เจ้าดัง ในที่นี้ผมหมายถึง คุณBlackPiano ที่มารีวิวการทำหมูสะเต๊ะโดยบอกวิธีทำพร้อมภาพประกอบอย่างละเอียด
ถือว่าเป็นการจุดประกายชวนให้ตามรอยเป็นอย่างยิ่ง แต่คนเราความขยันอาจแตกต่างกันสล่าปู่จึงแหกตำราจาก
ต้นฉบับไปไม่น้อย จะเรียกว่าสะเต๊ะคนขี้เกียจก็ว่าได้
เมื่อวานไปตลาดหาซื้อปลาตะเพียน เพื่อเอามาทอดกรอบกินเล่น ๆ ได้มาสมใจไซส์ขนาด 6 ตัว โล ราคา 50 บาท
ก็ได้กินปลาทอดสมใจละครับ ไร้ก้างซะด้วย
ข้างเจ้าขายปลา มีเขียงหมูอยู่เห็นสันนอกวางเป็นเส้นสวยเชียว ใจนึกถึงสะเต๊ะของคุณBlackPiano ขึ้นมาทันทีทันใด
บอกแม่ค้าว่าขอตัดให้ 1 คืบ เท่าไหร่ก็เท่านั้น ปรากฎว่าชั่งแล้วมี 9 ขีด
ทำสะเต๊ะทุกครั้ง สิ่งที่น่าเบื่อที่สุดคือการเสียบไม้นี่แหละ เสียบเมื่อไหร่ก็ไม่ยอมเสร็จสักที แถมมือเหลืองขมิ้นล้างออกยาก
อีกต่างหาก
ผมเริ่มจะแหกสูตรการทำสะเต๊ะทั่วไปเสียแล้ว คงไม่ว่ากันนะครับ ทำกินเองในบ้านเท่านั้นเองคงไม่เสียวัฒนธรรมสักเท่าไหร่
ตัดสินใจแบ่งหมูออกเป็น 2 ท่อน ซอยเป็นชิ้นใหญ่ ๆ
จากนั้นก็จัดการหมัก จากวัตุดิบที่พอหาได้ในครัว หมักง่าย ๆ ตามที่เคยทำมาผสมกับที่ได้อ่านรีวิวมาด้วย ขั้นตอนตามรูปนะครับ
ก่อนเทนมสดใส่ ผมจะใช้วิธีนวดหมูให้เครื่องปรุงเข้าเนื้อมากที่สุด เก็บใส่กระป๋องเข้าตู้เย็นข้ามคืนเลยครับ
วันนี้จัดการทำน้ำจิ้ม ใช้น้ำพริกมัสมั่นผัดกับหัวกะทิให้หอมเติมน้ำ น้ำที่อยู่ในกระป่องหมักหมูเอามาเทใส่ตอนนี้ด้วย
ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย น้ำมะขามเปียก ให้ออกหวานนำ สุดท้ายที่ถั่วลิสงคั่วป่นละเอียด
จากนั้นก็เตรียมอาจาด
ทุกอย่างพร้อม
การย่างสะเต๊ะ ถ้าเป็นไปได้ผมชอบย่างด้วยเตาถ่านไฟปานกลาง มันให้ความรู้สึกเรื่องกลิ่นและความนุ่มได้ดี
นี่เลยครับ เกินครึ่งที่หมักไว้ไปเล็กน้อย
ยังเหลือ
จะกินจริง ๆ น้ำจิ้มอืดครับ นี่แหละที่เขาเรียกอ่อนประสบการณ์ ต้องเอาไปเติมน้ำปรุงใหม่อีกรอบ
น้ำจิ้มปรับปรุงใหม่หน้าตาดูดีกว่าเดิมเยอะ แต่รสชาติคงเดิมนะครับ
หมูชิ้นใหญ่ เอามาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ พอคำ ก็ถือว่าแทนกันได้ อาจแค่ทำให้เสียบรรยากาศการกินสะเต๊ะ
แต่มันลัดเวลาไปเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการเสียบหมูและการปิ้ง
น่าจะเกือบ 2 ปีได้ ที่ไม่ได้ทำสะเต๊ะต้องขอขอบคุณ คุณBlackPiano ที่จุดประกายให้อยากทำ อยากกิน
อาจทำอะไรบางอย่างที่ต่างกันไป แต่สุดท้ายมันก็คือสะเต๊ะเหมือนกันจนได้แหละน่า 555
ลากันไปด้วยภาพนี้นะครับ ให้เข้าบรรยากาศ 14 กุมภาวันวาเลนไทน์ มอบให้ทุกท่านด้วยความรักครับ
สวัสดีครับ
ตามรอย "หมูสะเต๊ะ" เจ้าดัง
ถือว่าเป็นการจุดประกายชวนให้ตามรอยเป็นอย่างยิ่ง แต่คนเราความขยันอาจแตกต่างกันสล่าปู่จึงแหกตำราจาก
ต้นฉบับไปไม่น้อย จะเรียกว่าสะเต๊ะคนขี้เกียจก็ว่าได้
เมื่อวานไปตลาดหาซื้อปลาตะเพียน เพื่อเอามาทอดกรอบกินเล่น ๆ ได้มาสมใจไซส์ขนาด 6 ตัว โล ราคา 50 บาท
ก็ได้กินปลาทอดสมใจละครับ ไร้ก้างซะด้วย
ข้างเจ้าขายปลา มีเขียงหมูอยู่เห็นสันนอกวางเป็นเส้นสวยเชียว ใจนึกถึงสะเต๊ะของคุณBlackPiano ขึ้นมาทันทีทันใด
บอกแม่ค้าว่าขอตัดให้ 1 คืบ เท่าไหร่ก็เท่านั้น ปรากฎว่าชั่งแล้วมี 9 ขีด
ทำสะเต๊ะทุกครั้ง สิ่งที่น่าเบื่อที่สุดคือการเสียบไม้นี่แหละ เสียบเมื่อไหร่ก็ไม่ยอมเสร็จสักที แถมมือเหลืองขมิ้นล้างออกยาก
อีกต่างหาก
ผมเริ่มจะแหกสูตรการทำสะเต๊ะทั่วไปเสียแล้ว คงไม่ว่ากันนะครับ ทำกินเองในบ้านเท่านั้นเองคงไม่เสียวัฒนธรรมสักเท่าไหร่
ตัดสินใจแบ่งหมูออกเป็น 2 ท่อน ซอยเป็นชิ้นใหญ่ ๆ
จากนั้นก็จัดการหมัก จากวัตุดิบที่พอหาได้ในครัว หมักง่าย ๆ ตามที่เคยทำมาผสมกับที่ได้อ่านรีวิวมาด้วย ขั้นตอนตามรูปนะครับ
ก่อนเทนมสดใส่ ผมจะใช้วิธีนวดหมูให้เครื่องปรุงเข้าเนื้อมากที่สุด เก็บใส่กระป๋องเข้าตู้เย็นข้ามคืนเลยครับ
วันนี้จัดการทำน้ำจิ้ม ใช้น้ำพริกมัสมั่นผัดกับหัวกะทิให้หอมเติมน้ำ น้ำที่อยู่ในกระป่องหมักหมูเอามาเทใส่ตอนนี้ด้วย
ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย น้ำมะขามเปียก ให้ออกหวานนำ สุดท้ายที่ถั่วลิสงคั่วป่นละเอียด
จากนั้นก็เตรียมอาจาด
ทุกอย่างพร้อม
การย่างสะเต๊ะ ถ้าเป็นไปได้ผมชอบย่างด้วยเตาถ่านไฟปานกลาง มันให้ความรู้สึกเรื่องกลิ่นและความนุ่มได้ดี
นี่เลยครับ เกินครึ่งที่หมักไว้ไปเล็กน้อย
ยังเหลือ
จะกินจริง ๆ น้ำจิ้มอืดครับ นี่แหละที่เขาเรียกอ่อนประสบการณ์ ต้องเอาไปเติมน้ำปรุงใหม่อีกรอบ
น้ำจิ้มปรับปรุงใหม่หน้าตาดูดีกว่าเดิมเยอะ แต่รสชาติคงเดิมนะครับ
หมูชิ้นใหญ่ เอามาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ พอคำ ก็ถือว่าแทนกันได้ อาจแค่ทำให้เสียบรรยากาศการกินสะเต๊ะ
แต่มันลัดเวลาไปเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการเสียบหมูและการปิ้ง
น่าจะเกือบ 2 ปีได้ ที่ไม่ได้ทำสะเต๊ะต้องขอขอบคุณ คุณBlackPiano ที่จุดประกายให้อยากทำ อยากกิน
อาจทำอะไรบางอย่างที่ต่างกันไป แต่สุดท้ายมันก็คือสะเต๊ะเหมือนกันจนได้แหละน่า 555
ลากันไปด้วยภาพนี้นะครับ ให้เข้าบรรยากาศ 14 กุมภาวันวาเลนไทน์ มอบให้ทุกท่านด้วยความรักครับ
สวัสดีครับ