ตอนที่ 36: วายุและอัคคี (ส่วนกลาง2/3)
http://ppantip.com/topic/30258635
คุยกันก่อนนะคะ
คุณ ซาลาสซา: หากจะเป็นพระเอกเรื่องนี้มันต้องโดนอย่างนี้แหละ ^^
คุณ Scottie: เย้ ขอบคุณมากค่ะ
คุณ ลูนาติก: มัสลินเธอเป็นน้ำเย็นค่ะ ไม่ว่าใครร้อนมาเธอเอาอยู่หมด ^^
คุณ kiikifon: งานปัญจยุทธ ยังไม่จบจ้า (^^”) เป็นเส้นเมนเลยนะจบง่ายๆ ม่ายด้ายยย แต่กำลังเข้าสู่รอบลึกๆ แล้วค่ะ ฉากใหญ่ๆ เปลืองงบฯ รออยู่ข้างหน้าค่ะ อดใจอีกนิดนะคะ
ปล. เคยคิดเหมือนกันว่าอารมันเหมือนสัตวบาลอย่างที่ว่าจริงๆ
คุณ Psycho man: สักพักจะมีคนอื่นให้คุณสะใจกว่านี้อีกค่ะ ^^
และขอขอบคุณ ผู้ให้ Give นะคะ: คุณ Psycho man, คุณ ลูนาติก, คุณ ชัดเจนน้องนาง, คุณ zoi , คุณ ซาลาสซา (คุณ ซาลาสซาให้ Give ทุกตอน ขอบคุณมากๆ) และ คุณ Phoenixorus ค่ะ (คนนี้แอบมาให้ตอนสุดท้าย)
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
หัสรังสีไม่ชอบใจนักที่ต้องให้นักล่านกมาช่วยเหลือเพื่อไล่ฝูงพาฬปักษ์ จึงจงใจแผลงฤทธิ์เพื่อแสดงให้รู้ว่าเทพตะวันออกไม่ต้องการรับความช่วยเหลือใดๆ พละเวทของจ้าวแดนตะวันออกทำให้พาฬปักษ์ต้องตายไปไม่น้อยทั้งๆ ที่พวกมันไม่ได้ตั้งใจจะมาโจมตีหมู่บ้านริมทะเลสาบ อารมันจึงตัดสินใจเข้าขัดขวางและสามารถหยุดยั้งการกระทำที่บ้าคลั่งนั่นได้สำเร็จ หากตัวอารมันเองก็ประมาทจนผลัดตกจากหลังนกจมหายไปในเขตน้ำลึกพร้อมกับพาฬปักษ์ยักษ์ตัวหนึ่ง
36. วายุและอัคคี (3/3)
“ชีวิตของเดรัจฉานใดขึ้นอยู่การตัดสินใจของผู้ที่ล่ามันได้”
เป็นครั้งแรกที่ผู้คนทั้งหมดได้ยินน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของอารมัน ดวงตาสีควันของเขาเจิดจ้าขึ้นเหมือนเป็นคนละคน ร่างสูงของเทวะหนุ่มจงใจยืนขวางทาง เมื่อนั้นแม้แต่องครักษ์ที่กล้าหาญที่สุดยังผงะถอยหลังออกไปก้าวหนึ่ง คิดฉงนสนเท่ห์ในใจ เพราะช่วงเวลานั้นเขารู้สึกเหมือนตนกำลังปะทะกับเทวะผู้ทรงฤทธาไม่ใช่เพียงนักล่านก
แม้พละมนตราของจ้าวแดนตะวันออกจะทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายไปทั่ว ทว่าก็ทำให้ฝูงพาฬปักษ์สับสนและบินจากไปโดยเร็ว ในตอนนั้นเองที่นักล่านกผู้อื่นรีบลงจากหลังนกตนเองเพื่อมาช่วยอารมันจากวงล้อมของทหารวังสุริยัน ทว่าเทวะหนุ่มสังเกตเห็นเสียก่อนจึงยกมือเป็นเชิงส่งสัญญาณให้พี่น้องร่วมหมู่บ้านไม่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวเพื่อไม่ให้เรื่องราวลุกลามใหญ่โตจนเกินไป
ตอนนี้หัสรังสีพอควบคุมอารมณ์ได้บ้างแล้ว หลังจากการเห็นการกระทำของฝ่ายตรงข้ามเขาจึงออกคำสั่งห้ามไม่ไห้องครักษ์ของตนก่อเรื่องวุ่นวายเช่นเดียวกัน จ้าวแดนตะวันออกหรี่ตาลงอย่างใช้ความคิด คล้ายกำลังประเมินว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่ศิษย์เอกจอมเทพอย่างที่เขากล่าวหาแน่หรือ ในตอนนั้นจึงร้องถามอารมันว่าหากท่านไม่ต้องการจะฆ่าพาฬปักษ์ตัวนี้แล้ว จะทำอย่างไรต่อไป
อารมันไม่ตอบในทันทีกลับทรุดกายลงข้างตัวของเจ้าหางบิ่น ใช้มือข้างหนึ่งวางบนหน้าผากของมันแล้วร่ายเวท เทพตะวันออกฟังไม่ออกว่าอารมันกล่าวมนตราประเภทไหนหากกระนั้นดูเหมือนว่าไม่ต้องการสิ่งพิสูจน์อันใดอีกแล้ว เมื่อพาฬปักษ์ที่ลุกแทบไม่ขึ้นเมื่อครู่พลันขยับตัวและมันก็ใช้เวลาไม่นานผุดลุกขึ้น กางปีกที่หักออกแล้วส่งเสียงร้องแหลมจนลั่นไปทั่วท้องน้ำ ทำเอาชาวเมืองที่ขี้ตื่นตกใจรีบรุดถอยหนี บ้างวิ่งไปตั้งหลักเสียไกล เหล่านักล่านกที่กระจายตัวอยู่วงนอกเลื่อนมือไปแตะด้ามอาวุธพร้อมกัน
อารมันเป็นผู้เดียวที่ยังยืนอยู่ที่เดิม เขาเหลือบมองมันครู่หนึ่ง จึงค่อยๆ ก้าวถอยหลังพลางกางแขนออกนอกกายช้าๆ เหมือนแสดงว่าตนไม่มีเจตนาทำร้ายพร้อมกับระวังภัยให้เจ้าพาฬปักษ์ที่มีหางบิ่นตัวนี้ หัสรังสียิ้มเยาะกล่าวค้านอยู่ด้านข้าง จ้าววังสุริยันเองก็ไม่ได้ถดถอยหนีหรือตื่นกลัวพาฬปักษ์เลย
“ท่านจะปล่อยให้สัตว์ร้ายอย่างนี้รอดไปหรือ?”
“ใช่ เพราะมันเป็นเช่นนั้น” อารมันตอบอย่างชัดถ้อยคำโดยไม่ได้ละสายตาไปจากเจ้าหางบิ่น คล้ายกำลังดันทุรัง
“อารมันข้าจะเตือนท่านด้วยความหวังดี ที่ข้าสั่งให้ทหารของข้าเอาชีวิตมันไม่ใช่เพราะข้านั้นโหดร้าย” หัสรังสีเตือน “แม้ข้าจะไม่ใช่นักล่านกแบบเทพเวนไตย แต่ข้ารู้แน่ว่าพาฬปักษ์ไม่ซาบซึ้งในน้ำใจที่ท่านหยิบยื่นให้หรอก หากตรงข้ามมันจะจำฝังใจและตามล้างแค้นท่านในภายหลังแน่ พวกมันก็เหมือนกับอสรพิษมีปีก สันดานของมันคือแว้งกัดผู้มีพระคุณ”
“นั่นเป็นเรื่องที่ข้าจะแบกรับเอาไว้เอง!”
อารมันหันขวับเหมือนกับจะบอกเป็นนัยว่าไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว อาการนั้นจึงคล้ายตนเพิกเฉยต่อคำสั่งจ้าววังสุริยันจนทหารวังตะวันออกร้อนตัวแทนเจ้านาย
“บังอาจนัก! เป็นเพียงนักล่านกต่ำทราม...”
“เงียบ! อย่าไร้มารยาท” หัสรังสีดุคนของตัวกลับทันที คล้ายตนเองดูออกเช่นกันว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่นักล่านกต่ำทราม “ได้ฟังวาจาอาจหาญของท่านแล้ว หากท่านคิดจะสร้างศัตรูเพิ่มขึ้นมา ข้าคงไม่อาจห้ามได้”
จ้าวจตุรทิศ ภาคจัณฑวาตา: ตอนที่ 36 วายุและอัคคี (ส่วนปลาย 3/3)
คุยกันก่อนนะคะ
คุณ ซาลาสซา: หากจะเป็นพระเอกเรื่องนี้มันต้องโดนอย่างนี้แหละ ^^
คุณ Scottie: เย้ ขอบคุณมากค่ะ
คุณ ลูนาติก: มัสลินเธอเป็นน้ำเย็นค่ะ ไม่ว่าใครร้อนมาเธอเอาอยู่หมด ^^
คุณ kiikifon: งานปัญจยุทธ ยังไม่จบจ้า (^^”) เป็นเส้นเมนเลยนะจบง่ายๆ ม่ายด้ายยย แต่กำลังเข้าสู่รอบลึกๆ แล้วค่ะ ฉากใหญ่ๆ เปลืองงบฯ รออยู่ข้างหน้าค่ะ อดใจอีกนิดนะคะ
ปล. เคยคิดเหมือนกันว่าอารมันเหมือนสัตวบาลอย่างที่ว่าจริงๆ
คุณ Psycho man: สักพักจะมีคนอื่นให้คุณสะใจกว่านี้อีกค่ะ ^^
และขอขอบคุณ ผู้ให้ Give นะคะ: คุณ Psycho man, คุณ ลูนาติก, คุณ ชัดเจนน้องนาง, คุณ zoi , คุณ ซาลาสซา (คุณ ซาลาสซาให้ Give ทุกตอน ขอบคุณมากๆ) และ คุณ Phoenixorus ค่ะ (คนนี้แอบมาให้ตอนสุดท้าย)
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
หัสรังสีไม่ชอบใจนักที่ต้องให้นักล่านกมาช่วยเหลือเพื่อไล่ฝูงพาฬปักษ์ จึงจงใจแผลงฤทธิ์เพื่อแสดงให้รู้ว่าเทพตะวันออกไม่ต้องการรับความช่วยเหลือใดๆ พละเวทของจ้าวแดนตะวันออกทำให้พาฬปักษ์ต้องตายไปไม่น้อยทั้งๆ ที่พวกมันไม่ได้ตั้งใจจะมาโจมตีหมู่บ้านริมทะเลสาบ อารมันจึงตัดสินใจเข้าขัดขวางและสามารถหยุดยั้งการกระทำที่บ้าคลั่งนั่นได้สำเร็จ หากตัวอารมันเองก็ประมาทจนผลัดตกจากหลังนกจมหายไปในเขตน้ำลึกพร้อมกับพาฬปักษ์ยักษ์ตัวหนึ่ง
36. วายุและอัคคี (3/3)
“ชีวิตของเดรัจฉานใดขึ้นอยู่การตัดสินใจของผู้ที่ล่ามันได้”
เป็นครั้งแรกที่ผู้คนทั้งหมดได้ยินน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของอารมัน ดวงตาสีควันของเขาเจิดจ้าขึ้นเหมือนเป็นคนละคน ร่างสูงของเทวะหนุ่มจงใจยืนขวางทาง เมื่อนั้นแม้แต่องครักษ์ที่กล้าหาญที่สุดยังผงะถอยหลังออกไปก้าวหนึ่ง คิดฉงนสนเท่ห์ในใจ เพราะช่วงเวลานั้นเขารู้สึกเหมือนตนกำลังปะทะกับเทวะผู้ทรงฤทธาไม่ใช่เพียงนักล่านก
แม้พละมนตราของจ้าวแดนตะวันออกจะทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายไปทั่ว ทว่าก็ทำให้ฝูงพาฬปักษ์สับสนและบินจากไปโดยเร็ว ในตอนนั้นเองที่นักล่านกผู้อื่นรีบลงจากหลังนกตนเองเพื่อมาช่วยอารมันจากวงล้อมของทหารวังสุริยัน ทว่าเทวะหนุ่มสังเกตเห็นเสียก่อนจึงยกมือเป็นเชิงส่งสัญญาณให้พี่น้องร่วมหมู่บ้านไม่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวเพื่อไม่ให้เรื่องราวลุกลามใหญ่โตจนเกินไป
ตอนนี้หัสรังสีพอควบคุมอารมณ์ได้บ้างแล้ว หลังจากการเห็นการกระทำของฝ่ายตรงข้ามเขาจึงออกคำสั่งห้ามไม่ไห้องครักษ์ของตนก่อเรื่องวุ่นวายเช่นเดียวกัน จ้าวแดนตะวันออกหรี่ตาลงอย่างใช้ความคิด คล้ายกำลังประเมินว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่ศิษย์เอกจอมเทพอย่างที่เขากล่าวหาแน่หรือ ในตอนนั้นจึงร้องถามอารมันว่าหากท่านไม่ต้องการจะฆ่าพาฬปักษ์ตัวนี้แล้ว จะทำอย่างไรต่อไป
อารมันไม่ตอบในทันทีกลับทรุดกายลงข้างตัวของเจ้าหางบิ่น ใช้มือข้างหนึ่งวางบนหน้าผากของมันแล้วร่ายเวท เทพตะวันออกฟังไม่ออกว่าอารมันกล่าวมนตราประเภทไหนหากกระนั้นดูเหมือนว่าไม่ต้องการสิ่งพิสูจน์อันใดอีกแล้ว เมื่อพาฬปักษ์ที่ลุกแทบไม่ขึ้นเมื่อครู่พลันขยับตัวและมันก็ใช้เวลาไม่นานผุดลุกขึ้น กางปีกที่หักออกแล้วส่งเสียงร้องแหลมจนลั่นไปทั่วท้องน้ำ ทำเอาชาวเมืองที่ขี้ตื่นตกใจรีบรุดถอยหนี บ้างวิ่งไปตั้งหลักเสียไกล เหล่านักล่านกที่กระจายตัวอยู่วงนอกเลื่อนมือไปแตะด้ามอาวุธพร้อมกัน
อารมันเป็นผู้เดียวที่ยังยืนอยู่ที่เดิม เขาเหลือบมองมันครู่หนึ่ง จึงค่อยๆ ก้าวถอยหลังพลางกางแขนออกนอกกายช้าๆ เหมือนแสดงว่าตนไม่มีเจตนาทำร้ายพร้อมกับระวังภัยให้เจ้าพาฬปักษ์ที่มีหางบิ่นตัวนี้ หัสรังสียิ้มเยาะกล่าวค้านอยู่ด้านข้าง จ้าววังสุริยันเองก็ไม่ได้ถดถอยหนีหรือตื่นกลัวพาฬปักษ์เลย
“ท่านจะปล่อยให้สัตว์ร้ายอย่างนี้รอดไปหรือ?”
“ใช่ เพราะมันเป็นเช่นนั้น” อารมันตอบอย่างชัดถ้อยคำโดยไม่ได้ละสายตาไปจากเจ้าหางบิ่น คล้ายกำลังดันทุรัง
“อารมันข้าจะเตือนท่านด้วยความหวังดี ที่ข้าสั่งให้ทหารของข้าเอาชีวิตมันไม่ใช่เพราะข้านั้นโหดร้าย” หัสรังสีเตือน “แม้ข้าจะไม่ใช่นักล่านกแบบเทพเวนไตย แต่ข้ารู้แน่ว่าพาฬปักษ์ไม่ซาบซึ้งในน้ำใจที่ท่านหยิบยื่นให้หรอก หากตรงข้ามมันจะจำฝังใจและตามล้างแค้นท่านในภายหลังแน่ พวกมันก็เหมือนกับอสรพิษมีปีก สันดานของมันคือแว้งกัดผู้มีพระคุณ”
“นั่นเป็นเรื่องที่ข้าจะแบกรับเอาไว้เอง!”
อารมันหันขวับเหมือนกับจะบอกเป็นนัยว่าไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว อาการนั้นจึงคล้ายตนเพิกเฉยต่อคำสั่งจ้าววังสุริยันจนทหารวังตะวันออกร้อนตัวแทนเจ้านาย
“บังอาจนัก! เป็นเพียงนักล่านกต่ำทราม...”
“เงียบ! อย่าไร้มารยาท” หัสรังสีดุคนของตัวกลับทันที คล้ายตนเองดูออกเช่นกันว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่นักล่านกต่ำทราม “ได้ฟังวาจาอาจหาญของท่านแล้ว หากท่านคิดจะสร้างศัตรูเพิ่มขึ้นมา ข้าคงไม่อาจห้ามได้”