JJNY : ปชน.หาเสียงอบจ.โค้งท้าย│โรมอุบปมฟ้องกลับส.ว.อุปกิต│สส.ปชน.แฉแก้ กม.กทท.│ผู้ว่าฯแบงก์ชาติคาด ศก.ไทยขยายไม่ถึง 2.9%

ปชน.หาเสียงอบจ.โค้งท้าย ‘เท้ง’ ลุยแม่กลอง ‘ธนาธร’ บุกตะวันออก ‘พิธา’ นครนายก
https://www.matichon.co.th/politics/local-election/news_5026290
 
 
พรรคประชาชน กระจายตัวหาเสียงเลือกตั้งอบจ.วันสุดท้าย ‘เท้ง’ ลุยพื้นที่แม่กลอง ก่อนช่วงค่ำลุยต่อสมุทรสาคร  ด้าน ‘ธนาธร’ บุกภาคตะวันออกก่อนกลับมาซ้ำสมุทรปราการ ‘พิธา’ ไปนครนายก พร้อมเปิดวอร์รูมมอนิเตอร์ผลการเลือกตั้งที่พรรคพรุ่งนี้
 
เมื่อวันที่ 31 มกราคม นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.)  เดินทางไป จ.สมุทรสงครามและจ.สมุทรสาคร ในวันสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้ง อบจ. ก่อนการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันพรุ่งนี้ (1 ก.พ.) โดยช่วงเช้า นายณัฐพงษ์ พร้อม นางนันทิยา ลิขิตอำนวยชัย ผู้สมัครนายกอบจ. เบอร์ 2 จ.สมุทรสงคราม พรรคประชาชน เดินตลาดนัดพบปะประชาชนในพื้นที่อำเภอเมือง ก่อนเดินทางต่อไปยัง ต.ท่าคา อ.อัมพวา ร่วมกิจกรรมชมรมผู้สูงอายุตำบลท่าคา พร้อมเสนอนโยบายการดูแลผู้สูงอายุในพื้นที่
 
จากนั้นนายณัฐพงษ์และนางนันทิยาขึ้นรถแห่หาเสียงรอบพื้นที่ต.บางพรม ต.บางคนที และต.บางนกแขวก ขอคะแนนเสียงชาวแม่กลอง ก่อนเดินทางไปยังตลาดอัมพวา โดยระหว่างขึ้นรถแห่หาเสียง นายณัฐพงษ์ได้ปราศรัยเชิญชวนประชาชนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง อบจ. ขอชัยชนะให้ นางนันทิยา มั่นใจจะไม่ทำให้ชาวแม่กลองผิดหวัง เนื่องจากประสบการณ์การทำงาน ความคุ้นเคยกับพื้นที่ รู้ลึก รู้จริงถึงปัญหา โดยระหว่างเส้นทางปราศรัย มีพี่น้องประชาชนออกมาทักทายและส่งเสียงให้กำลัง
 
ในวันเดียวกันนี้ แกนนำพรรค ส.ส. และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชนได้ดาวกระจายหาเสียงทั่วประเทศ อาทิ นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน เดินทางไปรณรงค์ที่ จ.พังงา, น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีนฃรายชื่อรองหัวหน้าพรรคประชาชน หาเสียงที่ จ.ปราจีนบุรี ขณะที่ผู้ช่วยหาเสียง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก้าวหน้าในฐานะผู้ช่วยหาเสียง หาเสียงในพื้นที่ จ.ภาคตะวันออก ก่อนจะเดินทางไปยังจังหวัดสมุทรปราการจนจบการหาเสียง, นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลในฐานะผู้ช่วยหาเสียง ลงพื้นที่ จ.นครนายก และ นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลในฐานะผู้ช่วยหาเสียง ปักหลักที่จ.เชียงใหม่เพื่อติดตามผลการเลือกตั้งจังหวัดภาคเหนือ
 
ทั้งนี้ พรรคประชาชนเตรียมเปิดวอร์รูมมอนิเตอร์ผลการเลือกตั้งนายก อบจ. ทั้ง 17 จังหวัด ณ ที่ทำการพรรคในวันพรุ่งนี้



โรม อุบปมฟ้องกลับ ส.ว.อุปกิต หลังศาลยกคดีหมิ่น เรียก 100 ล้าน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5026087

โรม อุบปมฟ้องกลับ ส.ว.อุปกิต หลังศาลยกคดีหมิ่น เรียก 100 ล้าน
 
เมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) และนายเดชา ยิ้มอำนวย ทนายความ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังเข้าฟังคำพิพากษาของศาลที่นายอุปกิต ปาจรียางกูร อดีต ส.ว.เป็นโจทก์ฟ้องในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาฯ พร้อมเรียกค่าเสียหายจำนวน 100 ล้านบาท
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในเวลา 9.00 น. โดยศาลพิพากษายกฟ้อง นายรังสิมันต์ โรม โดยใช้เวลาอ่านคำพิพากษาประมาณ 40 นาที
 
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ภายหลังเข้าฟังคำพิพากษาถือว่าเป็นข่าวดีของตนที่ศาลพิพากษายกฟ้อง ตนยืนยันว่าในคำพิพากษาข้อเท็จจริงที่ตนได้พูดออกไปเป็นไปตามสำนวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถือว่าหลังจากนี้คดีความที่เกี่ยวข้องกับนายอุปกิตถือว่าจบไปอีกเรื่อง แต่จะต้องดูต่อไปว่าเมื่อคำพิพากษาออกมาแบบนี้นายอุปกิตจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่
 
เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะให้ทนายความส่วนตัว ยื่นฟ้องนายอุปกิตหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ตอนนี้ตนยังไม่คิดถึงเรื่องนั้น แต่เบื้องต้นคดีที่เกี่ยวข้องกับนายอุปกิตยังมีอยู่อีก 1 คดีที่จะนัดสืบพยานในช่วงเดือน เม.ย. ต้องรอดูว่าจะออกมาในรูปแบบไหนและตนยังไม่ตัดสินใจเรื่องนี้เพราะอยากโฟกัสกับเรื่องทีเป็นปัญหาของพี่น้องประชาชนจริง ๆ อย่างการระบาดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์มากกว่า ตนอยากฝากสื่อมวลชนให้ติดตามประเด็นนี้อย่าให้เงียบหายไปเหมือนอีกหลาย ๆ เรื่อง เพราะถ้าเรื่องนี้เงียบหายไปก็เป็นปัญหาสังคมที่คาราคาซังจะเหมือนกับปัญหาอื่น ๆ ในประเทศไทยที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
 
ด้านนายเดชากล่าวเสริมว่า ตนเชื่อว่าหลังจากนี้การฟ้องคดีหมิ่นต่าง ๆ ถึงแม้จะยังไม่มีการแก้พิจารณาความอาญาให้ศาลพิจารณาคดี แต่ถ้าศาลยึดจากในคำพิพากษาจะออกมาแนวเดียวกันว่าการเป็นบุคคลสาธารณะที่ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ก็จะทำให้บ้านเมืองดีขึ้น และในอนาคตถ้าจะมีการฟ้องหมิ่นประมาทผู้ที่ต้องการจะฟ้องจะต้องคิดให้ดีว่าเป็นบุคคลที่ประชาชนหรือบุคคลทั่วไปสามารถตรวจสอบได้หรือไม่ และการทำหน้าที่ของนักการเมืองซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะ ตนมองว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะต้องคำนึงถึงจริยธรรมของตนเองมากขึ้น
 

 
สส.ปชน. แฉแก้ กม.กทท. เปิดช่องตั้งบริษัทลูกทำธุรกิจอสังหาฯ ส่อเอื้อนายทุนเปิดสถานบันเทิงครบวงจร.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5026408

สส.ปชน. แฉแก้ กม.กทท. เปิดช่องตั้งบริษัทลูกทำธุรกิจอสังหาฯ ส่อเอื้อนายทุนเปิดสถานบันเทิงครบวงจร ระบุมีชื่อ วิษณุ-บวรศักดิ์ ยกร่างกม. มั่นใจอคนกรุงไม่เอาด้วย
 
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 31 มกราคม ที่รัฐสภา นายภัณฑิล น่วมเจิม สส. กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงความกังวลของชาวคลองเตย กรณีที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ระบุพื้นที่คลองเตยเหมาะที่จะตั้งสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ทั้งที่กฎหมายยังไม่มีความพร้อม ทำให้กระแสสังคมตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดรัฐบาลจึงเร่งเดินหน้าเรื่องนี้ ทั้งที่การกระตุ้นเศรษฐกิจสามารถทำได้หลายวิธี เข้าใจว่าการจ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 ไม่ได้ผลมากเท่าที่ควร จึงอยากถามว่าเหตุใดรัฐบาลกระเหี้ยนกระหือรือที่จะเร่งทำเรื่องนี้โดยเร็ว ทั้งที่มีเรื่องอื่นสำคัญกว่า เช่น การจ้างงาน การเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลก ซึ่งกาสิโนมีทุกวันนี้หลายประเทศใช้เวลานานในการศึกษา เช่น ญี่ปุ่น ที่ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป
 
จึงถามว่าประเทศไทยรอบคอบเพียงพอแล้วหรือไม่ เพราะจากผลสำรวจของ นิด้าโพล ประชาชนไม่เห็นด้วยถึง 60% ดังนั้นรัฐบาลต้องฟังเสียงประชาชนมากกว่าฟังเสียงนายทุนที่จะจะเข้ามาลงทุน และรัฐบาลควรอธิบาย สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน เพราะมีปัญหาเรื่องการฟอกเงินในบ่อนจำนวนมาก ที่ผ่านมามีการบังคับใช้กฎหมาย แต่ไม่สามารถจัดการเว็บพนันออนไลน์ บ่อนเถื่อน ที่ผิดกฎหมายได้ แล้วถ้าจะทำให้ถูกกฎหมาย ก็จะไม่มีใครมาขออนุญาต เพราะบ่อนเถื่อนเปิดได้อยู่แล้ว” นายภัณฑิล กล่าว
 
นายภัณฑิล กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันตนยังมีความเป็นห่วงเรื่องการแก้พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)การท่าเรือแห่งประเทศไทย ที่เปิดช่องให้เอกชนสามารถเข้ามาร่วมทุน โดยจัดตั้งบริษัทลูก ให้ร่วมลงทุนกับบริษัทมหาชนและบริษัทต่างชาติได้ ซึ่งจะขยายขอบเขตให้เป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จากวัตถุประสงค์เดิมตามผังเมืองคือการขนส่งโลจิสติกส์ แต่มีข่าวหนาหูว่า มีบริษัทของนายทุนพรรคร่วมรัฐบาล ตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อจะรับบริหารจากการท่าเรือฯ ดังนั้นหากประชาชนมีเบาะแสก็แจ้งมาที่ตนได้ เพราะมูลค่าที่ดินท่าเรือคลองเตย จำนวน 2,000 ไร่ โดยแบ่งอยู่ในเขตศุลกากร 1,000 ไร่ ที่จะใช้ทำอสังหาริมทรัพย์  มีมูลค่ามากถึง 4 แสนล้านบาท เทียบไม่ได้กับค่าออกใบอนุญาตที่มีมูลค่าเพียง 5 พันล้านบาท
 
นายภัณฑิล กล่าวด้วยว่า ดังนั้นรัฐบาลควรเอาไปทำประโยชน์อื่นให้ประชาชนดีกว่า ไม่ใช่เอาไปประเคนให้นายทุน เพื่อสร้างกาสิโน โดยจะมีการสร้างทางด่วน S-1 เพื่อรองรับการพัฒนาท่าเรือในฝั่งตะวันออก ที่จะทำเป็นศูนย์กระจายสินค้าใหม่ เอาตู้คอนเทนเนอร์สูง 8 ชั้น ให้รถบรรทุกขึ้นไปได้ จึงต้องสร้างทางด่วนเชื่อมเข้าไปข้างในโดยตรง ใช้พื้นที่ประมาณ 500 ไร่ อีกทั้งจะมีการไล่ที่ประชาชนที่อาศัยอยู่หน้า สน.ท่าเรือ โดยยังไม่มีความชัดเจนเรื่องทางออกให้กับประชาชนหลายครัวเรือนว่าจะมีการชดเชยและให้ไปอยู่ที่ไหน ในขณะที่รัฐบาลคิดจะทำโครงการใหญ่ มูลค่าแสนล้านบาทให้กับนายทุน
 
จึงขอตั้งคำถามไปถึงนายสุริยะ ว่าหัวใจของโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 10% จำเป็นต้องมีบ่อนกาสิโนหรือไม่ ถ้าไม่มีบ่อนจะทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่ได้หรืออย่างไร”นายภัณฑิล กล่าว
 
นายภัณฑิล กล่าวต่อว่า ขอสังเกตถึงการตั้งปรมาจารย์ด้านกฎหมาย เพื่อจะมาแก้เกี้ยวด้านกฎหมาย มันน่าสงสัยโดยเฉพาะชื่อของ นายวิษณุ เครืองาม และ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ น่ากลัวมาก ทำให้ประชาชนเริ่มเป็นห่วงแล้วว่ากฎหมายนี้มันจะพิเศษหรือเปล่า หรือตั้งเป็นเขตท่องเที่ยวพิเศษ ทั้งที่กฎหมายมีอยู่แล้วถ้าจะทำสถานบริการ ที่สำคัญกฤษฎีกาก็บอกแล้วว่ามันซ้ำซ้อนกัน ทำไมไม่แก้ พ.ร.บ.การพนัน ไปเลย แทนที่จะกระมิดกระเมี้ยน ชักเข้าชักออก ดังนั้นจึงขอท้าให้ทำประชามติ เพื่อให้ประชาชนตัดสินใช่ใช่รัฐกำหนดเองตามใบสั่ง ประชาชนต้องมีสิทธิ์รู้และมีส่วนร่วม ไม่ใช่ถูกมัดมอชกโดยผลประโยชน์ของกลุ่มทุน
 
นายภัณฑิล กล่าวต่อว่า หลายประเทศที่พัฒนาแล้ว ทั้งสหรัฐฯและยุโรป ก็มีปัญหา ไม่ใช่สำเร็จอย่างเดียว สำหรับกาสิโนจะเอาแต่โมเดลการพัฒนาเมืองรอง เหมือนที่สหรัฐฯ พัฒนาลาสเวกัส ไม่ได้ เพราะกรุงเทพฯ มีพร้อมอยู่แล้ว ทั้งวัดและอาหารอร่อย ฉะนั้นคนที่มาเที่ยวไม่ใช่เพราะมีบ่อนกาสิโน จึงเชื่อว่าคนกรุงเทพฯ จะไม่เอา ประกอบกับเงื่อนไขที่ไม่ชัดเจนเรื่องการเช่าที่ดิน 99 ปี เพราะการจะคุมทุนต้องใช้เวลานาน รวมถึงการที่กลุ่มทุนขนาดใหญ่เข้ามาลงทุนในเมือง จะส่งผลต่อราคาที่อยู่อาศัยอย่างแน่นอน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่