จ้าวจตุรทิศ ภาค จัณฑวาตา ตอนที่ 42: ตรุเทพเจ้า (3/3)

กระทู้สนทนา
ตอนที่ 42: ตรุเทพเจ้า (2/3) http://ppantip.com/topic/31599384

คุยกันก่อนนะคะ

คุณ ตะวันรัตติกาล: มาต่อให้แล้วนะคะ

คุณ Phoenixorus: ตอนนี้จัดเป็นไฮไลท์ของอารมันตอนหนึ่งเลยค่ะ

คุณ GTW: อารมันจะรอดไม่รอด เดี๋ยวใครรู้กันละ

ขอบคุณสำหรับผู้ให้ถูกใจนะคะ:  คุณ Phoenixorus , คุณ zoi , และคุณ ตะวันรัตติกาล ค่ะ


ความเดิมจากตอนที่แล้ว

ในที่สุดมุตติก็รู้จนได้ว่าอารมันไม่ใช่รามิต หากอารมันรู้ตัวก่อนเขาจึงคิดเตรียมหาทางหนีทีไล่ จนทั้งสองตกตกไปธารน้ำลึกของเกาะแห่งความตาย ทว่าอารมันกลับเพียงผู้เดียวที่ตกเหวน้ำสู่ภพวิปลาส






42. ตรุเทพเจ้า (3/3)
**ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป เนื้อหาจะมีการเฉลยเหตุการณ์สำคัญของเรื่องนะคะ**

อารมันเอื้อมมือแตะหลังเข็มขัด พลันนึกแปลกใจว่ากริชเวนไตยยังคงอยู่กับตนเอง เทวะหนุ่มจึงถือมันไว้ในมือขวา ใบดาบส่องสว่างราวคบไฟ เขาพยายามคะเนหาทิศทาง ทว่าตอนนี้เขาไม่รู้เหนือใต้จึงไม่รู้ว่าจะเลือกเส้นทางใดดี อารมันถอนใจยาว ในขณะเดียวกันนั้นเองเขาจึงเห็นแสงสว่างบางอย่างท่ามกลางความมืดมิดเบื้องหน้า

กับดัก? ความคิดแรกแล่นปราดเข้ามา

ทว่าหลังจากชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง เทพเวนไตยจึงเลือกที่จะไปตามเส้นทางนั้น ทำนองว่า ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้แล้ว เทวะหนุ่มก้าวเดินอย่างระมัดระวัง พลางสังเกตสิ่งรอบตัว แม้จะไม่เห็นตัวทว่าสัมผัสเทวะตระหนักดีว่ามีสิ่งที่ไม่สมควรจะอยู่ในภพของมันพากันหุบปีกแล้วพรางตัวอยู่ในเงามืด ทำไมพวกมันไม่เข้ามาโจมตีข้าเหมือนเมื่อครู่ หรือว่าข้ากำลังทำในสิ่งที่พวกมันต้องการ...มันจึงไม่ต้องการสังหารข้าในตอนนี้

แม้จะมีเรื่องที่น่าสงสัยอีกมากมายทว่าอารมันแน่ใจอย่างหนึ่งว่าหากเขาไม่รีบพาตนเองออกไปจากภพวิปลาส เขาเองคงจะสูญเสียพละเวทจนมีสภาพไม่ต่างไปจากพวกมันที่อยู่รายล้อมแน่ ครั้นเดินมาได้ระยะหนึ่งอารมันจึงสังเกตว่าระยะห่างของกำแพงสูงทั้งสองข้างค่อยๆ ขยายออกจนเกือบเท่าความกว้างของถนนในเมืองใหญ่ ภาพเบื้องหน้าค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นเมื่อเทพเวนไตยยกกริชชูเหนือศีรษะตน

สุดปลายทางของกำแพงสูงนี้คือวิหาร...วิหารศิลาหลังเดี่ยวตั้งอยู่บนสระน้ำใส ใสจนเกินไป...จนดูไม่เหมือนจริง

มายาภาพ

แม้จะมีความสงสัยทว่าแสงสว่างเดียวที่เปล่งรัศมีออกมาจากข้างในตัววิหารทำให้อารมันแคลงใจว่ามันคืออะไรกันแน่ เทวะหนุ่มกระชับอาวุธในมือก่อนจะก้าวเท้าขึ้นบนฐานบันไดส่วนหน้าของวิหาร ขณะเดินข้ามสะพานเขาเหลียวไปมองด้านหลัง ดูเหมือนพวกเหล่าวิญญาณกระทั่งอสุรกายที่สิงสถิตในตรุเทพเจ้าจะไม่สามารถเข้ามาใกล้วิหารแห่งนี้ได้

อารมันหยุดยืนหน้าประตูไม้สีแดงเข้มที่มีลวดลายแกะสลักด้วยทองคำแลดูสวยงาม เสมือนช่างทองเพิ่งทำงานไม่นานมานี้ ทว่าสิ่งที่อารมันแปลกใจมากกว่าคือลายที่แกะบนบานไม้ทั้งซ้ายขวานั้นคล้ายปีกนกที่กำลังลุกโพลงด้วยเปลวเพลิง

มีใครรู้ว่าข้าจะมาที่นี่งั้นหรือ แต่อารมันสลัดความคิดนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว...

อารมันตัดสินใจเก็บกริชของตนเข้าฝักทำให้แสงสว่างวูบลงนิดหนึ่ง เขาพลิกหงายฝ่ามือตนเองขึ้น

เอาละ...เจ้าได้ตัดสินใจแล้วอารมัน...เป็นไงเป็นกัน

เทวะหนุ่มทาบมือลงบนประตู ในทีแรกมันไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ทว่าในฉับพลันนั้นเองลวดลายสีทองบนประตูกลับเปล่งแสงออกมาและสว่างขึ้นเรื่อยๆ จนอารมันยังต้องเบือนหน้าหนีจากแสงสว่างอันเจิดจ้านั้น เสียงกึกก้องราวฟ้าลั่นดังไปทั่ว มันสะเทือนขึ้นไปจนถึงเหนือโลกา แทรกผ่านทุ่งหญ้า ป่าเขา ลำธาร แม่น้ำ หมู่บ้าน เมืองใหญ่ กำแพง ปราสาท สิ่งก่อสร้างนานาหรือกระทั่งกำแพงเวทอันสลับซับซ้อนและทะลุผ่านมนตร์ครอบเมืองของศิลาลัย นครศักดิ์สิทธิ์ของชาวเทวะยังไม่อาจต้านทานพลังอันยิ่งยวดนี้

บัดนั้นแม้แต่จอมเทพที่ประทับอยู่บนบังลังก์สูง ณ ใจกลางอาณาจักร ห่างออกไปจากเกาะแห่งความตายเป็นระยะทางไกลมากจนสดายุเดินทางไม่ถึงภายในวันเดียว ถึงกับสะดุ้งหันขวับมาทางต้นกำเนิดของเสียงลั่นพสุธา

ดวงตาคมกริบของจอมเทพแห่งศิลาลัยเต้นระยับ จนไม่สามารถคาดเดาได้ว่ากำลังยินดีหรือตื่นตระหนกกันแน่


*****
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่