ตอนที่ 39: รากเขาสุเมรุ (1/4): << เพิ่งสังเกตว่าคราวที่แล้วลงเลขผิด ที่จริงเป็นตอนที่ 1/3 นะคะ (สงสัยเบลอจัด = =”)
http://ppantip.com/topic/31355785
คุยกันก่อนนะคะ
คุณน้องตะวันรัตติกาล: เป็นคุณน้องนักอ่านที่เหนียวแน่นจริงๆ ขอบคุณมากค่ะ ^^
ขอบคุณสำหรับการถูกใจค่ะ คุณ ลูนาติก, คุณ เขมปัณณ์, คุณ zoi และ คุณ Psycho man ค่ะ (สาวๆ หายไปไหนนน)
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
บุษบรรณถูกไมยราญพาตัวไปยังสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่งด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าเธอคือ มัสลิน ต่อมาเธอจึงรู้ว่าสถานที่ที่ไมยราญพามานั้นคือเกาะแห่งความตายที่อารมันกำลังตามหาอยู่และอาจเป็นที่ๆ ศิษย์เอกจอมเทพถูกขังอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง บุษบรรณตั้งใจไว้แล้วว่าจะใช้โอกาสนี้ช่วยรามิตหนีออกไปให้ได้
39. รากเขาสุเมรุ (2/3)
“ไม่ได้พบกันนานเลยนะ ท่านบุษบามินตราแห่งป้อมนักล่า!”
เสียงทุ้มกังวานดังแทรกขึ้น ปลายเสียงแหบพร่าลงเล็กน้อย ในทีแรกบุษบรรณไม่สามารถมองเห็นได้ว่าผู้ที่สามารถเอ่ยนามของเธอได้อย่างถูกต้องเป็นใครเนื่องจากไม่คุ้นเสียง ฝ่ายตรงข้ามเองก็ยืนอยู่บนบันไดที่ยกสูงขึ้นไปซ้ำด้านหลังยังมีแสงสว่างจ้าจนทำให้มองเห็นใบหน้าได้ไม่ชัดเจน
“บุษบามินตรางั้นหรือ” ไมยราญขึ้นเสียงสูงย้ำชื่อที่แท้จริงของเธอ
“นั่นเป็นนามของข้า” หญิงสาวยอมรับโดยดุษณี ทว่าสายตาของเธอจ้องมองไปยังผู้ที่กำลังเดินลงบันไดหินมาช้าๆ
“อย่างนั้นเจ้าก็ไม่ใช่เทพเวชรักษ์ผู้นั้น...” พญาบาดาลอ้าปากค้าง
“มันเป็นความผิดพลาดที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ไมยราญ”
พอจบประโยคผู้พูดก็ก้าวลงจากบันไดขั้นสุดท้ายมาประจันหน้ากับบุษบรรณ เหล่าทหารสิงหาละกะโค้งคำนับและถอยหลังออกไปอย่างมีระเบียบ ชายหนุ่มมีผิวที่ซีดขาว เฉกเช่นเดียวกับชุดที่สวมใส่ ผมสีดำยาวตรงถูกมัดหลวมๆ ไว้ด้านหลัง หากพบกับฝ่ายตรงข้ามบนพื้นพิภพอาจคิดว่าเขาคือเทพบัณฑิตหนุ่มรูปงามผู้ทรงภูมิความรู้ ทว่าเมื่อบุษบรรณมองชายตรงหน้ากลับรู้สึกว่าชุดสีขาวที่สวมบนร่างขาวโพลนนั้นทำให้ดูคล้ายกับร่างวิญญาณที่ไร้ชีวิตมากกว่า เจ้าเกาะแห่งความตายคือตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับชายผู้นี้
บุษบรรณใช้เวลาครู่หนึ่งจึงกล้าเอ่ยนามเทวะที่ครั้งหนึ่งเคยว่ากันว่าเขาน่าจะเป็นจ้าวแดนตะวันออกมากกว่าหัสรังสี
“มุตติ...เจ้าทำอะไรรามิต”
สายตาเย็นเฉียบตวัดมองไปยังไมยราญ เขาไม่ตอบคำถามของเธอในทันที กลับสั่งให้ทหารสิงหาละกะพาเธอไปที่ด้านในแทน ไม่วายที่หญิงสาวจะต่อต้านขัดขืน
“เจ้าทำอะไรกับสหายของเจ้า มุตติ!”
มุตติยังคงไม่สนใจกับคำถามของบุษบรรณจนกระทั่งร่างของเธอหายลับเข้าไปในทางเดินภายใน จากนั้นเขายืนรออย่างใจเย็นจนไมยราญเป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน
“ข้าขออภัย...ข้าไม่คิดว่า...”
แต่เทวะหนุ่มผู้ครองคทาทิศอีกเล่มหนึ่งของเทพอาณาจักรยกมือขึ้นเป็นเชิงห้าม “ข้าบอกแล้วว่าเป็นเรื่องผิดพลาดที่น่ายินดี...และข้าก็หมายความเช่นนั้นจริงๆ”
“นายท่านจะทำอะไรกับสาวน้อยนั่น”
อีกครั้งที่มุตติปรายตามายังผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีร่างสูงใหญ่กว่าตนถึงช่วงหนึ่ง
“ข้าจะทำอะไรกับสหายเก่าของข้า ย่อมไม่ใช่เรื่องของท่าน”
ไมยราญถึงกับสะอึก เขาก้มศีรษะลงอย่างจำยอม “เช่นนั้นนายท่านมีสิ่งใดจะใช้ข้าอีกหรือไม่”
“มาลายังไม่กลับมา” มุตติกล่าวเสียงเบาพอให้ไมยราญได้ยิน “ข้าอยากให้ท่านติดต่อกับสายลับของเรา สืบว่าเกิดอะไรขึ้นบนทุ่งม้าวิ่ง นอกจากจ้าวแดนตะวันออกแล้วไม่มีใครสามารถกำราบนางได้หรอก”
“อะไรนะ แล้วท่านจะช่วยนางอย่างไรกัน” น้ำเสียงของไมยราญแฝงความห่วงใยอย่างจริงใจ
เจ้าเกาะแห่งความตายยิ้มมุมปาก “ใครๆ ว่าพญาบาดาลเป็นยอดนักรัก และมีชายาร่วมร้อยนาง เสพสมในทุกราตรีไม่มีขาด แต่ข้ากลับคิดว่าเขาช่างเป็นผู้ชายที่มีรักมั่นคงต่อหญิงเพียงคนเดียวที่หาได้ยากยิ่งในอาณาจักรแห่งนี้” มุตติหยุดนิดหนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “คิดว่าคงไม่เป็นอะไรมากนัก เพราะนางไปในร่างของชลนาคา ไม่นานนักสายลับของเราจะช่วยนางออกมาได้อย่างปลอดภัยเอง”
“แต่ก็ยังมีผู้ทำร้ายนางได้” ไมยราญกล่าวด้วยเสียงลอดไรฟัน
“อย่าห่วงเลย ท่านไปทำงานของท่าน ข้าก็รับผิดชอบส่วนข้า วางใจได้ เมื่อท่านกลับมาจากภารกิจ มาลาจะคอยท่านอยู่แน่”
จ้าวจตุรทิศ ภาคจัณฑวาตา ตอนที่ 39: รากเขาสุเมรุ (2/3)
http://ppantip.com/topic/31355785
คุยกันก่อนนะคะ
คุณน้องตะวันรัตติกาล: เป็นคุณน้องนักอ่านที่เหนียวแน่นจริงๆ ขอบคุณมากค่ะ ^^
ขอบคุณสำหรับการถูกใจค่ะ คุณ ลูนาติก, คุณ เขมปัณณ์, คุณ zoi และ คุณ Psycho man ค่ะ (สาวๆ หายไปไหนนน)
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
บุษบรรณถูกไมยราญพาตัวไปยังสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่งด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าเธอคือ มัสลิน ต่อมาเธอจึงรู้ว่าสถานที่ที่ไมยราญพามานั้นคือเกาะแห่งความตายที่อารมันกำลังตามหาอยู่และอาจเป็นที่ๆ ศิษย์เอกจอมเทพถูกขังอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง บุษบรรณตั้งใจไว้แล้วว่าจะใช้โอกาสนี้ช่วยรามิตหนีออกไปให้ได้
39. รากเขาสุเมรุ (2/3)
“ไม่ได้พบกันนานเลยนะ ท่านบุษบามินตราแห่งป้อมนักล่า!”
เสียงทุ้มกังวานดังแทรกขึ้น ปลายเสียงแหบพร่าลงเล็กน้อย ในทีแรกบุษบรรณไม่สามารถมองเห็นได้ว่าผู้ที่สามารถเอ่ยนามของเธอได้อย่างถูกต้องเป็นใครเนื่องจากไม่คุ้นเสียง ฝ่ายตรงข้ามเองก็ยืนอยู่บนบันไดที่ยกสูงขึ้นไปซ้ำด้านหลังยังมีแสงสว่างจ้าจนทำให้มองเห็นใบหน้าได้ไม่ชัดเจน
“บุษบามินตรางั้นหรือ” ไมยราญขึ้นเสียงสูงย้ำชื่อที่แท้จริงของเธอ
“นั่นเป็นนามของข้า” หญิงสาวยอมรับโดยดุษณี ทว่าสายตาของเธอจ้องมองไปยังผู้ที่กำลังเดินลงบันไดหินมาช้าๆ
“อย่างนั้นเจ้าก็ไม่ใช่เทพเวชรักษ์ผู้นั้น...” พญาบาดาลอ้าปากค้าง
“มันเป็นความผิดพลาดที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ไมยราญ”
พอจบประโยคผู้พูดก็ก้าวลงจากบันไดขั้นสุดท้ายมาประจันหน้ากับบุษบรรณ เหล่าทหารสิงหาละกะโค้งคำนับและถอยหลังออกไปอย่างมีระเบียบ ชายหนุ่มมีผิวที่ซีดขาว เฉกเช่นเดียวกับชุดที่สวมใส่ ผมสีดำยาวตรงถูกมัดหลวมๆ ไว้ด้านหลัง หากพบกับฝ่ายตรงข้ามบนพื้นพิภพอาจคิดว่าเขาคือเทพบัณฑิตหนุ่มรูปงามผู้ทรงภูมิความรู้ ทว่าเมื่อบุษบรรณมองชายตรงหน้ากลับรู้สึกว่าชุดสีขาวที่สวมบนร่างขาวโพลนนั้นทำให้ดูคล้ายกับร่างวิญญาณที่ไร้ชีวิตมากกว่า เจ้าเกาะแห่งความตายคือตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับชายผู้นี้
บุษบรรณใช้เวลาครู่หนึ่งจึงกล้าเอ่ยนามเทวะที่ครั้งหนึ่งเคยว่ากันว่าเขาน่าจะเป็นจ้าวแดนตะวันออกมากกว่าหัสรังสี
“มุตติ...เจ้าทำอะไรรามิต”
สายตาเย็นเฉียบตวัดมองไปยังไมยราญ เขาไม่ตอบคำถามของเธอในทันที กลับสั่งให้ทหารสิงหาละกะพาเธอไปที่ด้านในแทน ไม่วายที่หญิงสาวจะต่อต้านขัดขืน
“เจ้าทำอะไรกับสหายของเจ้า มุตติ!”
มุตติยังคงไม่สนใจกับคำถามของบุษบรรณจนกระทั่งร่างของเธอหายลับเข้าไปในทางเดินภายใน จากนั้นเขายืนรออย่างใจเย็นจนไมยราญเป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน
“ข้าขออภัย...ข้าไม่คิดว่า...”
แต่เทวะหนุ่มผู้ครองคทาทิศอีกเล่มหนึ่งของเทพอาณาจักรยกมือขึ้นเป็นเชิงห้าม “ข้าบอกแล้วว่าเป็นเรื่องผิดพลาดที่น่ายินดี...และข้าก็หมายความเช่นนั้นจริงๆ”
“นายท่านจะทำอะไรกับสาวน้อยนั่น”
อีกครั้งที่มุตติปรายตามายังผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีร่างสูงใหญ่กว่าตนถึงช่วงหนึ่ง
“ข้าจะทำอะไรกับสหายเก่าของข้า ย่อมไม่ใช่เรื่องของท่าน”
ไมยราญถึงกับสะอึก เขาก้มศีรษะลงอย่างจำยอม “เช่นนั้นนายท่านมีสิ่งใดจะใช้ข้าอีกหรือไม่”
“มาลายังไม่กลับมา” มุตติกล่าวเสียงเบาพอให้ไมยราญได้ยิน “ข้าอยากให้ท่านติดต่อกับสายลับของเรา สืบว่าเกิดอะไรขึ้นบนทุ่งม้าวิ่ง นอกจากจ้าวแดนตะวันออกแล้วไม่มีใครสามารถกำราบนางได้หรอก”
“อะไรนะ แล้วท่านจะช่วยนางอย่างไรกัน” น้ำเสียงของไมยราญแฝงความห่วงใยอย่างจริงใจ
เจ้าเกาะแห่งความตายยิ้มมุมปาก “ใครๆ ว่าพญาบาดาลเป็นยอดนักรัก และมีชายาร่วมร้อยนาง เสพสมในทุกราตรีไม่มีขาด แต่ข้ากลับคิดว่าเขาช่างเป็นผู้ชายที่มีรักมั่นคงต่อหญิงเพียงคนเดียวที่หาได้ยากยิ่งในอาณาจักรแห่งนี้” มุตติหยุดนิดหนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “คิดว่าคงไม่เป็นอะไรมากนัก เพราะนางไปในร่างของชลนาคา ไม่นานนักสายลับของเราจะช่วยนางออกมาได้อย่างปลอดภัยเอง”
“แต่ก็ยังมีผู้ทำร้ายนางได้” ไมยราญกล่าวด้วยเสียงลอดไรฟัน
“อย่าห่วงเลย ท่านไปทำงานของท่าน ข้าก็รับผิดชอบส่วนข้า วางใจได้ เมื่อท่านกลับมาจากภารกิจ มาลาจะคอยท่านอยู่แน่”