท่านเดินมาถูกทางแล้ว” ท่านผาพูด

                “เราห้ามท่านมิให้ทำอัตวินิบาตกรรมอันไร้สติในกาลนั้นเมื่ออยู่หน้าถ้ำ”

                “เราแจ้งแถลงต่อท่านให้หมั่นสำนึก อีกทั้งให้สั่งสมบารมีรอลิขิตเวลา”

                “ท่านถึงพร้อมแล้วอันที่จะนำพาบริวารมุ่งต่อไป”

                “อีกห้าราตรีเพ็ญโสมจะส่อง เมื่อนั้นผู้เป็นดั่งโสมจะพร้อมออกเดิน”

                “อีกทั้งพยัคฆราชผู้เป็นทัพหน้าจึ่งจะหวนคืน”

                “เรากล่าวต่อท่านได้เท่านี้” ท่านผาพูด

                แล้วท่านพรานผาก็หันหลังเดินกลับจางหายไปในราวป่า

                ฟ้าสว่างแล้ว ลุงไกรศักดิ์นั่งต้มน้ำเผาเผือกมันและอุ่นปลาย่างหลายตัวที่เหลือจากวันวานอยู่เงียบๆข้างกองไฟ ทั้งสี่คนยังคงหลับอุตุอย่างอบอุ่นอยู่ใกล้ๆด้วยความอ่อนล้า

                เขาลุกขึ้นเดินออกไปเก็บดอกไม้ป่ามากอบใหญ่ แล้วนำถาดที่ครัวของเรือนพรานโละมาบรรจงจัดวางเผือกเผามันเผาปลาย่างที่ร้อนกรุ่นอยู่และผลไม้ลงไป จากนั้นจึงรินน้ำร้อนลงในกระบอกไม้ไผ่ ตกแต่งด้วยดอกไม้จนดูงาม

                สร้อยแก้วตื่นลืมตามองท่านพ่อแต่งถาดอาหารอยู่ กลิ่นหอมของอาหารที่กำลังร้อนโชยเข้าจมูก เธอลุกขึ้นมองท่านพ่อด้วยความแปลกใจ

                “ท่านพ่อทำสิ่งใดจ๊ะ” เธอเอ่ยถาม

                “ตื่นแล้วหรือลูก” ไกรศักดิ์หันมายิ้มให้

                “ไป เอาของกินร้อนๆไปให้แม่กัน” ท่านพ่อเอ่ยชวน

                สร้อยแก้วลุกพรวดขึ้นทันทีเมื่อได้ยินอะไรที่เกี่ยวกับแม่ เธอเกาะแขนท่านพ่อที่ยกถาดอาหารสวยงามเดินขึ้นเรือนตรงไปยังแคร่บูชากระดูกแม่ลอยา
    
            พ่อลูกนั่งลงคุกเข่าวางถาดอาหารไว้ใกล้ห่อกระดูก ยกมือไหว้แล้วไกรศักดิ์จึงวางมือลงบนห่อนั้น หลับตาตั้งจิตบอกกล่าวไปถึง สร้อยแก้วนั่งพนมมือไหว้อยู่ข้างๆ

                “ลอยา พี่กับลูกนำข้าวปลาอาหารมาให้ ขอเมียรักของพี่จงมารับไว้ด้วยนะ” เขาพูดบอกกล่าว
    
            ทั้งสองกราบลงบนห่อหระดูกเพื่อแสดงความคารวะแล้วกลับลงเรือนมา

                โจ เหมียวและพรานโละตื่นลุกขึ้นแล้ว อากาศรอบตัวหนาวเย็นและมีหมอกปกคลุมทั่วไปหมด ไกรศักดิ์กับลูกเดินมาโยนท่อนฟืนเพิ่มเข้าไปในกองไฟ

                “ตื่นกันแล้วหรือทุกคน” ไกรศักดิ์ทักทายยามเช้า

                “คุณลุงตื่นแต่เช้าเลยเหรอคะ” เหมียวหาวไปพูดไปทักตอบ

            “คุณลุงได้นอนบ้างหรือเปล่าครับ ก่อนผมจะหลับยังเห็นนั่งกรรมฐานอยู่เลย” โจถามลุง

                “การหลับอยู่ในกรรมฐานน่ะดีกว่านอนหลับอีกนะเชื่อหรือเปล่า” ไกรศักดิ์พูดกับโจ

                “อันนี้ผมก็เห็นด้วยจริงๆครับ” โจบอกลุง

                “นายท่านตื่นมาหามื้อรุ่งหรือลูกหาเองล่ะสร้อย” พรานโละหันไปถามลูกสาว เรียกชื่อเธอใหม่

                “ฉันเพิ่งลืมตาจ้ะพ่อ เห็นท่านพ่อเพียรแต่งถาดข้าวกับดอกไม้ให้แม่อยู่ ฉันเลยไปไหว้ด้วยกับท่านพ่อจ้ะ” สร้อยแก้วบอกพ่อพรานโละ

                “โอ นายท่าน ฉันขอโทษที่ตื่นไม่ทันเพลา” พรานโละหันมาพูดกับไกรศักดิ์

                “ไม่เป็นไรโละ” ไกรศักดิ์พูด

                “หลับสบายกันทุกคนมั้ยล่ะเมื่อคืน” ไกรศักดิ์ถาม

                “หลับเป็นตายเลยครับ” โจตอบ

                “ก็ดีแล้วล่ะ ลุงเตรียมอาหารต้มน้ำไว้ให้แล้ว มานั่งดื่มกันให้ร่างกายอุ่นเสียก่อน” ไกรศักดิ์บอกทุกคน

                “เช้านี้หมอกลงจัดจังเลยครับ” โจพูดหันมองไปรอบๆ

                “แล้วนี่เราจะออกเดินทางกันได้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้” เขาพูดยกน้ำต้มในกระบอกไม้ไผ่ขึ้นดื่ม

                “นั่นซิคะคุณลุง” เหมียวพูดเสริม

                “ไม่ต้องกังวล เราต้องรออีกห้าหกวัน” ไกรศักดิ์พูด

                ทั้งสี่คนหันไปมองหน้าท่านไกรศักดิ์ แปลกใจสิ่งที่เขาพูด

                “เมื่อคืนฉันได้สนทนากับพี่ผา” ไกรศักดิ์พูดแล้วจิบน้ำร้อนมองที่กองไฟ

                “ปู่ผาว่าอย่างไรบ้างครับคุณลุง” โจถาม

                ท่านไกรศักดิ์เล่าถึงบทสนทนากับท่านผาที่ผ่านมาเมื่อคืนในกรรมฐานให้ทุกคนฟัง เขาวางกระบอกน้ำร้อนลงสีหน้าครุ่นคิดแล้วเอ่ยถามไม่ได้มองใคร

                “มีอะไรที่ปู่ผาสั่งให้ลูกทำก่อนหน้านี้” ท่านไกรศักดิ์พูดเบาๆหันไปมองลูก

                สร้อยแก้วนั่งคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตอบท่านพ่อ

                “ปู่ทวดพาสร้อยแก้วไปลงพิธีที่ถ้ำตโมหรจ้ะ” เธอบอกท่านพ่อ

                สร้อยแก้วเล่าเรื่องพิธีนั้นให้ทุกคนฟัง โดยที่มีพ่อพรานโละร่วมเล่าเรื่องเสริมในช่วงที่สร้อยแก้วนอนหมดสติ คลุมร่างกายไว้ด้วยผ้าสีน้ำเงินผืนนั้นบนแท่นหินใหญ่อยู่ด้วยอย่างละเอียด จนถึงวันที่ออกจากถ้ำเดินทางกลับบ้านมา

                “เพ็ญโสมหน้าอีกห้าวัน ลูกต้องทาไม้สีน้ำเงินดำฝนน้ำ นอนอาบแสงโสมคืนสุดท้ายใช่มั้ย” ท่านพ่อถาม

                “ใช่จ้ะท่านพ่อ” สร้อยแก้วตอบ

                “อีกห้าราตรีเพ็ญโสมจะส่อง เมื่อนั้นผู้เป็นดั่งโสมจะพร้อมออกเดิน” ไกรศักดิ์นึกถึงคำที่ท่านผาบอกกล่าว
    
            านไกรศักดิ์มองหน้าลูกนิ่ง สร้อยแก้วมองสบตาตอบรอฟังว่าท่านพ่อจะพูดอะไร

                “จงจดจำไว้ว่า เจ้าคือตัวแทนแห่งโสม” เขาพูดวางมือบนไหล่เธอเพื่อให้ลูกสาวสดับและจดจำ

                “ต่อวันหน้าในการเดินทาง เจ้าจะต้องใช้สิ่งนั้น” เขาพูดต่อ

                “จ้ะ สร้อยแก้วจะจดจำไว้จ้ะ” ลูกสาวพยักหน้าตอบรับคำท่านพ่อ

                “แล้วอะไรคือพยัคฆราชคะคุณลุง” เหมียวถาม
    
            ไกรศักดิ์ยิ้มน้อยๆสีหน้าคลายกังวน

                “ตอบตามปัญญาที่ลุงมี ลูกพี” เขาตอบมองหน้าโจที่นั่งรอฟังแล้วมองไปที่ทุกคน

                “แต่อย่าถามนะว่าพยัคฆราชมาได้อย่างไร มาทำอะไร ลุงไม่รู้เหมือนกัน” ไกรศักดิ์บอกทุกคน

                ทั้งสี่คนหันมองหน้ากันไปมากับเรื่องแปลกที่เข้ามาใหม่อีก

                “เรารออีกห้าวันสำหรับคืนพระจันทร์เต็มดวง” ไกรศักดิ์พูด

                “แล้วรอพี อีกกี่วันยังบอกไม่ได้” เขาพูดต่อ

                แล้วความเงียบก็ผ่านเข้ามาครอบงำอีกครั้ง ไม่มีใครพูดอะไร ต่างคนต่างนั่งก้มหน้าคิดกันไปจนกระทั่งสร้อยแก้วเอ่ยถามท่านพ่อไกรศักดิ์ขึ้น

                “ปู่ทวดห้ามท่านพ่อทำเยี่ยงไรจ๊ะ สร้อยแก้วไม่เข้าใจ” เธอถามท่านพ่อ

                “อัตวินิบาตกรรม แปลว่าฆ่าตัวเองตายจ้ะ” เหมียวช่วยหันไปตอบสร้อย

                “คืนนั้น หลังจากที่พ่อฟื้นขึ้นมาข้างศพแม่” ท่านพ่อไกรศักดิ์เล่า
    
            พรานผาลืมตาขึ้นจากกรรมฐาน เขาบรรจงวางผ้าสีน้ำเงินที่ห่อห่มทารกน้อยลงเบาๆ หันไปมองไกรศักดิ์ที่แน่นิ่งกอดศพเมียอยู่ พรานใหญ่ลุกขึ้นเดินช้าๆไปหยุดยืนมองอยู่ข้างๆ เขาเตรียมตัวพร้อมสำหรับสิ่งที่พบเห็นในกรรมฐาน สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นจากความโง่เขลาและขาดสติ

                นายทหารเริ่มรู้สึกตัว ขยับทรงกายลุกขึ้นนั่งยันพื้นไว้ด้วยแขนข้างหนึ่งไม่สนใจสิ่งใดที่อยู่รอบตัว เขาเริ่มสะอื้นขึ้นมาอีกเมื่อกวาดสายตาจ้องมองทั่วร่างของเมียรัก ในใจของเขาเฝ้าแต่ลงโทษตัวเองที่ลั่นไกออกไปโดยไม่ไตร่ตรอง

                แล้วนาทีที่พรานใหญ่ยืนเฝ้าอยู่ก็มาถึง ไกรศักดิ์กระชากรีวอลเว่อร์ที่ซองข้างลำตัวออกมา เขาตั้งใจมั่นที่จะใส่ปากกระบอกเข้าไปในปากตนเองแล้วลั่นไกทันที

                พรานใหญ่ซึ่งยืนมองอยู่แล้ว โดยที่แต่เดิมตั้งใจจะเข้ามาดึงปืนสั้นกระบอกนั้นออกไป เมื่อการไม่เป็นอย่างที่คาดเขาจึงไม่มีทางเลือก พรานใหญ่เตะไปที่มือของนายทหารหนุ่มอย่างแรงทันทีที่เขาดึงมันออกมายัดใส่ปาก

                “ปัง” เสียงลูกโม่รีวอลเว่อร์ดังก้องขึ้นอีก ปากกระบอกปืนหลุดออกจากปากด้วยแรงของพรานผาที่เตะเข้าไปที่มือและปืน ทันเวลากับที่หัวกระสุนพุ่งออกจากลำกล้องเฉียดหางคิ้วของนายทหารหนุ่มขึ้นบนไปในเสี้ยววินาทีนั้น พรานใหญ่โดดขึ้นคร่อมร่างของเขาเอาไว้กระชากปืนออกจากมือแล้วจึงลุกขึ้นหันไปเก็บไรเฟิลสงครามที่ตกอยู่บนพื้นใกล้ตัวเดินออกมาวางไว้ห่างๆ

                “ผู้พัน ท่านต้องรวมสติให้มั่น” พรานใหญ่เดินกลับมาคุกเข่าข้างเดียวลงก้มหน้าไปพูดกับเขา

                นายทหารหนุ่มยังคงนอนสบสองมือปิดหน้าร้องไห้อยู่บนพื้น พรานผาผู้เป็นสหายร่วมศึกร่วมสาบานขยับเข้าไปดึงให้ลุกขึ้นนั่งแล้วกอดเขาเอาไว้

                “หากท่านทำเยี่ยงนั้น สร้อยแก้วจะหลงเหลืออันใดในชีวิตอีกเล่า” พรานใหญ่พูดเตือนสติ

                “ข้าเห็นบางสิ่งในกรรมฐาน” พรานผาพูด

                ไกรศักดิ์ค่อยๆขยับตัวออกมาจ้องมองสหายเมื่อได้ยินคำบอกกล่าว หางคิ้วมีเลือดไหลปริ่มออกมาจากบาดแผลของคมกระสุนที่พุ่งถากไป พรานผาลุกขึ้นดึงตัวไกรศักดิ์ให้ลุกเดินมานั่งหน้ากองไฟ

                “ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้วพี่ผา” ไกรศักดิ์พูดเมื่อนั่งทอดอาลัยตาจ้องมองอยู่ในกองไฟครู่ใหญ่ น้ำตายังคงไหลอยู่

                “ท่านตั้งสติก่อน อย่าปลงใจจะฆ่าตนเอง มิเช่นนั้นลิขิตของพวกท่านจะเลวร้ายมิหวนคืน” พรานผาพูด

                ไกรศักดิ์หันไปมองที่ห่อผ้าสีน้ำเงิน ถัดตัวเองเข้าไปหาอย่างหมดเรี่ยวแรง เขาอุ้มลูกน้อยขึ้นมองแล้วหลับตาเกร็งสะอื้นจนน้ำตาไหลปรี่หยดลงบนผ้าที่ห่อห่มลูกอยู่ เสียใจอย่างที่สุดกับการกระทำของตนเอง
    
            “พ่อขอโทษ” ไกรศักดิ์พูดซบหน้าร้องไห้กับห่อผ้า เริ่มมีสติสำนึกถึงชีวิตที่เหลือของลูก

                พรานผาปล่อยให้ไกรศักดิ์นั่งกอดลูกนิ่งอยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่ เพื่อให้เขาได้สัมผัส ได้ไตร่ตรองและยึดเอาชีวิตของลูกที่เหลือจากนี้เป็นจุดยึดเหนี่ยวเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในอันที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป

                เวลาที่ผ่านไปครู่ใหญ่ ไกรศักดิ์เริ่มครอบครองสติได้แล้ว เขาวางลูกสาวลงแล้วเดินไปลากท่อนไม้แห้งมาโยนใส่กองไฟโดยเลี่ยงที่จะไม่มองไปที่ลอยามากนัก จากนั้นจึงนำผลไม้ที่เก็บตุนไว้ในเป้หลังทั้งของเขาและพรานผาออกมา จัดแจงล้างมือเท่าที่พอจะสะอาดได้บรรจงคั้นน้ำผลไม้ลงใส่หม้อเดินป่ายกขึ้นตั้งไฟเพื่อฆ่าเชื้อเตรียมเอาไว้ให้ทารกน้อยกินประทังชีวิต
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่