JJNY : ชัยธวัชลั่น ‘สีแดง’ไม่ใช่สมบัติของใคร│ผู้สมัครส.อบจ.พนมสารคามเสียชีวิต│ปิดฉากตลาดนัดรถไฟ│กรุงเทพฯ จมฝุ่น 50 เขต

ชัยธวัช แย้งทักษิณ คุณสมบัติ ส.ว.ก๊อง ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ลั่น ‘สีแดง’ ไม่ใช่สมบัติของใคร
https://www.matichon.co.th/politics/local-election/news_5025850

 
‘ชัยธวัช’ โต้ ‘ทักษิณ’ ชี้แจงกรณี ‘ส.ว.ก๊อง’ ชี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องคุณสมบัติ-ความเหมาะสม ย้อนสีแดงไม่ใช่สมบัติของใคร แต่เป็นของคนรักประชาธิปไตยทุกคน ไม่ใช่ไม่ต้องการก็ถีบหัวส่ง พออยากให้กลับมาก็ขอร้องอ้อนวอน
 
เมื่อวันที่ 30 มกราคม นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนระหว่างการช่วยหาเสียงเลือกตั้งให้ นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ. เชียงใหม่ พรรคประชาชน เบอร์ 1
 
นายชัยธวัชกล่าวว่า ที่ผ่านมาชาวเชียงใหม่ รวมถึงลำพูนย่อมรู้ดีว่า 4 ปีที่ผ่านมา อบจ.เชียงใหม่และ อบจ.ลำพูนทำงานอย่างไร ถ้าดีอยู่แล้วเลือกต่อก็สมเหตุสมผล แต่มันเป็นที่ชัดเจนว่า อบจ. ที่ถูกตั้งข้อสงสัยแม้ในวันที่ชาวเชียงใหม่ทุกข์ยากลำบาก น้ำท่วมสูงที่สุดในรอบ 60 ปี แต่ซื้อถุงยังชีพด้วยราคาที่น่าสงสัยว่าแพงเกินจริงและมีการหาผลประโยชน์หรือไม่ ซื้อข้าวสารที่จะเป็นถุงละ 150 บาทในราคา 310 บาท อย่างนี้หรือที่เรียกว่าทำงานดี ประชาชนย่อมรู้ดีที่สุด
 
นายชัยธวัชกล่าวว่า ขณะเดียวกัน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็พยายามจะบอกว่าตอนนี้ตัวเองต้องขอให้ อบจ.มาเป็นพวกเดียวกัน เป็นของเพื่อไทยเพื่อที่จะได้รู้ปัญหาของท้องถิ่นเพื่อแก้ปัญหาของประชาชน แต่ต้องอย่าลืมว่าที่ผ่านมา อบจ.ในภาคเหนือและภาคอีสานหลายจังหวัดเป็นคนของไทยรักไทย-เพื่อไทย หรือเครือข่ายทางการเมืองของคุณทักษิณมาหลายสมัยแล้ว เป็นที่พิสูจน์แล้วว่าส่วนใหญ่ทำงานไม่ตอบโจทย์ของประชาชน ไม่ได้เห็นผลประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง จึงถึงเวลาแล้วที่จะต้องเอาคนใหม่ที่ทำงานอย่างมีคุณภาพ มีวิธีการทำงานชุดใหม่ การบริหารแบบใหม่ นโยบายแบบใหม่ รวมถึงการใช้งบประมาณแบบใหม่ที่ต้องโปร่งใส ทุกบาทตกถึงมือประชาชนเข้าไปบริหารแทน
 
นายชัยธวัชกล่าวต่อไปว่า คุณทักษิณพยายามเชิญชวนประชาชน โดยบอกว่าต้องเลือกท้องถิ่นที่เป็นพรรคพวกเดียวกับรัฐบาลมาเป็นมือเป็นไม้ให้คุณทักษิณในการทำงาน ซึ่งตนคิดว่ายิ่งไปกันใหญ่ เป็นวิธีคิดการทำงานการเมืองแบบเก่าที่มองท้องถิ่นเป็นแค่ฐานทางการเมืองและเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งจะไปสร้างระบบอุปถัมภ์และเครือข่ายผลประโยชน์ และเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ท้องถิ่นที่ผ่านมาไม่พัฒนาเท่าที่ควร ยืนยันอีกครั้งว่าท้องถิ่นไม่ใช่เครื่องมือของพรรคการเมืองหรือของรัฐบาล แต่ต้องเป็นเครื่องมือของคนในพื้นที่ที่ต้องทำงานรับใช้คนในท้องถิ่นของตัวเองอย่างดีที่สุด ไม่ใช่มีคนอื่นเป็นเจ้านาย
 
นายชัยธวัชกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่คุณทักษิณยังตอบไม่ค่อยชัดที่ตนอยากฝากสื่อมวลชนไปถาม คือเรื่องคุณสมบัติความเหมาะสมของ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ ส.ว.ก๊อง ผู้สมัครนายก อบจ.พรรคเพื่อไทย ซึ่งปีที่แล้วถูกอัยการสั่งฟ้องในคดี “บอส กระทิงแดง” ว่าไปสนับสนุนหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติโดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ในการช่วยเหลือผู้ต้องหา ซึ่งแม้คุณทักษิณจะบอกว่า เป็นเรื่องส่วนตัว แต่ตนยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของใคร เพราะเป็นเรื่องคุณสมบัติและความเหมาะสมของคนที่จะมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่จะมาบริหารองค์กรขนาดใหญ่และจังหวัด เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอย่างแน่นอน
 
“เช่นเดียวกับกรณีของคุณทักษิณที่เคยอยู่บนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจก็ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว การที่เคยพยายามผลักดันทนายของครอบครัวที่เคยถูกกล่าวหาว่าไปติดสินบนผู้พิพากษาไปเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีก็ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เรื่องนี้เป็นคุณสมบัติที่ต้องมีความชัดเจน” นายชัยธวัชกล่าว
 
นายชัยธวัชกล่าวอีกว่า ชาวเชียงใหม่ ลำพูน หรือจังหวัดอื่นๆ ไม่ใช่ของตายของใคร หรือสมบัติส่วนตัวของครอบครัวใด เชื่อว่าประชาชนจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุด จากการที่ตนฟังคุณทักษิณมาหลายวัน ประเด็นสำคัญมีอยู่ไม่กี่เรื่อง คือการที่พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมา โดยเฉพาะที่เชียงใหม่และภาคเหนือหลายจังหวัดเป็นเพราะคุณทักษิณไม่อยู่นาน ก็เลยกลายจากแดงเป็นส้ม วันนี้คุณทักษิณจึงพยายามมาหาเสียงขอคะแนนว่าคุณทักษิณกลับมาแล้ว ขอแดงกลับมาได้ไหม ซึ่งต้องยืนยันว่าการที่ชาวเชียงใหม่และอีกหลายจังหวัดในภาคเหนือและทั่วประเทศที่ให้ความนิยมพรรคประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เพราะคุณทักษิณไม่ได้อยู่เมืองไทย แต่เป็นเพราะสิ่งที่เราทำงานทางการเมืองอย่างต่อเนื่องและแสดงออกให้ประชาชนไว้วางใจว่าเราซื่อตรงต่อประชาชนจริงๆ ทำงานการเมืองอย่างมีคุณภาพ โปร่งใส และอยู่เคียงข้างประชาชน
 
ผมยืนยันอีกครั้งว่าสีแดงไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของพรรคไหนหรือครอบครัวใด แต่เป็นสีสัญลักษณ์ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย อยู่ในใจของทุกคนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาจนถึงวันนี้ แม้กระทั่งผมเองด้วย ดังนั้น สีแดงจึงไม่ใช่สีที่วันไหนอยากจะทิ้งก็ถีบหัวส่ง วันไหนอยากจะขอเสียงคืนก็มาขอร้องอ้อนวอน สิ่งที่จะทำให้ได้เสียงจากประชาชนคือความไว้วางใจต่อแนวทางทางการเมือง นโยบาย และการบริหารที่ตอบโจทย์ประชาชนจริงๆ” นายชัยธวัชกล่าว
 
ด้าน น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคประชาชนได้รับข้อมูลจากประชาชนเข้ามาเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับการทุจริตซื้อเสียง รวมถึงในรูปแบบคลิปและเสียง แต่ประชาชนยังมีความหวาดกลัวในอิทธิพลท้องถิ่น และนี่จึงเป็นเหตุผลให้พรรคประชาชนทำระบบขึ้นมารับเรื่องการทุจริตการเลือกตั้งโดย
เฉพาะ ซึ่งประชาชนสามารถส่งข้อมูลทุกอย่างเข้ามาในทุกช่องทางของพรรคประชาชนได้ รวมทั้งทางสื่อโซเชียลมีเดีย เพื่อที่พรรคจะสามารถรับเรื่องไปดำเนินการทางกฎหมายต่อไป และเพื่อป้องกันประชาชนผู้แจ้งเบาะแสให้ได้รับความปลอดภัยด้วย
 
ขอให้ทุกคนช่วยกันพิทักษ์เสียงของประชาชน ไม่ใช่เฉพาะก่อนการเลือกตั้ง แต่รวมถึงในวันที่ 1 ก.พ.ด้วย ขอให้ช่วยกันไปเฝ้าหน่วยเลือกตั้ง เพราะถ้าไม่เฝ้าหน่วย ต่อให้ประชาชนนำพาเสียงเข้าไปถึงหีบบัตรเลือกตั้งได้ เสียงเหล่านั้นก็อาจจะหายไป นี่คือสิ่งที่ทุกคนรวมทั้งคนที่ไม่มีสิทธิเลือกตั้งสามารถทำได้ในการเฝ้าหน่วย ทุกคนมีโทรศัพท์ที่ถ่ายคลิปได้ และไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนกับ กกต. เพราะไม่ได้เป็นการเข้าไปในพื้นที่นับคะแนน อยู่ที่หน้าหน่วยทุกคนสามารถสังเกตการณ์การเลือกตั้งได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย” น.ส.พรรณิการ์ระบุ



สุนทร ผู้สมัคร ส.อบจ.พนมสารคาม หาเสียงสู้ศึกเลือกตั้งจนเสียชีวิต ก่อนลงคะแนน 3 วัน
https://www.matichon.co.th/politics/local-election/news_5025716

สุนทร สังขาร ผู้สมัคร ส.อบจ.พนมสารคาม เขต1 หาเสียงสู้ศึกเลือกตั้งจนเสียชีวิต ก่อนลงคะแนน 3 วัน
 
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 30 มกราคม ที่ศาลาปลงศพ วัดบุญญาราม (หนองกลางดง) ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา บรรดาญาติสนิทของ นายสุนทร สังขาร อายุ 57 ปี อดีต ส.อบต.เขาหินซ้อน 3 สมัย และอดีต ส.อบจ.สมัยล่าสุดที่เพิ่งหมดวาระลงเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.67 ที่ผ่านมา และเป็นผู้สมัคร ส.อบจ.เขต 1 อ.พนมสารคาม ได้นำร่างของนายสุนทรมาประกอบพิธีรดน้ำศพ หลังจากเสียชีวิตลงเมื่อเวลา 21.13 น. วันที่ 29 ม.ค. ที่ รพ.จุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
 
โดยจะมีพิธีสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 7 คืน จนถึงวันที่ 5 ก.พ.68 และจะมีพิธีฌาปนกิจในวันที่ 6 ก.พ.68 แต่ยังไม่ได้กำหนดเวลาสวดพระอภิธรรมและเวลาประชุมเพลิงแน่ชัด
 
เบื้องต้นครอบครัวปฏิเสธให้ข้อมูลถึงสาเหตุการเสียชีวิต โดยระบุว่ายังอยู่ระหว่างอาการโศกเศร้าเสียใจ ไม่พร้อมที่จะให้รายละเอียด
 
จากการสอบถาม นายอดุลย์ แสงจันทร์ อดีตนายก อบต.เกาะขนุน เพื่อนสนิทของนายสุนทร พร้อมญาติห่างๆ อีกหลายคนเล่าว่า นายสุนทรลงพื้นที่หาเสียงอย่างหนักทุกวัน เพื่อรักษาตำแหน่ง ส.อบจ.เขต 1 อ.พนมสารคาม ไว้ให้ได้ หลังจากลงสมัครรับเลือกตั้งไว้ได้หมายเลข 1 โดยมีคู่แข่งคือ นายชนะ แป้งล่ำ หมายเลข 2 และมีนายเจริญศักดิ์ สิงห์เรือง ที่ลงในนามพรรคประชาชน ได้หมายเลข 3
 
นายอดุลย์กล่าวว่า ในระยะหลัง ช่วงใกล้จะถึงวันเลือกตั้ง 1 ก.พ.68 นายสุนทรได้เร่งลงพื้นที่ทำคะแนนอย่างหนัก ทำให้ร่างกายอ่อนล้า เหตุจากพักผ่อนน้อย ไม่เพียงพอ น่าจะทำให้อาการของโรคเก่า คือ “เส้นเลือดอุดตันที่ก้านสมอง” ซึ่งเคยมีอาการป่วยเมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา แต่ได้ทำการรักษาจนหายแล้ว และได้มาสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.อบจ. จนได้รับเลือกตั้งให้ทำงานมาแล้ว 1 สมัยที่ผ่านมา
 
นายอดุลย์กล่าวด้วยว่า เมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ (27 ม.ค.) นายสุนทรหลับแล้วหมดสติไป ปลุกไม่ตื่นอยู่ในที่นอน ญาติจึงรีบนำส่งไปยัง รพ.จุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และได้เสียชีวิตลงในที่สุด
 
สำหรับพิธีรดน้ำศพในวันนี้ มีนักการเมืองท้องถิ่นและประชาชนจำนวนมากเดินทางมาร่วมไว้อาลัยต่อนายสุนทร โดยได้มี นายธรรมชาติ พรมพิทักษ์ ผู้สมัครนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา หมายเลข 3 เดินทางมาเป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ



ปิดฉากแล้ว ตลาดนัดรถไฟ แดนเนรมิต หลังเปิดได้ปีกว่าๆ
https://www.matichon.co.th/economy/news_5025829
 
ปิดฉากแล้ว ตลาดนัดรถไฟ แดนเนรมิต หลังเปิดได้ปีกว่าๆ
 
ดูเหมือนจะไม่ปังอย่างที่คาด เลยทำให้ไนต์มาร์เก็ต “ตลาดนัดรถไฟ แดนเนรมิต” หรือ จ๊อดแฟร์แดนเนรมิตเดิม ต้องยกธงขาว ปิดบริการไปเมื่อไม่นานมานี้ หลังเปิดมาได้เพียง 1 ปีกว่าๆ นับจากวันที่ 28 เมษายน 2566
 
จากเดิมที่หลายคนมองว่า “ตลาดแห่งนี้” ด้วยทำเลใกล้รถไฟฟ้า การเดินทางสะดวก น่าจะทำให้ตอบโจทย์คนมาใช้บริการ แต่สุดท้ายก็ไปไม่ไหว เมื่อลูกค้าเริ่มน้อยลงจากช่วงแรกๆ ที่คับคั่ง
 
จนเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 ทางโครงการต้องปรับตารางเวลาการเปิดให้บริการ จากเดิมเปิดทุกวัน เป็นเปิดเฉพาะวันพฤหัส-วันอาทิตย์ เวลา 17.00-00.00 น.

ย้อนดูความตั้งใจของ ไพโรจน์ ร้อยแก้ว ผู้บริหารตลาดไนต์มาร์เก็ตชื่อดัง ที่ปลุกปั้นตลาดกลางคืนจนฮิตติดลมบนมาหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น ตลาดนัดรถไฟรัชดา ตลาดนัดรถไฟศรีนครินทร์ ตลาดจ๊อดแฟร์พระราม 9 และล่าสุด ตลาดจ๊อดแฟร์รัชดา ที่ร่วมกับ กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เนรมิตขึ้นมา
 
ไพโรจน์” บอกว่า ตลาดจ๊อดแฟร์แดนเนรมิต เป็นพื้นที่เช่า มีเนื้อที่ 33 ไร่ ซึ่งเจ้าของที่ดินให้เช่าระยะเวลา 5 ปี

โดยคอนเซ็ปต์จะแตกต่างจาก “จ๊อดแฟร์รัชดา” ตั้งเป้าจะให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว เหมือนกับ “ม่อนจ๊อด” ที่เชียงใหม่ เน้นความสวยงาม มีดอกไม้ ของตกแต่ง ร้านค้า ที่จอดรถ เป็นการคืนชีวิตให้กับแดนเนรมิต สร้างแลนด์มาร์กใหม่ย่านลาดพร้าว พหลโยธิน
 
ภายในประกอบด้วยร้านค้า 1,200 ร้าน มีทั้งร้านอาหาร เครื่องดื่ม คาเฟ่ บิวตี้ ของสะสม สินค้าวินเทจ งานคราฟท์&แฮนด์เมด สตรีท แฟชั่น เสื้อผ้า สินค้าทั่วไป และร้านแฮงค์เอาต์ มาพร้อมดอกไม้และของตกแต่งสุดชิค เป็นจุดเช็กอินให้ถ่ายภาพ เช่น ปราสาทเจ้าหญิงนิทรา
แต่ทว่าด้วยปัจจัยหลายอย่าง จึงทำให้ “ตลาดนัดรถไฟแดนเนรมิต” จุดไม่ติดอย่างที่คาดหวัง
 
อย่างไรก็ตาม คงต้องจับตาต่อไปว่าหลังตลาดนัดรถไฟถอยทัพไปแล้ว ที่ดินแปลงใหญ่ใจกลางกรุงผืนนี้จะถูกปรับเป็นอะไร หรือจะถูกปล่อยให้ว่างเปล่าเหมือนเดิม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่