ตอนที่ 41: เกาะแห่งความตาย ต่อ - (2/2)
http://ppantip.com/topic/31535789
คุยกันก่อนนะคะ
คุณ ตะวันรัตติกาล: อย่างที่บอกโน๊ะ อารมันมันอยากช่วยบุษบรรณก่อน อะไรก็ไม่สนแล้ว แถมถ้าเทียบกัน อารมันจะใจร้อนกว่ารามิตนิดนึงเนาะ
คุณ หมายเลข 709113: ขอบคุณมากค่ะ
ขอบคุณสำหรับผู้ให้ถูกใจนะคะ: คุณ GTW, คุณ สมาชิกหมายเลข 1212947, คุณ ตะวันรัตติกาล, คุณ จันทรภักดี
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
อารมันสามารถรบชนะหัสรังสีจึงใช้ช่วงเวลานั้นบุกเข้าไปในเขตพำนักของจ้าวแดนตะวันออกเพื่อชิงตัวนางนาคา ทว่ามาลากลับตั้งเงื่อนไขสองข้อให้อารมันต้องปฎิบัติตามเธอถึงจะยอมให้การช่วยเหลือเทวะหนุ่มในการเปิดเผยเส้นทางสู่เกาะแห่งความตาย
42. ตรุเทพเจ้า (1/3)
“ได้เวลาแล้วท่านอารมัน” มาลาเอ่ยขึ้น พลางหันหน้าไปยังปลายทางออก
“ห้ามไปนะ” บุษบรรณเงยหน้า มองตรงมายังคู่สนทนา ชักเท้าออกมายืนขวาง เป็นฝ่ายอารมันเสียเองที่ต้องหันไปมองทางอื่น
“ท่านเคยบอกว่าข้าเหมือนศิษย์เอกจอมเทพไม่ใช่หรือขอรับ”
“อย่าแม้แต่จะคิดเชียวนะ!” บุษบรรณร้องห้ามในทันที คล้ายคะเนได้อย่างแม่นยำว่าฝ่ายตรงข้ามคิดจะทำสิ่งใด ทว่านักรบจากเวนไตยทำเหมือนไม่ได้ยิน
“ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยท่าน หากท่านไม่รอดไปพบหน้าพี่ชาย ข้าคงกลับไปไม่ได้ ท่านมือปราบ...จนป่านนี้แล้ว ท่านยังจำข้าไม่ได้อีกหรือ” เขาย้ำ ดวงตาสีเทาคมกริบที่มักจะทอประกายตลอดเวลาแม้ในยามสิ้นหวังกลับแฝงด้วยความร่องรอยตัดพ้อ
บุษบรรณเอื้อมมือจับแขนของเทวะหนุ่มแล้วพลิกหงายข้อมือของเขาขึ้น ปรกติแล้วอารมันมักจะสวมปลอกรัดข้อมือกันสายบังเหียนนกบาดแบบเดียวกับผู้ที่ต้องเดินทางด้วยสดายุจนชิน ทำให้ปกปิดร่องรอยบนข้อมือที่สักตราเนตรตุลาการอย่างชัดเจน เมื่อบุษบรรณปลดปลอกมือนั้นออกเธอจึงจดจำเขาได้โดยพลัน
“ทำไมไม่บอกข้า” เทพีภูระเงยหน้าขึ้น
สิ้นเสียงของบุษบรรณ เทวะหนุ่มถึงกับยิ้มกว้าง
“ถ้าทำอย่างนั้น...ท่านก็รู้ว่าข้าเป็นใครน่ะสิขอรับท่านมือปราบ หากข้าโชคดี...รอดออกไปได้พบท่านอีกครั้ง...กรุณาเห็นข้าเป็น อารมัน ด้วยนะขอรับ” จากนั้นอารมันขยับตัวด้วยตระหนักว่าถึงเวลาที่เขาต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับมาลา เขาต้องไปแดนมัตตัย ในช่วงเวลานั้นเองอารมันยอมเสียมารยาท ดึงร่างฝ่ายตรงข้ามเข้ามากอดแน่นจนแม้แต่บุษบรรณเองยังตกใจ เขากระซิบข้างหูเธอ เน้นย้ำทุกคำพูด
“อย่าวางใจมาลา หากมีสิ่งใดเกิดขึ้น จงใช้สิ่งนี้ ข้าไม่ต้องการให้ใครก็ตามได้มันไป”
เมื่อตระหนักว่าอารมันกำลังส่งสิ่งใดให้ บุษบรรณจึงรู้ว่าไม่มีทางเปลี่ยนใจฝ่ายตรงข้ามได้
“ข้าจะตามหาท่าน” เธอกระซิบตอบ
“อย่าทำเช่นนั้น”
“ข้าจะตามหาท่าน” บุษบรรณย้ำ ไม่สนใจประโยคที่อีกฝ่ายกล่าวออกมา
อารมันคล้ายจะหัวเราะเบาๆ ไม่ต่อคำใด พลางผละออกมา
“คราวนี้ข้าคงทำให้สหายท่านอิจฉาบ้างละ” เขาเดินถอยออกไปช้าๆ พลางกางแขนออกนอกลำตัว คล้ายส่งสัญญาณบอกกับมาลาว่าตนพร้อมแล้ว เมื่อบุษบรรณเอะใจและขยับร่างตาม สิ่งรอบตัวทั้งหมดกลับพร่าเลือนและสั่นไหว คล้ายกำลังอยู่ท่ามกลางเวทเบิกพสุธาโดยไม่รู้ตัว
มาลาจะพาท่านออกไปจากเกาะแห่งความตาย...
เสียงของอารมันดังขึ้นในโสตประสาทคล้ายเขากำลังกระซิบอยู่ข้างหู บุษบรรณพยายามฝืนใช้พละเวทเพื่อให้ตนเองกลับมายังสถานที่แห่งเดิม ทว่าพละมนตราของเธอในขณะนี้ไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่นิดเดียว เพียงครู่เดียวหลังจากที่มาลาร่ายเวทเบิกพสุธา หมอกมนตราที่เกิดจากการร่ายเวทก็ค่อยๆ จางลงพร้อมกับร่างท่านมือปราบ
อารมันถอนใจยาว นึกให้กำลังใจตนเอง...
แล้วพบกัน...
จ้าวจตุรทิศ ภาค จัณฑวาตา ตอนที่ 42: ตรุเทพเจ้า (1/3)
คุยกันก่อนนะคะ
คุณ ตะวันรัตติกาล: อย่างที่บอกโน๊ะ อารมันมันอยากช่วยบุษบรรณก่อน อะไรก็ไม่สนแล้ว แถมถ้าเทียบกัน อารมันจะใจร้อนกว่ารามิตนิดนึงเนาะ
คุณ หมายเลข 709113: ขอบคุณมากค่ะ
ขอบคุณสำหรับผู้ให้ถูกใจนะคะ: คุณ GTW, คุณ สมาชิกหมายเลข 1212947, คุณ ตะวันรัตติกาล, คุณ จันทรภักดี
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
อารมันสามารถรบชนะหัสรังสีจึงใช้ช่วงเวลานั้นบุกเข้าไปในเขตพำนักของจ้าวแดนตะวันออกเพื่อชิงตัวนางนาคา ทว่ามาลากลับตั้งเงื่อนไขสองข้อให้อารมันต้องปฎิบัติตามเธอถึงจะยอมให้การช่วยเหลือเทวะหนุ่มในการเปิดเผยเส้นทางสู่เกาะแห่งความตาย
42. ตรุเทพเจ้า (1/3)
“ได้เวลาแล้วท่านอารมัน” มาลาเอ่ยขึ้น พลางหันหน้าไปยังปลายทางออก
“ห้ามไปนะ” บุษบรรณเงยหน้า มองตรงมายังคู่สนทนา ชักเท้าออกมายืนขวาง เป็นฝ่ายอารมันเสียเองที่ต้องหันไปมองทางอื่น
“ท่านเคยบอกว่าข้าเหมือนศิษย์เอกจอมเทพไม่ใช่หรือขอรับ”
“อย่าแม้แต่จะคิดเชียวนะ!” บุษบรรณร้องห้ามในทันที คล้ายคะเนได้อย่างแม่นยำว่าฝ่ายตรงข้ามคิดจะทำสิ่งใด ทว่านักรบจากเวนไตยทำเหมือนไม่ได้ยิน
“ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยท่าน หากท่านไม่รอดไปพบหน้าพี่ชาย ข้าคงกลับไปไม่ได้ ท่านมือปราบ...จนป่านนี้แล้ว ท่านยังจำข้าไม่ได้อีกหรือ” เขาย้ำ ดวงตาสีเทาคมกริบที่มักจะทอประกายตลอดเวลาแม้ในยามสิ้นหวังกลับแฝงด้วยความร่องรอยตัดพ้อ
บุษบรรณเอื้อมมือจับแขนของเทวะหนุ่มแล้วพลิกหงายข้อมือของเขาขึ้น ปรกติแล้วอารมันมักจะสวมปลอกรัดข้อมือกันสายบังเหียนนกบาดแบบเดียวกับผู้ที่ต้องเดินทางด้วยสดายุจนชิน ทำให้ปกปิดร่องรอยบนข้อมือที่สักตราเนตรตุลาการอย่างชัดเจน เมื่อบุษบรรณปลดปลอกมือนั้นออกเธอจึงจดจำเขาได้โดยพลัน
“ทำไมไม่บอกข้า” เทพีภูระเงยหน้าขึ้น
สิ้นเสียงของบุษบรรณ เทวะหนุ่มถึงกับยิ้มกว้าง
“ถ้าทำอย่างนั้น...ท่านก็รู้ว่าข้าเป็นใครน่ะสิขอรับท่านมือปราบ หากข้าโชคดี...รอดออกไปได้พบท่านอีกครั้ง...กรุณาเห็นข้าเป็น อารมัน ด้วยนะขอรับ” จากนั้นอารมันขยับตัวด้วยตระหนักว่าถึงเวลาที่เขาต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับมาลา เขาต้องไปแดนมัตตัย ในช่วงเวลานั้นเองอารมันยอมเสียมารยาท ดึงร่างฝ่ายตรงข้ามเข้ามากอดแน่นจนแม้แต่บุษบรรณเองยังตกใจ เขากระซิบข้างหูเธอ เน้นย้ำทุกคำพูด
“อย่าวางใจมาลา หากมีสิ่งใดเกิดขึ้น จงใช้สิ่งนี้ ข้าไม่ต้องการให้ใครก็ตามได้มันไป”
เมื่อตระหนักว่าอารมันกำลังส่งสิ่งใดให้ บุษบรรณจึงรู้ว่าไม่มีทางเปลี่ยนใจฝ่ายตรงข้ามได้
“ข้าจะตามหาท่าน” เธอกระซิบตอบ
“อย่าทำเช่นนั้น”
“ข้าจะตามหาท่าน” บุษบรรณย้ำ ไม่สนใจประโยคที่อีกฝ่ายกล่าวออกมา
อารมันคล้ายจะหัวเราะเบาๆ ไม่ต่อคำใด พลางผละออกมา
“คราวนี้ข้าคงทำให้สหายท่านอิจฉาบ้างละ” เขาเดินถอยออกไปช้าๆ พลางกางแขนออกนอกลำตัว คล้ายส่งสัญญาณบอกกับมาลาว่าตนพร้อมแล้ว เมื่อบุษบรรณเอะใจและขยับร่างตาม สิ่งรอบตัวทั้งหมดกลับพร่าเลือนและสั่นไหว คล้ายกำลังอยู่ท่ามกลางเวทเบิกพสุธาโดยไม่รู้ตัว
มาลาจะพาท่านออกไปจากเกาะแห่งความตาย...
เสียงของอารมันดังขึ้นในโสตประสาทคล้ายเขากำลังกระซิบอยู่ข้างหู บุษบรรณพยายามฝืนใช้พละเวทเพื่อให้ตนเองกลับมายังสถานที่แห่งเดิม ทว่าพละมนตราของเธอในขณะนี้ไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่นิดเดียว เพียงครู่เดียวหลังจากที่มาลาร่ายเวทเบิกพสุธา หมอกมนตราที่เกิดจากการร่ายเวทก็ค่อยๆ จางลงพร้อมกับร่างท่านมือปราบ
อารมันถอนใจยาว นึกให้กำลังใจตนเอง...แล้วพบกัน...