ตอนที่ 36: วายุและอัคคี (ส่วนแรก 1/3)
http://ppantip.com/topic/30230931
คุยกันก่อนนะคะ
คุณ ซาลาสซา: มินาเล่า ชอบแซวลุงเมธิน ที่แท้แอบชูป้ายไฟกันนี่นา ^^
คุณ Psycho man: ศนิกะเป็นตัวไม่ร้ายแบบจริงจัง อีกสักประเดี๋ยวก็จะต้องหลีกทางให้ตัวร้ายจริงๆ ละ
คุณ น้องอัญญ์: ตอนนี้มีแน่ค่ะ ^^
คุณ kiikifon: ที่คุณถามมานี่ไคล์แมกซ์ทั้งนั้น รออีกเดี๋ยวเดียวนะคะ
คุณ ลูนาติก: เค้าไม่เกี่ยวนะ ^^
และขอขอบคุณผู้ให้ Give นะคะ: คุณ ลูนาติก, คุณ zoi, คุณ Psycho man และคุณ ซาลาสซา ค่ะ
ปล.คุณ Scottie หายไปแล้ว งือ
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
บุษบามินตราต้อนรับหัสรังสีในฐานะเจ้าบ้านเป็นอย่างดี ในระหว่างนั้นเองหัสรังสีจึงเอ่ยถามอาการมัสลินด้วยความจริงใจ ทำให้ทัศนคติที่มีต่อหัสรังสีของเธอดูดีขึ้นเล็กน้อย ต่อมาทั้งสองถูกรังควานโดยศนิกะที่กำลังเมาสุราจึงเผลอร่ายเวทใส่จ้าวแดนตะวันออก ผลกระทบของมันทำให้ฝูงพาฬปักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่แตกรังจนทำให้บริเวณหมู่บ้านริมทะเลสาบเกิดความสับสนอลหม่านกันไปหมด
36. วายุและอัคคี (2/3)
เมื่อนั้นบุษบรรณจึงอยู่เฉยไม่ได้แล้ว ถึงเธอจะเพิ่งรู้จักกับชายอาวุโสผู้นี้ หากเธอรู้ว่าท่านเมธินไม่ได้เป็นอย่างที่หัสรังกล่าวอ้างแน่ หรือถึงแม้เขาอาจจะเคยเป็นมาริตเทพ หากบุษบรรณแน่ใจว่าบัดนี้เขาคงเลิกราการฆ่าฟันผลาญชีวีไปแล้ว เธอจึงกล่าวตรงๆ ไม่อ้อมค้อมหรือไว้มารยาทอีกต่อไป
“จ้าวแดนตะวันออก แม้ท่านเมธินอาจจะเป็นเทวกาฬจริง หากเขาได้กล่าวว่าไม่ได้มีฐานะเป็นดังที่ท่านอ้าง ข้าเกรงว่าท่านอาจไม่มีสิทธิลงโทษใครโดยไร้การไต่สวนและมีเพียงหลักฐานอ้างอิงเป็นวาจาสันนิษฐาน”
หัสรังสีส่งเสียงรับในลำคออย่างไม่ประหวั่นพรั่นพรึง “เช่นนั้นก็ส่งมือปราบมาจับข้าสิ” จ้าวแดนตะวันออกท้า ว่าแล้วจึงชักเท้าออกมาที่ริมท่าน้ำเงยหน้ามองพาฬปักษ์ที่บินฉวัดเฉวียนอยู่เบื้องบน บัดนั้นเขาหัวเราะ เย้ยฟ้าเสียงดัง
“เทพอาณาจักรแห่งนี้ช่างแปลกกระไรนัก สุริยเทวาผู้ทรงฤทธิ์กลับต้องพึ่งเทวะแดนดำยามเมื่อแสงสุรีย์สิ้นแสง ไร้หนทางกระทั่งต้องหนีอย่างสิ้นค่ากระทั่งเดรัจฉานสันดานหยาบอย่างนั้นหรือ” ประกายตาของจ้าวแดนตะวันออกเจิดจรัสราวกองไฟ “หากเทวะสิ้นสาแหรกสามารถสยายปีกยามค่ำคืนได้ ข้าผู้เป็นถึงจ้าวครองบุรพทิศ ไฉนเลยจะทำไม่ได้”
ทันใดนั้นจ้าวแดนตะวันออกเอ่ยพละเวทปรากฏเป็นเส้นแสงในอากาศคล้ายตาข่ายเวท บังเกิดเสียงร้องดังแหวกอากาศของพาฬปักษ์ตัวที่บินเข้ามาโดนกับดักเวทอย่างจัง จากนั้นเพียงแค่หัสรังสีใช้แขนเพียงข้างเดียวกระชากตาข่ายเวทของตนลงมา ลากเอาพาฬปักษ์ยักษ์ร่วงตกตามลงมาด้วยแรงฉุดมหาศาลที่ไม่อาจต้านทาน
เจ้านกตัวใหญ่ตกโครมลงมาจนพื้นไหว จ้าวแดนตะวันออกย่างสามขุมเข้าหาโดยไม่เกรงกลัว พาฬปักษ์ที่มีหางบิ่นตัวนั้นขู่คำรามโต้ตอบ หัสรังสีพลันยกบาทเหยียบหัวไว้จนสิ้นฤทธิ์ กระนั้นแม้จะรู้ว่าเป็นจ้าวทิศทว่ามันยังคงดิ้นขลุกขลักไม่ยอมจำนน เทพไท้แห่งตะวันออกจึงต้องใช้พละเวทบังคับเพื่อสยบมัน ในทีแรกพาฬปักษ์โชคร้ายยังคงดิ้นรนเพื่อให้ตนเป็นอิสระหากทว่าต่อมามันก็หยุดดิ้น หัสรังสีถอนบาท ปราดกระโดดขึ้นบนหลังใหญ่โตของนกยักษ์ โผทะยานขึ้นไปบนเวหาอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความตื่นตระหนกของทุกคนไม่เว้นแม้แต่ทหารองครักษ์ของวังสุริยันเอง
บุษบรรณใจหายวาบ เมื่อเดาความคิดและการกระทำของหัสรังสีต่อไปได้
มีไม่กี่เรื่องที่ทำให้เจ้าคลั่งนั่นออกอาการ
‘คลั่ง’ ได้ถึงขนาดนี้
แย่ละ...เขาคิดว่าอารมันคือรามิตแน่ ทว่าในวาระนี้เองที่บุษบรรณเพิ่งตระหนักว่าเธอเริ่มวิตกกังวลแทนนักรบเผ่าเวนไตย
อารมันเบี่ยงกายชะโงกมองเบื้องล่างมื่อตนสัมผัสถึงพละมนตรามหาศาล เขาสบถในใจเมื่อเห็นจ้าวแดนตะวันออกใช้เวทสยบบริวารจนได้พาฬปักษ์มาบังคับใช้ ซ้ำยังร่ายเวทอัคคีเผาผลาญฝูงนกร้ายจนทั้งตัวลุกไหม้ด้วยความร้อนร่วงตกลงในทะเลสาบเหมือนเจ้านกยักษ์เป็นเพียงฝูงแมลงสิ้นท่า เหล่านักล่านกเห็นการกระทำของจ้าวแดนตะวันออกหากไม่กล้าเข้าไปห้ามปรามด้วยเกรงศักดิ์หรือร้ายกว่านั้นคือตกเป็นเป้าหมายสังหารเสียเอง
จ้าวจตุรทิศ ภาคจัณฑวาตา: ตอนที่ 36 วายุและอัคคี (ส่วนกลาง 2/3)
คุยกันก่อนนะคะ
คุณ ซาลาสซา: มินาเล่า ชอบแซวลุงเมธิน ที่แท้แอบชูป้ายไฟกันนี่นา ^^
คุณ Psycho man: ศนิกะเป็นตัวไม่ร้ายแบบจริงจัง อีกสักประเดี๋ยวก็จะต้องหลีกทางให้ตัวร้ายจริงๆ ละ
คุณ น้องอัญญ์: ตอนนี้มีแน่ค่ะ ^^
คุณ kiikifon: ที่คุณถามมานี่ไคล์แมกซ์ทั้งนั้น รออีกเดี๋ยวเดียวนะคะ
คุณ ลูนาติก: เค้าไม่เกี่ยวนะ ^^
และขอขอบคุณผู้ให้ Give นะคะ: คุณ ลูนาติก, คุณ zoi, คุณ Psycho man และคุณ ซาลาสซา ค่ะ
ปล.คุณ Scottie หายไปแล้ว งือ
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
บุษบามินตราต้อนรับหัสรังสีในฐานะเจ้าบ้านเป็นอย่างดี ในระหว่างนั้นเองหัสรังสีจึงเอ่ยถามอาการมัสลินด้วยความจริงใจ ทำให้ทัศนคติที่มีต่อหัสรังสีของเธอดูดีขึ้นเล็กน้อย ต่อมาทั้งสองถูกรังควานโดยศนิกะที่กำลังเมาสุราจึงเผลอร่ายเวทใส่จ้าวแดนตะวันออก ผลกระทบของมันทำให้ฝูงพาฬปักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่แตกรังจนทำให้บริเวณหมู่บ้านริมทะเลสาบเกิดความสับสนอลหม่านกันไปหมด
36. วายุและอัคคี (2/3)
เมื่อนั้นบุษบรรณจึงอยู่เฉยไม่ได้แล้ว ถึงเธอจะเพิ่งรู้จักกับชายอาวุโสผู้นี้ หากเธอรู้ว่าท่านเมธินไม่ได้เป็นอย่างที่หัสรังกล่าวอ้างแน่ หรือถึงแม้เขาอาจจะเคยเป็นมาริตเทพ หากบุษบรรณแน่ใจว่าบัดนี้เขาคงเลิกราการฆ่าฟันผลาญชีวีไปแล้ว เธอจึงกล่าวตรงๆ ไม่อ้อมค้อมหรือไว้มารยาทอีกต่อไป
“จ้าวแดนตะวันออก แม้ท่านเมธินอาจจะเป็นเทวกาฬจริง หากเขาได้กล่าวว่าไม่ได้มีฐานะเป็นดังที่ท่านอ้าง ข้าเกรงว่าท่านอาจไม่มีสิทธิลงโทษใครโดยไร้การไต่สวนและมีเพียงหลักฐานอ้างอิงเป็นวาจาสันนิษฐาน”
หัสรังสีส่งเสียงรับในลำคออย่างไม่ประหวั่นพรั่นพรึง “เช่นนั้นก็ส่งมือปราบมาจับข้าสิ” จ้าวแดนตะวันออกท้า ว่าแล้วจึงชักเท้าออกมาที่ริมท่าน้ำเงยหน้ามองพาฬปักษ์ที่บินฉวัดเฉวียนอยู่เบื้องบน บัดนั้นเขาหัวเราะ เย้ยฟ้าเสียงดัง
“เทพอาณาจักรแห่งนี้ช่างแปลกกระไรนัก สุริยเทวาผู้ทรงฤทธิ์กลับต้องพึ่งเทวะแดนดำยามเมื่อแสงสุรีย์สิ้นแสง ไร้หนทางกระทั่งต้องหนีอย่างสิ้นค่ากระทั่งเดรัจฉานสันดานหยาบอย่างนั้นหรือ” ประกายตาของจ้าวแดนตะวันออกเจิดจรัสราวกองไฟ “หากเทวะสิ้นสาแหรกสามารถสยายปีกยามค่ำคืนได้ ข้าผู้เป็นถึงจ้าวครองบุรพทิศ ไฉนเลยจะทำไม่ได้”
ทันใดนั้นจ้าวแดนตะวันออกเอ่ยพละเวทปรากฏเป็นเส้นแสงในอากาศคล้ายตาข่ายเวท บังเกิดเสียงร้องดังแหวกอากาศของพาฬปักษ์ตัวที่บินเข้ามาโดนกับดักเวทอย่างจัง จากนั้นเพียงแค่หัสรังสีใช้แขนเพียงข้างเดียวกระชากตาข่ายเวทของตนลงมา ลากเอาพาฬปักษ์ยักษ์ร่วงตกตามลงมาด้วยแรงฉุดมหาศาลที่ไม่อาจต้านทาน
เจ้านกตัวใหญ่ตกโครมลงมาจนพื้นไหว จ้าวแดนตะวันออกย่างสามขุมเข้าหาโดยไม่เกรงกลัว พาฬปักษ์ที่มีหางบิ่นตัวนั้นขู่คำรามโต้ตอบ หัสรังสีพลันยกบาทเหยียบหัวไว้จนสิ้นฤทธิ์ กระนั้นแม้จะรู้ว่าเป็นจ้าวทิศทว่ามันยังคงดิ้นขลุกขลักไม่ยอมจำนน เทพไท้แห่งตะวันออกจึงต้องใช้พละเวทบังคับเพื่อสยบมัน ในทีแรกพาฬปักษ์โชคร้ายยังคงดิ้นรนเพื่อให้ตนเป็นอิสระหากทว่าต่อมามันก็หยุดดิ้น หัสรังสีถอนบาท ปราดกระโดดขึ้นบนหลังใหญ่โตของนกยักษ์ โผทะยานขึ้นไปบนเวหาอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความตื่นตระหนกของทุกคนไม่เว้นแม้แต่ทหารองครักษ์ของวังสุริยันเอง
บุษบรรณใจหายวาบ เมื่อเดาความคิดและการกระทำของหัสรังสีต่อไปได้
มีไม่กี่เรื่องที่ทำให้เจ้าคลั่งนั่นออกอาการ ‘คลั่ง’ ได้ถึงขนาดนี้
แย่ละ...เขาคิดว่าอารมันคือรามิตแน่ ทว่าในวาระนี้เองที่บุษบรรณเพิ่งตระหนักว่าเธอเริ่มวิตกกังวลแทนนักรบเผ่าเวนไตย
อารมันเบี่ยงกายชะโงกมองเบื้องล่างมื่อตนสัมผัสถึงพละมนตรามหาศาล เขาสบถในใจเมื่อเห็นจ้าวแดนตะวันออกใช้เวทสยบบริวารจนได้พาฬปักษ์มาบังคับใช้ ซ้ำยังร่ายเวทอัคคีเผาผลาญฝูงนกร้ายจนทั้งตัวลุกไหม้ด้วยความร้อนร่วงตกลงในทะเลสาบเหมือนเจ้านกยักษ์เป็นเพียงฝูงแมลงสิ้นท่า เหล่านักล่านกเห็นการกระทำของจ้าวแดนตะวันออกหากไม่กล้าเข้าไปห้ามปรามด้วยเกรงศักดิ์หรือร้ายกว่านั้นคือตกเป็นเป้าหมายสังหารเสียเอง