JJNY : 5in1 เท้งถามหาจุดยืนรบ.│โรมงง รบ.ไม่ปฏิเสธ│พิธาไม่ห่วงถูกร้อง│พันธุ์อาจหาเสียงตลาดวโรรส│กลุ่มอิเล็กฯ ฉุดหุ้นปิดลบ

เท้ง ถามหาจุดยืน รบ. ปมฝุ่นพิษ หลังพฤติกรรมสวนทางหลายรอบ ชี้ ไม่อยากให้แก้แบบปะผุ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5024457
 

 
ผู้นำฝ่ายค้านฯ จี้แก้ปัญหา “ฝุ่นพิษกับการกระจายอำนาจ” ถามหาจุดยืนรบ. หลังมีพฤติกรรมสวนทางหลายรอบ ซัดไม่อยากให้แก้ปัญหาแบบปะผุ ด้าน ‘ประเสริฐ’ ยันรัฐบาลให้ความสำคัญกระจายอำนาจ แต่ผ่านกม.เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เผยวันนี้ไฟเขียวท้องถิ่นทำแผนจัดการฝุ่นของบได้ 
 
เวลา 10.40 น. วันที่ 30 มกราคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา ของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภา เรื่อง ฝุ่นพิษกับการกระจายอำนาจ ถามนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกฯได้มอบหมายให้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงแทน
 
นายณัฐพงษ์กล่าวว่า อยากทราบว่าในงบประมาณรายจ่ายปี’69 และปีต่อๆ ไป รัฐบาลมีแนวโน้มจัดสรรงบประมาณให้แก่ท้องถิ่นเป็นงบประจำ เพื่อให้จัดการเกี่ยวกับเรื่องฝุ่นพิษด้วยด้วยตัวเองอย่างไร และรัฐบาลมีแนวนโยบายให้รัฐมนตรีที่รักษาการกฎหมายแต่ละฉบับได้แต่งตั้งเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจตามกฎหมายต่างๆ หรือไม่ อย่างไร
 
นายณัฐพงษ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ตนยังอยากทราบถึงจุดยืนของพรรคเพื่อไทยในการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เพราะพฤติกรรมของพรรคเพื่อไทยที่ผ่านมา ตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ก็มีนโยบายผู้ว่าฯซีอีโอ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับการกระจายอำนาจ หรือแม้แต่การเพิ่มสัดส่วนรายได้ให้แก่ท้องถิ่น พรรคเพื่อไทยก็ปัดตกร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ของพรรคประชาชน ที่กำหนดให้กระจายรายได้สู่ท้องถิ่นสัดส่วนปีละ 1 เปอร์เซ็นต์ เป้าหมายคือ 35 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งที่สุดอดีตนายกฯปัดตก มาถึงรัฐบาลชุดนี้
 
พรรคประชาชนเสนอร่าง พ.ร.บ.ขนส่งทางบก สาระสำคัญคือการกระจายอำนาจ ให้ขนส่งได้ใช้พลังงานสะอาด แต่กลับถูกโหวตคว่ำ ล่าสุด ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด มี กมธ.เสียงข้างน้อยจากพรรคเพื่อไทยสงวนความเห็นอยากให้ผู้ว่าฯนั่งเป็นหัวโต๊ะคณะกรรมการอากาศสะอาดของจังหวัด แทนที่จะให้นายก อบจ.เป็นประธาน
 
ผู้นำฝ่ายค้านฯกล่าวด้วยว่า นโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยบอกว่าพร้อมจะให้มีเลือกตั้งผู้ว่าฯในจังหวัดที่มีความพร้อม จึงอยากทราบว่าพร้อมกี่จังหวัดแล้ว และอยากทราบถึงเจตนารมณ์ของรัฐบาลว่ามีแนวคิดเพิ่มสัดส่วนรายได้ท้องถิ่นถึง 35 เปอร์เซ็นต์เมื่อใด และสุดท้ายอยากทราบว่าเห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ภาษีบ้านเกิดเมืองนอน ซึ่งเป็นร่างกฎหมายของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ ถ้าเห็นด้วยเหตุใดไม่เสนอเป็นร่างของคณะรัฐมนตรี (ครม.)
 
หลายคนที่รับฟังคำชี้แจงของรองนายกฯ น่าจะคิดเหมือนผมว่ายังไม่ได้คำตอบที่ไม่ชัดเจนเพียงพอเท่าไหร่ เราอยากถามถึงมาตรการที่ชัดเจนว่าปีหน้าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ไม่อยากให้แก้ปัญหาแบบปะผุ” นายณัฐพงษ์กล่าว
 
ด้านนายประเสริฐชี้แจงว่า รัฐบาลมีความห่วงใยและจัดประชุมหลายครั้งในหลายหน่วยงาน นายกฯให้ความสำคัญมาก และมีข้อสั่งการตลอด หลายข้อสั่งการได้บรรลุเป้าหมาย เราได้มีการจัดสรรงบประมาณปีต่อๆไปในการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ รวมถึงมาตรการป้องกันและแก้ปัญหาไฟป่า
 
โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะนี้ทางกระทรวงมหาดไทย มีข้อสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดให้นโยบายกับผู้บริหารท้องถิ่นว่าทุกฝ่ายสามารถจัดทำแผนป้องกันฝุ่น เพื่อตั้งงบประมาณได้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ประกาศพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ และดำเนินการกับผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.สาธารณสุขได้

นายประเสริฐกล่าวต่อว่า ส่วนการเผาไหม้ มีนโยบายบูรณาการกับหลายหน่วยงาน เช่น กระทรวงอุตสาหกรรมงดรับซื้ออ้อยไฟไหม้ กระทรวงเกษตรฯ งดเว้นสิทธิเกษตรกรที่เผานา แม้แต่ใน กทม.ก็มีมาตรการหลายอย่าง อาทิ ขอความร่วมมือเรื่องฝุ่นที่เกิดจากรถ เช่นห้ามรถ 6 ล้อเข้าไปในพื้นที่ฝุ่นมาก
 
แต่ปัญหาของ กทม. คือ จังหวัดรอบปริมณฑลมีการเผา ทำให้ฝุ่นละอองปลิวเข้า กทม. โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาดไทยมีการประชุมและมอนิเตอร์ทุกวัน หลายมาตรการเกี่ยวกับฝุ่นซึ่งได้ดำเนินการแล้ว และได้ผลเป็นที่พอใจ แต่ยังไม่สิ้นสุด
 
จุดยืนของพรรคเพื่อไทยเรื่องการกระจายอำนาจ พรรคให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ส่วนเรื่องการผ่านกฎหมายอาจมีความรู้สึกว่าหลายฉบับไม่ได้รับการตอบรับในสภา แต่มีหลายเรื่องที่ได้รับการตอบรับ เช่น พ.ร.บ.สุราเสรี ไม่ใช่ไม่ให้ความสำคัญ แต่การผ่านกฎหมายเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและสำคัญมาก
ส่วนเรื่องร่าง พ.ร.บ.บ้านเกิดเมืองนอน ยังตอบไม่ได้ เพราะยังไม่เข้า ครม. วันนี้ท้องถิ่นทำภารกิจได้พอสมควร ให้อำนาจท้องถิ่นแก้ไขเรื่องอื่นๆ ยืนยันว่าจุดยืนของนักการเมืองเห็นความสำคัญกับประโยชน์ของประชาชนอย่างแน่นอน” นายประเสริฐกล่าว


 
โรม เผย ชเวก๊กโก-เคเคปาร์ค ขอต่อไฟอีก งง รบ.รออะไรไม่ปฏิเสธ หวังอนุทิน รีบทำหน้าที่ไม่ต้องรอถามลิง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5024912

โรม เปิดหลักฐานใหม่ มีคำขอต่อไฟ ‘ชเวก๊กโก-เคเคปาร์ค’ แต่รัฐบาลยังไม่ปฏิเสธ ‘อนุทิน’ รอลิงที่ไหนสั่งตัดไฟนิคมคอลเซ็นเตอร์ ชี้เป้า ‘พล.ต.ต. ต.เต่า’ ขาใหญ่แม่สอด มีเอี่ยว
 
วันที่ 30 มกราคม ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทยยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยข้อมูลที่ได้รับเพิ่มเติม 2 เรื่อง กรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า บริเวณชเวก๊กโก และเคเคปาร์ค ได้มีการตัดไฟแล้ว แต่ได้เห็นหนังสือของหน่วยงานหนึ่ง ซึ่งเป็นหนังสือจากรัฐบาลเมียนมา เพื่อขอให้ต่อไฟสองจุดดังกล่าวอีกครั้ง ซึ่งประเทศไทยยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะต่อหรือไม่ แต่หากมีการต่อสัญญา ก็คือการต่อไฟฟ้าสายตรงเข้าสู่แก๊งค์สแกมเมอร์ ซึ่งขณะนี้ ยังไม่ได้รับความชัดเจนว่า จะรออะไร ทำไมถึงไม่ปฏิเสธทันที
 
สำหรับบริเวณพญาตองซู ตนได้รับข้อมูลจากคนในพื้นที่ว่า มีการขยายพื้นที่ใหญ่โตอย่างมาก ซึ่งบริเวณนั้นเป็นหนึ่งจุดสำคัญ ที่มีการขายไฟฟ้าให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงเชื่อได้ยากว่า จะไม่พึ่งพาสาธารณูปโภคพื้น และไฟฟ้าจากประเทศไทย และมีความเป็นไปได้อย่างสูงว่า อาจกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง ดังนั้น นี่คือโอกาสสำคัญที่ทางไทยต้องใช้ในการจัดการ ไม่สามารถปล่อยให้เรื่องเงียบได้อีกต่อไป
 
ผมคาดหวังมาก ว่าท่านอนุทิน จะช่วยทำหน้าที่ของตัวเอง วันนี้ไม่ต้องถามลิงที่ไหน ถ้าท่านมีตา อ่านข่าว เห็นข้อมูลจากหลายส่วน ผมคิดว่าเราสามารถตัดไฟได้เลย ไม่ต้องโยนไปให้ใคร เป็นอำนาจของท่านที่สามารถดำเนินการได้เลย แต่หากท่านยังยืนยันว่าต้องมีคนมาสั่ง ท่านนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้บังคับบัญชา ก็ช่วยสั่งการท่านอนุทินหน่อย ผมยังไม่เข้าใจว่า ท่านอนุทินจจะรอให้ใครสั่งทำไม แต่ถ้าจะต้องการคนสั่งขนาดนี้ ก็ช่วยสั่งเขาไปหน่อย” นายรังสิมันต์ กล่าว
 
ส่วนกรณีนายอนุทิน อ้างว่าไม่มีอำนาจในการตัดไฟได้นั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่มีเรื่องนี้กำหนดไว้ในกฎหมาย อำนาจต่ำที่สุดในการจัดการเรื่องนี้ อยู่ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หากการไฟฟ้าไม่ดำเนิน นายอนุทิน ในฐานะเจ้ากระทรวง ก็สามารถดำเนินการได้ เพราะดูแล กฟภ. โดยตรง และจริงๆ แล้ว ก็มีการสั่งผ่านมติคณะรัฐมนตรี ตั้งแต่ในสมัยของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่แล้ว ตนเลยงง ว่าติดอะไร หากตัดไม่ได้ ก็คงไม่ใช่ว่าไม่มีอำนาจ แต่เพราะผลประโยชน์เยอะใช่หรือไม่ คงต้องถามกันดังๆ นายอนุทิน ที่ได้รับการเลือกตั้งมาจากประชาชน ก็ควรคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก
 
เมื่อถามถึงกรณีที่นายอนุทิน ระบุต้องมีการส่งหนังสือจาก กฟภ.มาก่อน เนื่องจากติดเรื่องคู่สัญญานั้น นายรังสิมันต์ ระบุว่า กฟภ.ต้องรู้จักลูกค้าซึ่งเป็นคู่สัญญาของตัวเอง มิเช่นนั้น จะ กลายเป็นปัญหาฟอกเงินต่อไป ตอนแรกจะบอกว่าไม่รู้ก็ได้ แต่เมื่อมีการเปิดเผยข้อมูลแล้ว ว่าบริษัทดังกล่าวเคยถูกกล่าวหาสมคบค้ายา หรือการไฟฟ้าก็เชื่อคนง่าย หากหน่วยงานเสนอชื่อมาแค่นั้น เพราะมีความเป็นไปได้ ว่าบริษัทนี้อาจเป็นบริษัทนอมินีของใครก็ไม่รู้ ไม่มีความน่าเชื่อถืออะไรเลย
 
ทั้งนี้ เรื่องการเสนอตัดไฟ ปรากฏอยู่ในหนังสือสัญญาอยู่แล้ว เพราะถือเป็นเรื่องที่กระทบต่อความมั่นคง อย่างกรณีแม่สาย ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติดชัดเจน ก็ไม่ยอมตัด ขณะที่บริเวณเมียวดี และพญาตองซู ตนขอตั้งคำถามง่ายๆ ว่า การที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์เติบใหญ่ได้ขนาดนี้ มีหรือจะไม่ใช้ไฟของไทย
 
เมื่อถามถึงกรณีที่เปิดเผย มีนายตำรวจยศพลตำรวจตรี มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นที่รู้กันในวงการตำรวจดี พลตำรวจตรี ชื่อย่อ ต.เต่า คนนี้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่บริเวณแม่สอด และเป็นถึงเจ้าของเมียวดีคอมเพล็กซ์ หนึ่งในผู้ถือหุ้นสำคัญ ดังนั้น หาก ผบ.ตร.บอกว่า ไม่ทราบว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ตนขอชี้เป้าให้เริ่มต้นตรวจสอบพลตำรวจตรีคนนี้ก่อนได้เลย
 
เมื่อถามถึงกรณีที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีจีนลงพื้นที่ จะทำให้ไทยได้รับผลกระทบหรือไม่นั้น นายปิยรัฐ จงเทพ ส.ส.กทม.พรรคประชาชน ในฐานะรองประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ กล่าวว่า การมาในนามของรัฐบาลจีน เพื่อดูแลเรื่องนี้โดยตรง ทราบว่า เพื่อต้องการกระบวนการสืบสวนสอบสวนไปพร้อมๆ กัน และทางการไทยโดยเฉพาะ ผบ.ตร. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ส่งคนไปเข้าร่วมกระบวนในครั้งนี้
 
ดังนั้น จึงมี 2 ประเด็นสำคัญ คือ 

1. การทำงานของรัฐบาลจีน จะเป็นอิสระ และมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานความมั่นคงของไทย ได้มากน้อยเพียงใด หากทั้ง 2 ฝ่าย เปิดเผยกันได้อย่างเต็ม ต้องมาดูว่าการสั่งการโดยคณะทำงานชุดนี้ จะมีผลต่อรัฐบาลไทยอย่างไร ไม่ใช่ออกมาเป็นรายงานอย่างเดียว แล้วรัฐบาลไทยไม่ตอบรับ ก็ไม่มีประโยชน์
 
2. ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลเมียนมาและไทย หลังจากนี้ จะมีการพูดคุยกันอย่างไรต่อไป เนื่องจากการเข้ามาของจีน อาจจะกระทบความสัมพันธ์ในอนาคต
 

 
พิธา ไม่ห่วงถูกร้อง เปิดจ.ม.ความเห็นกกต. เคลียร์ชัดเป็นตัวหนังสือ ปมผู้ช่วยหาเสียง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5024720
 
พิธา ไม่ห่วงถูกร้อง เปิดจ.ม.ความเห็นกกต. เคลียร์ชัดเป็นตัวหนังสือ ปมผู้ช่วยหาเสียง  ไม่ต้องเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งเฉพาะในเขตเลือกตั้งนั้นๆ
 
เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 พรรคประชาชน (ปชน.) ได้ชี้แจงสืบเนื่องจากกรณีที่บางท่านได้ออกมาตั้งคำถามเรื่องคุณสมบัติในการเป็นผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งอาจกระทบถึงผู้ช่วยหาเสียงหลายคนของพรรคประชาชน ที่เป็นผู้ช่วยหาเสียงในจังหวัดหรือเขตเลือกตั้งที่ตนไม่ได้มีสิทธิเลือกตั้งนั้น ๆ
 
เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กแสดงความคิดเห็น กรณีที่ถูกร้องเป็นผู้ช่วยหาเสียง ที่ไม่เป็นไปตามระเบียบ กกต. ที่ว่าด้วย ผู้ช่วยหาเสียงต้องเป็นคนที่มีสิทธิเลือกตั้งของท้องถิ่นนั้นๆ โดยระบุว่า

เคลียร์ชัด ผู้ช่วยหาเสียงไม่จำเป็นต้องมีสิทธิเลือกตั้งในเขตนั้นก็ได้ เรื่องนี้ กกต.ตอบชัดแล้วตั้งแต่สมัยก้าวไกล

เรื่องที่มีนักร้องไปร้องว่า ผู้สมัครพรรคประชาชนและเพื่อไทย กระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง จากกรณีการตั้งผู้ช่วยหาเสียงที่ไม่ได้เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตนั้นๆ ไปช่วยหาเสียง
 
เรื่องนี้พวกเราได้ปิดช่องการตีความไปตั้งแต่สมัยพรรคก้าวไกลเรียบร้อยแล้ว ตอนนั้นพรรคทำหนังสือสอบถามไปยัง กกต. ว่าผู้ช่วยหาเสียง ต้องเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หมายถึงผู้มีสิทธิในเขตนั้นๆ ที่มีการเลือกตั้ง หรือเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ใดก็ได้ ซึ่ง กกต.ตอบกลับมาแบบข้อหลังนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่