"ธนาธร" ลั่นประเทศไทยไม่มีใครเสียใจกว่าผม เหตุดีล"ก้าวไกล-เพื่อไทย"ล่ม แจงดีลฮ่องกง
https://ch3plus.com/news/political/morning/431805
นาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า ให้สัมภาณษ์ในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ โต้ “
ทักษิณ” กรณีปราศัยชงเก็บภาษีพนันออนไลน์ จ้างครูต่างชาติสอนเด็กไทย ว่า ทำเลยครับ เขาเป็นรัฐบาล ไม่ต้องรอ แล้วหลายพื้นที่ นายก อบจ.ก็เป็นเครือข่ายของเพื่อไทยอยู่แล้ว รออะไรครับ 4 ปี และคุณ
เศรษฐา เป็นรัฐบาลมาตั้งแต่ปีที่แล้ว นี่จะ 2 ปีแล้ว รออะไร ทำไมไม่ทำก่อนหน้านี้ คุณเป็นทั้งรัฐบาล เป็นนายก อบจ.ปัจจุบันอยู่หลายจังหวัด ทำไมไม่ทำวันนี้
ถ้าอ้างว่าเพิ่งกลับมาอันนี้ตนไม่รู้ แต่เราพยายามจะใช้ทุกโอกาสที่มีให้เป็นประโยชน์ที่สุด “
ในสิ่งที่คุณทักษิณพูด คำถามของผมคือรออะไร ทำเลยครับ” เรื่องที่บอกว่าจะทำ ๆ ทำได้สำเร็จจริงกี่ที่ ใส่งบไปเท่าไหร่ ทุกคนพูดได้ ใครอยากทำอะไรพูดได้ ขนาดผมไม่มีงบประมาณ แต่เข้าไปทำงานกับเทศบาลเล็ก ๆ ผมยังทำได้เลย
เมื่อพูดถึงเรื่องที่ “
ทักษิณ” เคยเตือน บอกให้ใจเย็น ๆ “
ธนาธร” ยืนยันเราใจเย็นอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่เราคิดจะทุบทุกอย่างภายในวันนี้ ค่อย ๆ ทำ พิถีพิถันในกระบวนการไปทีละขั้นตอน แต่เสนอปลายทางข้างหน้า แต่ไม่ใช่ปะผุแบบนี้ไม่ได้
เมื่อถูกถามว่าเป็นดีลฮ่องกง ใช่มั้ย “
ธนาธร” ยอมรับว่าใช่ และถูกถามต่อว่า คิดจะร่วมกันมั้ย ยืนยันว่า ตอนนั้นแตกแล้ว พวกเราเสียใจมากจริง ๆ ตอนนั้น ที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย ยังยืนยันมาตลอดว่า หลังปี 66 ถ้าก้าวไกลได้ร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย ประเทศไทยจะดีกว่านี้
ผมยืนยันตลอด และยังยืนยันความคิดเดิม ถ้า 2 พรรคร่วมกัน เราพาประเทศไทยไปได้ไกลกว่านี้ และผมกล้าพูดเหมือนกันว่าในประเทศไทย ไม่มีใครเสียใจกว่าผมแน่ ๆ เสียใจที่ไม่มีโอกาสไปพัฒนาประเทศ ผมเชื่อว่า เราจะมีทั้งพลังของเพื่อไทยและก้าวไกล ที่จะผนวกกันเพื่อพาประเทศไทยไปข้างหน้าได้ ผมเสียใจโอกาสตรงนี้มาก
เมื่อ
สรยุทธ ถามว่ามันเกิดจุดเปลี่ยนยังไง “
ธนาธร” เผย ผมว่าทุกคนรู้ดีว่า วาระหลัก ๆ มันไม่ใช่เรื่องการพัฒนาประเทศ แต่เป็นวาระเรื่องพาทักษิณกลับบ้าน และผมย้ำอีกครั้งว่า พอไปเกิดดีลแบบนี้มันทำให้การแก้ปัญหาที่โครงสร้างมันเป็นไปไม่ได้เลย เราก็เห็น ตอนนี้ผ่านมาจะ 2 ปีแล้ว เราเห็นเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ที่มันไม่ต้องไปยุ่งกับโครงสร้างอำนาจ ยกตัวอย่างดิจิทันวอลเล็ต แต่เรื่องที่ต้องไปแก้ปัญหาที่ต้นตอจริง ๆ มันไม่เกิดขึ้น อาทิเรื่องค่าไฟ ผมไม่รู้เสียใจที่สุดไหม แต่ในประเทศไทยหาคนที่เสียใจน้อยกว่าผมยาก
คือเรามาทำงานการเมือง สิ่งที่ผลักดันให้มาทำตรงนี้เพราะเราเห็นถึงโอกาส ศักยภาพของผู้คนในประเทศ เราเห็นว่าประเทศไทยไปไกลกว่านี้ได้ เราเห็นถึงความยากลำบากของประชาชน ยกตัวอย่างเมื่อไม่กี่วันผมไปม็อบยานนาวา ถูกเลิกจ้างไม่ได้เงินเยียวยา ก่อม็อบมาเดือนกว่า ไม่มีใครลงไปช่วย รัฐบาลไม่เข้าไปช่วย เนี่ยเรื่องอย่างนี้ พวกเราทนอยู่กับความไม่เป็นธรรมในสังคมได้ยังไง
ถ้าวันนั้น เพื่อไทยจับมือก้าวไกล ยังเชื่อว่า มันจะดีที่สุดกับประเทศ และเชื่อว่ามันจะเปลี่ยนแปลงประเทศได้ อาจไม่ใช่ทั้งหมด แต่เราผลักดันประเทศไปไกลกว่านี้แน่นอน
ส่วนสาเหตุเชื่อว่าเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วว่าทำไมพรรคเพื่อไทย ถึงไม่เคารพสัญญา ที่เจอตอนนี้ไม่จำเป็นต้องขอเลย เพราะมันชัดเจนอยู่แล้ว ส่วนเหตุผลที่ไปฮ่องกงตอนนั้น บางเรื่องยังพูดไม่ได้ แต่ถ้าเมื่อเกษียณทางการเมือง คุยกับ
ปิยบุตรไว้ว่า จะเขียนหนังสือสักเล่ม
ปกรณ์วุฒิ ชวนจับตา พ.ร.บ.ตั๋วร่วม เข้าสภาพรุ่งนี้ ชี้ 20 บาทตลอดสาย ไม่ตอบโจทย์ระยะยาว
https://www.matichon.co.th/politics/news_5020905
‘ปกรณ์วุฒิ’ ชวนจับตา พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ที่ ครม.ชงเข้าสภา บอกไม่แก้ปัญหาระยะยาว ชี้มีวิธีการที่ตอบโจทย์กว่านี้ ฟ้อง ‘นายกฯ’ อ้างติดภารกิจ มาตอบกระทู้ไม่ได้
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 มกราคม ที่รัฐสภา นาย
ปกรณวุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมวิปฝ่ายค้านว่า วันที่ 29 มกราคม จะเป็นการพิจารณาร่างกฎหมายที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่งมาให้สภาพิจารณา ซึ่งร่างที่พรรค ปชน.จะต้องจับตาคือ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตั๋วร่วม ของกระทรวงคมนาคม โดยจะมีร่างของ นาย
สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน.ยื่นเข้าไปประกบ เพื่อแก้ไขในบางประเด็น อีกร่างคือ พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย ซึ่งคงจะใช้เวลาไม่ค่ำมากและคงจะผ่านไปได้ด้วยดี เพราะฝ่ายค้านและรัฐบาลคงจะเห็นพ้องต้องกัน
นาย
ปกรณ์วุฒิกล่าวต่อว่า ส่วนวันที่ 30 มกราคม ที่มีกระทู้ถามซึ่งเดิมที่จะถามนายกรัฐมนตรี แต่ได้รับทราบว่านายกรัฐมนตรีติดภารกิจ คงจะไม่ว่าง และจะมีการแจ้งมาคร่าวๆ ว่านายกรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีคนใดมาตอบกระทู้ถามแทน นอกจากนี้ ยังมีรายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สภาผู้แทนราษฎร ที่มีการตั้งอนุ กมธ.ขึ้นมาร่วมกับ กมธ.การสวัสดิการสังคม ซึ่งขณะนี้รายงานเกี่ยวกับปลาหมอคางดำเสร็จแล้ว และจะนำกลับเข้ามาในสภาอีกครั้งในวันที่ 30 มกราคมนี้
เมื่อถามว่า เรื่อง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม มีประเด็นอะไรที่ฝ่ายค้านและรัฐบาลเห็นตรงกันบ้าง นาย
ปกรณ์วุฒิกล่าวว่า พรรค ปชน.เคยพูดในรายละเอียดแล้วว่ามี 2 ประเด็น คือตั๋วร่วมกับค่าโดยสารร่วมที่อาจจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ในประเด็นนโยบาย 20 บาทตลอดสาย พรรค ปชน.เคยบอกแล้วว่าหากทำแล้วเป็นเหมือนการนำเงินไปโปะจะไม่ตอบโจทย์ในระยะยาว ซึ่งมีวิธีการที่จะทำให้แก้ปัญหาและตอบโจทย์ในระยะยาวได้มากกว่า
แกนนำ ปชน.มั่นใจชิงนายก อบจ.พรรคส้มสู้ได้ ทุกจังหวัดที่ส่งมีลุ้น
https://www.bangkokbiznews.com/politics/1164070
แกนนำ ปชน.มั่นใจศึกเลือกตั้งนายก อบจ. พรรคส้มสู้ได้ ชี้ทุกจังหวัดที่ส่งมีลุ้น เชื่อประชาชนมีวิจารณญาณ หลังรัฐบาลเตรียมแจกเงินหมื่นเฟส 2 ใกล้วันหย่อนบัตร เหตุเป็นเงินภาษี ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง ชี้เลี่ยงไม่ได้ถูกตั้งคำถามเข้าข่ายซื้อเสียงหรือไม่
เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2568 ที่รัฐสภา นาย
ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงช่วงโค้งสุดท้ายในการหาเสียงเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ว่า การเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันที่ 1 ก.พ. โค้งสุดท้ายคงผ่านพ้นไปในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่เหลือในวันที่ 31 ม.ค. ที่ไม่มีประชุมสภา สิ่งที่อยากให้ สส.ของพรรคทำคือการรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิ์ให้มากที่สุด เพราะสำหรับบ้านเกิดของท่านหมายถึงงบประมาณหลักพันล้านบาท อนาคตอีก 4 ปีจังหวัดบ้านเกิดของท่านจะหน้าตาเป็นอย่างไร รวมถึงการจับตาเหตุการณ์ที่ผิดปกติในการเลือกตั้งเราจะจับตาอย่างเช่นเคย
เมื่อถามว่า กระแสตอบรับของผู้สมัครนายก อบจ. ของพรรคประชาชนเป็นอย่างไร นาย
ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ดี เป็นที่น่าพอใจ นอกจากการตอบรับและกำลังใจของประชาชนที่มอบให้ เรายังเห็นการทำงานอย่างเข้มแข็งของทีมงานเครือข่ายพรรคแต่ละจังหวัด ที่พยายามสร้างพรรคมวลชนขึ้นมา ซึ่งเราทำงานกันอย่างเต็มที่ค่อนข้างมั่นใจในคะแนนเสียง จะแพ้หรือชนะปัจจัยแต่ละจังหวัดไม่เหมือนกัน เราต้องให้เกียรติผู้แข็งขันเนื่องจากในหลายจังหวัดเป็นผู้ที่มีฐานคะแนนเสียงอยู่มากพอสมควร เรามั่นใจว่าสู้ได้
“
ที่ผ่านมา ผมไม่ใช้คำว่ากลัว แต่คู่แข่งน่าจะเห็นเราอยู่ในสายตาอยู่พอสมควร กระแสที่ผ่านมาที่เห็นได้ชัดคือมีผู้สมัครหลายคนที่ลงในนามอิสระมักจะใช้เอกลักษณ์ของพรรคในการทำป้ายหาเสียง ซึ่งสะท้อนเป็นอย่าดีว่ากระแสพรรคยังคงอยู่ประชาชนยังคงให้การสนับสนุน” นาย
ปกรณ์วุฒิ กล่าว
เมื่อถามตั้งเป้าได้นายก อบจ.ไว้กี่ที่ นาย
ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า คงจะประเมินแบบนั้นไม่ได้ แต่เราเต็มที่ในทุกจังหวัดจริง ๆ ทุกจังหวัดที่ส่งผู้สมัครเรามั่นใจว่ามีลุ้น
ส่วนการกำชับ สส.ของพรรคให้เข้ามาสภาฯนั้น นายปกรณ์วุฒิ ระบุว่า เรากำชับกันตลอดว่าการจะไปช่วยหาเสียง ต้องไปวันที่ไม่มีประชุมสภาฯเพราะถือว่าไม่เป็นเวลาราชการ
เมื่อถามว่าการแจกเงินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงิน 10,000 บาท ในเฟสที่ 2 ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จะทำให้การเลือกตั้ง อบจ.พรรคประชาชนเสียเปรียบหรือไม่ นาย
ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ด้วยจังหวะคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องถูกตั้งคำถาม ว่าการแจกเงินเฟส 2 ในช่วงที่ใกล้เคียงกับการเลือกตั้งแบบนี้จะเรียกว่าการซื้อเสียงหรือไม่ เราเชื่อว่าประชาชนมีวิจารณญาณเพียงพอว่าเป็นนโยบายของรัฐบาล เงินที่นำมาใช้คือภาษีของประชาชนไม่ใช่เงินของใครคนใดคนหนึ่ง สิ่งที่สำคัญที่จะต้องจับตาดู คือการแจกเงินรอบที่แล้วตัวเลขทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจริงหรือไม่ คงต้องตรวจสอบกันต่อหลังเสร็จสิ้นโครงการแล้ว
ถามย้ำว่า ในเฟสที่ 3 มีการกำหนดว่าจะแจกในช่วงเดือน เม.ย. ตรงกับช่วงเทศกาลถือเป็นการซื้อเสียงหรือไม่นั้น นาย
ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า อาจจะไม่ขนาดนั้น มีแค่ครั้งนี้ที่ถูกตั้งข้อสงสัยพอสมควร แต่การแจกช่วงใกล้เทศกาลอาจมีเหตุผลที่เป็นช่วงประชาชนจับจ่ายใช้สอย ในนโยบายอยากให้เงินหมุนเร็ว คงอยากให้เงินเข้าเร็วออกเร็ว เพื่อให้เศรษฐกิจหมุน ต้องยอมรับว่าในช่วงเทศกาลเป็นช่วงที่เงินหมุนเร็ว
JJNY : "ธนาธร"ลั่นไทยไม่มีใครเสียใจกว่าผม│ปกรณ์วุฒิชวนจับตาพ.ร.บ.ตั๋วร่วม│แกนนำมั่นใจพรรคส้มสู้ได้│อดีตลูกจ้างวอนรบ.
https://ch3plus.com/news/political/morning/431805
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า ให้สัมภาณษ์ในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ โต้ “ทักษิณ” กรณีปราศัยชงเก็บภาษีพนันออนไลน์ จ้างครูต่างชาติสอนเด็กไทย ว่า ทำเลยครับ เขาเป็นรัฐบาล ไม่ต้องรอ แล้วหลายพื้นที่ นายก อบจ.ก็เป็นเครือข่ายของเพื่อไทยอยู่แล้ว รออะไรครับ 4 ปี และคุณเศรษฐา เป็นรัฐบาลมาตั้งแต่ปีที่แล้ว นี่จะ 2 ปีแล้ว รออะไร ทำไมไม่ทำก่อนหน้านี้ คุณเป็นทั้งรัฐบาล เป็นนายก อบจ.ปัจจุบันอยู่หลายจังหวัด ทำไมไม่ทำวันนี้
ถ้าอ้างว่าเพิ่งกลับมาอันนี้ตนไม่รู้ แต่เราพยายามจะใช้ทุกโอกาสที่มีให้เป็นประโยชน์ที่สุด “ในสิ่งที่คุณทักษิณพูด คำถามของผมคือรออะไร ทำเลยครับ” เรื่องที่บอกว่าจะทำ ๆ ทำได้สำเร็จจริงกี่ที่ ใส่งบไปเท่าไหร่ ทุกคนพูดได้ ใครอยากทำอะไรพูดได้ ขนาดผมไม่มีงบประมาณ แต่เข้าไปทำงานกับเทศบาลเล็ก ๆ ผมยังทำได้เลย
เมื่อพูดถึงเรื่องที่ “ทักษิณ” เคยเตือน บอกให้ใจเย็น ๆ “ธนาธร” ยืนยันเราใจเย็นอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่เราคิดจะทุบทุกอย่างภายในวันนี้ ค่อย ๆ ทำ พิถีพิถันในกระบวนการไปทีละขั้นตอน แต่เสนอปลายทางข้างหน้า แต่ไม่ใช่ปะผุแบบนี้ไม่ได้
เมื่อถูกถามว่าเป็นดีลฮ่องกง ใช่มั้ย “ธนาธร” ยอมรับว่าใช่ และถูกถามต่อว่า คิดจะร่วมกันมั้ย ยืนยันว่า ตอนนั้นแตกแล้ว พวกเราเสียใจมากจริง ๆ ตอนนั้น ที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย ยังยืนยันมาตลอดว่า หลังปี 66 ถ้าก้าวไกลได้ร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย ประเทศไทยจะดีกว่านี้
ผมยืนยันตลอด และยังยืนยันความคิดเดิม ถ้า 2 พรรคร่วมกัน เราพาประเทศไทยไปได้ไกลกว่านี้ และผมกล้าพูดเหมือนกันว่าในประเทศไทย ไม่มีใครเสียใจกว่าผมแน่ ๆ เสียใจที่ไม่มีโอกาสไปพัฒนาประเทศ ผมเชื่อว่า เราจะมีทั้งพลังของเพื่อไทยและก้าวไกล ที่จะผนวกกันเพื่อพาประเทศไทยไปข้างหน้าได้ ผมเสียใจโอกาสตรงนี้มาก
เมื่อ สรยุทธ ถามว่ามันเกิดจุดเปลี่ยนยังไง “ธนาธร” เผย ผมว่าทุกคนรู้ดีว่า วาระหลัก ๆ มันไม่ใช่เรื่องการพัฒนาประเทศ แต่เป็นวาระเรื่องพาทักษิณกลับบ้าน และผมย้ำอีกครั้งว่า พอไปเกิดดีลแบบนี้มันทำให้การแก้ปัญหาที่โครงสร้างมันเป็นไปไม่ได้เลย เราก็เห็น ตอนนี้ผ่านมาจะ 2 ปีแล้ว เราเห็นเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ที่มันไม่ต้องไปยุ่งกับโครงสร้างอำนาจ ยกตัวอย่างดิจิทันวอลเล็ต แต่เรื่องที่ต้องไปแก้ปัญหาที่ต้นตอจริง ๆ มันไม่เกิดขึ้น อาทิเรื่องค่าไฟ ผมไม่รู้เสียใจที่สุดไหม แต่ในประเทศไทยหาคนที่เสียใจน้อยกว่าผมยาก
คือเรามาทำงานการเมือง สิ่งที่ผลักดันให้มาทำตรงนี้เพราะเราเห็นถึงโอกาส ศักยภาพของผู้คนในประเทศ เราเห็นว่าประเทศไทยไปไกลกว่านี้ได้ เราเห็นถึงความยากลำบากของประชาชน ยกตัวอย่างเมื่อไม่กี่วันผมไปม็อบยานนาวา ถูกเลิกจ้างไม่ได้เงินเยียวยา ก่อม็อบมาเดือนกว่า ไม่มีใครลงไปช่วย รัฐบาลไม่เข้าไปช่วย เนี่ยเรื่องอย่างนี้ พวกเราทนอยู่กับความไม่เป็นธรรมในสังคมได้ยังไง
ถ้าวันนั้น เพื่อไทยจับมือก้าวไกล ยังเชื่อว่า มันจะดีที่สุดกับประเทศ และเชื่อว่ามันจะเปลี่ยนแปลงประเทศได้ อาจไม่ใช่ทั้งหมด แต่เราผลักดันประเทศไปไกลกว่านี้แน่นอน
ส่วนสาเหตุเชื่อว่าเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วว่าทำไมพรรคเพื่อไทย ถึงไม่เคารพสัญญา ที่เจอตอนนี้ไม่จำเป็นต้องขอเลย เพราะมันชัดเจนอยู่แล้ว ส่วนเหตุผลที่ไปฮ่องกงตอนนั้น บางเรื่องยังพูดไม่ได้ แต่ถ้าเมื่อเกษียณทางการเมือง คุยกับปิยบุตรไว้ว่า จะเขียนหนังสือสักเล่ม
ปกรณ์วุฒิ ชวนจับตา พ.ร.บ.ตั๋วร่วม เข้าสภาพรุ่งนี้ ชี้ 20 บาทตลอดสาย ไม่ตอบโจทย์ระยะยาว
https://www.matichon.co.th/politics/news_5020905
‘ปกรณ์วุฒิ’ ชวนจับตา พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ที่ ครม.ชงเข้าสภา บอกไม่แก้ปัญหาระยะยาว ชี้มีวิธีการที่ตอบโจทย์กว่านี้ ฟ้อง ‘นายกฯ’ อ้างติดภารกิจ มาตอบกระทู้ไม่ได้
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 มกราคม ที่รัฐสภา นายปกรณวุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมวิปฝ่ายค้านว่า วันที่ 29 มกราคม จะเป็นการพิจารณาร่างกฎหมายที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่งมาให้สภาพิจารณา ซึ่งร่างที่พรรค ปชน.จะต้องจับตาคือ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตั๋วร่วม ของกระทรวงคมนาคม โดยจะมีร่างของ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน.ยื่นเข้าไปประกบ เพื่อแก้ไขในบางประเด็น อีกร่างคือ พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย ซึ่งคงจะใช้เวลาไม่ค่ำมากและคงจะผ่านไปได้ด้วยดี เพราะฝ่ายค้านและรัฐบาลคงจะเห็นพ้องต้องกัน
นายปกรณ์วุฒิกล่าวต่อว่า ส่วนวันที่ 30 มกราคม ที่มีกระทู้ถามซึ่งเดิมที่จะถามนายกรัฐมนตรี แต่ได้รับทราบว่านายกรัฐมนตรีติดภารกิจ คงจะไม่ว่าง และจะมีการแจ้งมาคร่าวๆ ว่านายกรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีคนใดมาตอบกระทู้ถามแทน นอกจากนี้ ยังมีรายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สภาผู้แทนราษฎร ที่มีการตั้งอนุ กมธ.ขึ้นมาร่วมกับ กมธ.การสวัสดิการสังคม ซึ่งขณะนี้รายงานเกี่ยวกับปลาหมอคางดำเสร็จแล้ว และจะนำกลับเข้ามาในสภาอีกครั้งในวันที่ 30 มกราคมนี้
เมื่อถามว่า เรื่อง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม มีประเด็นอะไรที่ฝ่ายค้านและรัฐบาลเห็นตรงกันบ้าง นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า พรรค ปชน.เคยพูดในรายละเอียดแล้วว่ามี 2 ประเด็น คือตั๋วร่วมกับค่าโดยสารร่วมที่อาจจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ในประเด็นนโยบาย 20 บาทตลอดสาย พรรค ปชน.เคยบอกแล้วว่าหากทำแล้วเป็นเหมือนการนำเงินไปโปะจะไม่ตอบโจทย์ในระยะยาว ซึ่งมีวิธีการที่จะทำให้แก้ปัญหาและตอบโจทย์ในระยะยาวได้มากกว่า
แกนนำ ปชน.มั่นใจชิงนายก อบจ.พรรคส้มสู้ได้ ทุกจังหวัดที่ส่งมีลุ้น
https://www.bangkokbiznews.com/politics/1164070
แกนนำ ปชน.มั่นใจศึกเลือกตั้งนายก อบจ. พรรคส้มสู้ได้ ชี้ทุกจังหวัดที่ส่งมีลุ้น เชื่อประชาชนมีวิจารณญาณ หลังรัฐบาลเตรียมแจกเงินหมื่นเฟส 2 ใกล้วันหย่อนบัตร เหตุเป็นเงินภาษี ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง ชี้เลี่ยงไม่ได้ถูกตั้งคำถามเข้าข่ายซื้อเสียงหรือไม่
เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2568 ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงช่วงโค้งสุดท้ายในการหาเสียงเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ว่า การเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันที่ 1 ก.พ. โค้งสุดท้ายคงผ่านพ้นไปในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่เหลือในวันที่ 31 ม.ค. ที่ไม่มีประชุมสภา สิ่งที่อยากให้ สส.ของพรรคทำคือการรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิ์ให้มากที่สุด เพราะสำหรับบ้านเกิดของท่านหมายถึงงบประมาณหลักพันล้านบาท อนาคตอีก 4 ปีจังหวัดบ้านเกิดของท่านจะหน้าตาเป็นอย่างไร รวมถึงการจับตาเหตุการณ์ที่ผิดปกติในการเลือกตั้งเราจะจับตาอย่างเช่นเคย
เมื่อถามว่า กระแสตอบรับของผู้สมัครนายก อบจ. ของพรรคประชาชนเป็นอย่างไร นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ดี เป็นที่น่าพอใจ นอกจากการตอบรับและกำลังใจของประชาชนที่มอบให้ เรายังเห็นการทำงานอย่างเข้มแข็งของทีมงานเครือข่ายพรรคแต่ละจังหวัด ที่พยายามสร้างพรรคมวลชนขึ้นมา ซึ่งเราทำงานกันอย่างเต็มที่ค่อนข้างมั่นใจในคะแนนเสียง จะแพ้หรือชนะปัจจัยแต่ละจังหวัดไม่เหมือนกัน เราต้องให้เกียรติผู้แข็งขันเนื่องจากในหลายจังหวัดเป็นผู้ที่มีฐานคะแนนเสียงอยู่มากพอสมควร เรามั่นใจว่าสู้ได้
“ที่ผ่านมา ผมไม่ใช้คำว่ากลัว แต่คู่แข่งน่าจะเห็นเราอยู่ในสายตาอยู่พอสมควร กระแสที่ผ่านมาที่เห็นได้ชัดคือมีผู้สมัครหลายคนที่ลงในนามอิสระมักจะใช้เอกลักษณ์ของพรรคในการทำป้ายหาเสียง ซึ่งสะท้อนเป็นอย่าดีว่ากระแสพรรคยังคงอยู่ประชาชนยังคงให้การสนับสนุน” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
เมื่อถามตั้งเป้าได้นายก อบจ.ไว้กี่ที่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า คงจะประเมินแบบนั้นไม่ได้ แต่เราเต็มที่ในทุกจังหวัดจริง ๆ ทุกจังหวัดที่ส่งผู้สมัครเรามั่นใจว่ามีลุ้น
ส่วนการกำชับ สส.ของพรรคให้เข้ามาสภาฯนั้น นายปกรณ์วุฒิ ระบุว่า เรากำชับกันตลอดว่าการจะไปช่วยหาเสียง ต้องไปวันที่ไม่มีประชุมสภาฯเพราะถือว่าไม่เป็นเวลาราชการ
เมื่อถามว่าการแจกเงินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงิน 10,000 บาท ในเฟสที่ 2 ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จะทำให้การเลือกตั้ง อบจ.พรรคประชาชนเสียเปรียบหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ด้วยจังหวะคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องถูกตั้งคำถาม ว่าการแจกเงินเฟส 2 ในช่วงที่ใกล้เคียงกับการเลือกตั้งแบบนี้จะเรียกว่าการซื้อเสียงหรือไม่ เราเชื่อว่าประชาชนมีวิจารณญาณเพียงพอว่าเป็นนโยบายของรัฐบาล เงินที่นำมาใช้คือภาษีของประชาชนไม่ใช่เงินของใครคนใดคนหนึ่ง สิ่งที่สำคัญที่จะต้องจับตาดู คือการแจกเงินรอบที่แล้วตัวเลขทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจริงหรือไม่ คงต้องตรวจสอบกันต่อหลังเสร็จสิ้นโครงการแล้ว
ถามย้ำว่า ในเฟสที่ 3 มีการกำหนดว่าจะแจกในช่วงเดือน เม.ย. ตรงกับช่วงเทศกาลถือเป็นการซื้อเสียงหรือไม่นั้น นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า อาจจะไม่ขนาดนั้น มีแค่ครั้งนี้ที่ถูกตั้งข้อสงสัยพอสมควร แต่การแจกช่วงใกล้เทศกาลอาจมีเหตุผลที่เป็นช่วงประชาชนจับจ่ายใช้สอย ในนโยบายอยากให้เงินหมุนเร็ว คงอยากให้เงินเข้าเร็วออกเร็ว เพื่อให้เศรษฐกิจหมุน ต้องยอมรับว่าในช่วงเทศกาลเป็นช่วงที่เงินหมุนเร็ว