จ้าวจตุรทิศ ภาค จัณฑวาตา ตอนที่ 42: ตรุเทพเจ้า (2/3)

กระทู้สนทนา
ตอนที่ 42: ตรุเทพเจ้า (1/3) http://ppantip.com/topic/31567416

คุยกันก่อนนะคะ

คุณ ตะวันรัตติกาล: อารมันมันก็มีฮาบ้าง ซีเรียสบ้าง สลับกันไปค่ะ

คุณ Psycho man: เดี๋ยวก็รู้ว่าใครจะถอยกันแน่ค่ะ

คุณ 709113:  หือ...นักอ่านแต่ละท่าน มุกเยอะกันจริงๆ

ขอบคุณสำหรับผู้ให้ถูกใจนะคะ:  คุณ Phoenixorus , คุณ Psycho man, คุณ zoi , และคุณ ตะวันรัตติกาล ค่ะ


ความเดิมจากตอนที่แล้ว

หลังจากที่มาลารับปากว่าจะช่วยบุษบามินตราให้ปลอดภัย อารมันจึงทำตามข้อตกลงที่เขาได้ลั่นวาจาเอาไว้ ทว่าก่อนหน้านั้นเขาได้พบกับมุตติ อดีตเทพตะวันออก ซึ่งสถานะปัจจุบันของเขาคือเจ้าเกาะแห่งความตาย






42. ตรุเทพเจ้า (2/3)


อารมันพยุงกายขึ้น พลางยิ้มนิดหนึ่ง “ความรู้สึกช้าจริงนะ...ข้าคือ อารมันแห่งเวนไตย ท่านคิดว่าใครกันเล่า”

มุตตินิ่งอึ้งพลางมองไปที่ฝ่ายตรงข้ามอย่างพินิจอีกครั้ง จากนั้นก็หัวเราะลั่น ท่าทางของเขากลายเป็นก้าวร้าวขึ้นมาในทันใด

“เช่นนั้นเจ้าก็มีประโยชน์อยู่เพียงอย่างเดียว!”

มุตติเรียกสายน้ำมาอีกเป็นทวีคูณแต่อารมันนั้นคอยท่าอยู่แล้ว นักรบเวนไตยสามารถสลายมนตร์วารีได้แบบเดียวกับที่เขาสลายอัคคิเวทของหัสรังสี ทว่าการต่อสู้กับคทาทิศเป็นอีกเรื่องหนึ่ง...และเขาเองก็ตระหนักดี ดังนั้นเมื่อเห็นว่ามุตติโจมตีต่อด้วยกำลังเต็มที่จากคทาเอก อารมันจึงหันหลังกลับวิ่งเหยียดเต็มฝีเท้ากระโจนเข้าสู่เหวน้ำลึกของเกาะแห่งความตาย

ทว่านักรบแห่งเวนไตยไม่ได้กระทำการเช่นนั้นโดยสิ้นคิด...

ขณะที่เขากระโดดจากปลายหน้าผานั่นเอง อารมันพลันคว้าจับรากไม้ที่ห้อยอยู่ใกล้ที่สุดได้ทัน รากของต้นไม้ยักษ์ย่อมมีขนาดตามชื่อจึงทานรับน้ำหนักของนักรบเผ่าเวนไตยได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ เมื่อเห็นพละเวทดังระลอกคลื่นสีเขียวผ่านตัวไปแล้ว อารมันจึงเหวี่ยงตัวหนีไปทางด้านหน้าของน้ำตกใหญ่ แล้วทิ้งตัวลงบนสะพานหินได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ความจริงแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่สามารถกระทำกันได้หากไม่ได้รับการฝึกฝนมาก่อน ทว่าอารมันเป็นนักล่านกซ้ำยังมีฝีมือเกินมาตรฐานอยู่หลายขุม การใช้สายตาและปฏิกิริยาโต้ตอบทางร่างกายขณะอยู่กลางอากาศเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด

แต่ผู้ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนถึงกับมองด้วยสายตากริ้วโกรธ ซ้ำยังขบกรามแน่นจนเป็นสันนูนเพราะไอ้เจ้านักรบแห่งเวนไตยที่หนีไปอยู่อีกฟากหนึ่งค้อมตัวลงสุดเหยียดแบบเกินงาม

“ขออภัยนะขอรับ แต่บังเอิญข้ามีธุระด่วน ต้อง...”

น้ำเสียงของอารมันขาดหาย เพราะเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็พบว่าร่างของเจ้าเกาะแห่งความตายมายืนอยู่ที่ปลายสะพานปิดทางหนีของเขาเสียแล้ว อารมันสะดุ้ง หันไปคำนวณระยะทางจากชะง่อนหินเมื่อครู่กับสะพานที่อยู่ด้านหน้าน้ำตก แล้วเอามือเกาหลังคอ

เวทเบิกโพรงดำงั้นหรือ

“ข้าไม่รู้ว่าท่านทำแบบนั้นได้ โอ...เท่ากับข้าปิดทางหนีของตัวเองแล้วสิ” อารมันเปลี่ยนแผนทำใจดีสู้ แต่ทว่าคู่ต่อสู้กำลังโกรธจึงไม่ได้โต้ตอบด้วยคำพูดแต่อย่างใด มุตติยกมือเพียงข้างเดียวรากของต้นรากเขาสุเมรุที่เกี่ยวพันอยู่รอบบริเวณพลันขาดสะบั้น น้ำที่คั่งค้างอยู่บนรากไม้จำนวนมากจึงตกพรำไปทั่วพื้นสะพานในขณะที่รากไม้บางส่วนหลุดร่วงลงไปยังผืนน้ำสีดำเบื้องล่าง

“น่าสงสารต้นไม้ที่ไม่มีความผิดนะขอรับ” แม้จะรู้ตัวว่าอยู่ในสถานการณ์คับขัน แต่อารมันยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงปรกติพลางก้มลงหยิบรากไม้ที่ถูกตัดขาดมากำมือหนึ่งแล้วแกว่งไปมา

เมื่อไม่เห็นว่าฝ่ายตรงข้ามจะแสดงกิริยาตื่นตระหนกเมื่อรู้ว่าตัวพลาดท่าเสียที เจ้าเกาะแห่งความตายซึ่งมักจะชินกับคำร้องขอชีวิตจึงบันดาลโทสะ มุตติพลันกระแทกด้ามคทาลงบนพื้นสะพานหิน เมื่อนั้นพื้นหินที่อารมันยืนอยู่ก็หลุดร่วงลงไปผืนน้ำที่มืดมิดเบื้องล่าง ร่างของเทพเวนไตยจึงร่วงตกลงไปพร้อมกันโดยทันใด

มุตติหรี่ตาลง อารมณ์เริ่มคลาย ทว่าเมื่อเขาตั้งใจจะหันหลังกลับเพื่อไปจัดการสิ่งอื่นต่อ อะไรบางอย่างก็ทำให้เขาต้องย้อนกลับมาที่โพรงกลางสะพานเพื่อดูให้แน่ใจ เมื่อนั้นเจ้าเกาะแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง เพราะยังเห็นร่างไอ้นักล่านกโหนห้อยต่องแต่งไม่รู้จักยอมแพ้ตกลงไป มือข้างหนึ่งเขายังเกาะชิ้นส่วนสะพานหลักได้ทันการณ์ มิหนำซ้ำมันยังยิ้มแยกเขี้ยวให้เสียด้วยเมื่อมองขึ้นมาแล้วเห็นสีหน้าประหลาดใจของฝ่ายตรงข้าม

เจ้าเกาะแห่งความตายหมดความอดทน เขายกคทาทิศค้างหมายจะจบชีวิตฝ่ายตรงข้ามที่เกาะอยู่อย่างหมิ่นเหม่

“เป็นข้าจะไม่ทำแบบนั้นนะขอรับ”

มุตติยิ้มเย็น เพราะเข้าใจผิดคิดว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังจะร้องขอชีวิต เขาจึงตั้งใจกระแทกด้ามคทากับพื้นสะพานหิน ทว่าอารมันรู้ตัวเสียก่อนจึงยอมปล่อยมือ ทิ้งร่างของตัวเองลงสู่หุบเหวลึกเบื้องล่าง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่